“พระพุทธเจ้าน้อย” ..มีจริงหรือแค่วัตถุนิยมชิ้นใหม่?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 24 เมษายน 2013.

  1. yothin4213

    yothin4213 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +63
    ถ้ามองผ่านไปมันก็จะผ่านไปถ้าเก็บมาคิดมันก็คิดอยู่นั้น แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาสอนมาสองพันกว่าปีมันยังอยู่ที่เดิม แต่จิตคนมันนำมาปรุงแต่งเองเท่านั้:z12:z12:z12น
     
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    การสังคยานาทำมาแล้วหลายครั้ง เช่น
    หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ๗ วัน พระมหากัสสปคัดเลือกพระอรหันต์จำนวน ๕๐๐ รูป ทำการสังคยานา
    หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ๑๐๐ ปี ธรรมและวินัยเริ่มเสื่อม พระฉันอาหารในเวลาบ่าย พระดื่มสุรา พระรับเงินและทอง ฯลฯ

    การสังคายนาเป็นการถามตอบธรรมะเช่น พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติพระธรรมวินัยพระสูตรนี้ที่ไหน เมื่อไร
    กับใคร มีเหตุจากอะไร หลังจากนั้นก็สาธยายธรรมไปเรื่อยๆ ถ้าเคยอ่านพระไตรปิฏกจะมีบทที่ขึ้นต้นว่า
    "ข้าพเจ้าสดับมาอย่างนี้" นั่นแหละเป็นการสาธยาธรรมครับ น่าเสียดายสมัยนี้ไม่ค่อยได้ยินแล้ว
    การบันทึกแบบพระไตรปิฏกทุกวันนี้ ทำตั้งแต่ครั้งไหนไม่ปรากฏชัดเจน แล้วมั่นใจได้ไงว่าไม่มีการเพิ่มเติม
    ลองอ่านดูเถิดครับ ยิ่งกว่าเพิ่มเติมครับ อย่าที่ท่านพระพุทธทาสว่า

    "พระไตรปิฏกควรฉีกออกให้เหลือแค่ ๔๐ เปอร์เซนต์ที่จัดเป็นเรื่องดับทุกข์ฯ"

    สมัยนี้มีแต่พระสอนให้ทำบุญด้วยเงินทอง สร้างวัตถุบูชาวัตถุ บอกอานิสงส์การถวายเงินสร้างพระพุทธรูปไว้มากมาย
    จนชาวบ้านก็หลงเชื่อ ทั้งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงตรัสไว้เลยเรื่องพวกนี้ มีแต่พระอยากดังอยากได้เงินชาวบ้าน
    ปิดตู้พระไตรปิฏกใส่กุญแจไว้แล้วสอนให้ชาวบ้านเอาเงินใส่บาตร
     
  3. โอสถฤาษี

    โอสถฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +234
    ทำทานเพื่อให้ลดความตระหนี่ถี่เหนียว ลดความเป็นตัวกู ของกู
    รักษาศีล เพื่อให้ปลอดภัยจากกรรมทั้งปวง เป็นการละซึ่งความชั่ว
    ปฏิบัติภาวนา เพื่อให้รู้ถึง ไตรสิขา แล้วจิตก็ผ่องใส
    เมื่อรวบรวมแล้ว มันคือหนทางซึ่งจะไม่ต้องกลับมาเกิดในวัฏสงสาร
    ส่วนการจะไปนิพพานไหม แล้วไประดับไหน มันอยู่ที่ความเข้มข้นของการกระทำ

    สิ่งใดที่เค้าทำแล้วเกิดสุข เกิดปิติ เกิดการอยากทำความดีต่อไป มันเป็นเรื่องที่ดี
    แต่หากมันมีนัยยะ หาพรรคหาพวกจากความเชื่อความศรัทธา เมื่อจะตายคงยากที่จะรฤกถึงความดีที่ตนเคยทำ จิตคงไม่หนีคิดแต่อบายภูมิ
    คนบางคนหลอกตัวเองมานานจนจิตคิดว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงไปซะแล้ว
    จึงไม่ได้คิดถึงว่านรก มีจริง ตอนนี้ร่ำรวยมีความสุข ก็หลงคิดว่าตัวเองมีบุญมีบารมี ต้องได้ไปสวรรค์อย่างแน่แท้
    แต่เชื่อเถอะ ไม่มี "ใครจะใหญ่เกินกรรม" เป็นแน่นอน
     
