แฉความลับ (ทหารปฏิรูปประเทศไทย)

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย เกตุวดี, 15 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ไปเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์นู้น
     
  2. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    สาธุ ดีใจค่ะ
     
  3. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ปัญหาน้ำท่วมอีกอย่างนะครับ การบุกรุกสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำทางระบายน้ำตามธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ คลอง พบเยอะมาก รุกคนละนิดละหน่อย สุดท้ายเหลือทางระบายน้ำนิดเดียว ระบายน้ำไม่ทันก็เอ่อท่วมเหมือนกัน ทางปลายทางถมรุกอีก ก็เกิดการท่วมขัง ดีไม่ดีมีโฉนดครอบครองคลองระบายน้ำอีกต่างหาก หมู่บ้านจัดสรรตอนนี้ก็ถมสูง ทางระบายน้ำจำกัด มีโอกาสน้ำท่วมแน่นอน ไม่เกี่ยวกับพนังกั้นน้ำ แต่คล้ายๆกัน
     
  4. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    วันที่ 10 ก.ย.57 แฉ..บันทึกลับสีดำ 5 ปี เผาเมืองรอบแรกปี 52 จุดเริ่มต้นชายชุดดำ (ตอน 1)

    การได้ศึกษาอดีต ก็จะทำให้ทราบสาเหตุความเป็นมาในปัจจุบัน ที่ช่วงนี้มีการจับกุมชายชุดดำ ที่ก่อเหตุฆ่าทหาร และ ยิงเจาะหัวคนเสื้อแดงตายในปี 2553 โดยที่ถึงปัจจุบัน ยังมีคนเสื้อแดงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าได้ถูกหลอกไปให้ชายชุดดำ นปช.ยิง เพื่อสร้างสถานการณ์

    เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบ 3 กลุ่มการเมือง จากการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งกลุ่มพลังประชาชน เป็นหนึ่งในนั้นด้วย การบริหารราชการแผ่นดินเป็นอันต้องยุติลง อีกทั้งศาลยังตัดสินให้ชาย ม่านรูด ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี จากผลพวงยุทธ ตู้เย็น คณะกรรมการบริหารกลุ่มฯ พากันไปตายยกเข่ง ส่งผลให้ชาย ม่านรูด จึงต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ด้วย

    วันที่ 15 ธันวาคม 2551 นักการเมืองชุดเดิมที่ยังมีสถานะ ส.ส. อยู่ ที่เป็นสมาชิกกลุ่มชาติไทยพัฒนา นำโดย เสธ สนั่น , กลุ่มภูมิใจไทย และเพื่อนเนวิน ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกกลุ่มพลังประชาชนบางส่วน ได้ตัดสินใจผ่าทางตัน ยกมือมติเป็นเสียงข้างมาก เลือกให้หล่อใหญ่ แห่ง ปชป. ขึ้นเป็นนายกฯ ชนะ ประชา จากกลุ่มโนเนม โดยเผาไทย ไม่ส่งคนแข่งสู้

    วันที่ 17 ธันวาคม 2551 หล่อใหญ่ หัวหน้าพรรค ปชป. ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ จึงทำให้กลุ่มกลุ่มพลังประชาชน ที่แปลงร่างเป็นกลุ่มเผาไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มี ส.ส.โกงมามากในสภา ต้องกลายเป็นฝ่ายค้าน

    มีนาคม 2552 นายใหญ่ ผู้ขี้ขลาดตาขาว วิดีโอลิ้งมาจากต่างประเทศ โจมตีให้ร้ายเบื้องสูง และองคมนตรี ว่าอยู่เบื้องหลังรัฐประหารบิ๊กบังในไทย พ.ศ. 2549 และว่าสมคบ กับทหาร เพื่อให้หล่อใหญ่ได้เป็นนายกฯ แม้ผู้เกี่ยวข้องจะปฏิเสธ การโกหกให้ร้ายดังกล่าว แต่เผาไทยก็กลับยุยงประชาชนต่างจังหวัด เพื่อหวังลึกถึงไปไกล การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของชาติ

    นายใหญ่ เรียกร้องให้มวลชนคนเสื้อแดง นปช. " ปฏิวัติของประชาชน" เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแบบตะวันตก ประธานาธิบดี เอาชนะอำมาตย์ เชื่อมโยงไปเบื้องสูง นำโดย กลุ่มเสื้อแดง นปช.

    วันที่ 26 มีนาคม 2552 ได้มีการจัดการชุมนุมแดงทั้งแผ่นดินสัญจรครั้งที่ 6 เริ่มจากการชุมนุมที่ท้องสนามหลวง มีผู้ประท้วงหลายพันคน ในกรุงเทพ และเคลื่อนขบวนมาปักหลักชุมนุมอย่างยืดเยื้อบนถนนรอบทำเนียบ

    วันที่ 7 เมษายน 2552 มวลชนเสื้อแดง นปช. ได้ถูกแกนนำยุ ให้ล้อมรถยนต์ของนายกฯ หล่อใหญ่ ที่พัทยา โดยการนำรถมอเตอร์ไซต์จอดขวาง แล้วเข้าไปตะโกนด่า พร้อมทั้งมีการขว้างหมวกกันน็อคใส่กระจกด้านหลังรถจนแตกเสียหาย โดยมีชายชุดดำในเครื่องแบบรู้เห็นเป็นใจ

    วันที่ 8 เมษายน 2552 แกนนำเสื้อแดง นปช. นำโดย วีระ คางคกตู่ ใส้เดือนเต้น และเจ๊เพ็ญ ได้ขึ้น เวทีที่ทำเนียบ อ่านแถลงการณ์ของเสื้อแดง โดยมีข้อเรียกร้องให้กระแทกเบื้องสูง คือ ให้ป๋าเปรม ฤษีขี่เต่า ประธานศาล และหล่อใหญ่ ต้องลาออกจากตำแหน่งด้วย

    ให้การบริหารราชการแผ่นดิน ให้ปรับปรุงเป็นแบบตะวันตก (มีประธานาธิบดี) ต้องมีการปรึกษาหารือกันระหว่างผู้มีประวัติเป็นคอมมิวนิสต์กลายพันธ์ และผู้เชิดชูระบอบทุนนิยมล้มเจ้าเป็นที่ประจักษ์ (สรุป สาระหลักข้อเรียกร้องพุ่งเป้าล้มสถาบันเบื้องสูง) ซึ่งแกนนำเสื้อแดง นปช. ได้ให้เวลา 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นจะมีการยกระดับการชุมนุม

    วันที่ 9 เมษายน 2552 หลังพ้นกำหนด 24 ชั่วโมงตามที่ได้เรียกร้อง ผู้ชุมนุมเสื้อแดง นปช. ทีถูกหลอกจ้าง 300 บาทต่อวัน ให้มาทำลายเบื้องสูง ได้ทยอยเดินทางชุมนุม โดยใช้สัญลักษณ์เฉี่ยวๆ เป็นบ้านสี่เสาเทเวศร์ และปิดกั้นถนนสำคัญหลายสาย เช่น ถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

    เวลา 20.22 น. นายใหญ่ ผู้ขี้ขลาด ได้วิดีโอลิงก์จากเมืองนอก มาที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง นปช. โดยหลอกลวงให้กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมต่อไป อย่ากลับบ้าน ขอให้สู้เพื่อตระกูลตนเอง และเปลี่ยนแปลงการปกครองให้ได้

    วันที่ 10 เมษายน 2552 ผู้ชุมนุมเสื้อแดง นปช. รับจ้าง นำโดยกลุ่มแท็กซี่แดง ได้ทำการปิดถนนตามแยกต่าง ๆ ภายในกรุงเทพมหานคร และขู่ว่าจะก่อจลาจลในสถานที่ต่าง ๆ รัฐบาลสมัยนั้นจึงประกาศให้วันที่ 10 เมษายนเป็นวันหยุดราชการ

    กีร์ อมฮอลล์ ได้นำผู้ชุมนุม นปช. จากกรุงเทพ ไปชุมนุมที่พัทยา ทำทีแสร้งเป็นเจรจากับ ผู้ว่าชลบุรี เพื่อขอยื่นหนังสือ กับตัวแทนสำนักงานเลขาธิการอาเซียน แล้วจะเดินทางกลับ โดยอ้างว่าจะไม่ขัดขวางทำลายการประชุมระดับนานาชาติ ให้ไทยเสียหาย

    วันที่ 11 เมษายน 2552 กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง นปช. จากกรุงเทพ และในจังหวัดชลบุรี นำโดยกีร์ อมฮอลล์ พลิกลิ้น จงใจจะทำลายชื่อเสียงของชาติไทยให้สิ้นซาก โดยเคลื่อนขบวนไปที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก เพื่อทำลายการประชุมนานาชาตินั้นเสีย โดยมีชายชุดดำในเครื่องแบบเปิดทางสะดวก

    กลุ่มเสื้อแดง นปช. ใช้กำลังผู้ก่อจราจลจำนวนมากบุกเข้าโรงแรมได้ ทำลายทรัพย์สินย่อยยับ เข้าไปในศูนย์สื่อมวลชน และมีการแถลงข่าวโดย โดยกีร์ อมฮอลล์ อ้างหน้าด้านๆ ว่ามีคนเสื้อแดงถูกคนเสื้อน้ำเงินยิงได้รับบาดเจ็บ ทั้งที่ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น และแกล้งเรียกร้องให้นายกฯ หล่อใหญ่ ดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิด ภายใน 1 ชั่วโมง

    แต่ทว่า รัฐบาลหล่อใหญ่ ไม่ดำเนินการตามคำขู่กรรโชก เอาประเทศของกลุ่มคนเสื้อแดง นปช. จึงทำให้กีร์ สั่งให้จับตัวนายกฯ หล่อใหญ่ ภายในอาคารของโรงแรม มาประชาทัณฑ์ ส่งผลให้เกิดความชุลมุนวุ่นวาย ทรัพย์สินเอกชนเสียหายมากมาย เป็นเหตุให้รัฐบาล ร่วมกับที่ประชุมอาเซียน ประกาศเลื่อนการประชุมนานาชาติออกไป

    จากนั้น นายกฯ หล่อใหญ่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตพื้นที่เมืองพัทยา และจังหวัดชลบุรี จนกระทั่งอพยพส่งผู้นำต่างประเทศ กว่า 10 ชาติ กลับเสร็จสิ้น เป็นสิ่งที่คนไทยต้องอับอายเป็นตราบาปมาจนถึงทุกวันนี้ ที่คนเสื้อแดง นปช.ไล่แขกเหรื่อของประเทศออกไป และผู้นำนานาชาติ ต้องหนีตายจากการไล่ล่าทำร้ายของคนเสื้อแดง นปช.

    ต่อมาเวลา 21.00 น. นายใหญ่ ผู้ขี้ขลาด ได้โฟนอินจากเมืองนอก เข้าไปยังการชุมนุมของคนเสื้อแดง นปช. โดยกล่าวว่าเป็นการทำลายการประชุมนานาชาติที่ยอดเยี่ยม และอ้างบอกว่าถ้าข้าราชการขัดขวางกลุ่มเสื้อแดง นปช. ก็เสมือนกับไม่ต้องการให้ประเทศเจริญ ???

    และกล่าวให้ร้ายเบื้องสูงต่อว่า มีการใช้อำนาจนอกระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นจึงถึงเวลาที่คนเสื้อแดง นปช. ต้องไขว่คว้าหาประชาธิปไตยที่แท้จริง โดยต้องเปลี่ยนระบอบการปกครองใหม่ โดยต้องเปลี่ยนรัฐบาล ที่เป็นมือเป็นไม้ให้อำมาตย์ให้ได้ก่อน

    วันที่ 12 เมษายน 2552 กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง นปช. กลับมารวมตัวที่กรุงเทพ และแกนนำยุยงให้ปิดถนนทั่วกรุงเทพ โดยเริ่มจากนำขบวนแท็กซี่แดงรับจ้าง มาปิดบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กี้ร์ อมฮอลล์ ถูกควบคุมตัว แกนนำได้ประกาศบนเวทียุยง ปลุกปั่น มวลชนเสื้อแดง นปช.รับจ้างอย่างหนัก

    ฝูงชนเสื้อแดง นปช. ที่กำลังบ้าคลั่ง ได้บุกเข้าไปภายในกระทรวงคลองหลอด แม้เจ้าหน้าที่อารักขานายกฯ จะห้ามปราม เมื่อรถยนต์ของนายกได้ขับรถฝ่าออกไป โดยมีเจ้าหน้าที่คุ้มกัน ผู้ชุมนุมเสื้อแดง นปช. ได้เข้าไปแย่งปืนจากเจ้าหน้าที่นายหนึ่ง และทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ

    ต่อมารถเก๋งสีดำประจำตำแหน่ง ได้ขับไปอยู่ท่ามกลางคนเสื้อแดง และได้มีการปาสิ่งของต่าง ๆ จากนั้น การ์ดเสื้อแดง นปช. และคนเสื้อแดงที่คลุ้มคลั่งยาและเหล้า ได้ลากนิพนธ์ เลขาธิการนายก ออกมาจากรถเพื่อหมายเอาชีวิตนายกฯ หล่อใหญ่ ทั้งนี้ แรมโบ้อีสาน แกนนำคนเสื้อแดง นปช. ที่ไปชุมนุมหน้ากระทรวงมหาดไทย

    ได้หลอกลวงประกาศบนเวทีชุมนุมว่ามีคนเสื้อแดงเสียชีวิต 2 คน โดยอ้างว่าถูกยิงตาย และอ้างว่าการยึดปืนของเจ้าหน้าที่ไว้ และบอกว่าปืนของเจ้าหน้าที่สามารถใช้เก็บเสียงได้ ซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจริง เพราะไม่มีใครตาย และมวลชนเสื้อแดง นปช.แย่งปืนเจ้าหน้าที่ไปเอง

    วันที่ 13 เมษายน 2552 กลุ่มคนเสื้อแดง นปช. นำรถแก๊สแอลพีจี ไปจอดไว้ที่หน้าแฟลตดินแดง เพื่อหวังจุดระเบิดคอร์บอม ฆ่าคนในแฟลตดินแดงทิ้ง กำลังทหาร และตำรวจ ได้ใช้แก๊สน้ำตา กระสุนยาง เข้าสลายการชุมนุมที่บริเวณแยกดินแดง จนแตกกระเจิง และมีบาดเจ็บบ้างเล็กน้อย 70 คน

    ส่วนใหญ่คือขว้างของแข็งพลาดใส่กันเอง แต่แกนนำมวลชนแดง นปช.กลับอ้างหน้าด้านๆ ว่า มีผู้เสียชีวิตจากการเข้าสลายการชุมนุม ซึ่งทางทหาร ได้ออกมาปฏิเสธว่ามีการยิงแค่ขู่ขึ้นฟ้า แต่ไม่มีผู้บาดได้รับอันตราย ซึ่งตรวจสอบโรงพยาบาลทุกแห่ง ก็ไม่มีใครเข้ามารักษาพยาบาลจากกระสุนจริงแม้แต่คนเดียว

    เวลา 12.00 น. นายสุชิน อดีตประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยคำนวณ อดีต ส.ว.สิงห์บุรี ลิ้วล้อนายใหญ่ ได้เข้ายื่นหนังสือให้กระแทกเบื้องสูง ให้ระคายเคืองเบื้องยุคลบาท โดยยื่นต่อราชเลขาธิการ ซึ่งเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง

    มีการยึดรถโดยสารประจำทาง ของ ขสมก. หลายคัน ขับรถเข้าชนเจ้าหน้าที่ และจอดขวางตามถนนต่างๆ ทั่วกรุงเทพ โดยทุกคันถูกทำลาย และจุดไฟเผาจนดำเป็นตอตะโก และเสื้อแดงห้ามรถดับเพลิงเข้ามาถึงพื้นที่ เพราะต้องการทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นผลให้มีกลุ่มควันลอยขึ้น เหนือท้องฟ้าของกรุงเทพ

    เวลา 16.00 น. สัญญาณภาพจากสถานีดาวเทียมเสื้อแดง นปช. D-Station ที่รับเงินจากหญิงกระบังลม และเจ้าของห้างลาดพร้าว ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ได้ถ่ายทอดการชุมนุมโดยตลอด ถูกตัดสัญญาณ ตามคำสั่งของรัฐบาลใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

    เวลา 21.30 น. กลุ่มเสื้อแดงบ้าคลั่งอย่างหนัก จากยาเสพติดและเหล้า ได้เข้าโจมตีหลายชุมชน เพื่อจะจุดไฟเผาอาคารบ้านเรือน แต่ชาวบ้านหลายกลุ่มก็พยายามปกป้องพื้นที่ของตนเองจากผู้ก่อการจลาจล เกิดเหตุปะทะกันกับเสื้อแดงติดอาวุธ จนมีชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย ที่ตลาดนางเลิ้ง

    วันที่ 14 เมษายน 2552 เวลา 10.00 น. แกนนำเสื้อแดง นปช. ประกาศยุติการชุมนุม บนถนนรอบทำเนียบรัฐบาล เพราะพ่ายแพ้สิ้นเชิง จากนั้นแกนนำ คือ วีระ หมอโหวงเหวง ใส้เดือนเต้น และแรมโบ้ ได้เข้ามอบตัวต่อตำรวจ ส่วนคางคกตู่ กลัวตายจัด ตัดช่องน้อยหนีเอาตัวรอดไปก่อนแล้ว

    ต่อมามีการออกหมายจับแกนนำเผาเมืองรอบแรกจำนวน 14 คน ไล่มาตั้งแต่นายใหญ่ จอมล้มเจ้า จนถึงแกนนำเสื้อแดง นปช.ต่างๆ (แต่พอเปลี่ยนรัฐบาล เจ้าหน้าที่ก็เป่าคดีหายไปอีก) ทหาร ได้จัดรถโดยสารนำส่งผู้ร่วมชุมนุมที่สมัครใจเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนา บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า การส่งผู้ชุมนุมกลับภูมิลำเนาเป็นไปอย่างเรียบร้อย

    วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552 ได้มีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ผู้ชุมนุมบางส่วนที่ไม่ต้องการสลายการชุมนุม ได้ปักหลักอยู่บริเวณแยกวังแดง และได้เคลื่อนขบวน ไปรวมตัวกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวง วันถัดมาแกนนำเสื้อแดง นปช.รุ่น 2 จอมล้มเจ้า นำโดยสมยศ นำคนเสื้อแดงสาลล้มเจ้า ชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวง และนัดเดินสาย 5 จังหวัด แต่ภายหลังก็ฟ่อไปในที่สุด เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เอาแนวทางล้มเจ้าของ นปช.

    เหตุการณ์เผาเมืองรอบแร นี้ ประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์ ระหว่างวันที่ 8 - 14 เมษายน 2552 ว่า เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและการสูญเสียรายได้รัฐประมาณ 330 ล้านบาท นอกจากนี้ ในด้านการท่องเที่ยวพบจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ลดลงประมาณ 877,474 คน

    รายได้จากการท่องเที่ยว ลดลงประมาณ 102,385 ล้านบาท และทำให้คนตกงานถึง 257,000 ตำแหน่ง มีมวลชนเสื้อแดง นปช. ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวราว 120 คน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการขว้างปาของแข็งใส่หัวกันเองช่วงชุลมุน คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐสภา สรุปว่าไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

    แต่มีศพคนเสื้อแดง 2 ศพ ถูกพบว่าลอยอยู่เหนือแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากการ์ดเสื้อแดง นปช. ฆ่าคนเสื้อแดงทิ้ง เพราะกล้าคิดจะหนีกลับบ้าน..ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเสื้อแดงผู้ชุมนุม ที่จะต้องถูกการ์ดฆ่าตายทุกครั้งในทุกๆ การชุมนุมตลอดมา..เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันดีในกลุ่มเสื้อแดง

    บทสรุป การชุมนุมของมวลชนเสื้อแดงปี 2552 นี้ กลุ่มการเผาไทย และแกนนำกลุ่มเสื้อแดง นปช. มีเป้าหมายหลัก คือ ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองการปกครอง เป็นรูปแบบตะวันตก ที่มีประธานาธิบดี และบั่นทอนทำลายสถาบันเบื้องสูง

    โดยหลอกใช้ และจ้างคนเสื้อแดงมาเป็นเครื่องมือ มาบาดเจ็บ ทำลายทรัพย์สินราชการ และทำลายชื่อเสียงของประเทศ



    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai?ref=profile
     
  5. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    วันที่ 11 ก.ย.57 แฉ..บันทึกลับสีดำ 4 ปี ไขปริศนา พวกไหนคือชายชุดดำปี 53 (ตอน 2)

    การชุมนุมของมวลชนเสื้อแดงปี 2552 นี้ กลุ่มการเผาไทย และแกนนำกลุ่มเสื้อแดง นปช. มีเป้าหมายหลัก คือ ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองการปกครอง เป็นรูปแบบตะวันตก ที่มีประธานาธิบดี และบั่นทอนทำลายสถาบันเบื้องสูง โดยหลอกใช้ และจ้างคนเสื้อแดงมาเป็นเครื่องมือ มาบาดเจ็บ ทำลายทรัพย์สินราชการ และทำลายชื่อเสียงของประเทศ

    จุดเริ่มชายชุดดำปี 53 มีตามลำดับดังนี้

    วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ศาลตัดสินคดียึดทรัพย์นายใหญ่ ที่โกงชาติไปให้ตกกลับเป็นของแผ่นดินดังเดิม จำนวนกว่า 46,000 ล้านบาท เป็นผลให้นายใหญ่ แค้น เพราะกว่าจะโกงชาติมาได้ขนาดนี้ ต้องใช้เวลาตั้งนาน จึงไม่อยากคืนกลับให้แผ่นดิน

    จึงสั่งแกนนำเผาไทย ส.ส. ในคอก และแกนนำมวลชนเสื้อแดงหน่วยป่วนชาติ (นปช.) ให้ทำลายประเทศไทยนี้เสีย โดยบอกว่า ตนเองไม่มีความสุข คนไทยก็ต้องไม่มีความสุขด้วย โดยมีการระดมเงินมาดำเนินการล้มประเทศไทย ครั้งนี้ราว 1 หมื่นล้านบาท

    ฉากบังหน้าการชุมนุมครั้งนี้ คือ เรียกร้องให้นายกฯ หล่อใหญ่ ประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ เป้าหลักพุ่งตรงไปที่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง และหวังปองร้ายเบื้องสูง โดยแนวคิดนี้หลุดจากปากรองประธานสภาโรมานอฟ เฉี่ยวพูดเรื่องกิโยติน คราวปฏิวัติฝรั่งเศส

    นางกนกพร (เมย์ ชลบุรี) เลขาคือเปิ้ล สหายสุดซอย ได้พา เสธ แดง ไปเสนอนายใหญ่ ที่ดูไบ ให้มีกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแก้วสามประการ คือ พรรค แนวร่วมมวลชนเสื้อแดง และกองกำลังติดอาวุธ

    โดยกองกำลังของเสธ แดง เคยเป็นพลทหารหน่วยนาวิกฯ ทำหน้าที่ขับรถให้เสธ แดง กองกำลังประกอบด้วยอดีตทหาร การ์ดแดง นปช. นักเลงหัวใม้ โจรผู้ร้าย อดีตทหารพรานค่ายปักธงชัย ตั้งชื่อกลุ่มว่า “นักรบพระเจ้าตาก” และมี ส.จ.สำเริง เป็นผู้จัดหาอาวุธปืน กระสุน

    แกนนำกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ทุกคน เช่น ใส้เดือนเต้น คางคกตู่ วีระ กีร์ อมฮอลล์ พายัพ จรัล ขวัญควาย ฯลฯ ร่วมประชุมปรึกษาหารือกับเสธ แดง อยู่เป็นประจำ และวางแผนรู้เห็นกับการใช้กองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ นปช. ในการชุมนุม โดยเรื่องนี้หลุดมาจากปากของกีร์ อมฮอลล์ และเมธี เอง

    ส่วนกลุ่มการเมืองเผาไทย โดยเครือข่ายกลุ่ม ส.ส.มีหน้าที่ปลุกระดมประชาชน กลุ่มคนเสื้อแดง ในพื้นที่ เพื่อหวัง สถาปนารัฐไทยใหม่ ตามอุดมการณ์ประหลาดที่ต้องการพลิกเปลี่ยนการปกครองของไทยที่พัฒนามา 800 ปี โดยใช้แผนโจรเรียกค่าไถ่ โดยการจับคนกรุงเทพ ฯ เป็นตัวประกัน แล้วเรียกค่าไถ่ เอาประเทศไทยจากรัฐบาลสมัยนั้น

    วันที่ 8 มีนาคม 2553 ใส้เดือนเต้น เลขาธิการมวลชนเสื้อแดงหน่วยป่วนชาติ (นปช.) ปลุกระดมเสื้อแดงชุมนุมใหญ่ ที่กรุงเทพ ในสัปดาห์ถัดไป โดย ส.ส.ในพื้นที่ต่างได้รับคำสั่งนายใหญ่ ให้จ้าง และเกณฑ์มวลชน ในพื้นที่ตนเองมาร่วมชุมนุม โดยจ่ายค่าหัว 500 บาทต่อคน

    วันที่ 11 มีนาคม 2553 กำนันสุเทพ รองนายก ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยบิ๊กทหารสมัยนั้นคือ บิ๊กป๊อก ผบ.ทบ. , บิ๊กตู่ รอง ผบ.ทบ. , บิ๊กพิรุณ เสนาธิการทหารบก , บิ๊ก คณิต แม่ทัพภาคที่ 1 และ สัณฐาน ผบ.ตำรวจนครบาล ประชุมกองอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ ที่กองบัญชาการกองทัพบก

    ชุดควบคุมฝูงชนของ ตำรวจทั้งชาย และหญิง ชุดสายตรวจ ชุดสายตรวจ ชุดปฏิบัติการพิเศษ หรือหน่วยสวาท ชุดจู่โจมเคลื่อนที่เร็ว หรือชุดปะ ฉะ ดะ เพื่อให้ประชาชนรับทราบ การปฏิบัติหน้าที่ในช่วงประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ระหว่างวันที่ 11-23 มีนาคม พ.ศ. 2553

    โดยในกรุงเทพ และปริมณฑล ที่ประกาศเป็นพื้นที่ความมั่นคง จะมีเพียงชุดสายตรวจ ชุดปฏิบัติการพิเศษหรือหน่วยสวาท ชุดจู่โจมเคลื่อนที่เร็ว หรือชุด ปะ ฉะ ดะ ที่จะมีอาวุธติดตัว เพื่อปฏิบัติหน้าที่ โดยจะมีเครื่องหมายเลขชัดเจน

    ชุดแรกที่เข้าควบคุมฝูงชน จะเป็นเจ้าหน้าที่ผู้หญิงและไม่มีอาวุธ ส่วนชุดควบคุมฝูงชนผู้ชายมีเพียงโล่ และกระบอง หากมีบุคคลอื่นแอบอ้างหรือแต่งเครื่องแบบทหาร นอกเหนือจากนี้จะจับดำเนินคดี การถวายอารักขาที่บริเวณรอบโรงพยาบาลศิริราช จะอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้บัญชาการทหารเรือ และจะมีทหารเรือ และทหารบก แต่งเครื่องแบบรักษาความสงบเรียบร้อย โดยใช้กำลังทั้งสิ้น 5 กองร้อย

    วันที่ 12 มีนาคม 2553 เวทีกลุ่มเสื้อแดง นปช. ตั้งอยู่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และชุมนุมตลอดแนวถนนราชดำเนินกลาง ไปจนถึงลานพระราชวังดุสิต ต่อมาอีก 2 วันได้ยุบเวที ไปรวมกันที่แยกราชประสงค์ และเปิดเส้นทางจราจร เนื่องจากทางแกนนำเสื้อแดง นปช. ต้องการกระแทกเบื้องสูง คำว่า “ผ่านฟ้า “ และ “ ราชประสงค์ “

    วันที่ 27 มีนาคม 2553 กลุ่มผู้ชุมนุมอีกบางส่วน เคลื่อนไปยังแยกราชประสงค์ ย่านการค้าที่สำคัญของกรุงเทพ เพื่อเลียนแบบการชุมนุมใหญ่ของพันธมิตร ในปี พ.ศ. 2549

    วันที่ 3 เมษายน 2553 มีการเคลื่อนขบวน มาปักหลักบริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งเต็มไปด้วยผู้ชุมนุมจำนวนมาก กระจายกันอยู่เต็มผิวจราจร ตั้งแต่แยกประตูน้ำ ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ต่อเนื่องไปจนถึงถนนราชดำริ

    วันที่ 16 มีนาคม 2553 กลุ่มผู้ชุมนุมเจาะเลือดคนละ 10 ซีซี เพื่อที่จะนำไปทำพิธีสะกดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษไทย แต่ด้วยช่วงนั้นผู้ชุมนุมกลัวติดต่อโรคเอดส์จากเข็ม เลยมีคนให้เลือดน้อย แกนนำเสื้อแดงจึงแอบไปหาซื้อเลือดสัตว์มาแทน แต่อ้างว่าเป็นเลือดคน

    จากนั้นนำไปเทยังสถานที่ต่างๆ เช่น ทำเนียบรัฐบาล และเทเลือด บริเวณประตูของทำเนียบตั้งแต่ประตูที่ 2 ถึง 8 เพื่อสะกดบูรพกษัตริย์โบราณ และต่อมาไปที่ทำการ ปชป. และเข้าไปเทเลือด ที่บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นตึก ส่วนเลือดที่เหลืออีก 10 แกลลอนนั้น ได้เทลงยังบริเวณด้านหน้าที่ทำการ ปชป. แล้วจึงเคลื่อนขบวนกลับไปยังสะพานผ่านฟ้าลีลาศตามเดิม

    วันที่ 17 มีนาคม 2553 ช่วงสาย กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงหน่วยป่วนชาติ (นปช.) เริ่มเคลื่อนขบวนเพื่อที่จะไปเทเลือด บริเวณหน้าบ้านพักของนายกฯ หล่อใหญ่ ที่ซอยสุขุมวิท 31 โดยมี บิ๊ก วิชัย ผู้การหูดำ ตำรวจนครบาล 1 เป็นผู้คุมสถานการณ์

    กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดย กีร์ อมฮอลล์ ได้ฝ่าวงล้อมของตำรวจ บุกไปถึงหน้าบ้านพักนายก จากนั้นเทเลือดสัตว์ที่อ้างว่าเป็นเลือดคน กองบนพื้นถนน เพื่อทำพิธีทางไสยศาสตร์ ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก

    วันที่ 20 มีนาคม 2553 กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงหน่วยป่วนชาติ (นปช.) จัดขบวนรถจำนวนมาก เคลื่อนขบวนป่วนกแกล้งคน ไปรอบกรุงเทพ ตามเส้นทางสายสำคัญต่าง ๆ โดยทางแกนนำกลุ่มใช้รถจักรยานยนต์ และรถยนต์จำนวนมาก เพื่อบีบบังคับจิตใจคนในกรุงเทพ ให้โกรธ

    วันที่ 25 มีนาคม 2553 แรมโบ้อีสาน พร้อมแกนนำคนอื่น เช่น วันชนะ , เจ๋ง รวมทั้งผู้ชุมนุมเสื้อแดงหน่วยป่วนชาติ (นปช.) ทั้งชาย หญิง ที่ถูกจ้างเป็นหน้าม้า ได้ทำการโกนหัว เพื่อเอาเคล็ดขับไล่รัฐบาล รวมทั้งทำพิธีสาปแช่งนายก บนเวทีหลักสะพานผ่านฟ้าลีลาศ

    วันที่ 27 มีนาคม 2553 กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงหน่วยป่วนชาติ (นปช.) ได้เคลื่อนขบวนไปกดดันทหาร ให้ถอนกำลังกลับกรมกอง ตามจุดต่าง ๆ โดยจัดผู้ชุมนุมเป็นดาวราย จำนวนผู้ชุมนุมลดลงอย่างมาก เพราะอ่อนล้า มานาน เงินค่าจ้างถูกแกนนำอม และชักหัวคิว

    การปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงปิดถนน ตั้งขบวนรถเคลื่อนไปป่วนเมืองไปติดสติกเกอร์ “ ยุบสภา “ หากใครไม่รับก็จะโดนทุบตีและทำร้าย ทำการตรวจค้น ฉกชิงเอาทรัพย์สินของประชาชน และนำเลือดคนปนเลือดหมูไปเทราดที่ต่าง ๆ เพื่อให้มวลชนคลั่งเลือดอย่างบ้าคลั่งไร้สติ

    แต่รัฐบาลยุคนั้น ก็อดทนแบบอึดโคตรๆ โดยมองโลกแง่ดีหวังจะให้สังคมตัดสินการกระทำเหล่านี้ จนแล้วจนรอดนายก ฯ หล่อใหญ่ ก็รักษากติกาไว้สุดฤทธิ์ ไม่ยอมอ่อนข้อตามที่นายใหญ่ต้องการ

    ช่วงนี้นายใหญ่จึงเดินสาย ไปติดต่อกองกำลังต่างชาติชนกลุ่มน้อยพม่าเจ้ายอดศึก ให้ส่งกำลังทหารมาก่อสงครามกลางเมืองในไทย แต่เจ้ายอดศึกปฏิเสธ เพราะรักเทิดทูนเบื้องสูงของไทยมาก นายใหญ่จึงไปต่อรองยื่นเงื่อนไขกับฮุนเซน ของเขมร ซึ่งตอนนั้นตกลง และส่งกำลังรบติดอาวุธเข้ามาช่วยกลุ่ม เสธ แดง

    กลุ่มเผาไทยจึงมีการจ้างเครือข่ายลูกน้อง อดีต ส.ส.พรรคเผาไทย ทำการยิงจรวด RPG ใส่วัดพระแก้วมรกต ยิงคลังน้ำมันปทุมธานี แล้วกระจายยิงระเบิด M79 ใส่สถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น ศาล ปปช. ฯลฯ

    ** ดูตอนเดิมใครจ้างยิงพระแก้วที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.229339553922746.1073741974.187529244770444&type=3

    จนประชาชนและเจ้าหน้าที่ ๆ อยู่ใกล้เคียงตาย และบาดเจ็บไปนับไม่น้อยก็แล้ว ยึดศูนย์ดาวเทียมไทยคม นนทบุรีและปทุมธานี เริ่มต้นด้วยการเอาถุงดำไปคลุมปิดกล้องวงจรปิด แต่เวลาทหารปฏิบัติการมีพยายามให้สื่อเข้าไปบันทึกภาพตลอด

    การวางแผนการโหดนี้ มีคนแดนไกล เป็นผู้บงการหลักอยู่ต่างประเทศ ด้านการเงินทำการโอนเงินให้เมย์ ชลบุรีครั้งละ 400-500 ล้านบาท และเมย์ มอบให้เลขา คือ เปิ้ล สหายสุดซอย ทำการโอนเงินค่าจ้างให้กลุ่มติดอาวุธชายชุดดำ นปช.ต่างๆ จำนวนหลายครั้ง

    ส่วนด้านการปฏิบัติการ พาหนะ อาวุธ กองกำลังติดอาวุธ นั้น มีจิ๋ว , นายพลแม็คอาเธอร์ , เสธ แดง , เสธ หยอย (เพื่อนคนแดนไกล) เป็นกำลังหลักในการวางแผนลงมือในขั้นตอนต่างๆ

    วันที่ 10 เม.ย.53 ช่วงกลางวัน แผนแรก แกนนำขวัญควาย ได้จัดระดมมวลชนเสื้อแดง ไปที่กองทัพบก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ต้องผลักดันด้วยแก๊สน้ำตา เพื่อจุดอารมณ์ให้มวลชนเกิดความโกรธแค้นทหาร

    จากนั้นช่วงเย็นเจ้าหน้าที่ใช้ฮอลิปคอปเตอร์ มาโปรยใบปลิวที่จุดชุมนุมใกล้เวทีสะพานผ่านฟ้า การก่อเหตุรุนแรงในการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. เริ่มต้นขึ้นที่นี้ โดยมีการยิงปืนจากกลุ่มติดอาวุธแดง นปช.จากพื้นดิน ใส่เจ้าหน้าที่บนคอปเตอร์จนบาดเจ็บ

    จากนั้นทหารได้ขอคืนพื้นที่ย่านบางลำภู โดยใช้โล่ และกระบอง ขณะมวลชนกำลังผลักดันกับทหารอยู่นั้น การ์ดติดอาวุธของกลุ่มแดง นปช.คนหนึ่ง ได้ล้วงปืนพกออกมายิงใส่ทหารที่อยู่ตรงหน้าล้มลง 2 คนกลางวันแสกๆ ต่อมาปฏิบัติการของ “ชายชุดดำ นปช." ก็เริ่มขึ้นทันที

    โดยแยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกมี 8 คน รับมอบอาวุธ มาจากคอนโดมิเนียมบ้านริมน้ำ ถนนรามอินทรา 34 กทม. ขึ้นทางด่วนรามอินทรา มาลงยมราช รถตู้คันนี้มาถึงตั้งแต่เวลา 19.00 น. จากนั้นชายชุดดำ นปช. ทั้งหมด พร้อมอาวุธสงคราม มาจอดบริเวณทางเข้าหน้าสำนักงานบริพัตร ถนนตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ ซึ่งห่างจากวัดมหรรณพาราม ประมาณ 20 เมตร

    หลังจากนั้นมีคนชื่อ ณัฐ สนามหลวง ซึ่งเป็นคนสนิทของ เสธ.แดง เป็นคน ประสานงานให้รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง พาคนชุดดำแยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกไปที่ถนนตะนาว โดยมีหัวหน้าชุด ชื่อ นายหรั่ง ทีมแรกชายชุดดำ นปช. ทั้ง 3 คน คือนายกิตติศักดิ์ นายปรีชา และนายชำนาญ ได้นำอาวุธสงครามออกมาก่อเหตุ

    นายกิตติศักดิ์ ใช้อาวุธปืน M 79 และระเบิด เอ็มเค-2 , นายธรรมรัตน์ ใช้อาวุธ M79 , นายธนเดช ใช้อาวุธปืน M 203 , นายวัฒนะโชค ใช้อาวุธปืน AK 47 , นายปรีชาใช้อาวุธปืน AK 47, นายชำนาญ ใช้อาวุธปืน M 16 , นางปุณิกา ใช้ระเบิดเพลิง M 100 นายรณฤทธิ เฝ้ารถ

    โดยนายกิตติศักดิ์ หรือ อ้วน (เคยก่อเหตุระเบิดที่ห้างบิ๊กซี และคิงพาวเวอร์) เป็นผู้เปิดฉากยิงอาวุธปืน ชนิด M 79 , จากนั้นนายปรีชาได้ยิงอาวุธปืนอาก้า AK 47 เข้าใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ และกราดยิงใส่ผู้ชุมนุมเสื้อแดง ที่อยู่บริเวณแยกคอกวัว , ส่วนนายชำนาญ ได้ใช้อาวุธปืน M 16 ยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง จากด้านหลัง และใส่เจ้าหน้าที่ ด้วยเช่นกัน

    ส่วนนายธรรมรัตน์ หรือนายดำ ได้ใช้อาวุธปืน M 79 (หลังเกิดเหตุได้ตายแบบแปลกๆ ) นางปุณิกา หรืออร นั่งอยู่ภายในรถตู้ พร้อมกับครอบครองระเบิดเพลิงไว้ , นายรณฤทธิ์ เป็นผู้ขับขี่รถตู้ที่ใช้ในการก่อเหตุ หลังจากทั้ง 3 คน ก่อเหตุในจุดแรก ทั้งหมดได้พยายามลักลอบนำอาวุธสงครามเข้าไป ภายในถนนราชดำเนิน


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai?ref=profile
     
  6. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    วันที่ 12 ก.ย.57 แฉ..บันทึกลับสีดำ 4 ปี ปริศนาชายชุดดำ โยงเผาไทย และ นปช. (ตอน 3)

    เหตุการณ์ตอนที่แล้ว คืนวันที่ 10 เม.ย.53 ชายชุดดำชุดแรก นายธรรมรัตน์ หรือนายดำ ได้ใช้อาวุธปืน M 79 , นางปุณิกา หรืออร นั่งอยู่ภายในรถตู้ พร้อมกับครอบครองระเบิดเพลิงไว้ , นายรณฤทธิ์ เป็นผู้ขับขี่รถตู้ที่ใช้ในการก่อเหตุ หลังจากทั้ง 3 คน ก่อเหตุในจุดแรก ทั้งหมดได้พยายามลักลอบนำอาวุธสงครามเข้าไป ภายในถนนราชดำเนิน

    นายกิตติศักดิ์ และนายปรีชา พยายามจะผ่านจุดคัดกรอง ใส่หมวกไอ้โม่งไหมพรม ใส่ถุงมือ เสื้อคลุมดำ เสื้อยืดคอกลมสีเขียว มีอักษร "ฝึกการรบพิเศษประตูผา หลักสูตร..." เข้าไปภายในถนนราชดำเนิน ธนาคารออมสิน

    แต่ถูกตำรวจ ด.ต.วิชิต ทำหน้าที่การ์ด นปช. ตรวจค้นพบอาวุธสงคราม ทั้ง 2 คนจึงบอกรหัสคำว่า “พิราบขาว” เมื่อการ์ดได้ยินรหัสดังกล่าว จึงปล่อยให้ทั้งคู่เข้าไป ส่วนนายชำนาญ ได้แอบลักลอบเข้าไป ผ่านทางด้านข้างฝั่งซ้ายของแผงกั้น พร้อมกับอาวุธปืน M 16 เข้าไปได้สำเร็จ

    บริเวณถนนตะนาว ฝั่งซอยดำเนินกลางเหนือ ห่างจากถนนข้าวสารประมาณ 10 เมตร นายชำนาญได้เปิดฉากยิงอาวุธปืน M16 เข้าใส่ทหารที่ประจำอยู่บนอาคาร สำนักงานฉลากกินแบ่ง(อาคารเก่า) จากนั้นนายกิตติศักดิ์ ได้ใช้อาวุธปืนชนิด M 79 ยิงใส่เต็นท์ทหาร หน้าร้านแกรนด์ จิวเวลรี่ แต่ปืนขัดลำกล้อง

    จากนั้นมีเพื่อนอีกคน ยื่นอาวุธปืนอาก้า AK 47 ให้นายกิตติศักดิ์ ใช้อาวุธดังกล่าวยิงใส่ทหารบริเวณดังกล่าวจนได้รับบาดเจ็บ และนายปรีชายังใช้อาวุธปืนอาก้า AK 47 ยิงซ้ำเข้าไปในเต็นท์ทหารจุดเดียวกันกับนายกิตติศักดิ์ ซึ่งบนกำแพงของอาคารโดยรอบ ยังคงพบร่องรอยของกระสุนอยู่เป็นจำนวนมาก

    เหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวนอกเหนือการประเมินของทหารที่ไม่คิดว่าคนไทยด้วยกัน ไม่ฆ่าคนไทยด้วยกัน การใช้อาวุธสงครามทุกชนิด ประเคนยิงเข้าไปที่กลุ่มทหาร และประชาชนคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่องนี้ ส่งผลให้มีคนตาย 26 คน และได้รับบาดเจ็บกว่า 800 คน ทหารที่ตายและบาดเจ็บ มีจำนวนพอๆ กับทหารไทยที่ไปรบในสงครามเวียดนามเลยทีเดียว

    เพียงแตกต่างกันตรงที่ ถนนราชดำเนิน ทหารไม่สามารถใช้อาวุธตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามชายชุดดำ ซึ่งรวมอยู่ในกลุ่มประชาชนได้ เพราะแค่ชายชุดดำ นปช. ยิงคนเสื้อแดง ก็ตายและเจ็บมากพออยู่แล้ว ทหารสงสารคนเสื้อแดงจึงถูกชายชุดดำ นปช. ไล่กระทำเพียงฝ่่ายเดียว

    จนประชาชนย่านนั้นต้องนำทหารที่บาดเจ็บ ไปซ่อนตัวไว้ในบ้าน ทหารจึงถอยร่นลงไป 2 สาย เข้าสู่วงเวียนบางลำภู และ ถ.ข้าวสาร แกนนำกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ได้ปลุกเร้าบนเวทีมากขึ้นให้ฆ่ากัน แกนนำบอกว่า “ไม่รู้ไม่เห็น ถ้าเห็นอะไรก็ให้บอกไม่รู้ไม่เห็น ให้เก็บเอาไว้ในใจ" ทำให้เหตุการณ์ขยายตัวไปถึงพื้นที่หน้า ร.ร.สตรีวิทยา

    ที่นั่นกลุ่มชายชุดดำ นปช. กลุ่มที่สอง นั่งรถมอเตอร์ไซด์ ไปที่โรงเรียนสตรีวิทย์ กลุ่มนี้มีอยู่หลายคน เช่น นายเจมส์ นายมงคล (เคยขว้างระเบิดใส่ NBT) นายศักดา นายเสกสุข นายจักรชลัช หรือ พล และคนอื่นด้วย กลุ่มนี้รับคำสั่งตรงจากเสธแดง ให้เข้าไปในบ้านไทยโบราณ และขว้างระเบิด M-67 ใส่ทหารสองลูก ถูกเสธ เปา ถึงแก่ความตาย

    ชุดที่สองนี้ ฮึกเฮิมใช้อาวุธสงครามนาๆ ชนิดลอบสังหารนายทหารระดับผู้การกรม จนเสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัสไปถึง 4 คน รวมถึงการฆ่ามวลชนเสื้อแดงล้มลงปานใบไม้ร่วง นายมงคล ยังเป็นมือยิง M79 ใส่โรงเรียนสตรีวิทย์ และแยกคอกวัว ด้วย

    ในคืนวันที่ 10 เม.ย.53 กลุ่มติดอาวุธ นปช. ยังวางระเบิด C4 เสาไฟฟ้าแรงสูงที่อยุธยา หวังให้ไฟดับทั่ว กทม.และจะได้ให้ชายชุดดำ นปช. ลอบยิงคนเสื้อแดง ที่ชุมนุมให้เป็นเหยื่อโหด ตายมากกว่านี้อีกมากๆ หลายร้อยคน แต่เดชะบุญเสาไฟฟ้าไม่ลมลงตามเป้าหมาย

    หลังจากยิงเสร็จชายชุดดำ นปช. ทั้ง 2 กลุ่ม ได้ถอนย้อนกลับมาที่จุดรถตู้จอด ระหว่างทางนายธรรมรัตน์ ซึ่งถืออาวุธปืน เอ็ม 79 มาด้วย ถูกตำรวจล็อคไว้ ยึดปืนเอาไว้ได้ ผู้ชุมนุมใช้คนมากดดัน แย่งตัวหนีไปได้ หลังจากปฏิบัติการเสร็จ ก็เรียกรถตู้มารับที่แยกสี่กั๊ก ชายชุดดำทั้งหมดได้มารวมตัวกันอีกครั้ง ที่จุดจอดรถตู้ เวลา 20.19 น. พอเวลา 21.01 น. ก็รับคนชุดดำเสร็จแล้วก็ขับออกไป

    แล้วขับอ้อมไปตามถนนตะนาว เข้าถนนดินสอ ซึ่งได้สวนทางกับรถฮัมวี่ของเจ้าหน้าที่ทหาร บริเวณสะพานวันชาติ ก่อนที่หนึ่งในคนร้ายได้ลดกระจกลงพร้อมด่าทหารคำหยาบ จากคำพูดดังกล่าวทำให้ทหารสามารถจำหน้าคนพูดได้ จากนั้นกองกำลังติดอาวุธแดง นปช.ได้แยกย้ายหลบหนีกันไป

    แต่ทีมที่ 2 ทิ้งลูกกระเดื่องระเบิด M67 ที่ป่าใส่ เสธ เปา ไว้ที่บ้านไทยโบราณ เมื่อทำงานเสร็จก็ไปรายงาน เสธ แดง ที่ร้านแมคโดนัลล์ เสธ แดง จึงบ่นกับ 3 คน ทีมสองนี้ว่า “ ทำไมมึงไม่เก็บลูกกระเดื่องวะ" พอรุ่งขึ้นนายจักรชลัช หรือ พล กับนายสุขเสก ก็กลับไปที่บ้านไทยโบราณอีกครั้ง และเก็บลูกกระเดื่อง M-67 กลับมา

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางถนนราชดำเนินนั้น เกิดท่ามกลางสายตามวลชนเสื้อแดงนับหมื่นๆ คน และผู้สื่อข่าวอีกจำนวนมาก พยานหลักฐานมีอยู่มากทั้งวัตถุพยาน และพยานบุคคล มีเพียบ หลังจากเหตุการณ์นี้ในปี 2553 ทางเจ้าหน้าที่ DSI ได้รวบรวมพยานหลักฐานดังกล่าวไว้เป็นเล่ม มากพอที่จะทำให้เป็นคดีพิเศษ จากการกระทำของกลุ่มแดง นปช.

    แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล จากการโกงซื้อเสียงมาสู่ยุครัฐบาลปูข้าวเน่า การติดตามคดีเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตที่เป็นทหาร และคนเสื้อแดง ที่ ถ.ดินสอหน้า ร.ร.สตรีวิทยา เงียบหายไป เมื่อเป็ดเหลิม ได้ถูกแต่งตั้งเป็นรองนายก และประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ บังคับให้เจ้าหน้าที่ต้องสอบสวนว่าไม่มีชายชุดดำ ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ

    พนักงานสอบสวนที่ถูกให้ออกจากชุดสอบสวน ยืนยันข้อมูลว่ามีชายชุดดำอยู่จริง จึงมีการเปลี่ยนโล๊ะชุดพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้ายทั้งหมด และบังคับให้ไปเร่งรัดการสอบสวนคดีความผิดของหล่อใหญ่ อดีตนายก และกำนันสุเทพ อดีตรองนายก และ อดีต ผอ.ศอฉ. ในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตาย โดยเจตนาเล็งเห็นผล

    นั่นก็เพื่อบีบบังคับให้ทั้ง 2 คน ยอมรับการนิรโทษกรรม คนแดนไกล กลุ่มเผาไทย แกนนำแดงติดอาวุธ นปช. โดยคนเสื้อแดงที่กระทำผิดที่ถูกยุ กลุ่มเผาไทยไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะคิดว่าจ่ายค่าจ้างไปแล้ว ก็ถือว่าหมดบุญคุณต่อกัน แค่นายจ้างกับลูกจ้าง

    นิชา ภรรยา เสธ เปา พยายามออกมาเรียกร้องขอความยุติธรรมจากรัฐบาลปูข้าวเน่า ต่อการเสียชีวิต และ บาดเจ็บของฝ่ายทหารตลอดมา แต่ไม่มีการตอบรับจากรัฐบาล และ DSI นิชา จึงมาร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา จึงมีการแต่งตั้งคณอนุกรรมการฯขึ้นมาทำงาน

    คณะอนุกรรมาธิการฯ มีการเชิญเจ้าหน้าที่ DSI และตำรวจทุกระดับจำนวนหลายครั้ง รวมทั้งสื่อมวลทั้งไทยและต่างประเทศ มากกว่า 20 คน และพยานที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุอีกนับไม่ถ้วน ผลการสอบสวน จึงส่งผลกระทบต่อความพยายามของรัฐบาลเผาไทย ในการผลักดันคดีให้เป็นความผิดของทหาร

    ต่อมาริดสีดวง อ้างว่าไม่มีพยานหลักฐานที่จะทราบตัวคนร้ายในคดีนี้ แต่ไปเร่งคดีการเสียชีวิตคนเสื้อแดงที่ถูกกระสุนปืนความเร็วสูงตายหน้า ร.ร.สตรีวิทย์ 2 คน โดยพยายามใส่ร้ายเชื่อมโยงว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร แต่ก็ไร้ผลเพราะผลการพิสูจน์ทั้งทางการแพทย์ และรูปภาพในคลิปวิดิโอของคณะกรรมาธิการตรวจสอบฯ ของ วุฒิสภา

    ยืนยันได้ว่ากระสุนที่ยิงใส่คนเสื้อแดง จนตายนั้นไม่ได้มาจากฝั่งทหาร นอกจากนั้นยังพบอีกว่า "กระสุน" ที่ทำคนเสื้อแดงตาย เป็นชนิดที่ทางทหารไม่มีใช้ เรื่องการตายของที่หน้า ร.ร.สตรีวิทยา จึงยุติลงไป แล้วริดสีดวงก็หันไปจับเอาเรื่องของพลเรือนที่ตายย่านราชประสงค์ มาเล่นงานทหารต่อแทน

    เพื่อให้ประเทศไทยพ้นจากความขัดแย้งกันเสียที เมื่อรู้ตัวคนทำผิดแน่นอนแล้ว บิ๊กตู่ นายกฯ และหัวหน้า คสช. ระบุว่า มีข้อมูล ผู้อยู่เบื้องหลังสนับสนุนงบประมาณ และอาวุธสงครามเพื่อสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง ว่า " หากเอ่ยชื่อทุกคนอาจตกใจ" จึงไม่ขอเปิดเผยในเวลานี้

    สำหรับข้อมูลหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธสงคราม พฤติกรรมทั้งการยิง M79 การยิง M16 ขว้างระเบิดทั้งในปี 2553 และ ปี 2556 และ 2557 นั้น ตำรวจ ได้มีการจับกุมได้หลายคน จากการสืบสวนสอบสวน ของตำรวจ มีความก้าวหน้าไปมากมาย คนที่เหลือเมื่อมีพยานหลักฐานพร้อม จะต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน

    ตำรวจ ระดับสูงและหน่วยต่างๆ ร่วมกับฝ่ายทหาร กองทัพภาคที่ 1 และ กอ.รมน. ส่วนปฏิบัติการคณะทำงานกฏหมายส่วนรักษาความสงบ คสช. จึงต้องการทำความจริงให้ประจักษ์ เพื่อความปรองดองของคนในชาติ จึงได้ร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวน รวมรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ

    จนเป็นที่แน่ชัด เชื่อได้ว่า มีกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นชายชุดดำ สังกัดแดง นปช. บางการโดยคนแดนไกล อำนวยความสะดวกโดยเผาไทย ที่มีเป้าประสงค์ต้องการทำลายชาติ ได้ร่วมกันก่อเหตุร้ายในคดีนี้ เจ้าหน้าที่จึงได้เสนอขออนุมัติต่อศาล และศาลได้ออกหมายจับ ดังนี้

    1.นายกิตติศักดิ์ หรือ อ้วน สุ่มศรี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 2 ซ.รามอินทรา36 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญา 1600/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557 (จับกุมแล้ว)

    2.นายปรีชา หรือ ไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 9 ต.อินทขิล ต.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หมายจับศาลอาญาที่ 1603/2557 ลงวันที่ 10 กย.2557 (จับกุมแล้ว)

    3.นายรณฤทธิ์ หรือ นะ สุริชา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 3 ต.กลางใหญ่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี หมายจับศาลอาญาที่ 1604/2557 ลงวันที่่ 10 กย.2557 (จับกุมแล้ว)

    4.นายชำนาญ หรือ เล็ก ภาคีฉาย อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/126 หมู่ 6 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญาที่ 1605/2557 ลงวันที่ 10 กย.2557 (จับกุมแล้ว)

    5.นางปุณิกา หรืออร ชูศรี อายุ 39 ปี อยุ่บ้านเลขที่ 702/155 ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญาที่ 1606/2557 ลงวันที่ 10 กย.2557 (จับกุมแล้ว)

    6.นายวัฒนะโชค หรือโบ้ จีนปุ้ย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 17 ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หมายจับศาลอาญาที่ 1602/2557 ลงวันที่่ 10 กย.2557 (หลบหนีอยู่)

    7.นายธนเดช หรือ ไก่ รถตู้ เอกอภิวัชร์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 328/22 หมู่ 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพ ฯ หมายจับศาลอาญาที่ 16001/2557 ลงวันที่ 10 กย.2557 (หลบหนีอยู่)

    ในวันที่แม่ของนายธนเดชตาย แกนนำติดอาวุธ นปช.ที่ส่งพวงหรีดไปงานศพ มี พายัพ , ชินวัตร แท็กซี, จรัล , ขวัญควาย , ไวพจน์

    รวมผู้ต้องหาล็อตนี้จำนวน 8 คน ตายไปแล้ว 1 คน จับกุมได้แล้วจำนวน 5 คน นำมาแถลงจ่าว 4 คน หลบหนี 2 คน ผู้ต้องหาทุกคนให้การ " รับสารภาพ " ว่ารับจ้างมาจริง และยอมรับว่าร่วมกันสังหารทหารไทย และกราดยิงใส่คนเสื้อแดงแบบมั่วๆ ถูกใครก็ช่าง ตามคำสั่งของผู้ว่าจ้าง

    ผู้ต้องหากลุ่มนี้ มีความเชื่อมโยงกับอาวุธสงครามที่จับได้ที่กระทุ่มแบน สมุทรสาคร ปี 2557 และ น.ส.กริชสุดา หรือ เปิ้ล สหายสุดซอย ที่ถูกหมายจับ และองค์การฮิวแมน ไรท์วอท ของมะกัน กดดันให้ทหารปล่อยตัว เพราะกลัวสาวเรื่องไปถึง CIA และสถานทูตของมะกัน ในการร่วมวางแผนก่อการร้ายสากลในไทยด้วย

    นายใหญ่ที่ยังหนีอยู่ต่างประเทศ จึงต้องไปหลบในประเทศที่สนับสนุนการล้มเจ้าในไทย ทำให้ประเทศพวกนี้ จึงไม่ยอมส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนคืนให้ไทย เพราะต้องการใช้งาน ก่อการร้ายทำลายประเทศไทยต่อเนื่อง

    และ เปิ้ล แดง นปช. ที่ลี้ภัยไปหลบในประเทศหนุนก่อการร้ายในไทยนี้ ก็เป็นผู้จ่ายเงินจัดซื้อจัดหาอาวุธสงครามจากชาติตะวันตก และเบิกจ่ายอาวุธให้กับชายชุดดำ นปช. ที่ใช้อาวุธสงครามยิงใส่สถานที่ต่างๆ ไปทั่ว กทม. โดยพบหลักฐานสลิปการโอนเงินจำนวนมาก ให้กับชายชุดดำ นปช. เหล่านี้ในบ้านของเมย์ ชลบุรี ที่ กริชสุดา อยู่ด้วย

    ** ดูภาพประกอบที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.300056476828200.1073741872.298177807016067&type=3

    กลุ่มติดอาวุธแดง นปช.ก็ คือกลุ่มก่อการร้ายในไทย ที่คล้ายกลุ่มติดอาวุธ IS ในซีเรีย และอิรัก ที่จะตามฆ่าคนเสื้อแดงพวกเดียว ที่ทำงานพลาดทุกคน ผู้ต้องหาที่ยังหนี ควรติดต่อมอบตัว และ แฉ ซัดทอด ไม่งั้นจะมีความเสี่ยงถูกฆ่าปิดปาก จากแก็งค์เผาไทย และแกนนำแดง นปช. เหมือนหลายคนที่โดนไปก่อนหน้านี้...

    ตามเกมส์ฆ่าตัดตอน ที่นายใหญ่ใหญ่ถนัดเรื่องฆ่าปิดปาก คิวต่อไป คือ เมย์ ชลบุรี , เปิ้ล สหายสุดซอย , แกนนำแดงติดอาวุธ นปช.ทั้งหลาย ทั้งคางคกตู่ ใส้เดือนเต้น กีร์ อมฮอลล์ ฯลฯ เพราะสิ่งเทียมคนพวกนี้ สิ้นประโยชน์เสียแล้ว ไม่มีค่าใดๆ

    ในสถานการณ์ปัจจุบัน หากปล่อยคนพวกนี้ไว้ เรื่องจะยิ่งพันพัวกับนายใหญ่ และครอบครัว สถานการณ์ชีวิตของสิ่งเทียมคนพวกนี้ ตอนนี้อยู่บนเส้นด้าย อยู่ที่ว่า..ใครจะลงมือกับพวกเดียวกันได้ก่อนเท่านั้น...ใครลงมือก่อนก็มีสิทธิรอด !!


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  7. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    วันที่ 13 ก.ย.57 แฉ..บันทึกลับสีดำโลกตะลึง ที่มาของชื่อเผาไทย อยู่ที่ผ้าคลุมยาง (ตอน 1)

    จากเหตุการณ์ที่ชายชุดดำ นปช. ลอบโจมตีทหาร และยิงหัวเสื้อแดงจำนวนมากตาย แถวถนนดินสอ วงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนตะนาว ช่วงแยกคอกวัว ฝั่งเชื่อมต่อถนนข้าวสารโดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 1,400 ราย เป็นความรุนแรงจากสงครามกลางเมือง ที่เลวร้ายที่สุดในกรุงเทพ

    วันที่ 12 เมษายน 2553 กลุ่มผู้ชุมนุมติดอาวุธแดง นปช. ได้ใช้แนวคิดคอมมิวนิสต์ โดยการแห่ศพผู้เสียชีวิต ออกจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ โดยขบวนประกอบด้วยรถยนต์บรรทุกโลงศพจำนวนทั้งสิ้น 17 คัน พร้อมด้วยขบวนรถจักรยานยนต์ และผู้ชุมนุมที่เดินเท้าตาม

    บิ๊กจิ๋ว ประธานกลุ่มเผาไทย ระบุถึงกรณีที่มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจากการปะทะกันของทหารและกลุ่มผู้ชุมนุมติดอาวุธแดง นปช. เมื่อวันที่ 10 เมษายน ว่า ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบมีคนเดียว คือ นายกฯ หล่อใหญ่ อ้างว่าใช้กำลังติดอาวุธเข้าปราบปรามประชาชนรุนแรง

    แต่จิ๋ว กลับไม่พูดถึงว่าคืนนั้น ตนเองก็นั่งบงการ อยู่ในรถตู้ กับ นายพลแม็คอาเธอร์ และเสธแดง อยู่ใกล้ๆ ที่เกิดเหตุนั่นเอง และแวดล้อมด้วยมวลชนเสื้อแดงจำนวนมาก ที่จำหน้ากลมๆ เขาได้ดี

    เวลา 19.30 น. น้องอ๋อย คอมมิวนิสต์กลายพันธ์จอมล้มเจ้าตัวพ่อ อดีตรักษาการหัวหน้า ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมติดอาวุธแดง นปช. เดินหน้าต่อสู้ตายกันต่อไป ถือว่าได้ประชาธิปไตยจากความตายมาแล้ว ถือว่าเป็นการต่อสู้ที่ประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง เหลือเพียงไม่นานก็จะประสบความสำเร็จ เพื่อประเทศชาติ..แต่ตนขอหลบอยู่บ้านเพื่อความปลอดภัย

    วันที่ 14 พฤษภาคม 2553 นพเหล่ ที่ปรึกษากฎหมาย นายใหญ่ ได้แจกจ่ายแถลงการณ์ ไปยังสื่อมวลชนแขนงต่างๆ โดยเรียกร้องให้นายกฯ หล่อใหญ่ ดำเนินการตามใจตัวเองทันที คือ สั่งให้เจ้าหน้าที่กลับกรม กองที่ตั้ง ปล่อยให้ผู้ชุมนุมติดอาวุธแดง นปช. ทำอะไร ฆ่า ทำร้าย ประชาชนคนอื่นอย่างไรก็ได้โดยเสรี เจ้าหน้าที่อย่ามายุ่ง และ ประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกจังหวัด โดยทันทีเพื่อความปรองดอง

    วันที่ 15 เมษายน 2553 นายกฯ หล่อใหญ่ ได้แถลงว่า หลังการชุมนุมผ่านมา 3 วันทุกอย่างเรียบร้อยปกติ ซึ่งผู้ชุมนุมมีการยื่นเวลาให้ตนยุบสภาภายใน 24 ชั่วโมง ได้เชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และผู้แทนพรรคร่วมรัฐบาลมาหารือ เห็นร่วมกันว่าไม่ควรมีการยุบสภา เพราะจะเป็นเยี่ยงอย่างในวันหน้า ถ้าไม่ได้ดังใจก็ฆ่ากันเอง แล้วบอกว่ารัฐบาลต้องยุบสภา

    การย้ายผู้ชุมนุมติดอาวุธแดง นปช. ไปที่แยกราชประสงค์ โดยศาลตัดสินว่า เป็นการปิดกั้นกีดขวางเส้นทางคมนาคม และการใช้ยานพาหนะของประชาชนทั่วไป ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสำคัญ รวมทั้งเกิดความเดือดร้อนต่อการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตของประชาชน จึงเป็นการจำกัดเสรีภาพของประชาชน และกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร

    เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพการชุมนุม ที่เกินกว่าขอบเขตของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 บัญญัติไว้ ดังนั้นอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ออกข้อกำหนดและข้อประกาศห้ามแกนนำ และผู้ชุมนุมทั้งหมดออกจากพื้นที่ที่ชุมนุม ย่อมมีผลบังคับได้ทันที

    วันที่ 16 เมษายน 2553 เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอรินทราช บุกเข้าปิดล้อมโรงแรมเอสซีปาร์ค เพื่อพยายามจับแกนนำ ฯ ประกอบด้วยกีร์ อมฮอลล์ , แรมโบ้อีสาน , พายัพ, เจ๋ง และวันชนะ แต่มีเกลือเป้นหนอนแจ้งข่าวไปก่อน

    กีร์ได้โรยตัวออกทางระเบียง โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมติดอาวุธแดง นปช. กว่า 2,000 ราย คอยให้ความช่วยเหลือ หลังจากนั้นกีร์ นำกลุ่มมวลชนติดอาวุธแดง นปช. ไปล้อมเจ้าหน้าที่อีกชั้น และชิงตัวแกนนำคนอื่น ๆ ออกมาได้ในที่สุด

    ส่วน นพ.ตุลย์ แกนนำเสื้อหลากสี เดินทางมาให้กำลังใจการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ที่บริเวณด้านหน้า กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์

    วันที่ 18 เมษายน 2553 กลุ่มคนเสื้อหลากสี เครือข่ายประชาชนพิทักษ์ชาติ และเครือข่ายเฟซบุ๊ก เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อร่วมเป็นกำลังใจให้รัฐบาลทำหน้าที่ พร้อมทั้งคัดค้านการยุบสภา และไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง

    ขณะเดียวกัน มี ส.ส.เผาไทย ได้เป็นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมติดอาวุธแดง นปช. ในการตรวจค้นรถยนต์ ปล้นสะดม และปิดถนนมิตรภาพ

    วันที่ 21 เมษายน 2553 พนักงานบริษัทย่านสีลม ได้รวมตัวกันภายใต้ชื่อ เครือข่ายประชาคมชาวสีลม ออกมาชุมนุมในช่วงเวลาพักเที่ยง ต่อต้านกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง พร้อมทั้งมอบอาหารและน้ำให้กับทหาร และตำรวจที่มาดูแลรักษาความปลอดภัย

    ขณะเดียวกัน กลุ่มมวลชนติดอาวุธแดง นปช. รวมตัวชุมนุมบริเวณสถานีรถไฟขอนแก่น เพื่อสกัดไม่ให้ขบวนรถไฟลำเลียงทหาร อาวุธและยานพาหนะกว่า 20 โบกี้ออกจากสถานี

    วันที่ 22 เมษายน 2553 เวลาค่ำ กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ได้ยิงระเบิด M79 จำนวน 5 ลูกเพื่อแก้แค้นพนักงานบริษัทย่านสีลม ที่กล้าต่อต้านอิทธิพลพวกตน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของตำรวจ โดยระเบิดลงที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง หน้าโรงแรมดุสิตธานี ใต้ หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาศาลาแดง

    ส่งผลให้มีผู้ตาย 3 คน บาดเจ็บทั้งหมด 87 คน สาหัส 3 คน โดยผู้บาดเจ็บถูกส่งไปรักษาตัวตามโรงพยาบาลต่าง ๆ โดยรอบบริเวณการชุมนุม ตัวรถไฟฟ้าได้รับความเสียหาย ทำให้ระบบปรับอากาศภายในตัวรถไฟฟ้าไม่ทำงาน

    วันที่ 24 เมษายน 2553 เวลา 18.00 น. วีระ ประธาน กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. สมัยนั้น กล่าวปราศรัยว่าจะมีการปรับยุทธวิธีตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยใส้เดือนเต้น เลขาธิการกลุ่ม ฯ ขอความร่วมมือจากกลุ่มคนเสื้อแดง

    ให้ถอดเสื้อสีแดง และวางสัญลักษณ์ของ กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. เพื่อพรางตัวให้เหมือนประชาชนทั่วไป และสั่งหน่วยจักรยานยนต์ไปประจำด่าน ทั้ง 6 ด่าน จำนวนด่านละ 2 พันคัน
    ให้เสื้อแดงทั่วประเทศขัดขวางกำลังทหาร และตำรวจ จะเข้ามาในกรุงเทพ

    ให้คนเสื้อแดงกระทำและปฏิบัติตัวอย่างใดก็ได้อย่างอิสระ จะเผา ทุบทำลาย หรือปล้นสะดมอะไร หรือทำร้ายใครก็ได้ ไม่ต้องสนใจกฎหมาย พร้อมทั้งเรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ทั่วประเทศ เดินทางเข้ามาชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ เพื่อปกป้องชีวิตแกนนำให้ปลอดภัยจากอำมาตย์

    กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ที่นิยมความรุนแรง ได้ทำตามคำยุ คือ เผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น มุกดาหาร และเผาธนาคารกรุงเทพ (ปัจจุบันสามารถจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้หมดแล้ว บางคนก็ตาย บางคนก็พ้นโทษไปแล้ว และถูกฟ้องเรียกค่าชดใช้หลายร้อยล้านบาท )

    วันที่ 25 เมษายน 2553 ความเคลื่อนไหวในรูปแบบ "ขอนแก่นโมเดล" ได้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ เช่น อุดรธานี วิเชียร อดีต ส.ส.อุดรธานี เผาไทย ได้เป็นแกนนำกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. มาตั้งด่านสกัดตำรวจ อ้างว่าเพื่อป้องกันชีวิต และทรัพย์สินของกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ในกรุงเทพ

    ในขณะที่วิทยุชมรมคนรักอุดร ของขวัญควาย ก็ได้ประกาศเชิญชวนเสื้อแดงให้มาสกัดการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ พร้อมให้เรียกระดมพลให้เข้าร่วมชุมนุมที่ราชประสงค์ นอกจากการตั้งด่านสกัดเจ้าหน้าที่แล้ว บรรดากลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ยังได้มีการรีดเงิน เรียกค่าผ่านทาง ปล่อยลมยางรถทหาร และรถตำรวจ ด้วย

    วันที่ 28 เมษายน 2553 ขวัญควาย แกนนำกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ประกาศเคลื่อนขบวนไปยังตลาดไท เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมได้มาถึงฐานทัพอากาศดอนเมือง ใกล้อนุสรณ์สถานแห่งชาติ กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ได้ยิงปืนใส่ทหาร ทำให้เสียชีวิต 1 นาย

    วันที่ 29 เมษายน 2553 พายัพ แกนนำ กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ได้นำกำลังอันธพาลบุกเข้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อ้างว่าต้องการตรวจสอบตึกในโรงพยาบาล ให้การ์ดเดินตรวจตึก การ์ดเสื้อแดงกลุ่มใหญ่ติดอาวุธ ได้กระจายเข้าค้นทั่วโรงพยาบาล และบุกห้องผู้ป่วยทุกห้อง

    กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. เอาถังแก๊สโพรเพนจำนวนมาก ไปวางไต้ตึกโรงพยาบาลจุฬาฯ ขู่ว่าจะระเบิดโรงพยาบาลจุฬาฯ ทิ้งให้เป็นจุล จนโรงพยาบาลต้องอพยพพระสังฆราชที่ทรงป่วยไปโรงพยาบาลศิริราช ผู้ป่วยที่เป็นเด็กเล็ก คนชรา ที่อ่อนแอต้องหนีตายกันจ้าละหวั่น เป็นที่อเนจอนาถไปทั่วโลก และกีร์ แค้น บอกว่าจะทำให้โรงพยาบาลศิริราช เป็นจุล (ขณะนั้นเบื้องสูงพักรักษาตัวอยู่ด้วย)

    วันที่ 7 พฤษภาคม 2553 เวลา 22.45 น. กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. แค้นที่ถูกสังคมกดดันเรื่องบุกโรงพยาบาลจุฬา ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากสีลม และคนซ้อนท้ายได้ใช้ปืนกราดยิง เข้ามาใส่บริเวณกลางจุดการชุมนุมของชาวสีลม ซึ่งมีประมาณ 20-30 คน ก่อนจะขับรถหนีออกไปถนนพระรามที่ 4

    และใช้อาวุธปืนกราดยิงเข้าใส่ตำรวจที่ยืนเฝ้าที่หน้าธนาคารกรุงไทย ยานถนนสีลม มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย ทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และตำรวจทนอาวุธแดง นปช.ไม่ไหว เสียชีวิต 1 นาย

    เมื่อเวลา 01.30 น. กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ใช้ปืน M79 ยิงมาจากทางด้านแยกศาลาแดง จำนวน 3 ลูก ยิงใส่ทางเข้าสวนลุมพินี ประตู 4 ถนนพระรามที่ 4 ที่เป็นด่านตรวจของตำรวจ และทหาร มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬา และเจ้าหน้าที่ 1 นายเสียชีวิตจากกลุ่มติดอาวุธแดง นปช.

    วันที่ 12 พฤษภาคม 2553 ประชาชนคนบริสุทธิ์ ที่อาศัยในกรุงเทพ ก็มีความเดือดร้อนมากขึ้นทบเท่าทวีคูณ ผู้ชุมนุมกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. และโจรก่อการร้าย ที่แฝงตัวภายในเขตยึดครองก็เหลือน้อยลงประมาณไม่เกิน 5,000 คน แกนนำที่รับจ้างจากนายใหญ่ มาดูแลการรักษาความปลอดภัยเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท คือ เสธแดงเขาเป็นผู้ออกคำสั่งต่อพวกโจรก่อการร้ายชุดดำโดยตรง

    วันที่ 13 พฤษภาคม 2553 เสธ.แดง ถูกไส้เดือนเต้นหลอกให้ออกมาในจุดที่กำหนดไว้กับมือปืนของอารี ขณะที่เขากำลังพูดสัมภาษณ์กับนักข่าว นิวยอร์กไทมส์ ได้ถูกลอบยิงจากตึกสูงระยะไกล ด้วยฝีมือของนักซุ่มยิง กระสุนปืนเจาะเขาหัวด้านขวา ทะลุออกด้านซ้ายจนล้มคว่ำ นำตัวส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว ต่อมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลวชิระ และมีการตัดไฟฟ้า บริเวณสวนลุมพินี และแยกศาลาแดง

    มีการยิงต่อสู้กัน และระเบิดเกิดขึ้น ภายในพื้นที่ปิดล้อมของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง คืนนั้นกลุ่มชายชุดดำ นปช. ที่เป็นกองกำลังเขมร และนักรบรับจ้าง ได้ยิงคนเสื้อแดงด้วยกันเองตายทั้งสิ้น 56 ศพ

    เสธ แดง นายทหารนอกแถว ได้รับการยกย่องนับถือจากกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. จำนวนมาก เขามักจะพูดอย่างชื่นชมถึงกลุ่มกองกำลังที่เขาเรียกขานว่าเป็น “นักรบโรนิน” (นักรบซามูไรที่ไร้เจ้าไร้มูลนายที่จะสวามิภักดิ์ด้วย) ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เขาได้ฝึกอบรมอดีตทหารจำนวนหนึ่งจำนวนประมาณ 100 คน ในไร่ของนักการเมืองสังกัดเผาไทยในจังหวัดนครนายก เพื่อให้มาทำหน้าที่พิทักษ์คุ้มครองพวกเสื้อแดง

    วันที่ 14 พฤษภาคม 2553 รัฐบาลได้ส่งยานลำเลียงพลหุ้มเกราะเข้ามาล้อม กระชับพื้นที่รอบที่ชุมนุม และขอคืนพื้นที่จากการยึดครองของรัฐไทยใหม่ ตามขั้นตอนของกฎหมาย พรก.ฉุกเฉิน และทำตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง ที่ให้รัฐบาลสามารถใช้อาวุธสงครามได้หากผู้ก่อการร้ายต่อสู้ รวมทั้งตัดอาหาร ตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดการสื่อสารในบริเวณแยกราชประสงค์เกือบทั้งหมด

    ตำรวจเคลื่อนเข้าไปปิดล้อม และพยายามตัดขาดกลุ่มผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ใส้เตือนเต้น ประกาศบนเวทีว่าเสื้อแดง ต้องทำสงครามกลางเมืองกับรัฐบาล สถานทูตอเมริกันและอังกฤษที่อยู่ใกล้ถูกปิดเพื่อความปลอดภัย ช่วงบ่ายมีการปะทะกันระหว่างทหาร กับกองกำลังชายชุดดำติดอาวุธ นปช.บริเวณหน้าสนามมวยเวทีลุมพินี

    ทหารเริ่มทำการปิดล้อม 4 จุดสำคัญที่จะเข้าสู่แยกราชประสงค์ ห้ามคนภายนอกทางเข้าแยกราชประสงค์ทุกเส้นทาง แต่อนุญาตให้คนภายในออกมาได้ โดยจัดรถรับส่งรอไว้ฟรีพร้อมส่งกลับบ้านต่างจังหวัดอย่างปลอดภัย ทำให้แกนนำเผาไทยบนเวทีนั่งไม่ติด ต้องปลุกระดมมวลชนอย่างหนักให้จับอาวุธขึ้นมาต่อสู้กับทหาร

    ทำให้กลุ่มติดอาวุธแดง นปช.ที่อยู่ภายนอกรัฐไทยใหม่ ได้เริ่มทำการทยอยขนยางรถยนต์จำนวนมาก มาจากห้างอิมลาดพร้าว สถานที่ตั้ง PTV แล้วการจุดไฟเผายางรถยนต์เหล่านั้น เพื่อปั่นป่วนทหารที่กำลังกระทำหน้าที่

    การขนยางมาเผาเมืองครั้งนี้ กลุ่มเผาไทยกระทำอย่างเปิดเผย ไม่ปิดบังใด ๆ ทั้งสิ้น ใช้รถติดโลโก้ของพรรค ผ้าไวนิลคลุมยางบนรถเป็นป้ายหาเสียง มีสโลแกนเผาไทย รูป ส.ส.และชื่อ นามสกุล เสร็จสรรพเรียบร้อย ขนใส่รถมาเผาเมืองกันหน้าด้าน ๆ แบบนี้แหละ มีการเผายางรถยนต์อยู่หลายจุด เช่น แถวชุมชนบ่อนไก่ คลองเตยพระราม 4 แยกดินแดง ฯลฯ

    และเริ่มมีการยิง M79 ใส่ทหาร ที่นำกระสอบทรายมาตั้งเป็นบังเกอร์ ให้ห่างจากแนวโจรก่อการร้ายเสื้อแดงประมาณ 400 เมตรเพื่อให้พ้นระยะยิงของ M79 ถ้าหากผู้ก่อการร้ายแดงรุกคืบยางเข้ามาใกล้กว่านี้ ทหารจะใช้ปืนลูกซองยิงกระสุนยาง เตือนเข้าไปไม่ให้เข้ามาใกล้ เสียงปืนจากทหารตลอดเวลา คือการยิงลูกซองกระสุนยาง ป้องกันโจรก่อการร้ายเสื้อแดงบุบขนาบทำร้ายนั่นเอง

    การเผายางรถยนต์ของโจรก่อการเสื้อแดงช่วงนี้ เป็นพวกติดยาเสพติด และนักเลงหัวไม้ที่อยู่ในชุมชน 70 ไร่ โดยการสนับสนุนโดยน้องชายของนายสุภาพ หรือภาพ 70 ไร่ที่ติดคุกคดียาเสพติด มีการจุดไฟยางรถยนต์จำนวนมากไปทั่วกรุงเทพ ฯ และมีการเผาอาคารสำนักงานแถวบ่อนไก่ ดินแดง ไปหลายหลัง

    นำขวดเครื่องดื่มชูกำลัง มากรอกน้ำมัน เข้าไปตามคำปราศรัยแนะนำของนายกีร์ อมฮอลล์ แล้วไประดมปาใส่อาคารร้านค้า ธนาคารต่าง ๆ เพื่อทำการปล้นสดมป์เอาเงินในตู้ ATM ของกินของใช้ในร้านสะดวกซื้อ และมีการขว้างระเบิดเชื้อเพลิงใส่ทหาร และใช้อาวุธประดิษฐ์คล้ายจรวดยิงดินระเบิดใส่ทหาร และใช้ยางรถยนต์ที่ขนมาเป็นบังเกอร์

    มีการลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิง และจุดไฟเผาอาคารร้านค้าต่าง ๆ เพื่อเข้าไปชิงทรัพย์สินมีค่าที่อยู่ภายใน ทำให้ตลอดเกือบสัปดาห์พื้นที่กรุงเทพ ฯ ปกคลุมไปด้วยหมอกควันและกลิ่นยางไหม้และมลพิษ

    โจรก่อการร้ายเสื้อแดง ยังอำมหิตโดยการนำเด็กตัวเล็ก ๆ มาผูกผ้าสัญลักษณ์แดง นปช.เพื่อเป็นเป้าล่อมีชีวิตให้ทหารยิง จะได้รุมประณามรัฐบาล ช่างไม่มีความเป็นคนหลงเหลือเลย แต่ทหารไม่หลงกล

    ** ถ้าอยากรู้ว่าชายชุดดำ มีความเป็นอยู่อย่างไร อ่านตอนที่ 2



    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai?ref=profile
     
  8. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    วันที่ 14 ก.ย.57 แฉ..บันทึกลับสีดำไขปริศนา ใครคือชายชุดดำ ยิงคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์ (ตอน 2)

    ตอนที่แล้ว กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. มีการลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิง และจุดไฟเผาอาคารร้านค้าต่าง ๆ เพื่อเข้าไปชิงทรัพย์สินมีค่าที่อยู่ภายใน ทำให้ตลอดเกือบสัปดาห์พื้นที่กรุงเทพ ฯ ปกคลุมไปด้วยหมอกควันและกลิ่นยางไหม้และมลพิษ

    โจรก่อการร้ายเสื้อแดง ยังอำมหิตโดยการนำเด็กตัวเล็ก ๆ มาผูกผ้าสัญลักษณ์แดง นปช.เพื่อเป็นเป้าล่อมีชีวิตให้ทหารยิง จะได้รุมประณามรัฐบาล ช่างไม่มีความเป็นคนหลงเหลือเลย แต่ทหารไม่หลงกล

    ทั้งสองฝ่ายมีการยิงตอบโต้กันไปมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และช่วงเย็นมีการปะทะกันบริเวณหน้าสวนลุมไนท์บาซาร์ กลุ่มกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ได้ย้ายไปปักหลักบริเวณแยกประตูน้ำ ถนนราชปรารภทั้งสองฝั่ง และบริเวณสถานีรถไฟฟ้าราชปรารภ

    ทหารซึ่งประจำการบริเวณแยกบ่อนไก่ ถนนพระรามที่ 4 ได้รุกคืบเข้าควบคุมพื้นที่อีกครั้ง ด้วยการวางแนวลวดหนาม หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมมานำออกไป ทหารใช้แก๊สน้ำตาเข้าช่วยยึดคืนพื้นที่ ต่อมาสถานทูตแคนาดาถูกปิด เพื่อความปลอดภัย

    ในเวลาใกล้เคียงกัน เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นหน้าเวทีคนเสื้อแดง โดยมีการขัดแย้งและยิงกันเอง มีระเบิดควันขว้างลงมาหลังเวที ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 15 คน ช่วงพลบค่ำทหารเคลื่อนรถหุ้มเกราะเข้าไปยังแยกศาลาแดง พร้อมกันนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าต่อต้านด้วยการขว้างระเบิดขวด และระเบิดควันเข้าใส่ พร้อมระดมยิงด้วยอาวุธนานาชนิดใส่ทหาร

    เวลา 21.00 น. บริเวณถนนสาทร ทหารตั้งแนวป้องกันปิดถนน ไม่ให้ประชาชนผ่านเข้าไปยังถนนพระรามที่ 4 ตามประกาศของ ศอฉ. โดยห้ามประชาชน ขับรถเข้ามาตามถนนสาทร มุ่งหน้าถนนพระรามที่ 4 ด้วย ช่วงกลางคืนนี้ชายชุดดำติดอาวุธ นปช. อาละวาดอย่างหนัก ได้ลอบยิงผู้ชุมนุมเสื้อแดงทุกคนที่พบ ตายอย่างน้อย 16 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 157 คน เพื่อใส่ร้ายทหาร

    ในโลกลึกลับรัฐไทยใหม่ ที่มีสายลับทางการแฝงตัวเข้าไปนั้น กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ในสังกัดเผาไทย นี้มีตัวตนอยู่จริงๆ มีการจัดองค์กร, การซ่อนตัว, และการออกปฏิบัติการมีความเหี้ยมโหด มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. กับแกนนำมวลชนเสื้อแดง

    เช่น นายอรุณ ที่บุกทุบรถนายก ฯ หล่อใหญ่หมายเอาชีวิตเมื่อปี 52 ที่กระทรวงมหาดไทย เขาเป็นการ์ดขอเสธแดง และคนใกล้ชิดกับ บิ๊กจิ๋ว , นายศรชัย ยักษ์ใหญ่ หัวหน้าการ์ด นปช. คนสนิทเสธแดง สูงประมาณ 180 เซนติเมตร ใบหน้าเหลี่ยม ตัดผมสั้นเกรียน ผิวคล้ำ อายุประมาณ 35-40 ปี ชอบทุบตีนักข่าว และผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่คิดจะหนีการที่ชุมนุม (ปัจจุบันถูกจับที่ปราจีน)

    นายจรัล รูปร่างสูงใหญ่ มักร่วมกับนายยักษ์ใหญ่ ในการฉกและปล้นทรัพย์ผู้หญิงที่ต้องทำงานอยู่ในเขตยึดครองรอบราชประสงค์ โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช.เขมร และนักรบรับจ้าง เหล่านี้อยู่ระหว่างการเตรียมตัว เพื่อออกทำศึกสู้รบสงครามกลางเมืองกับทหารไทย เมื่อขาดไร้ซึ่งการนำของ เสธ แดง เสียแล้ว ทำให้โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ตกอยู่ในภาวะสับสนอลหม่านอย่างเห็นได้ชัดเจน

    ระเบียบวินัยภายในป้อมค่ายรัฐไทยใหม่ ของพวกเสื้อแดงอยู่ในสภาพเสื่อมทรุด เหล้าถูกนำมาดื่มกินกันอย่างเสรี กลายเป็นการเติมเชื้อให้เกิดการใช้อารมณ์โกรธขึ้งเข้าใส่กัน รวมถึงการทะเลาะเบาะแว้ง ต่อสู้ชกต่อยกันเองด้วยกำปั้น ในวันนั้นเองโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. คนหนึ่งได้ยิงปืนไรเฟิลสังหารแบบ TAR-21 ทำในอิสราเอล ซึ่งยึดมาได้จากฝ่ายทหารเมื่อเดือนเมษายน 53 เข้าใส่เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพลำหนึ่ง ที่มาบินอยู่เหนือที่ชุมนุม

    โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. หลายๆ คนพยายามเบ่งบารมี เพื่อช่วงชิงฐานะความเป็นลูกพี่ใหญ่ในหมู่กองกำลังนี้ ที่ตกอยู่ในสภาพสับสนไร้ระเบียบ แต่ผู้ที่กำลังมีบทบาทเป็นผู้สั่งการในเวลานี้คือชายไว้เครา ผู้แทบไม่พูดอะไรเลย เขาอ้างว่าเป็นผู้รับผิดชอบที่นี่ โดยเขาอ้างว่าเป็นมือรองจาก เสธ แดง รับมอบอำนาจบังคับบัญชา

    ชายร่างบึกบึนกำยำ ซึ่งมีเคราที่ถักเป็นกระจุกผู้หนึ่ง สั่งคำพูดเข้าไปในวิทยุรับส่งคุณภาพสูง ระดับที่ใช้กันในหน่วยทหาร ขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงคาบบุหรี่เอาไว้ “แฮปปี้เบิร์ธเดย์” เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษ ไม่กี่อึดใจต่อมา ก็มีเสียงระเบิดกัมปนาทขึ้น จากจุดที่อยู่ห่างออกไป พวกนี้มีการวางระเบิด เหมือนในสมรภูมิสงครามด้วย

    กลุ่มคนเสื้อแดงกลุ่มย่อมๆ ที่อยู่รายล้อมเขา ต่างแสดงความสะใจ พากันตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “แฮปปี้เบิร์ธเดย์” ตลอดคืนต่อจากนี้ มีการเฉลิมฉลองด้วยการเปล่งรหัสลับทำนองเดียวกันนี้อีกหลายๆ หนพร้อมเสียงระเบิดอย่างรุนแรง

    โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เหล่านี้ไม่ใช่การ์ดรักษาความปลอดภัยสวมชุดดำตามปกติซึ่งว่าจ้างมาโดย แกนนำมวลชน นปช. แต่พวกนี้เป็นโจรก่อการร้ายชุดดำ ที่มีการฝึกฝนมาอย่าดี พกพาอาวุธปืนร้ายแรงตลอดเวลา มีอาวุธสงครามหนักเต็มเพียบ และพวกเขายอมรับเองว่า มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยง อยู่กับบุคคลระดับแกนนำเสื้อแดงของ นปช. ด้วย

    โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เหล่านี้ประกอบไปด้วยอดีตทหารคอมมานโด ที่เคยทำหน้าที่สู้รบกับพวกคอมมิวนิสต์ กองกำลังนักรบเขมร แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยรุ่นอายุกว่า 20 ปี ต้นๆ เท่านั้น จำนวนมากเคยเป็นพลร่มมาก่อน มีคนหนึ่งบอกว่าอดีตเคยอยู่กองทัพเรือ แต่ส่วนใหญ่แล้วมีภูมิลำเนาจากพื้นที่ต่างจังหวัดเหมือนกัน ส่วนมากเป็นจังหวัดทางภาคอีสาน

    จุดประสงค์ของพวกนี้เพื่อทำหน้าที่เป็นกองกำลัง ซึ่งจะทำให้ฝ่ายเสื้อแดงมีความทัดเทียมกับกองกำลังทหารของไทย และมีบางคนถูกคำสั่งลับมาให้คอยลอบยิงผุ้ชุมนุมเสื้อแดงทุกคน ที่มีจังหวะให้ เพื่อโดยความผิดให้ทหาร ดังนั้นจากการชันสูตรศพผู้ตายทั้งหมด หัวกระสุนจึงเป็นคนละชนิดกับของทางราชการ

    โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. กลุ่มนี้บางคนใส่เสื้อแจ๊กเกตสีดำ เพื่อช่วยอำพรางอาวุธปืนที่พวกเขาพกพาติดตัวให้มิดชิด ทันทีที่ดวงอาทิตย์ตกดิน หีบห่อรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่ห่อคลุมด้วยผ้าพลาสติกสีดำ ก็ถูกขนเข้ามาในเต็นท์ต่างๆ ในบริเวณสวนลุมพินี หีบห่อเหล่านี้ขนมาจากภายในเขตพื้นที่ชุมนุม

    โดยลำเลียงผ่านมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีตำรวจมะเขือเทศเป็นใส้ศึก ผ่านโรงพยาบาลตำรวจ เข้าไปยังพื้นที่การชุมนุม โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. จะมีการเคลื่อนย้ายระหว่างเต็นท์ต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง เพื่อไม่ให้ฝ่ายทหารไทยติดตามร่องรอยได้

    มีโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เป็นชุดๆ ละประมาณ 25-30 คน หมอบอยู่ในความมืดภายในเต็นท์ วิทยุรับส่งหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งมีส่วนที่สามารถสะท้อนแสงต่างๆ จะถูกคลุมปิดด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ และปิดโทรศัพท์มือถือด้วย

    หน่วยพยาบาล ของโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ปลอบใจสายลับว่า “ไม่ต้องกลัวหรอกปลอดภัย น่ะ” พร้อมกับให้ดูผ้าใบกันน้ำหลายๆ ชั้น ที่คอยปิดบังไม่ให้ทหารที่อาจจะอยู่ภายนอกมองเห็นถึงพื้นที่หลบซ่อนตัวอยู่กับพวกเขา

    โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เหล่านี้ มีไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่เป็นกองกำลังโจรก่อการร้ายชุดดำกึ่งทหาร พวกเสื้อดำธรรมดาที่เหลือ เป็นพวกที่ทำหน้าที่สนับสนุน และจัดหาจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ที่พวกถืออาวุธต้องการ บางคนทำหน้าที่ติดต่อประสานงาน คนอื่นๆ จัดหาน้ำ, กาแฟ, เครื่องดื่มชูกำลัง โจรก่อการร้ายชุดดำเหล่านี้ จัดโครงสร้างเหมือนเป็นทหารหน่วยหนึ่ง

    โดยมีทั้งพลวิทยุสื่อสาร และพลพยาบาลครบครัน พวกเขาผ่านการฝึกอบรมเรื่องการใช้วัตถุระเบิด และอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มาแล้ว มีความรู้ในการจัดการกับระเบิดพลาสติก ตลอดจนมีความสามารถที่จะวางระเบิดเอาไว้รอบๆ แนวที่ตั้ง ในแบบที่สามารถจุดชนวนระเบิดจากที่ไกลออกไปได้

    สำหรับคนเสื้อแดง ที่อยู่ข้างในรัฐไทยใหม่แล้ว เป็นความลับที่รู้กันไปทั่วอยู่แล้วว่ากลุ่มคนถืออาวุธเหล่านี้เป็นใคร และไม่ใช่ความลับอะไรเลย ในเรื่องมีระเบิดจำนวนหนึ่งวางเอาไว้ตามแนวเครื่องกีดขวาง และเชื่อมโยงเข้าด้วยกันโดยสายไฟสีทึมๆ พร้อมที่จะสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วง แก่ทหารในกองทัพ ที่จะยกกำลังบุกเข้ามา

    เมื่อดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า เบื้องหลังป้อมปราการที่กำหนดเขตแดนรัฐไทยใหม่ ด้วยแนวรั้วเครื่องกีดขวางที่สร้างขึ้นจากไม้ไผ่ และยางรถยนต์ โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เริ่มรู้สึกหงุดหงิดกังวลใจเกี่ยวกับพลแม่นปืนของกองทัพ เพราะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้รู้สึกโกรธเกรี้ยว และอึดอัด

    ในที่สุดก็มีเสียงวิทยุเรียกเข้ามาจากการ์ดของแดง นปช.ผู้หนึ่งว่า กองทัพกำลังประสบความสำเร็จในการเข้าประจำที่มั่นแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับสี่แยกประตูน้ำ ที่ตั้งอยู่ตรงแนวขอบด้านเหนือของย่านการค้า ที่พวกคนเสื้อแดงยึดครองอยู่ ทหารยังกำลังผลักดันผู้ประท้วงตรงบริเวณนั้น พวกเขาจึงต้องการความช่วยเหลือ

    ปืนไรเฟิลสังหารทั้งแบบ M16 และ AR-15 ถูกนำออกมาจากที่ซุกซ่อน ในสภาพที่ห่อด้วยผ้าพลาสติก บางกระบอกก็ถูกนำออกมาจากภายในชุดเครื่องแต่งกาย ของพวกโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เอง ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที กลุ่มโจรติดอาวุธเหล่านี้ ก็บรรจุกระสุนเข้าไปแมกกาซีน และเสียบแมกกาซีนเข้าที่จนเสร็จเรียบร้อย

    กลุ่มนี้เริ่มเครียด เพราะกระสุนกำลังเหลือน้อยแล้ว โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. แต่ละคนจึงได้รับกระสุนติดตัวคนละไม่เกิน 30 นัด เครื่องยิงระเบิด M79 และลูกระเบิด อยู่ในกระสอบใบใหญ่ที่พวกเขากำลังถืออยู่ เมื่อเวลาเลย 3 ทุ่มไป โจรก่อการร้ายชุดดำที่อยู่ใกล้สายลับ จำนวน 12 คน ก็พากันลุกขึ้นและรีบเร่งออกไปอย่างเงียบๆ

    เพื่อเข้าสู่ความมืดมิด ไปทำหน้าที่ในการสร้างการบาดเจ็บ ล้มตาย และในความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ คนเสื้อแดงที่ไม่รู้อะไรเลย และทหารภายนอกรัฐไทยใหม่ เสียงยิงปืนแผดก้องปะทุขึ้นจากพื้นที่ต่างๆ รอบๆ อาณาบริเวณของเขตคนเสื้อแดง เริ่มจากทิศทางของสี่แยกประตูน้ำ

    ต่อมาก็จากจุดต่างๆ ตามแนวถนนพระราม 4 ยุทธวิธีของพวกโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. คล้ายกับพวกนักรบจรยุทธ์ และมือซุ่มยิงที่ผ่านการฝึกอบรมมา นั่นคือระดมปล่อยกระสุนปืนออกไปเป็นชุดสั้นๆ มีการลอบโจมตีทหารทหารด้วยอาวุธหนัก M79 จำนวนมาก จากนั้นก็ย้ายที่กำบังตัว

    พวกนี้สร้างความปั่นป่วนให้ทหารของกองทัพไทย ซึ่งได้รับการฝึกแบบธรรมดาๆ อยู่ตลอดทั้งคืน วนเวียนตามยิงรังควาญ และไม่ยอมให้ทหารที่ล้อมไว้เฉย ๆ ภายนอกได้นอนหลับพักผ่อน

    วันที่ 15 พฤษภาคม 2553 ทหารประกาศจัดตั้ง "เขตยิงกระสุนจริง" ตามมาตรฐานสากลป้องกันการก่อการร้าย ในหลายพื้นที่ใกล้กับกลุ่มผู้ชุมนุม สายลับรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมภายในขาดแคลนน้ำ และอาหาร จากการปิดกั้นของเจ้าหน้าที่ และอาจชุมนุมต่อไปได้อีกเพียงไม่กี่วัน กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มบุกเข้าปล้นสะดม ลักโขมยร้านค้าใกล้เคียง

    กลางวันมีการปล้นธนาคาร ATM เกือบทุกตู้ถูกทุบเพื่องัดเอาเงินภายใน พอตกถึงตอนกลางคืนโจรโม่งชุดดำและเสื้อแดงพร้อมอาวุธปืนก็ออกปล้นสดมป์ไปทั่วรอบพื้นที่การชุมนุม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างหนัก

    วันที่ 16 พฤษภาคม 2553 เมื่อถึงเวลา 6 โมงเช้า พวกโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ก็เดินกลับเข้ามาในที่มั่น โดยได้รับการยิงคุ้มกันจากบั้งไฟยักษ์ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของคนเสื้อแดงที่มารวมตัวกัน โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เหล่านี้ มีท่าทางเหนื่อยอ่อนอย่างเห็นชัด ต่างขนแบกข้าวของที่ช่วงชิงเอามาได้ในคืนนั้น เป็นต้นว่า เสื้อเกราะ, โล่ปราบจลาจล, ไม้กระบอง, หมวกเหล็ก, ไฟฉาย, และสิ่งของอื่นๆ ที่ได้มาจากทหารไทย

    บางชิ้นพวกเขาก็แจกจ่ายให้แก่ผู้ที่มารุมล้อม ในฐานะเป็นของที่ระลึก แต่โจรก่อการร้ายชุดดำเหล่านี้ ก็ก่อให้เกิดความตายของผู้บริสุทธิ์ และความวุ่นวายปั่นป่วน การใช้ความรุนแรงของพวกเขา ทำให้ชีวิตผู้บริสุทธิ์ และคนเสื้อแดง จำนวนหนึ่งต้องตายลงไป รวมทั้งเป็นชนวนกระตุ้นให้คนอีกหลายสิบคนต้องพบกับความตายไปด้วย

    รัฐบาลขณะนั้น จึงสงสารได้กระตุ้นให้ผู้ชุมนุมเด็ก และผู้สูงอายุออกจากพื้นที่ชุมนุม ทำให้ภายในรัฐไทยใหม่เกิดข่าวลือความกลัว ระส่ำระสายว่าจะมีการสลายการชุมนุมตามมา แกนนำแดง นปช. เริ่มลอกลวงเป่าหู กลุ่มผู้ชุมนุมว่าสื่อต่างประเทศ เช่น CNN BBC รอยเตอร์ และอื่น ๆ ไม่สามารถเชื่อถือได้

    เนื่องจากสำนักข่าวเหล่านี้มีอคติ ทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรง จากผู้สนับสนุนชาวต่างประเทศ ส่งผลให้นักข่าวต่างชาติภายในรัฐไทยใหม่ ตกเป็นเป้ากระสุนจากกลุ่มคนเสื้อแดง ที่กำลังสับสนอย่างหนักทันที

    ระหว่างวันที่ 14-16 พฤษภาคม มีผู้เสียชีวิต 31 ศพ บาดเจ็บ 230 คน รับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล 83 ราย ในจำนวนนี้ต้องรักษาตัวในห้องไอซียู 12 ราย จากฝีมือของโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เหล่านี้ เพื่อป้ายสีทหาร

    ช่วงวันท้ายๆ ของการชุมนุม โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. หลายคนเริ่มเปลี่ยนมาใส่ชุดพราง แต่งตัวคล้ายทหาร เพื่อทำให้ทหารไทยสับสน และสามารถยิงหัวคนเสื้อแดงเล่น ตามแต่ต้องการได้ทันที เพื่อให้คนที่เห็นเข้าใจผิดว่าเป็นทหารไทยทำ พวกนี้มีอาวุธปืน ระเบิดร้ายแรงครบมือ มีความเกี่ยวพันกับการตาย 6 ศพที่วัดปทุมวนาราม ด้วย

    ตอนนี้แกนนำมวลชนแดง นปช.รู้ตัวว่าแพ้แน่แล้ว ดังนั้นจึงคำสั่งลับด่วนจากคนแดนไกล ผ่านแกนนำแดง นปช. ให้กองโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. คอยจังหวะ และเวลาในการยิงผู้ชุมนุมเสื้อแดงด้วยกันเองให้มากที่สุด และยิงทหาร เพื่อป้ายสีให้ทั้ง 2 ฝ่ายเข้าใจผิดกัน

    วันที่ 17 พฤษภาคม 2553 จากผลของแกนนำเสื้อแดง ประกาศให้มวลชนโจมตีชาวต่างชาติ ส่งผลให้มีชาวต่างชาติ บาดเจ็บ จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย ชาวแคนาดา ชาวโปแลนด์ ชาวพม่า ชาวไลบีเรีย ชาวอิตาลี และนิวซีแลนด์

    เฮลิคอปเตอร์ทหาร ได้โปรยใบปลิวเหนือรัฐไทยใหม่ ที่ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยกระตุ้นให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ตอบโต้โดยการยิงพลุตะไลใส่เฮลิคอปเตอร์ ค่ายผู้ชุมนุมถูกล้อมอย่างสมบูรณ์ และรัฐบาลประกาศเส้นตายให้สลายการชุมนุมก่อนเวลา 15.00 น. การปะทะกันยังคงดำเนินต่อไป

    วันที่ 17 พฤษภาคม 2553 การปะทะกันอย่างประปรายดำเนินต่อไป แต่มีความรุนแรงน้อยกว่าการเผชิญหน้าครั้งก่อน ๆ มาก เพราะโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. หร่อยหรอลง กำลังพลและรถหุ้มเกราะทหารไทย มารวมตัวอยู่โดยรอบบริเวณที่ชุมนุม และประกาศกระตุ้นให้ประชาชน และกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่

    พร้อมทั้งประกาศว่ากำลังจะดำเนินปฏิบัติการทางทหารในอีกไม่ช้า หลังจากนั้นไม่นาน ทหารพร้อมด้วยรถหุ้มเกราะบุกเข้าไปผ่านสิ่งกีดขวางหลักของกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงอื่น ๆ จุดน้ำมันก๊าดใส่สิ่งกีดขวาง เพื่อขัดขวางการรุกคืบของเจ้าหน้าที่ และปิดบังทัศนียภาพ

    และมีนักข่าวต่างชาติเสียชีวิต ชื่อโปเลนกี ฟาดิโอ ชาวอิตาลี จากฝีมือของ โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช.

    ** ใครอยากรู้ว่า ใครเป็นคนฆ่า 6 ศพวัดปทุมอ่านตอนต่อไป...



    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai?ref=profile
     
  9. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    วันที่ 15 ก.ย.57 แฉ..บันทึกลับสีดำไขปริศนาโลกตะลึง ใครฆ่า 6 ศพวัดปทุม (ตอนจบ)

    รัฐบาลสมัยนั้น ประกาศว่ากำลังจะดำเนินปฏิบัติการทางทหารในอีกไม่ช้า หลังจากนั้นไม่นาน ทหารพร้อมด้วยรถหุ้มเกราะบุกเข้าไปผ่านสิ่งกีดขวางหลักของกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงอื่น ๆ จุดน้ำมันก๊าดใส่สิ่งกีดขวาง เพื่อขัดขวางการรุกคืบของเจ้าหน้าที่ และปิดบังทัศนียภาพ และมีนักข่าวต่างชาติเสียชีวิต ชื่อโปเลนกี ฟาดิโอ ชาวอิตาลี จากฝีมือของ โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช.

    มีการปล้นสดมป์ประชาชนที่ต้องเข้าไปทำงานในเขตยึดครองรัฐไทยใหม่ แต่นายก ฯ หล่อใหญ่ก็อึดขั้นเทพ ไม่ยอมอ่อนข้อตามคำขู่กรรโชกเอาประเทศ ของนักเรียกค่าไถ่ กลุ่มเผาไทย มีการเจรจากันผ่านทีวีเปิดเผย เจรจาลับ นายก ฯ เสนอแผนปรองดอง ให้รองนายก ฯ กำนันสมัยนั้น ไปมอบตัวที่ DSI ให้กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปเจรจา

    ให้สมาชิกวุฒิสภาสายเสื้อแดงไปเจรจา ทุกอย่างถูกนายใหญ่ และแกนนำกลุ่มเผาไทยปฏิเสธและเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใหม่อยู่เรื่อย ๆ เมื่อได้อย่างใดตามต้องการแล้ว ก็จะเพิ่มเงื่อนไขใหม่เข้ามาทดแทนอยู่ตลอดเวลา เป็นความต้องการแบบไม่ที่สิ้นสุด

    วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 แกนนำกลุ่มเสื้อแดงขอเจรจา ทางรัฐบาลปฏิเสธโดยยืนกรานว่า ผู้ชุมนุมต้องสลายตัวก่อน กองทัพได้เริ่มการขอคืนพื้นที่เต็มรูปแบบ โดยใช้รถหุ้มเกราะฝ่าสิ่งกีดขวางของกลุ่มคนเสื้อแดง ทหารได้รับบาดเจ็บจากระเบิดสาหัส จาก M79 ของโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช.

    แกนนำแดง นปช. เห็นว่าแพ้แน่ จึงขึ้นเวทีประกาศของเอาตัวรอด และยอมมอบตัวต่อตำรวจ ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่โห่ไล่แกนนำฯ และไม่ยอมมอบตัวต่อทางการเหมือนกับแกนนำ การปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุม กับกองทัพยังคงดำเนินต่อไปในหลายส่วนของกรุงเทพ

    เกิดเหตุการณ์เผาตลาดหลักทรัพย์ ธนาคาร ศูนย์การค้าอย่างน้อยสองแห่ง รวมทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และสิ่งกีดขวางถูกตั้งขึ้นเพื่อกีดขวางทหาร ก่อนเที่ยงเจ้าหน้าที่สามารถยึดพื้นที่โดยรอบสวนลุมพินีไว้ได้ จากการเข้าตรวจที่เกิดเหตุโดยรอบ

    ได้พบศพผู้เสียชีวิต 2 ศพ เป็นชายคาดว่าเป็นการ์ดเสื้อแดง อยู่ที่ด้านหลังแนวบังเกอร์ ถนนราชดำริ ในสภาพที่ถูกจ่อยิงเข้าบริเวณศีรษะโดยโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ต่อมาเวลา 23.00 น. ได้รับการยืนยันจากพระภิกษุ ภายในวัดปทุมวนาราม ว่ามีผู้เสียชีวิตในวัด

    เหตุสังหารหมู่ 6 ศพในวันปทุมวนาราม ผู้ตายทั้งหมดถูกยิงด้วยกระสุนปืน เสียชีวิตวันที่ทหารเข้าทำการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ที่สี่แยกราชประสงค์ ตามที่เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมา 4 ปีว่า ฝ่ายไหนเป็นคนลงมือสังหารโหดครั้งนี้ ใครเป็นฆาตกร หรือเสื้อแดงฆ่ากันเอง เพื่อต้องการสร้างสถานการณ์ให้เลวร้าย และโยนความผิดให้กับทหาร

    ต่อไปนี้ ปริศนาในการสังหารหมู่ 6 ศพ จะถูกไขข้อเท็จจริงออกมาให้โลกได้รับรู้ว่าใครคือฆาตกรอำมหิตตัวจริง อันเป็นข้อเท็จจริง ที่มาจากคำให้การของประจักษ์พยาน ที่เป็นเหยื่อที่รอดชีวิตจากการถูกสังหารหมู่ในเหตุการณ์เดียวกันนั้น

    พยานเป็นคนภาคอีสาน ได้แจ้งชื่อนามสกุล และภูมิลำเนาแก่ ตำรวจทุ่งมหาเมฆไว้แล้ว ( เพื่อความปลอดภัยของพยาน จึงขอไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว) สาเหตุที่พยานเข้ามาในที่ชุมนุมคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์ เพราะถูกว่าจ้างให้มาทำบั้งไฟ แต่ไม่ได้รับค่าจ้างตามที่ตกลง จึงได้หลบหนีออกมา จากนั้นถูกตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ควบคุมตัวไว้ แล้วพยานได้ให้ปากคำบอกเล่าเหตุการณ์สังหารหมู่ 6 ศพในวัดปทุมฯ มีรายละเอียดดังนี้

    เมื่อมาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงแล้ว เขาให้นายอ้อ พาไปหาพี่ชายของเขา ชื่อ ศักดา ที่พักอยู่ที่พัก ที่ซอยกำนันแม้น 11 ซึ่งเขาเคยมาที่ดังกล่าวมาก่อน นายอ้อ จึงพาเขาขึ้นแท็กซี่ไปยังที่ดังกล่าว ส่วนนายเล่ กับพวก 5 คน นั้นได้แยกไปที่ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ เมื่อพบพี่ชายของเขาแล้ว นายอ้อ ก็แยกตัวกลับไป

    โดยบอกเขาว่า ให้ไปพบที่บริเวณแยกศาลาแดง ใกล้พระรูป ร.6 นายอ้อ จะอยู่ที่เต็นท์แรกที่บริเวณแยกศาลาแดง ต่อมาเช้าวันที่ 9 พฤษภาคม 2553 เขาจึงขับรถจักรยานยนต์ของพี่ชายเป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ทะเบียน จำไม่ได้ ไปยังแยกศาลาแดง เขาไปไม่ถูกแต่ได้ถามเส้นทางไปตลอดทาง

    เมื่อถึงแยกศาลาแดงแล้ว เขาได้ขับรถไปจอดข้างสวนลุมฯ เลยพระรูป ร.6 เข้าไปข้างใน ไม่ทราบตรงจุดใด แล้วไปหน้าพระรูป ร.6 ได้พบนายอ้อ แล้วได้พาเขาไปหลังเวทีปราศรัยที่แยกราชประสงค์ พบนายเล่ กับพวกรวม 5 คน และคนอื่นไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดอีกรวมประมาณ 20 คนเศษ นั่งทำบั้งไฟกันอยู่ เขาจึงได้ทำบั้งไฟอยู่ที่บริเวณดังกล่าวจนได้ 200 บั้ง แล้วหยุดทำ

    ส่วนค่าจ้างนายอ้อ บอกว่าเสร็จงานแล้วจะจ่ายเงินค่าจ้างทำบั้งไฟให้ แต่ไม่ได้บอกว่าเสร็จงานเมื่อใด และเขาก็ไม่ทราบว่าเสร็จงานเมื่อใด คนทำบั้งไฟคนอื่นก็ไม่ได้เงินค่าจ้างทำเช่นเดียวกับเขา เมื่อทำบ้องไฟเสร็จแล้ว ก็ไปนอนเฝ้ารถจักรยานยนต์ที่เขาจอดไว้ ซึ่งอยู่บริเวณที่มีการชุมนุม และมีผู้ชุมนุม นอนอยู่บริเวณใกล้เคียงเต็มไปหมด และวันต่อๆ มาเขาก็ไปทำบั้งไฟอีก วันละ 200 บั้งทุกวัน

    แต่ก็ยังไม่ได้เงินค่าจ้าง จึงไม่อยากทำบ้องไฟ และอยากจะหนีออกไปที่มีการชุมนุมดังกล่าว แต่ออกไปไม่ได้ เนื่องจากมีโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ปิดล้อมอยู่ทุกด้าน และข่มขู่ไม่ให้ออกไป ต่อมาวันที่ 16 พฤษภาคม 2553 เวลาประมาณ 08.00 น. เขา นายเล่ กับพวกอีก 5 คน คิดจะหนี จึงเข้าไปอยู่ในวัดปทุมวนาราม เป็นที่พักอาศัย และอาศัยข้าววัดกิน แต่ออกไปไม่ได้ เพราะกลัวถูกยิง และไม่มีเงิน

    จนกระทั่งวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เวลากลางวัน (เวลาเท่าใดไม่ทราบแน่ชัด) เขา นายเล่ กับพวกอีก 5 คน มีความกดดันมาก หมดความอดทน จึงหนีออกจากวัด จึงได้พากันหนีออกจากประตูวัดด้านใกล้แยกถนนอังรีดูนัง โดยนายเล่ กับพวกรวม 5 คน นั้นนำหน้าออกประตูวัด เขาตามหลัง

    พบโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ใส่หมวกไหมพรมประมาณ 5-6 คน ถือปืนยาวทุกคน อยู่ที่บริเวณประตูวัดดังกล่าว ได้ยิงปืนใส่นายเล่ กับพวกต่อหน้าเขา จึงไม่กล้าออกไป และได้แอบดูเห็นชายโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ดังกล่าวได้ลากศพนายเล่ กับพวก ไปเผายังบังเกอร์บนถนนบริเวณหน้าวัด

    ต่อมาประมาณ 14.00 น. ของวันเดียวกัน เขาคนเดียว จึงแอบหนีด้านหลังวัด เลาะตามลำคลองไปทางขวามือไปเรื่อยๆ แล้วไปหลับในป่าข้างลำคลอง ไม่ทราบบริเวณใด เมื่อสว่างแล้วเดินเลาะลำคลองไปอีกสักพักพบสะพานข้ามคลอง ไม่ทราบบริเวณใด แล้วเลี้ยวขวาตรงมาปรากฏว่าพบสวนลุมพินี จึงจำได้

    จึงเดินมายังรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ จึงขับรถออกไปแล้วพบ ตำรวจพาตัวเขามาที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ จึงได้ให้ข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นให้ทราบ คำให้การของพยานเด็กหนุ่มคนรับจ้างทำบั้งไฟ เป็นภาพสะท้อนได้อย่างดีว่า นายใหญ่วางแผนนี้มาตั้งแต่ต้น เพื่อยกระดับให้ตนเองในสายตาชาวโลก และ สะท้อนความจริงที่ว่า มีกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ติดอาวุธสงคราม พร้อมที่จะสาดกระสุน ใส่คนที่ต้องการก้าวพ้นจากธรณีประตูวัดอย่างโหดเหี้ยม ไร้ความปราณี

    เผยความจริงจากคำให้การพยานนี้ จะเห็นภาพเหตุการณ์ภายในวัดปทุมวนาราม คือ การสังหารหมู่ภายในวัดปทุม ฯ โดยการกระทำของโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เกิดขึ้นตั้งแต่ วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ช่วงบ่าย การสังหารโหดนี้ เกิดขึ้นทันที ที่มีผู้พยายามจะก้าวเท้าออกจากวัด ดังนั้นกลุ่มของเด็กหนุ่มผู้นี้ จะไม่ใช่กลุ่มเดียวที่ถูกฆ่าโหด

    เพราะท่ามกลางห่ากระสุน และเสียงระเบิด ต่างๆ นานาวันนั้น จะมีคนจำนวนไม่น้อยที่จิตตก เกิดความหวาดกลัวต่อสถานการณ์ จนพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะออกจากวัดแห่งนั้น คนที่ออกจากวัดปทุมวนาราม ก็จะเจอ “มัจจุราชชุดดำ นปช.” ที่ยืนดักฆ่าอยู่หน้าประตูวัดทันที

    ส่วน 6 ศพนี้ มีการระบุถึงห้วงเวลาการเสียชีวิต น่าจะอยู่ในช่วงตะวันตกดิน ศพทั้งหมดมีการชันสูตรแล้วพบว่า ถูกยิงจากวิถีกระสุนในระนาบเดียวกัน มิใช่มุมสูงจากสกายวอล์ค หรือบริเวณรางรถไฟฟ้าบีทีเอส

    ผลการตรวจ DNA จากกองเลือดภายในวัดของคุณหญิงหมอ ซึ่งพยานระบุว่าเป็นจุดที่ น.ส.กมนเกด เสียชีวิต กลับพบว่า นอกจาก DNA จะไม่ตรงกับของ น.ส.กมนเกด แล้ว ยังไม่ตรงกับศพใด ๆ ใน 6 ศพ ที่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือของเผาไทยอีกด้วย ??? และคุณหญิงหมอ ตรวจแล้วคนยิงมาจากข้างล่าง คือ โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ไม่ใช่ทหาร และบอกว่า DSI แก้สำนวนช่วงรัฐบาลเผาไทย คุณหญิงหมอจึงโดนเด้ง

    แล้วเลือดปริศนาเหล่านั้นเป็นของใคร ที่น่าประหลาดใจไปกว่านั้น คือ จากหลักฐานและคำให้การข้างต้น ยืนยันได้ว่ามีผู้เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนารามมากกว่า 6 ศพ แล้วศพเหล่านั้นอันตรธานหายไปไหน ทำไมจึงเหลือไว้เพียงแค่ 6 ศพ กองสะเทือนใจอยู่บริเวณเต๊นท์พยาบาล

    คำตอบคือ ศพที่เกิดในวัดปทุมวนาราม มีจำนวนมากเกินกว่าที่จะคาดถึง แต่ศพเหล่านั้นถูกเผาทำลาย หรือเคลื่อนย้ายทำลายหลักฐาน ในช่วงเหตุชุลมุน ก่อนที่ทหารจะเข้าถึงพื้นที่ คงเหลือไว้แค่ 6 ศพ ที่ได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง พยายามทำลายความชอบธรรม กล่าวหา ทหารและรัฐบาลสมัยนั้นอย่างเป็นระบบ

    สร้างน้ำหนักผ่านสื่อมวลชิน ที่ปวารณาตนเป็นแก้วประการที่สี่ของนายใหญ่เผาไทย ท่ามกลางควันไฟกลางสี่แยกราชประสงค์ ที่บางคนหลงลืมไปแล้ว หรือบางคนไม่เคยรู้มาก่อนเลย คือ ในช่วงต้นที่มีการเข้าไปเคลียร์สถานที่ บริเวณห้างเซ็นทรัลเวิล์ด เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2553 มีการ พบศพถูกเผาเกรียม อยู่ในบริเวณดังกล่าว 9 ศพ และมีศพชายสำลักควันเสียชีวิตอีก 1 ราย บริเวณชั้นสี่ของเซ็นทรัลเวิล์ด

    แล้ว 9 ศพ ที่ถูกเผาเกรียม จะมาจากไหนถ้าไม่ใช่เป็นการทำลายหลักฐานการฆ่าคนเสื้อแดงผู้ชุมนุมด้วยกันเองนั่นเอง คำให้การของเด็กหนุ่มคนทำบั้งไฟระบุว่า กลุ่มคนที่หนีออกมาพร้อมกับเขา 5 คน ถูกยิงและลากไปเผาบริเวณบังเกอร์หน้าวัด แล้วศพเหล่านั้นหายไปไหน ถ้าไม่ใช้ถูกลากไปรวมกับคนอื่นรวม 9 ศพ ที่ถูกพบในเซ็นทรัลเวิล์ด ?

    แถมศพ 6 ศพ ที่ทิ้งไว้ในวัดปทุม ที่พบยังมีลักษณะเหมือนถูกเลือกเป้า ให้เกิดความละเอียดอ่อนทางด้านจิตใจว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกทำร้ายอย่างอำมหิต โดยใช้ศพของ น.ส.กมมนเกด ซึ่งเป็นอาสาพยาบาลมาเป็นสัญลักษณ์ในการโจมตีทหารและรัฐบาล

    ตามข้อหาที่นายใหญ่ กลุ่มเผาไทย และกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. พยายามยัดเยียดให้ทหารฆ่าประชาชน มาตั้งแต่ เมษายน 2552 แต่ล้มเหลวเพราะไม่มีคนตาย หาศพไม่เจอ ปี 2553 โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. จึงจัดให้เต็มๆ

    หลังจากเหตุการณ์สงบ ตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้เข้าตรวจสอบภายในวัดปทุมวนารามอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม พบทรัพย์สินที่ถูกขโมยมา นำมาซุกซ่อนบริเวณใต้ฐานพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย นาฬิกาข้อมือชายหญิงยี่ห้อต่าง ๆ จำนวน 40 กว่าเรือน

    กระเป๋าถือ เครื่องหนัง รองเท้าหนังยี่ห้อต่าง ๆ จำนวนมาก และจานรองแก้ว ชุดเครื่องหนังนำเข้าจากประเทศบราซิลอีกหลายชุด และเครื่องเพชรที่ขโมยมาจากห้าง อยู่ในรถเบ็นซ์ ของขวัญควาย

    หลักฐาน ที่สำคัญอีกก็คือ ก็ได้พบอาวุธปืนสงคราม ลูกระเบิด M79 และปืนยิงเอ็ม79 กระสุนเอ็ม 16 จำนวนมาก และพบเสื้อผ้าชุดทหาร ที่โจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ใส่พรางตัว ให้คนเสื้อแดงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นทหารจริง หลักการคล้ายโจรใต้ที่เคยทำแบบนี้มาแล้วในอดีต เพื่อให้คนใต้เข้าใจผิดทหาร

    สมัยนั้นริดสีดวง เคยหลุดปากถึงความคืบหน้าในคดีกลุ่มคนเสื้อแดง และเจ้าหน้าที่พยาบาล ถูกยิงเสียชีวิต 6 ศพ คาวัดปทุมวนารามว่า ทางพนักงานสืบสวนสามารถหาตัวบุคคลที่เป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์มาได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวของพยาน ได้เห็นกลุ่มของการ์ดเสื้อแดง ยิงสกัดกลุ่มผู้ชุมนุม ที่คิดจะเดินทางออกจากวัดปทุมวนาราม เพื่อกลับบ้าน

    และยืนยันว่าทหารไม่ได้เป็นผู้ที่ยิงผู้ตายทั้ง 6 ศพ แต่อย่างใด ข้อมูลนี้แน่ชัด ในส่วนของพยานที่ให้ปากคำนั้น ขณะนี้ทาง DSI ได้กันตัวไว้เป็นพยานปากสำคัญแล้ว...ทุกถ้อยคำของพยาน อยู่ในสำนวนของตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ DSI อยู่แล้ว...เริ่มมีคนเหงื่อตกอีกแล้ว

    นายใหญ่ และแกนนำเผาไทย ต้องการทำลายประเทศไทย เพื่อความสะใจของตน แล้วหวังให้สถานการณ์ความรุนแรง นำปสู่การล้มโครงสร้างอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองทั้งหมด ให้ตนเองพ้นผิด คืนบัลลังก์แห่งอำนาจ และเงินตราโกงชาติ

    นายใหญ่ และกลุ่มแกนนำ นปช. รู้เห็นการทำอาวุธมาโดยตลอด และสร้างภาพให้เห็นว่า การต่อสู้ของคนเสื้อแดงเป็น “อวตาร” เพื่อสร้างความชอบให้กับตัวเอง เขียนภาพการต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดง ให้ดูว่าเป็นการต่อสู้ทางชนชั้น มีการเสาะหาอาวุธพื้นบ้าน หรือดัดแปลงสิ่งของให้เป็นอาวุธมาต่อสู้กันเอง

    แต่แท้จริงแล้วแผนการถูกกำหนดมาแล้วทั้งสิ้น บั้งไฟที่นำมาใช้ ไม่ใช่ผู้ชุมนุมคิดประดิษฐ์หรือนำมาด้วยตนเอง แต่เป็นกระบวนการจ้างวานมาอย่างเป็นระบบตามแผนโหด ใช้บั้งไฟยิงนำอำพรางไป แล้วจึงตามด้วย M16 อาก้า และ ระเบิด M79 ให้เป็น "สมรภูมิกรุงเทพมหานคร"

    ความโหดอำมหิตผิดมนุษย์ ปรากฏต่อสายตาชาวโลก ถึงแผนชั่วร้ายที่วางไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากการทำให้รัฐบาลสมัยนั้น ตกอยู่ในสภาพรัฐล้มเหลว ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบได้ แต่เมื่อรัฐบาลก้าวข้ามรัฐล้มเหลวไปได้ ทำให้การชุมนุมยุติ ก็เข้าสู่กับดักของการละเมิดสิทธิมนุษยชน

    ถูกกล่าวหาใช้ความรุนแรงกับประชาชน จากการเหตุสังหารหมู่ 6 ศพในวันปทุมฯ ซึ่งเป็นเขตอภัยโทษ เรื่องบังเอิญไม่มีจริงในโลก เหล่านี้เป็นบทละครที่เขียนไว้ล่วงหน้า โดยมีชีวิตมนุษย์เป็นเครื่องมือสู่จุดหมายปลายทาง

    นับแต่เปลี่ยนรัฐบาลเป็นปูข้าวเน่า สังคมไทย จึงไม่ปลอดภัยตลอดมา เพื่อฝ่ายเผาไทย ต้องการปิดบังความจริง ไม่อยากให้คนเสื้อแดงรู้ จึงส่งผลให้ไม่เกิดความปรองดองมาตลอด 4 ปี เพราะคนเสื้อแดง ก็หลงงมงายจากเงินที่เผาไทย เอาภาษีจ่ายให้ปิดปากรายละ 7.5 ล้านบาท

    แต่ในใจญาติพี่น้อง ก็ตอบความขับข้องใจไม่ได้ เพราะไม่รู้ความจริง จึงเกิดปมตลอดมา และนายใหญ่ เผาไทย และกลุ่มติดอาวุธ นปช. ก็เลยได้ใจ งัดมุกเดิมมาใช้อีกครั้งในปี 56-57 โดยใช้อาวุธสงคราม M79 , ระเบิด RGD-5 และอาวุธปืนสงครามนานาชนิด เข้าโจมตีเด็ก ผู้หญิง คนชรา ที่อยู่ใกล้ที่ชุมนุม กปปส.จนมีคนตายเกือบ 30 คน และบาดเจ็บกว่า 1,000 คน

    ข้อสรุป คนแดนไกล ก็คือ หัวหน้าก่อการร้ายสากลที่โหดเหี้ยม คล้ายๆ นายบักตาดี ของกลุ่มติดอาวุธ IS ในซีเรีย อิรัก ส่วนเผาไทย ก็เปรียบเสมือนแกนนำกลุ่มต่างๆ เช่น อัลนุสรา อัลกออีดะห์ ฯลฯ และ กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ก็เปรียบเสมือนกองกำลังปฏิบัติการนักรบรับจ้าง ของกลุ่ม IS นั่นเอง

    แกนนำ ต้องการแค่บ้าอำนาจและสถาปนาอาณาจักรใหม่ ส่วน กองกำลังปฏิบัติการ ต้องการแค่เงินค่าจ้าง และร่ำรวย..จะทำชั่วอย่างไรก็ได้...คนเสื้อแดงทนอยู่กับพวกโรคจิตนี่ได้ไรมาตั้งนาน ??


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai


    ดูภาพต่างๆ ได้ที่ ***แฉความลับ***
     
  10. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    วันที่ 17 ก.ย.57 ช่วงสายวันพฤหัส สวนสารพัดสัตว์เปิดแล้ว

    วันพฤหัสนี้ เวลา 10.00 น. คางคกตู่ ใส้เดือนเต้น นกแสก โหวงเหวง จะเดินทาง ไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อลองดีกับ ผบ.ตำรวจคนใหม่ เพราะตั้งแต่ชายชุดดำ นปช.ปี 53 ที่ยิงหัวคนเสื้อแดง และ ทหาร เพื่อสร้างสถานการณ์ ได้ถูก DSI ยุคใหม่จับไปแล้ว 24 ราย อย่างเงียบๆ

    และสัปดาห์ก่อนถูกตำรวจจับเพิ่ม 5 ราย ตอนนี้เหมือนมีการสาดน้ำร้อนต้มเดือด เข้าไปในกรงสวนสัตว์ เพราะพวกนี้ฉลาดน้อย ออกมางับเหยื่อ กินปูนร้อนท้อง ดิ้นทุรนทุราย จนหนังหน้าหนาๆ ถลอก เพราะเรื่องมันใกล้ตัวเขามาทุกทีแล้ว

    เงินค่าจ้างปฏิบัติการ วางแผนยิงคนเสื้อแดงด้วยกันเอง 20 ล้านบาท หมดแล้วเหรอ จึงกระสับกระส่ายมีพิรุธแบบนี้ ก็หลังเหตุการณ์ปี 53 ชายชุดดำ นปช. เขาไปทวงค่าจ้าง ก็เบี้ยวไม่จ่ายเขา ไม่ดูแลเขา

    จนพวกเขาต้องไปทำงานรับจ้างยิงคนหาเลี้ยงชีพ เขาก็ทนไม่ไหว จึงยอมให้ตำรวจจับ แล้วเล่าอะไรต่อมิอะไรเยอะไปหมดเลย เล่าว่าคางคก ใส้เดือน ช่วงชุมนุมเมื่อก่อน กลางคืนก็ทิิ้งผู้ชุมนุม แล้วหนีไปลงอ่าง

    แถมมีรังเซฟเฮาส์ เอาไว้ผสมพันธ์ุสัตว์กับหมอนวดโดยเฉพาะด้วย เอ้าใครอยากเอาอิฐตัวหนอน ไปฝากสารพัดสัตว์พวกนี้ ก็ไปดักรอได้ พลาดงานนี้ ช่วงปลายเดือน ก.ย.57 สารพัดสัตว์จะไปรับรางวัล หญ้าอัดเม็ด กับ ฟางแคปซูล ถ้ากล้าออกไปนอกประเทศ ที่ฮ่องกง

    ใครออกไปงานนี้ ข่าวมาว่าสายลับจีน ที่ฮ่องกง จัดหนักแน่ เพราะ คสช.ตามกลิ่นคนแดนไกล ทุกฝีก้าว พวกสารพัดสัตว์พวกนี้ นักการเมืองพลเรือน มีอำนาจก็เอามันไม่อยู่หรอก มันต้องเจอข้าวโพดทหารโหดๆ ถึงจะกดมันไว้ได้



    วันที่ 18 ก.ย.57 บิ๊กตู่ประกาศ ถอยหลังไม่ได้ เว้นแต่จะไม่มีชีวิตอยู่เท่านั้น

    บิ๊กตู่ นายกฯ และหัวหน้า คสช.ประกาศมอบนโยบายต่อหน้า รมต.และข้าราชการระดับสูงตอนหนึ่งว่า "....วันนี้ประชาชนมีความหวังกับพวกเรามาก เราต้องทำให้เขาไม่ผิดหวังดวยการทำงาน ด้วยความจริงใจ และจริงจัง วันนีีอยากเรียนว่าที่ผมตัดสินใจทำมา ถึงตอนนี้จะถอยไม่ได้แล้ว

    เพราะว่ามันเดินหน้ามาแล้ว และเสี่ยงชีวิตมาขนาดนี้ ผมคงไม่ปล่อยประเทศไทยเสียหายได้ เว้นแต่ ผมไม่มีชีวิตอยู่เท่านั้น "

    ผูกเชือกรองเท้าแล้วต้องเดิน ไม่หันไปมองย้อนกลับ คนฉลาด จะตีความปริศนาธรรมนี้ออก มันคล้ายปริศนาธรรม พยัคฆเฝ้ามองเหยื่อ และขย้ำกัดคอเมื่อเหยื่ออ่อนแอ และเผลอเปิดจุดอ่อน เหมือนที่ผ่านมา


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  11. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    จขกท หายไปไหน รออยู่ ชอบขอบอก
     
  12. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    แฉ..ความลับใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์ จึงต้องเจอฮีโร่อีสานกลางดงปืน

    สัปดาห์ก่อน กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ถูกตำรวจจับเพิ่ม 5 ราย ตอนนี้เหมือนมีการสาดน้ำร้อนต้มเดือด เข้าไปในกรงสวนสัตว์แกนนำหน่วยป่วนชาติ (นปช.) ต่างออกมาดิ้นเร่าๆ ชักะแด่วๆ เพราะพวกนี้ฉลาดน้อย ออกมางับเหยื่อ กินปูนร้อนท้อง ทุรนทุราย จนหนังหน้าหนาๆ ถลอก เพราะเรื่องมันใกล้ตัวเขามาทุกทีแล้ว

    บ้างก็อ้างว่าไม่มีชายชุดดำ, บ้างก็ว่าไม่รู้จักชายชุดดำ, บ้างก็ว่าไม่เคยเห็นชายชุดดำ, บ้างก็ว่าคนมันเยอะไม่รู้ใครเป็นใคร, บ้างก็ว่าถ้าจับชายชุดดำ จะไม่ปรองดอง , บ้างก็ว่าชายชุดดำไม่ใช่พวกเพราะไม่ได้ใส่เสื้อแดง , บ้างก็ว่านิรโทษกรรมกันเถอะ อย่าไปสาวลึกอะไรชายชุดดำเลย มันเสียวววว

    ทั้งๆ ที่ไอ้เปี๊ยก ไอ้จุก ไอ้แกละ ก็รู้ว่ามีกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. แฝงตัวปะปนอยู่ในมวลชนเสื้อแดงจริงในทุกเหตุการณ์ที่เกิดความรุนแรง แต่เหล่าแกนนำเสื้อแดงแสดงอาการร้อนรนจนถูกจับได้ และมีเสียงขู่จากปากที่อมเลือดคนเสื้อแดงตายไว้ว่า จะจับประเทศไทยเป็นตัวประกัน หากไม่ได้รับความยุติธรรม จะสร้างความแตกแยกเผาบ้านเผาเมืองรอบใหม่

    นั่นเป็นเพราะว่ากลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ฆ่ามวลชนเสื้อแดงตายไปจำนวนมาก หากยอมนิ่งเงียบ แกนนำก็เกรงว่าจะเป็นการยอมรับแบบจนแต้ม ดังนั้นบรรดาแกนนำกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ทั้งหลาย ถึงร้อนตัวเต้นเร่าๆ ถ้าเป็นสมัยช่วงชุมนุมปี 53 ก็จะบอกว่า “ กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เทียม “

    ยิ่งพวกนี้ดิ้นเท่าไร แสดงว่ายิ่งเกี่ยวพันกับคนแดนไกล และบรรดาแกนนำติดอาวุธแดง นปช.เท่านั้น ยิ่งดิ้นก็ยิ่งมัดตัวในข้อหาร่วมกันก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง และบางการฆ่าคนตายเมื่อปี 2553 และเป็นการประจานให้คนทั่วโลกเห็นว่า คนแดนไกล และกลุ่มเผาไทย อาศัยมวลชนเสื้อแดง และกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. “ เป็นเครื่องมือมีชีวิต “

    ไม่ได้มีอุดมการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย สันติวิธีอย่างที่อ้าง แต่เป็นแก็งค์ก่อการร้ายติดอาวุธสร้างสถานการณ์ให้เกิดสงครามกลางเมือง เพื่อชิงอำนาจรัฐหวังใช้อำนาจยึดครองประเทศไทย และเปลี่ยนแปลงการปกครองเท่านั้น

    ยังมีคนเสื้อแดงอีกจำนวนมาก ที่ถูกแกนนำติดอาวุธแดง นปช.เป่าหู ยังไม่เชื่อว่ากลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เป็นผู้เผาบ้านเผาเมือง ทำกรุงเทพให้เป็นทะเลเพลิง ตามที่แกนนำสั่ง เพื่อให้แกนนำเจ็บใจเล่น และดิ้นรนหนักไปอีก ต้องแฉ เพิ่มว่าใครเป็นคนจุดไฟเผาเมือง

    ก่อนหน้าจะเกิดการเผาบ้านเผาเมือง ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ได้มีการเตรียมถังดับเพลิง และ รปภ.เฝ้าระวังประจำ FIRE MAN ตลอด 24 ชั่วโมง หัวหน้า รปภ. ไพรวรรณ วัย 45 ปี จากที่ราบสูงโคราช ต้องกินนอนร่วมกับลูกน้อง ตลอดช่วงที่มวลชนเสื้อแดงชุมนุมที่แยกราชประสงค์ราว 2 เดือน

    เดิมเขาทำหน้าที่ดูแลการจราจร ตรวจตราพื้นที่รอบนอก และอาคารลานจอดรถใต้ดินชั้นบี 1 บี 2 มาร่วมปีแล้ว มีลูกน้องอยู่ในความดูแล 40 คน ขณะที่ทีมงานกระจายไปตามโซนอื่นกว่า 200 คน ก่อนหน้านี้เคยเป็นอาสาสมัครหลายหน่วยงาน ทั้งลูกเสือชาวบ้าน อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) อาสาพัฒนาและป้องกันตัวเอง (อปพ.) อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ทำให้มีประสบการณ์ด้านการต่อสู้อยู่บ้าง

    ผู้บริหารห้างฯ สั่งเขาไว้ว่าต้องช่วยกันผลักดัน คุ้มครองความปลอดภัยเซ็นทรัลเวิลด์ แต่ถ้าต้านไม่ไหวให้ออกไปก่อน เพื่อเซฟชีวิต อาคารเสียหายขนาดไหนซ่อมแซมได้ เอาชีวิตไว้ก่อน เพราะเห็นว่า รปภ. ไม่เพียงพอ กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงมีมากกว่าหลายเท่า

    ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 แต่เช้าตรู่ ทหารไทย ได้เริ่มกระชับวงล้อมเพื่อขอคืนพื้นที่เต็มรูปแบบ โดยใช้รถหุ้มเกราะ และฝ่าสิ่งกีดขวางขอบเขตรัฐไทยใหม่ ของกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ทหารถูกระเบิด M79 ยิงจนได้รับบาดเจ็บ

    แต่ทหารยังไม่ได้เข้าไปในพื้นที่การชุมนุม บริเวณแยกราชประสงค์ แต่กลับมีผู้ตาย 6 รายก่อนที่ทหารจะมาถึง โดย 2 รายแรก ถูกกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช.ยิงตายบริเวณเต๊นท์ที่พักของคนเสื้อแดง หน้าสวนลุมพินี และอีก 4 รายที่เสียชีวิต เป็นทหาร 1 ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ 1 และคนเสื้อแดงอีก 2 คน

    เวลา 13.20 น. แกนนำกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. บนเวที กลัวตายมาก ประกาศยุติการชุมนุม พร้อมทั้งยอมเข้ามอบตัว กับตำรวจ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังแกนนำประกาศ ปรากฏว่ามีระเบิด M 79 จำนวน 1 ลูก ถูกยิงลงมาที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ หลังจากนั้นผู้ชุมนุมก็กรูเข้าไปที่ห้าง

    เข้าไปทุบกระจกอย่างบ้าคลั่ง บางคนก็ถือถังแก๊สดับเพลิงและถังน้ำมันอยู่ เริ่มทำการจุดไฟเผาห้างต่อหน้าต่อตา รปภ. ห้าง ฯ กลุ่มผู้ชุมนุมที่คลุ้มคลั่งเมายาเสพติด ได้นำถังแก๊สเข้าไปภายในเซ็นทรัลเวิลด์ และตะโกนว่า “ถังแก๊สมีแก๊สอยู่ใช้ได้เลย” จากนั้นกลุ่มมวลชนเสื้อแดงเผาไทย ก็ได้ทำการจุดไฟใส่ถังแก๊สเพื่อให้เกิดการระเบิด

    พนักงานหลายคนจะวิ่งเข้าไปดับ แต่ปรากฏว่าโดนกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ไล่ยิง จนต้องหนีกลับขึ้นห้างไป และติดค้างอยู่ในตัวอาคารห้าง ใจกลางกรุงเทพฯ ดูไม่ต่างอะไรกับสมรภูมิรบ ทั้งเสียงปืน ระเบิด ดังระงม ทหารต้องหยุดและปักหลักอยู่บริเวณแยกสารสิน ขณะที่ตำรวจหลายกองร้อยตรึงอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

    พร้อมกันนี้ มีกลุ่มเสื้อแดงที่ตอนนี้ถอดเปลี่ยนเสื้อเป็นหลากสี ได้บุกเข้าทำลายทรัพย์สิน และลอบวางเพลิงเผาอาคารหลายแห่งในกรุงเทพ แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าปฏิบัติไม่ได้ เพราะถูกกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช.ยิงอาวุธปืนสกัดไม่ให้เข้าดับเพลิงได้

    เวลา 14.25 น. มีกลุ่มมวลชนเสื้อแดง ได้บุกเข้าทุบกระจกที่ชั้น 1 ของอาคารห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่งศูนย์การค้าเซน แล้วใช้ถังแก๊สทุบและจุดไฟ พร้อมกับลอบเข้าไปวางเพลิงภายในอาคาร จนทำให้มีกลุ่มควัน และเปลวไฟพวยพุ่งออกมา ต่อมามีการลอบวางเพลิงโรงภาพยนตร์สยามอีกแห่งหนึ่ง

    สื่อมวลชนและช่างภาพหลายแขนงในวันนั้น ได้สามารถถ่ายภาพกลุ่มคนเสื้อแดงโยนระเบิดเพลิงใส่สกายวอล์ค เชื่อมต่อกับอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ มีการนำกระดาษ และเศษขยะมาก่อวางเพลิง พร้อมโยนระเบิดขวด นำถังแก๊สโยนเข้าใส่ให้เกิดไฟลุกไหม้ บริเวณฐานรากอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่งตรงข้ามกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

    บรรดาสื่อมวลชน ซึ่งอยู่หลังรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องหาที่หลบกำบังกระสุน กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เพราะทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ นอกจากการบันทึกภาพ พฤติกรรมเผาบ้านเผาเมือง แล้วก็ได้มองหน้ากันเลิกลั่ก

    แต่ก็ไม่พบตำรวจที่ยืนเรียงกระดาน อยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเข้าไประงับเหตุสักทีเพราะไม่มีใครสั่งการ แถมเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าสกัดเพลิงได้ เพลิงได้ลุกไหม้เป็นเวลาหลายชั่วโมง

    นอกจากนี้ มวลชนเสื้อแดงยังมีการบุกเข้าทำลาย อาคารมาลีนนท์ ย่านถนนพระรามที่ 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ส่งผลให้เกิดเพลิงลุกไหม้ป้ายชื่ออาคาร และชั้นล่างของตัวอาคาร ได้รับความเสียหาย

    หลังจากนั้น เกิดเหตุลอบวางเพลิงอีกหลายแห่ง เช่น ธนาคารออมสิน บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง และถนนวิภาวดีรังสิต, ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ใกล้สำนักงาน ป.ป.ส. และสาขาหัวมุมวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ส่งผลให้เพลิงลุกลามไปยังร้านหนังสือดอกหญ้า ซึ่งเป็นชั้นบนของอาคาร รวมทั้งศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน

    นอกจากนี้ ยังมีผู้ขว้างถังดับเพลิงเข้าใส่ ห้างสรรพสินค้าแพลตตินั่ม ประตูน้ำ โดยเหตุเพลิงไหม้ทุกแห่ง รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าควบคุมเพลิงได้ เป็นเวลาหลายชั่วโมง

    ในท่ามกลางมวลชนเสื้อแดงรับจ้างกำลังบ้าคลั่งจากยาเสพติด เหล้า ที่ภายในรัฐไทยใหม่เสพกันตลอดเวลา และกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. กำลังไล่ยิงทุกคนตามคำสั่งแกนนำ นปช. อยู่นั้น ก็การเผชิญหน้ากันกับ รปภ.เซ็นทรัลเวิลด์

    หัวหน้า รปภ.และลูกน้องได้เผชิญหน้ากับ กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. อย่างเลี่ยงไม่ได้ ในวันเกิดเหตุเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ทหาร ตำรวจ ไม่มีช่องเข้าไปควบคุมสถานการณ์เพราะถูกกองกำลังติดอาวุธยิงสกัด สถานการณ์คับขันหัวหน้า รปภ. เซ็นทรัลเวิลด์ สวมบทฮีโร่กลางดงปืนจำเป็น

    ความพยายามปกป้องอาคารระฟ้า เท่าที่ทำได้ ณ ขณะนั้น จึงมีแต่ทีม รปภ. ประจำห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แม้จะพยายามเข้าไประงับเพลิง แต่ก็ถูกฝ่ายนักรบชุดดำปาระเบิดใส่ตลอดเวลา ทำให้ รปภ. รายหนึ่งถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขา

    ลานเซ็นทรัลเวิลด์จึงกลายเป็นลานสู้รบดำเนินต่อไป กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. รายหนึ่งถือปืนอาก้าบุกไล่ยิงอย่างบ้าระห่ำ หวังขัดขวาง รปภ. ไม่ให้เข้ามายับยั้งการวางเพลิง หวังใช้คมกระสุนปืน เปิดทางเข้าไปวางถังแก๊สใต้ถุนอาคาร เพื่อบอมบ์ห้างใหญ่ให้เป็นจุณ

    ในฐานะเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยประจำเซ็นทรัลเวิลด์ จึงตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เขาจำต้องดูแลความปลอดภัยอาคาร และอพยพผู้คนที่หลงเหลือออกนอกอาคารอย่างสุดชีวิต กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. สวมชุดดำ ปิดหน้า โพกผ้าพันคอสัญลักษณ์เสื้อแดง มือถือปืนอาก้า พกระเบิด มีการยิงขู่ และไล่ยิงใส่เขา

    จุดเกิดเหตุคือใต้ลานจอดรถของห้าง กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ต้องการเข้าไปวางเพลิง เมื่อเห็นพวก รปภ. ออกมา ก็ใช้อาวุธปืนสงครามนานาชนิดระดมยิงใส่ทันที เขาต้องวิ่งลงไปชั้นใต้ดิน ทำให้ชายชุดดำวิ่งตาม แล้วเสียงปืนดังขึ้นระงมไปหมด เขาต้องหลบตัวข้างผนังตึกติดกับทางลงบันได

    ถ้าโผล่ออกไปตอนนั้น เขาต้องโดนยิงหัวแน่ แต่เหมือนจนตรอกแล้ว จึงรอจังหวะเวลาเพื่อเข้าชาร์จสู้ด้วย ช่วงจังหวะนั้นลานจอดรถมืดสลัว มองไม่ค่อยเห็นชัด การซ่อนตัวของเขา ต้องหายใจให้เบาที่สุด ตั้งสติรอจังหวะ ขณะที่กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ย่ามใจวิ่งลงบันไดตามมา ปลายกระบอกปืนยื่นโผล่มุมเสา

    นาทีนั้นหัวหน้า รปภ. ตัดสินใจว่า...ใครดีใครอยู่ !! ตายเป็นตาย ถ้าแย่งปืนไม่ได้ ชีวิตเขาคงดับแน่ เขาจึงชิงจังหวะลงมือก่อน ปล่อยหมัดขวาตรงทิ่มใส่ใบหน้ากลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. พร้อมถีบยอดอกไปอีกหนึ่งดอก ส่งผลให้ชายชุดดำเสียหลักเซถลา ปืนอาก้าหลุดมือ

    เขาไม่รอช้า รีบแย่งชิงปืนมาได้ พร้อมเล็งไปที่นักรบรับจ้างเผาไทย กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หมดทางสู้ ได้วิ่งหนีหางจุกตูด กระเสือกกระสน สุดชีวิต ออกไปด้านข้างลานจอดรถ

    หลังจากกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เสียเหลี่ยม ให้ รปภ.หมัดสั่งรายนี้ ใช่ว่าเขาจะอยู่ในความปลอดภัย เพราะผ่านไปเพียง 20 นาที ชายชุดดำได้รวบรวมมวลชนเสื้อแดงฮาร์ดคอร์อีก 5-6 คน บุกเข้ามาด้านข้างลานกว้าง เซ็นทรัลเวิลด์อีกครั้ง

    คราวนี้ชายชุดดำรายเดิม ที่หลบหนีไปเดินเข้ามาชี้หน้าเขาในระยะไกลๆ ด้วยอาการคับแค้นใจ แต่ไม่กล้าเข้ามาใกล้ จากนั้นสั่งลูกน้องติดอาวุธ นปช. ระดมขว้างระเบิด เข้าไปภายในลานจอดรถใต้ดินหมายปลิดชีวิตหัวหน้า รปภ.รายนี้

    การปะทะยิงกันภายในลานจอดรถใต้ดิน เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาต้องรักษาระยะห่างไว้ เพราะมีการโยนระเบิดเข้ามาหลายลูก ควันโขมงไปทั่วลานจอดรถ สะเก็ดระเบิดตกไปโดนรถยนต์เสียหาย กระโปรงรถเป็นรูพรุน เขาจำเป็นต้องหลบข้างเสา มีลูกน้อง รปภ. เขาอีก 3 คน เข้ามาช่วย

    ตะโกนบอกว่า ให้หัวหน้าถอยก่อน สถานการณ์ไม่ปลอดภัย ในที่สุดพวกเขาต้องถอยร่นออกมา ซึ่งก็เป็นจังหวะที่กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. รุกคืบเข้ามา ทุบกระจกรถยนต์เสียหายไปหลายคัน ก่อนค้นเอาทรัพย์สินในรถหรูไปด้วย

    หลังจากนั้นมีความพยายามจากกลุ่มมวลชนเสื้อแดง 50-60 คน ทุบกระจกห้างเซ็นทรัล และนำถังแก๊สเข้าไปภายในอาคาร ฝ่าย รปภ.ที่อยู่ในความควบคุมของหัวหน้าไพรวรรณกว่า 40 คน พยายามผลักดันกันอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากฝ่าย กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช.มีทั้งอาวุธปืน ระเบิด ทำให้ต้องระวังตัว

    ขณะเดียวกัน ก็ยังมีอีกภารกิจด่วนอีกด้าน ที่ต้องรีบช่วยลำเลียงผู้ติดค้างในอาคาร แม่บ้าน คนงาน ที่ติดอยู่ในอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ อีกกว่า 300 ชีวิต ออกไปตามเส้นทางเชื่อมต่อสยามพารากอน ผ่านไปทางวังสระปทุม อย่างทุลักทุเล

    ซึ่งทุกคนได้รับการคุ้มครองออกจากพื้นที่ด้วยความปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่อสังหารของ กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. หลายคนคิดว่าต้องตายแน่ จนกระทั่ง รปภ.และ ตำรวจมาช่วยเหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่

    วันถัดมา ขณะ หัวหน้า รปภ. รายนี้ ลุยกวาดซากขยะหน้าอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ แต่ขยะมีระเบิดอยู่ เกิดระเบิดตูมสนั่น ทำให้ร่างกายเขากระเด็น แต่เขาก็ดวงแข็งรอดมาได้ ผ่านนาทีมรณะมาได้อีกครั้ง อย่าปาฎิหารย์

    จนถึงวันที่ 22 พ.ค.53 หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) รายงานว่าพบปืนอาก้า 47 จำนวน 1 กระบอก บริเวณชั้นใต้ดินอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งปืนกระบอกนี้ ก็คือกระบอกเดียวกับที่หัวหน้า รปภ. ที่เข้าชกต่อสู้กับกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. นั่นเอง

    หลังฉีดน้ำดับเพลิงมอดลง เจ้าหน้าที่ ตำรวจชุดเก็บหลักฐาน คณะสื่อมวลชน และมูลนิธิกู้ภัย ได้เข้าไปในพื้นที่ภายในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ หลังเพลิงสงบ พบร่องรอยทุบร้านเข้าไปขโมยของ และพบศพผู้เสียชีวิตคนเสื้อแดงจากเหตุสำลักควัน นอนตายคุดคู้ไม่สวมเสื้อ ข้างตัวมีผ้าขนหนู และถังดับเพลิงไว้อยู่ในโกดังเก็บของในร้านโทรศัพท์ โซน C ชั้น 4 ซึ่งอยู่ฝั่งอิเซตัน ใกล้กับประตูน้ำ

    หน่วยดับเพลิง และมูลนิธิ จุดเซ็นทรัลเวิลด์ พบผู้เสียชีวิตอีก 9 ศพ โดยจุดที่พบศพอยู่บริเวณกลางพื้นที่ทรุดตัวพอดี เป็นจุดลงไปใต้ดินได้ 9 ศพนี้ ก็คือ ถูกกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช.ยิงตายแถวหน้าวัดปทุมช่วงบ่าย แล้วลากศพมาเผาที่นี่นั่นเอง

    ตามฐานข้อมูล หลังจากนั้นอีก 2 ปี ไพรวรรณ หัวหน้า รปภ. คนโคราช และลูกน้องในชุดเครื่องแบบเชิ้ตขาว กางเกงดำ ยังปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเซ็นทรัลเวิลด์ อย่างแข็งขันต่อไป แม้อาคารต้องพังพินาศ ไปด้วยน้ำมือคนไทยเช่นเดียวกับเขา

    ส่วนภาพที่ปรากฏ ที่มีชุด รปภ.ของห้างฯ ซึ่งใส่เสื้อขาวกางเกงดำ ตามที่คางคกตู่ อ้างแถว่า เป็นทหาร- ตำรวจ ทั้งที่ความจริง คือ รปภ.เหล่านี้ พวกเขาได้ออกมาขัดขวางการเผาอาคาร แต่ไม่อาจต้านทานกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เหล่านี้ได้

    ที่แกนนำติดอาวุธแดง นปช. เสื้อแดงบอกว่าขณะไฟไหม้เซ็นทรัลเวิลด์ผู้ชุมนุมออกหมดแล้ว มีแต่ทหาร ทั้งที่ความจริงไม่มีทหารอยู่ในบริเวณนั้นแม้แต่คนเดียว ที่มีภาพมีกลุ่มทหารชุดปฏิบัติการติดริบบิ้นสีชมพู เข้าไปอยู่ภายในอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ และแกนนำแดงอ้างเสมอตลอดว่ามีทหารอยู่ในเหตุการณ์วางเพลิง

    ความจริงก็คือ เป็นช่วงที่แกนนำ นปช. มอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียบร้อยนานแล้ว เป็นการเข้าเคลียร์พื้นที่ของทหาร โดยมีพยานเป็นคณะสื่อมวลชนนับร้อย เดินตามทหารเข้าไปดูซากปรักหักพังที่ทิ้งไว้ จากการเผาทำลายของสมุนเผาไทย แต่แกนนำแดง นปช. ดันแถจนสีข้างถลอกว่าทหารมีส่วนวางเพลิง หลอกเสื้อแดงมาตลอด 4 ปี

    แกนนำ นปช.ทำอะไรไม่เคยเป็นโล้เป็นพาย เก่งในเรื่องปั้นน้ำเป็นตัว มีสันดานแถพลิ้วเรื่องต่างๆ ไม่เคยยอมรับความจริง เพราะกลัวจะเสียประโยชน์ แต่เมื่อความจริงปรากฏ ในยุคสื่อโลกาภวัฒน์ มีนักข่าวจำนวนมากในเหตการณ์ ที่เขาเดินกับทหารอยู่ตลอดเวลา

    สวนสารพัดสัตว์ นายใหญ่ คางคก ใส้เดือน นกแสก โหวงเวง ขวัญควาย วรชัย เห็บหมา และเครือข่ายเผาไทย อีกหลายคน จึงตาสั่นกระตุก มือสั่น ปากซีด กลัวความเลวร้ายของบรรดาสัตว์นักปลุกระดม สร้างความอัปยศ จะถูกแฉ ออกมาอีกเรื่อยๆ กลัวว่าคนเสื้อแดงจะตาสว่างกันทั้งแผ่นดิน

    กลัวคนอีสาน จะรู้ความจริงว่า กลุ่มเผาไทย ที่อ้างว่ารักคนอีสานหนักหนา ถึงขนาดจะฆ่าคนโคราช อีสาน ที่เป็น รปภ.ห้าง แม่บ้าน คนงาน กว่า 300 คน ได้ลงคอ แต่คนอีสานกลุ่มที่รอดตายนี้ ก็ดวงแข็งสมเป็นลูกอีสาน เหมือนบิ๊กตู่คนโคราช พวกเขาทั้ง 300 กว่าคนจึงรอดชีวิต

    เพื่อไปเล่าเรื่องที่เผาไทย , แกนนำติดอาวุธแดง นปช. , กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ที่จะเผาย่างสดหมู่พวกเขาไปกับตึกห้างระฟ้า ให้ประชาชนคนไทยรู้ทั่วประเทศในวันนี้

    ส่วนแกนนำแดง นปช. ก็จะแถสีข้างเป็นแผล เพื่อหลอกคนเสื้อแดงที่แกนนำดูถูกต่อไปเรื่อย ๆ ว่าเป็นแดงปลอม ถังแก๊สปลอม ไฟปลอม คลิปปลอม เซ็นทรัลเวิลด์ปลอม กรุงเทพปลอม ประเทศไทยปลอม

    แต่วันเวลาจอมปลอมทั้งหลายใกล้จบสิ้นแล้ว วันนี้มีแต่ข้าวโพดจริง คอมแบ็ตจริง กับคุกจริงเท่านั้น !!


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  13. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    วีรบุรุษ..ผู้ปิดทองหลังพระ ช่วยพนักงาน 471 ราย พ้นภัยชายชุดดำ นปช.ย่างสด

    ตอนที่แล้วเล่าถึง หัวหน้า รปภ. ชาวอีสานโคราช ฮีโร่กลางดงปืน ที่หาญกล้าเข้าต่อสู่กับกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ที่กำลังระดมคนเสื้อแดงจำนวนมาก เพื่อเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.57 ช่วงบ่ายหลังแกนนำแดงบนเวทีเอาตัวรอด ประกาศยอมแพ้

    ภายนอกห้างฯ ก็เปิดปฏิบัติการวีรบุรุษสีกากีกลุ่มหนึ่ง ผู้ปิดทองหลังพระ ทำงานด้วยจิตวิญญาณ ของความเป็นตำรวจไทยน้ำดี ผู้พิทักษ์สินติราษฎร์ของแท้ ไม่ใช่เกียร์ว่าง และเกียร์ถอยหลัง หรือเป็นตำรวจมะเขือเทศ มีมืดก็มีสว่าง มีรวยก็มีจน มีตำรวจไม่ดีฉันท์ใด ก็ย่อมต้องมีตำรวจดีฉันท์นั้น

    วิทยา และ ฤชากร จากนครบาล 6 ขณะนั้น ผู้เป็นหัวหอกในการลุยไปช่วยตัวประกันผู้บริสุทธิ์ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์กว่า 400 คน ภารกิจลับนี้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 14.00 น.หลังจากที่ได้รับแจ้งจากที่พนักงาน ของห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ว่าตกอยู่ในอันตราย ท่ามกลางวงล้อมของ กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช.

    พนักงานได้โทรมาขอความช่วยเหลือจากตำรวจ เพราะไม่สามารถหลบหนีลงมาที่ด้านนอกห้างได้ เนื่องจากมีกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ที่อยู่บริเวณชั้นหนึ่ง ซึ่งมีเข้ามาปล้น เผาห้าง และยังยิง-โยนระเบิดสกัดไม่ให้หลบหนีอีกด้วย ซึ่งแรงระเบิดทำให้ทีม รปภ.ที่เข้าไปขัดขวางทำให้บาดเจ็บไปหลายคน

    หลังจากได้รับแจ้งแล้ว ฤชากร ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันอยู่ที่วังสระปทุม ร่วมกับ สุรกาญจณ์ สน.ยานนาวา ขณะนั้น จึงได้ตัดสินใจกับ ธนันท์ธร สน.พลับพลาไชย 1 แบ่งกำลังหนึ่งหมวด ( ราว 40 นาย ) ไปที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือพนักงานทันที

    พอกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ติดสัญลักษณ์ผ้าโพก นปช. คนของพรรคเผาไทย เห็นตำรวจ จึงใช้ระเบิดปิงปอง และประทัดยักษ์ปาใส่สู้ทันที ตำรวจใช้ระยะเวลารุก ทั้งหมอบ ทั้งคลาน ยิงปืนรุกหน้าเรื่อยๆ ชุลมุนอยู่นาน

    หลังจากที่รุกหนัก จนกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ถอยร่น ของที่อยู่ในห้างฯ ก็โดนรื้อ-ทุบกระจุยกระจาย จนในที่สุด ตำรวจก็สามารถจับกุมคนเสื้อแดง ผู้ก่อเหตุร้ายที่เตรียมจะเผาห้าง ซึ่งหลบอยู่ตามชั้นต่างๆ ในห้างเวิลด์เทรดมาได้ถึง 9 คน กับของกลางหลายรายการ เช่น สายกระสุนปืนกล เครื่องประดับ ที่โจรกรรมภายในห้างมาจำนวนมากมาย

    จากนั้น ฤชากร ร่วมกับทีม รปภ.ของห้างฯ ได้คุ้มกันพนักงานของห้าง ที่หลบอยู่ที่ลานจอดรถชั้น 3 ของห้างเซ็นทรัลเวิลด์ รวมแล้วมากถึง 471 คน โดยตำรวจ ใช้วิธียิงไล่กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เพื่อเปิดทาง นำพนักงานที่ติดอยู่ในนั้น กลับออกมาจากเซ็นทรัลเวิลด์

    หนีออกมาทางด้านหลังโรงแรม แล้วก็มาทะลุหลังพารากอนมาเรื่อยๆ จนออกมาสู่ ถนนพระราม 1 ท่ามกลางห่ากระสุน จากกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. และความร้อนจากไฟที่กำลังโหมไหม้ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ บริเวณราชประสงค์ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีรถดับเพลิงเข้ามา เพียงแต่วิ่งวนอยู่รอบๆ วงนอกเพื่อความปลอดภัย

    หลังจากมอบอิสรภาพ และความปลอดภัย ให้กับพนักงานเซ็นทรัลเวิลด์ ฤชากร ได้ฝ่าห่ากระสุนจากปืนนานาชนิด ที่บริเวณราชประสงค์ เพื่อกรุยทาง นำรถดับเพลิงเข้าไปดับไฟที่โหมแรงที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และ บิ๊กซี

    ตำรวจ นำกำลังอีกส่วนหนึ่งกลับไปประจำการที่เดิม ตอนนั้นมวลชนเสื้อแดง มีการเผาห้างและอาคารอีกหลายจุด เช่น โรงหนังสยาม และที่ใกล้ๆ ละแวกนั้นหลายแห่ง แต่รถดับเพลิงที่เข้าไปดับเพลิงบริเวณนั้นไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากเหตุการณ์ตอนนั้นรุนแรงมาก

    พอจะเข้าไปดับไฟก็ไม่ได้ เพราะว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ที่เข้าไปบริเวณนั้นโดนกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เอาปืนเล็งจ่อหัวไล่ไม่ให้เข้าไป และชายชุดดำ จะคอยยิงสวนออกมาจากบริเวณนั้นตลอดเวลา

    กลุ่มเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ ที่อยู่ในวัดปทุม ฯ ก็มีจำนวนมาก ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก นำกำลังออกไปแต่ก็ต้องล่าถอยกลับมาอีก เนื่องจากทหารยังไม่สามารถเคลียร์กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ให้ออกไปได้ ดังนั้นหากตำรวจชุดนี้จะเข้าไป กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ก็จะซุ่มยิงอีก

    การประสานงาน ณ สถานการณ์ขณะไฟไหม้นั้นก็สับสน ทำให้ไม่มีหน่วยงานไหนเป็นเจ้าภาพได้ตามระบบ ฤชากร ทนไม่ได้ที่จะเห็นไฟไหม้ต่อหน้า เขาจึงต่อโทรศัพท์นานมาก จนได้คุยโทรศัพท์กับกำนันสุเทพ รองนายก ฯ ที่ถามว่าต้องการอะไร

    ฤชากร ก็บอกไปว่าต้องการรถดับเพลิง และกำลังทหาร จากนั้น 1 ชั่วโมงถัดมา รถดับเพลิงก็มา แต่ทหารก็ยังไม่สามารถเคลียร์กลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. เพื่อเปิดพื้นที่ให้รถดับเพลิงเขามาได้

    ฤชากร จึงตัดสินใจนำกำลังตำรวจ 150 นาย เข้าไปในพื้นที่ นำกองร้อย เดินหน้านำรถดับเพลิงไปเลย ทั้งๆ ที่มืดมาก และเขาก็กลัวเหมือนกัน รอบๆ ตัวกองร้อยตำรวจนี้ ได้ยินเสียงปืนจากกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ดังขึ้นตลอดเวลา มีควันไฟเต็มไปหมด เดินทะลุประตูน้ำ เข้าแยกราชดำริ แต่ละย่างก้าวที่พวกเขาเดินไป เสี่ยงและลำบากมากๆ

    ระยะทางข้างหน้าใกล้ๆ แต่เหมือนไกลมาก มือหนึ่งถือปืน อีกมือหนึ่งถือไฟฉายส่องนำทาง ถ้าโดนยิงก็จะมีลูกน้องที่มาด้วยกันช่วยเหลือ ที่สำคัญ บ้านเมือง และทรัพย์สินของประชาชนรอผู้บริสุทธิ์อยู่ข้างหน้า และทนไม่ได้จริงๆ ที่สถานที่ต่างๆ ของกรุงเทพ ฯ จะไหม้ไปต่อหน้าต่อตา และประชาชนต้องเดือดร้อน จากการสั่งการของพรรคเผาไทย

    เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ไม่สามารถนำรถน้ำเข้าไประงับเหตุได้ เนื่องจากกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ที่อยู่ด้านในห้างฯ ได้ยิงปืน และขว้างระเบิดออกมาเป็นระยะตลอดเวลา แต่ตำรวจได้แสดงความกล้าหาญ นำกำลังเสี่ยงภัยเข้าไปช่วยเหลือพนักงานออกมาได้ 417 คน และกลุ่มโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. กำลังก่อเหตุลักทรัพย์สิน ภายในห้างดังกล่าวจึงจับกุมได้ 9 คน

    พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ กล้องวีดีโอขนาดเล็ก กล้องดิจิตอล นาฬิกาข้อมือทั้งชายและหญิง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และเศษกระสุนปืนกลหนักชนิดเอ็ม 60 จำนวน 100 นัด

    แต่ ฤชากร ช่วยห้างบิ๊กซีไม่ทัน เนื่องจากนักผจญเพลิงบอกว่า อาคารบิ๊กซีเหมือนเป็นเตาอบ ไม่รู้ว่าจะฉีดน้ำไปด้านไหนก็เลยต้องถอย ตำรวจอยู่ตรงนั้นจนถึง 04.00 น. ถึงจะสกัดแนวไฟได้ ราว 08.00 น. พวกเขากลับมานอน หลังจากนั้นก็ประชุมเพื่อคลี่คลายปัญหาต่อ

    ที่สุดแล้วภารกิจจะผ่านพ้นไปโดยไม่มีใครเสียชีวิต ตำรวจน้ำดีที่ไม่ออกมาโฆษณาตัวเอง เหมือนตำรวจบางคน ที่ช่วงมีเหตุการณ์รุนแรงก็หลบตัวสั่นงันงก พอสถานการณ์สงบก็ออกทีวีลอยหน้าลอยตา

    เป็นเรื่องเบื้องหลังอีกด้านที่ไม่ค่อยมีคนรู้นัก ภารกิจลับทั้งหมดของตำรวจในวันที่กลุ่มเผาไทย “เผาเมือง” ที่เผาไทย และแกนนำติดอาวุธแดง นปช.ไม่กล้าบอกความจริงให้ประชาชนฟัง... เพราะกลุ่มตัวเอง เป็นผู้สั่งการ ว่าจ้าง จัดกำลังติดอาวุธ สังหารคนเสื้อแดง และรุมเผาบ้านเผาเมือง

    เป็นการวางแผนมาล่วงหน้า เป็นเวลานานของกลุ่มเผาไทย เป็นความโหดเหี้ยมที่จะหามีในมนุษย์ที่ไหนคิดได้อีกแล้ว หากวันที่ 19 ก.ย.53 ไม่มี รปภ.ใจกล้า และตำรวจน้ำดีชุดนี้ เข้าไปช่วยพนักงานในตึกเซ็ลทรัลไม่ทัน จะเกิดโศกกรรมครั้งใหญ่ที่อเน็จอนาถที่สุด

    จะมีคนอีสานที่เป็น แม่บ้าน พนักงาน และผู้บริสุทธิ์ในห้าง ฯ ราวกว่า 470 คน ที่เป็นเพื่อนมนุษย์ตาดำ ๆ ร่วมชาติไทยของเรา ต้องโดนกลุ่มการเมืองเผาไทย ย่างสดตายคาตึกทั้งหมด กลิ่นศพเนื้อคนจะโชยคลุ้งไปทั่วบริเวณ เป็นฝีเฝ้าแยกราชประสงค์ไปอีกนาน

    กลุ่มเผาไทย และแดง นปช.นี่ เกิดมาเพื่อฆ่าคนเสื้อแดงอีสานจริงๆ และใช้ประโยชน์หากินจากศพที่พวกตัวเองฆ่าเหล่านั้น คนเสื้อแดงทั่วประเทศต้องตาสว่างได้แล้ว !!


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  14. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    อร่อย เหมือนเปิบปูปลาร้า แช่บเวอร์ ไพวรรณ วิทยา ฤชากร หน้าตาเป็นไง คงต้องไปหาที่ตึกกับนครบาลชะแล้ว
     
  15. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    วันที่ 22 ก.ย.57 กลุ่มเรียกร้องพลังงานใส่ร้ายแอบอ้างหลวงปู่พุทธอิสระ

    หลวงปู่พุทธอิสระ ได้ออกประกาศทางเฟจบุ๊กว่า กรณีที่มีกลุ่ม NGO เรียกร้องพลังงาน ได้ทำการแอบอ้างชื่อหลวงปู่ ไปหลอกลวงประชาชนอย่างแพร่หลาย เพื่อเข้าชื่อบัญชีหางว่าวยื่นต่อ คสช.นั้น

    หลวงปู่ขอประกาศว่า " ไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำใดๆ ของกลุ่มนี้ทั้งสิ้น " ดังนั้นประชาชนอย่าหลงเชื่อคำแอบอ้างดังกล่าว ถ้าขึ้นต้นแอบอ้างโกหกประชาชนเสียแล้ว ต่อไปก็ไร้ความน่าเชื่อถือทั้งปวง

    เพราะกระบวนการปฏิรูปประเทศ มีช่องทางที่เป็นทางการตามกฎหมายอยู่แล้ว คือ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่มีผู้สมัครถึง 7 พันกว่าคน ช่องทางอื่นๆ ล้วนแต่สร้างความสัปสนวุ่นวาย แตกแยกระหว่างประชาชน

    ยิ่งใส่ความและแอบอ้างพระด้วยแล้ว ยิ่งบาป เมื่อเป็นบาป ก็ไม่ควรเข้าใกล้ให้เปลืองตัว


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  16. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    วันที่ 22 ก.ย.57 อเมริกาเอาไม่อยู่แล้ว แคริฟอร์เนีย กลายเป็นทะเลเพลิง

    ได้เกิดไฟป่าเผาผลาญพื้นที่ตอนเหนือ ของรัฐแคริฟอร์เนีย อเมริกา แม้ว่าจะระดมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากทั่วอเมริกาแล้ว ก็ยังเอาไม่อยู่ ต้องอพยพประชาชนหนีกว่า 3,000 คนแล้ว และบ้านเรือนไหม้เป็นจุล

    ไฟป่ากำลังมุ่งไปโจมตีที่เมืองใกล้เคียง ที่มีประชาชนอยู่อาศัย 460,000 คน ยังไม่รู้ว่าจะดับได้ทันหรือไม่ เพราะไฟป่าครั้งนี้ รุนแรงอย่างมาก ทางการอเมริกา งัดสารพัดวิธีมาดับ ก็ยังมืดมน

    สภาพไฟที่พิโรธ คล้ายระเบิดที่รัฐบาลอเมริกา นำไปทิ้งใส่ประชาชนประเทศต่างๆ ทั่วโลกเลย


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  17. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    ยาบ้า เป็นยาเสพติดร้ายแรง มีพิษต่อจิตและประสาท ทำให้เกิดอาการจิตหลอน และเป็นปัญหาทางสังคมมากมาย แต่ละปีไทยจับกุมยาบ้าได้มากมายมหาศาล ผู้ต้องหาในคุกไทยกว่า 3 แสนคน ในจำนวนนี้เกิน 80% ติดคุกในคดีค้า และเสพยาเสพติด ส่วนใหญ่ก็คือ ยาบ้านั่นเอง

    การนำเข้ายาบ้าแทบทั้งหมด ลักลอบนำเข้าจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีพรมแดนติดกันยาวหลายพันกิโลเมตร และเป็นภูมิประเทศทางธรรมชาติป่าเขา และอีกส่วนลักลอบนำผ่านเข้าทางด่านระหว่างประเทศ

    ในภาพคือศุลกากร ของประเทศหนึ่ง บังคับให้ผู้ต้องหาขนยาบ้า เบ่งเอาห่อถุงยางอนามัย จำนวน 4 ห่อ ออกจากรูตูด ที่ภายในบรรจุยาบ้าหลายร้อยเม็ดแพ็คแน่น หากยาบ้าเหล่านี้หลุดรอดไปได้ นักเสพก็จะเอายาเสพติดนี้ไปกินต่อ

    เจอใครกินยาบ้า ให้รู้เถอะว่า มันคือ "ยาผ่านรูตูด" นั่นเอง


    ยาบ้าล๊อตใหม่มีรูปร่างเหมือนลูกอม รสชาดหอมหวาน ระวังลูกหลานจะถูกหลอกให้กิน ผู้ปกครองช่วยกันระวังด้วย!!


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  18. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    วันที่ 25 ก.ย.57 ญี่ปุ่นจะสร้างลิฟท์จากพื้นโลก ขึ้นไปสถานีอวกาศนานาชาติ

    ญี่ปุ่นมีแผนจะสร้างลิฟท์ที่มีความยาว 96,000 กม. จากพื้นโลก ขึ้นไปสถานีอวกาศนานาชาติ โดยลิฟท์นี้ใช้วัสดุพิเศษ ที่ทนทานกว่าเหล็กถึง 10 เท่าเป็นสายสลิง และจะมียานคล้ายรถไฟฟ้าความเร็วสูง เคลื่อนที่ด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าเดินทางไปตามสลิงนี้

    โดยจะมีการรับนักท่องเที่ยว รอบละ 30 คน เดินทางขึ้นไปชมอวกาศ โดยใช้เวลาเดินทางจากพื้นโลกไป 7 วัน และไปพักในจุดโดมที่สร้างไว้ ส่วนนักวิทยาศาสตร์ และอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์อื่นๆ จะเดินทางต่อไปยังสถานีอวกาศ

    รัสเซีย ก็เคยใช้วิธีระดมทุนจากเศรษฐีแบบนี้มาแล้ว โดยเก็บค่าทัวร์อวกาศคนละประมาณ 1,000 ล้านบาท แล้วนำเงินส่วนนั้นมาต่อยอดพัฒนาโครงการอวกาศตนเอง โดยรัฐบาลควักกระเป๋าน้อยลง

    แต่ทัวร์อวกาศญี่ปุ่นคราวนี้คงราคาต่อหัวถูกลงมาก และจะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักต่อคิวจองยาวเหยียด หากใครสนใจ ก็เตรียมเก็บตังใส่กระปุกออมสินไว้ เพื่อร่วมทัวร์อวกาศนี้

    ความฝันที่มนุษย์จะอพยพย้ายจากโลกไป ค่อยๆ ปรากฏเค้ารางขึ้นมาทุกทีแล้ว

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน4


    ***ทหารปฏิรูปประเทศไทย***
     
  19. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    วันที่ 25 ก.ย.57 คำเตือน..แก็งค์
    คลุมหัวอาละวาด เพราะท่อน้ำเลี้ยงเปิด


    ช่วงนี้หลายคนจะสังเกตุพบ "แก็งค์คลุมหัว" เริ่มออกมาก่อหวอดความวุ่นวาย ในสถานที่ต่างๆ บ้างก็เป็นนักเคลื่อนไหวขาประจำรับจ้างเครือข่ายแดง เพื่อป่วนบ้านเมืองโดยเฉพาะ เช่น วรัญชัย หัวล้าน หวังจะให้แก็งค์อั้งยี่แดง ตั้งเป็นข้าราชการการเมืองเสวยอำนาจสักครั้ง

    เมื่อไรที่แก็งค์แดงมาป่วน เช่น เผาเมืองปี 2553 , ก่อหวอดหน้า ปปช. หรือ เหตุการณ์ปลุกระดมก่อความรุนแรงที่หลักสี่ วรัญชัย หัวล้าน ก็จะรับจ็อบมาโผล่หน้าป่วน ด้วยทุกครั้ง สนนราคาไม่แพง ค่าจ้างราว 4-5 พันบาทต่อการป่วน 1 รอบ

    บ้างก็เป็นนักวิชากำกวม มหาลัยเหนือ กลุ่มเที่ยงคืน และมหาลัยเก่าแก่ อ้างบังหน้าว่า ต้องการเสรีภาพทางวิชาการ แต่เบื้องหลัง เบื้องลึกที่แท้จริง ก็คือ

    1. ได้รับท่อน้ำเลี้ยงจากเครือข่ายคนแดนไกล เสรีเทย และ กดรีโมทสั่งมาจากทุนต่างชาติเครือข่าย UNHCR ของมะกัน

    2. กลบกระแสสังคม ที่กระหน่ำ น้ำกรดที่สาดใส่คนแดนไกล เผาไทย และกลุ่มติดอาวุธ นปช. จากกรณีถูกแฉ เปิดโปง เรื่องชายชุดดำฆ่ากันเอง จนเร่าร้อน ดิ้นกันปลักโคลนกระจาย เพราะกินปูนร้อนท้อง

    3. นักวิชากำกวม ราว 60 คน พวกนี้ คือ "ขบวนการล้มเจ้าแฝงตัว" ลักษณะคล้ายนิติเรด แต่เนียนกว่า ไม่โฉ่งฉ่างเปิดหน้า เหมือนนิติเรด พวกนี้ฉากหน้าเป็นพวกเสรีนิยม แต่ฉากหลังคือขบวนการล้มเจ้าธรรมดา

    4. กลุ่มพวกนี้จะเป็นป่าต้นไม้พิษ รับอาหารพิษมาทางราก ทำหน้าที่ สอนลูกศิษย์เยาวชน ให้เป็นผลไม้พิษ ให้ หลงลืมรากเหง้าวัฒธรรมตัวตนชนชาติเผ่าไทย แต่เชิดชูตะวันตก มาข่มเหงชนชาติของตนเอง

    5. กลุ่มนักวิชากำกวมแดง เป็นพวกชนส่วนน้อยนิด ของอาจารย์ทั้งหมด พวกนี้ จึงเคลื่อนไหวเฉพาะยามได้รับผลประโยชน์เป็นทรัพย์ หรือ กลุ่มผลประโยชน์ทุนของตนเอง ได้รับผลสะเทือนเท่านั้น

    เช่น ถ้าพวกตัวเองโกงข้าว 5 แสนล้าน , สังหารก่อการร้ายประชาชน หรือหมิ่นเจ้า กลุ่มพวกนี้จะเงียบ พึงพอใจ แต่พอทหารรัฐประหาร ถีบหัวส่งพวกแก๊งค์อั้งยี่แดงตกเก้าอี้ แก๊งค์คลุมหัวจะออกมาแถว่า ปูข้าวเน่าไม่ได้ถือกุญแจโกดังเก็บข้าวบ้าง , เชิดชูปูข้าวเน่าเว่อร์เทียบเจ้าแม่กวนอิมบ้าง

    และล่าสุดกลุ่ม "แก็งค์คลุมหัว" นี้จะออกมาเรียกร้องเสรีภาพทางวิชาการ อยากจัดสัมมนาบ่อยๆ ถี่ๆ วิพากษ์วิจารย์ พูดจา เฉี่ยวเบื้องสูงไปมา เพราะถูกใจกองเชียร์แดงล้มเจ้าด้วยกัน ที่หาทางระบายความพ่ายแพ้ไม่ได้ หันไปหันมา ก็จะเล่นงานสถาบันเบื้องสูงไว้ก่อน

    เพื่อจะได้ให้เสื้อแดงล้มเจ้า ได้เห็นว่า แก๊งค์คลุมหัวของตนเองนั้นเจ๋ง และแน่ ที่กล้าออกมาชนสถาบันหลักของชาติ และสร้างความเจ็บช้ำใจ ให้กับคนที่จงรักภักดีส่วนใหญ่ของประเทศ และสร้างความวุ่นวายให้สังคมสำเร็จ

    สรุป ใจจริงพวกแก๊งค์คลุมหัวพวกนี้ก็คือ พวกแบ่งงานกันทำ จัดเป็นสายพันธ์ชั้นต่ำ ที่หลงลืมชาติกำเนิดเผ่าพันธ์ตนเอง และ อยากหมิ่นเจ้า เพราะคิดว่าเท่ห์ ไม่มีสาระอะไรมากกว่านี้..


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  20. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    วันที่ 26 ก.ย.57 ตั้งอาชีวะ อยากลองของฮุนเซน ยื่นขอลี้ภัยเขมร

    มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา ได้รับเอกสาร "ตั้ง อาชีวะ" คนสนิทแก็งค์เผาไทย และกลุ่มติดอาวุธ นปช. ที่เป็นที่ต้องการตัวของกองทัพไทย คดีความผิดตามมาตรา 112 หมิ่นเบื้องสูง

    ตอนนี้ กำลังหลบซ่อนในประเทศกัมพูชา และยื่นเรื่องถึงรัฐบาลกัมพูชาเพื่อขอลี้ภัยแล้ว นายเขือม สาริน หัวหน้าสำนักงานผู้ลี้ภัย กรมตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงมหาดไทยกัมพูชา ยืนยันว่า นายเอกภพ อาศัยอยู่ที่กัมพูชา และกำลังขอลี้ภัย ซึ่งได้ยื่นเรื่องขอลี้ภัยแล้ว
    โดยคำร้องของนายเอกภพกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณา และกำลังตรวจสอบข้อมูลกับทางประเทศไทย เนื่องจากต้องรู้ว่าเป็นกรณีที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่ และทำไมนายเอกภพถึงยื่นเรื่องขอลี้ภัย

    เป็นไปตามคาด เพราะเมื่อหมดประโยชน์ กลุ่มเผาไทย และคนแดนไกล ก็จะไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูต่อ หรือจำกัดวงเงิน ต้องอพยพมาอยู่ในประเทศค่าใช้จ่ายถูกๆ และเข้าซบปีก สม รังสี โดยอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน

    งานนีี้ได้วัดใจฮุนเซน ว่าจะรักษาคำมั่นสัญญาลับต่อกันกับบิ๊กสีเขียวของไทยหรือไม่ ฮุน เซน ส่งลูกชายนายพล ฮุน มาเน็ท มาเรียนรู้งานกลยุทธ์จากบิ๊กตู่ เตรียมปั้นเป็นผู้นำเขมร คนต่อไป และลูกของฮุนเซ็น กับลูก ผบ.ตร.เขมร เป็นดองกัน

    คนเป็นผู้นำเขมรมา 30 ปี ย่อมอ่านขาดว่า เบี้ยที่ไร้ราคา ก็ต้องถูกกำจัดทิ้ง เอามาบรรณาการอาณาจักรที่เปลี่ยนผู้นำใหม่ ที่จะอยู่อีกยาวนาน เกื้อกูลกับผู้นำอนาคตลูกชายตนเอง


    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     

แชร์หน้านี้

Loading...