  4. Kunanop

    Kunanop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +218
    สมัยนี้มีแต่พระสอนให้ทำบุญด้วยเงินทอง สร้างวัตถุบูชาวัตถุ บอกอานิสงส์การถวายเงินสร้างพระพุทธรูปไว้มากมาย
    จนชาวบ้านก็หลงเชื่อ ทั้งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงตรัสไว้เลยเรื่องพวกนี้ มีแต่พระอยากดังอยากได้เงินชาวบ้าน
    ปิดตู้พระไตรปิฏกใส่กุญแจไว้แล้วสอนให้ชาวบ้านเอาเงินใส่บาตร

    จริงครับ
    ขอถามอีกหน่อย คือ
    เคยได้ยินว่า ทำบุญด้วยเงินจะได้เงินกลับมา คือจะรวย
    ทำบุญด้วยของหอมร่างกายจะหอม
    ทำบุญด้วยยา ร่างกายจะแข็งแรง และอีกจิปาถะ....
    แล้วตอนทำบุญเนี่ยมีการบันทึกไว้ด้วยหรือครับ ว่า เราทำบุญด้วยนั่นด้วยนี่ จะตอบแทนให้แบบนั่นแบบนี้ ???
     
  5. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ในพระไตรปิฏกมีบันทึกไว้เยอะมากครับ
    อานิสงส์การออกจากกาม
    อานิสงส์ฟังธรรม
    อานิสงส์เรียนธรรมะ
    อานิสงส์การให้ทาน
    อานิสงส์การรักษาศีล
    อานิสงส์การนั่งสมาธิ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้มีหลายพระสูตรครับ
    เช่น
    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสอนุปุพพิกถาแก่อนาถบิณฑิก คหบดี คือ บรรยาย
    ถึงทาน ศีล สวรรค์ อาทีนพ ความต่ำทราม ความเศร้าหมอง ของกามทั้งหลาย แล้วทรงประกาศ
    อานิสงส์ในการออกจากกาม ขณะที่พระองค์ ทรงทราบว่า อนาถบิณฑิกคหบดีมีจิตควรแก่การงาน
    มีจิตอ่อน มีจิตปราศจาก นิวรณ์ มีจิตสูง มีจิตเลื่อมใสแล้ว จึงทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่
    พระพุทธเจ้า ทั้งหลายทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระองค์เอง คือ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์
    ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์

    __________________________________________________________

    ดูกรคฤหบดี บุคคลให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทานนั้นโดยเคารพ
    ทำความนอบน้อมให้ ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่ไม่เหลือ เชื่อกรรมและผลของกรรมให้ทาน
    ทานนั้นๆ บังเกิดผลในตระกูลใดๆ ในตระกูลนั้นๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมน้อมไปเพื่อบริโภค
    อาหารอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคผ้าอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคยานอย่างดี ย่อมน้อมไป
    เพื่อบริโภคกามคุณ ๕ อย่างดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้น คือ บุตร ภรรยา ทาส คนใช้
    คนทำงาน ก็เชื่อฟังดี เงี่ยหูฟัง ไม่ส่งจิตไปที่อื่น ข้อนั้นเพราะเหตุไรทั้งนี้เป็นเพราะผล
    ของกรรมที่ตนกระทำโดยเคารพ ฯ
    ดูกรคฤหบดี เรื่องเคยมีมาแล้ว มีพราหมณ์ชื่อเวลามะ พราหมณ์ผู้นั้นได้ให้ทานเป็น
    มหาทานอย่างนี้ คือ ได้ให้ถาดทองเต็มด้วยรูปิยะ ๘๔,๐๐๐ ถาดถาดรูปิยะเต็มด้วยทอง ๘๔,๐๐๐
    ถาด ถาดสำริดเต็มด้วยเงิน ๘๔,๐๐๐ ถาด ให้ช้าง ๘๔,๐๐๐ เชือก มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง
    มีธงทอง คลุมด้วยข่ายทองให้รถ ๘๔,๐๐๐ คัน หุ้มด้วยหนังราชสีห์ หนังเสือโคร่ง หนัง
    เสือเหลือง ผ้ากัมพลเหลือง มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง มีธงทอง คลุมด้วยข่ายทอง
    ให้แม่โคนม ๘๔,๐๐๐ ตัว มีน้ำนมไหลสะดวก ใช้ภาชนะเงินรองน้ำนม ให้หญิงสาว ๘๔,๐๐๐ คน
    ประดับด้วยแก้วมณีและแก้วกุณฑล ให้บัลลังก์ ๘๔,๐๐๐ ที่ ลาดด้วยผ้าโกเชาว์ ลาดด้วยขนแกะ
    สีขาว เครื่องลาดมีสัณฐานเป็นช่อดอกไม้ มีเครื่องลาดอย่างดีทำด้วยหนังชมด มีเครื่องลาด
    เพดาน มีหมอนข้างแดงทั้งสอง ให้ผ้า๘๔,๐๐๐ โกฏิ เป็นผ้าเปลือกไม้ ผ้าแพร ผ้าฝ้าย
    เนื้อละเอียด จะป่วยกล่าวไปไยถึงข้าว น้ำ ของเคี้ยว ของบริโภค เครื่องลูบไล้ ที่นอนไหลไปเหมือนแม่น้ำ
    ดูกรคฤหบดี ก็ท่านพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า สมัยนั้น ผู้อื่นไม่ใช่เวลามพราหมณ์ผู้ที่ให้ทานเป็นมหาทานนั้น
    ดูกรคฤหบดี แต่ท่านไม่ควรเห็นอย่างนี้ สมัยนั้นเราเป็นเวลามพราหมณ์ เราได้ให้ทานนั้นเป็นมหาทาน
    ก็ในทานนั้นไม่มีใครเป็นพระทักขิเณยยบุคคล ใครๆ ไม่ชำระทักขิณา(ทานเพื่อผลอันเจริญ)นั้นให้หมดจด
    ดูกรคฤหบดี ทานที่บุคคลเชื้อเชิญท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่เวลามพราหมณ์ให้แล้ว
    ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิร้อยทานบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค
    ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิร้อยท่านบริโภค
    ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีผู้เดียวบริโภค
    ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระอนาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีร้อยท่านบริโภค
    ทานที่บุคคลเชื้อเชิญพระอนาคามีร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญพระอนาคามีผู้เดียวบริโภค
    ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระอนาคามีร้อยท่านบริโภค
    ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภค
    ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวบริโภคมีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ร้อยรูปบริโภค
    ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้าร้อยรูปบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวบริโภค
    ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้าร้อยรูปบริโภค
    ทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบริโภค
    การที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์ผู้มาจากจาตุรทิศ มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค
    การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ มีผลมากกว่าทานที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์อันมาจากจาตุรทิศ
    การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คืองดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ จากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานะแห่งความประมาท
    มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ
    การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ
    ดูกรคฤหบดีทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่าน ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่ามหาทานที่เวลามพราหมณ์ให้แล้ว ...
    การที่บุคคลเจริญเมตตาจิต โดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ...
    และ การที่บุคคลเจริญอนิจจสัญญา(ทำสมาธิ)แม้เพียงเวลาลัดนิ้วมือ มีผลมากกว่าการที่บุคคลเจริญ เมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม ฯดูกรคฤหบดี บุคคลให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทานนั้นโดยเคารพ
    ทำความนอบน้อมให้ ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่ไม่เหลือ เชื่อกรรมและผลของกรรมให้ทาน
    ทานนั้นๆ บังเกิดผลในตระกูลใดๆ ในตระกูลนั้นๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมน้อมไปเพื่อบริโภค
    อาหารอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคผ้าอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคยานอย่างดี ย่อมน้อมไป
    เพื่อบริโภคกามคุณ ๕ อย่างดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้น คือ บุตร ภรรยา ทาส คนใช้
    คนทำงาน ก็เชื่อฟังดี เงี่ยหูฟัง ไม่ส่งจิตไปที่อื่น ข้อนั้นเพราะเหตุไรทั้งนี้เป็นเพราะผล
    ของกรรมที่ตนกระทำโดยเคารพ ฯ
    ดูกรคฤหบดี เรื่องเคยมีมาแล้ว มีพราหมณ์ชื่อเวลามะ พราหมณ์ผู้นั้นได้ให้ทานเป็น
    มหาทานอย่างนี้ คือ ได้ให้ถาดทองเต็มด้วยรูปิยะ ๘๔,๐๐๐ ถาดถาดรูปิยะเต็มด้วยทอง ๘๔,๐๐๐
    ถาด ถาดสำริดเต็มด้วยเงิน ๘๔,๐๐๐ ถาด ให้ช้าง ๘๔,๐๐๐ เชือก มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง
    มีธงทอง คลุมด้วยข่ายทองให้รถ ๘๔,๐๐๐ คัน หุ้มด้วยหนังราชสีห์ หนังเสือโคร่ง หนัง
    เสือเหลือง ผ้ากัมพลเหลือง มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง มีธงทอง คลุมด้วยข่ายทอง
    ให้แม่โคนม ๘๔,๐๐๐ ตัว มีน้ำนมไหลสะดวก ใช้ภาชนะเงินรองน้ำนม ให้หญิงสาว ๘๔,๐๐๐ คน
    ประดับด้วยแก้วมณีและแก้วกุณฑล ให้บัลลังก์ ๘๔,๐๐๐ ที่ ลาดด้วยผ้าโกเชาว์ ลาดด้วยขนแกะ
    สีขาว เครื่องลาดมีสัณฐานเป็นช่อดอกไม้ มีเครื่องลาดอย่างดีทำด้วยหนังชมด มีเครื่องลาด
    เพดาน มีหมอนข้างแดงทั้งสอง ให้ผ้า๘๔,๐๐๐ โกฏิ เป็นผ้าเปลือกไม้ ผ้าแพร ผ้าฝ้าย
    เนื้อละเอียด จะป่วยกล่าวไปไยถึงข้าว น้ำ ของเคี้ยว ของบริโภค เครื่องลูบไล้ ที่นอนไหลไปเหมือนแม่น้ำ
    ดูกรคฤหบดี ก็ท่านพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า สมัยนั้น ผู้อื่นไม่ใช่เวลามพราหมณ์ผู้ที่ให้ทานเป็นมหาทานนั้น
    ดูกรคฤหบดี แต่ท่านไม่ควรเห็นอย่างนี้ สมัยนั้นเราเป็นเวลามพราหมณ์ เราได้ให้ทานนั้นเป็นมหาทาน
    ก็ในทานนั้นไม่มีใครเป็นพระทักขิเณยยบุคคล ใครๆ ไม่ชำระทักขิณา(ทานเพื่อผลอันเจริญ)นั้นให้หมดจด
    ดูกรคฤหบดี ทานที่บุคคลเชื้อเชิญท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่เวลามพราหมณ์ให้แล้ว
    ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิร้อยทานบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค
    ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิร้อยท่านบริโภค
    ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีผู้เดียวบริโภค
    ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระอนาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีร้อยท่านบริโภค
    ทานที่บุคคลเชื้อเชิญพระอนาคามีร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญพระอนาคามีผู้เดียวบริโภค
    ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระอนาคามีร้อยท่านบริโภค
    ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภค
    ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวบริโภคมีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ร้อยรูปบริโภค
    ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้าร้อยรูปบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวบริโภค
    ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้าร้อยรูปบริโภค
    ทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบริโภค
    การที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์ผู้มาจากจาตุรทิศ มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค
    การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ มีผลมากกว่าทานที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์อันมาจากจาตุรทิศ
    การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คืองดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ จากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานะแห่งความประมาท
    มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ
    การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ
    ดูกรคฤหบดีทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่าน ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่ามหาทานที่เวลามพราหมณ์ให้แล้ว ...
    การที่บุคคลเจริญเมตตาจิต โดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ...
    และ การที่บุคคลเจริญอนิจจสัญญา(ทำสมาธิ)แม้เพียงเวลาลัดนิ้วมือ มีผลมากกว่าการที่บุคคลเจริญ เมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม ฯ

    __________________________________________________________

    ทำบุญแล้วรวย ทำบุญด้วยของหอม ถวายยาที่ถามมาก้มีบันทึกไว้ครับส่วนมากเป็นเรื่องแต่งเพิ่มครับ

    เช่น

    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
    สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะ
    งามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
    ดิฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้งหลาย ได้ถวายอาหารมีรส
    อย่างดีแก่ภิกษุรูปหนึ่ง ดิฉันได้ถวายอาหารอันน่ารักอย่างนี้ จึงมาได้
    ทิพยวิมานอันน่าปลื้มใจถึงเช่นนี้ นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้น
    เถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยัง
    เป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญ
    คือการถวายอาหารมีรสอย่างดีทั้งหลายนั้นเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉัน
    จึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
    บุญกรรมนั้น.

    __________________________________________________________

    เราได้ถวายยาหยอดตาในคณะสงฆ์ผู้ประเสริฐสุดแล้ว
    ย่อมได้เสวยอานิสงส์ ๘ ประการ อันสมควรแก่กรรมของเรา คือ
    เราเป็นผู้มีนัยน์ตากว้างใหญ่ ๑ โลหิตของเราขาว ๑ เหลือง ๑
    เป็นผู้มีนัยน์ตาไม่มัว ๑ มีนัยน์ตาแจ่มใส ๑
     
  6. wara99

    wara99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +892
    สมาชิกท่านใดต้องการศึกษาเรื่องการสังคยนา ให้ไปดูพระไตรปิฏกฉบับเต็มหรือฉบับประชาชนก็ได้ มีบอกไว้หมด
    จะอยู่ช่วงต้นๆ ก่อนจะมีพระวินัยปิฏก ผู้ที่อ่านพระไตรฯ ใหม่ๆจะงง กับอรรถกถาของอาจารย์ที่เขียนเพิ่มเติม
    บางทีก็แย้งกัน และบางทีก็ทำให้สับสน ถ้าจะอ่านแบบเนื้อแท้ๆของคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
    ให้ไปอ่าน ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ หรือพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ และอีกเล่มนึง ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์
    ทั้งสามเล่มเป็นของท่านอาจารย์พุทธทาสฯ สวนโมกข์ ก็จะมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นมาก ไม่ต้องอ่าน ๔๕ เล่มหรือ ๙๙ เล่ม
    เพราะท่านเอาเนื้อแท้ของพุทธศาสนามาให้ศึกษา หรืออีกสำนักนึงของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ พุทธวจนะ
    ศึกษาแต่พุทธวจนจากพระไตรปิฏกเท่านั้น ไม่เอาส่วนบรรยายเพิ่มเติมจากอรรถกถาจารย์เลย
    ก็แนะนำ เพราะผมเองก็ขี้เกียจอ่าน ๙๙ เล่มที่บ้าน มาอ่าน สามเล่มนี้เอา ผู้ใหญ่ที่เขาอ่านก่อน ก็บอกว่า
    พระไตรฯอ่านแล้วสับสน มาอ่านของท่านพุทธทาสเข้าใจง่ายที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2013
  7. everlastinglovesong

    everlastinglovesong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +158
    ขายภาพลวงตา และสิ่งที่สมมุติ
     
  8. นางไพจิตต์

    นางไพจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +956
    แค่คิดว่าสร้างภาพได้

    ท่านคงไม่ลืมวันที่กรุงเทพถูกเผาsheนั่นล่ะตัวเต็ง สนับสนุนทุกอย่าง ก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบันก็ด้วย...บ่องตง:cool: สวมหน้ากาก:mad:
     

แชร์หน้านี้

Loading...