เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

จงอย่าคิดว่ายังมีเวลาอีกนาน ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง
แต่ความตายเป็นของเที่ยง เวลาจึงสั้นเท่ากับของ
คนทุกเพศ ทุกวัย ความตายย่อมเข้าถึงได้ไม่เลือก
ดังนั้น พึงเจริญ มรณา ควบกับอุปสมานุสสติให้ชิน
จนจิตเกาะอยู่กับ พระนิพพาน จนชิน

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

คนมักโกรธ บั่นทอนปัญญาตนเอง

คนที่มีความมักโกรธ หรือมีอารมณ์โกรธ
คนนั้นเป็นคนโง่ โง่ตรงไหน
ถ้าโกรธขึ้นมาเมื่อไร ปัญญามันถูกตัด ความโกรธมันตัดปัญญาไป ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออก คนที่มีโทสะจริต จึงกลายเป็นคนโง่มากกว่าคนฉลาด และคนที่เขาฉลาดจริงๆ นี่เขาไม่โกรธใคร
โกรธเหมือนกัน แต่รู้จักยับยั้งเสียทัน
แต่ที่ว่าไม่โกรธเลยนั้นไม่มี
แต่ว่าไม่บูชาความโกรธ

หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เห็นทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา

การรู้ทุกข์นี่ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท
ใจต้องไม่วุ่นวาย ใช่ไหม เห็นทุกข์ไม่ใช่ใจเศร้า
เห็นว่าทุกข์มันมีในโลกจริง ทุกคนเขาก็ทุกข์
เราก็ทุกข์ ทุกข์เหมือนกัน
แต่ว่าเราไม่ยอมจะมาทุกข์ใหม่ต่อไปเบื้องหน้า
ถ้าตายแล้วจะไม่กลับมาทุกข์อีก
นั่นคือเราต้องการ นิพพาน

ถ้าหากความทุกข์เกิดขึ้น
ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของชาวโลกทั้งหมด
ให้ยอมรับนับถือว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้น
กับเรามันเป็นธรรมดา ไม่ใช่กับเราคนเดียว
คนอื่นเขาก็เป็น อย่างพวกที่ทำงานนี่
เคยถูกพวกอิจฉาริษยาไหม เรียบร้อยใช่ไหม
ไอ้ที่ไหนที่ไม่มีการอิจฉาริษยากันไม่มี
อันนี้เป็นธรรมดาของชาวโลก

ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นธรรมดา
ถือว่าเรื่องธรรมดามันเป็นอย่างนี้
เพราะเราอยากโง่ อยากมาเกิด
ก็ขอโง่ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
ชาติต่อไปไม่โง่อีกแล้ว ไม่มาอีกแล้วใช่ไหม
ตั้งใจไปนิพพาน

ที่มา : รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑๕
โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เห็นร่างกายเป็นของสกปรก

เมื่อนึกถึงร่างกายตัวเองก็ตาม
นึกถึงร่างกายของชาวบ้านก็ตาม
ร่างของสัตว์ก็ตาม มองเห็นร่างกาย
ภายนอกจิตมันก็มองเห็นภายใน
เมื่อนัยน์ตากระทบผ้าก็เลยไปถึงหนัง
มีความรู้สึกถึงหนังก็ไปถึงเนื้อ
จากเนื้อเข้าไปถึงตับไตไส้ปอด
มันมีความรู้สึกว่าร่างกายของคน
เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกมีความโสโครก
ไม่น่ารักมันน่าเกลียด
ภายในล้วนแล้วแต่เป็นของสกปรก

จากธัมมวิโมกข์ เล่ม ๓๘๘ หน้า ๔๒
โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ทำใจของเราให้เหมือน ใจพระพุทธรูป
พระพุทธรูปท่านยิ้มอยู่ตลอดเวลา หนาวก็ยิ้ม
ร้อนก็ยิ้ม ใครเขาจะเอาอะไรไปถวายก็ยิ้ม
เขาไม่ถวายก็ยิ้ม เขาด่าท่านก็ยิ้ม เข้าชมท่าน
ก็ยิ้ม พระพุทธรูปไม่มีจิตวิญญาณ
แต่ทว่าเรามีจิตวิญญาณ ควรทำอาการของ
ใจคือวางเฉย เช่นเดียวกับพระพุทธรูป

คำสอน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

คำภาวนา นะมะพะธะ และ พุทโธ

คำภาวนา นะมะ พะธะ นั้น ใช้เมื่อใช้อภิญญา
และควรใช้เป็นปกติ อารมณ์จะได้แจ่มใส
พุทโธ และอย่างอื่นเอาไว้เมื่อยามว่าง ถ้าต้อง
การอารมณ์สงัดตามปกติ จงอย่าคิดว่าพ่อ
ว่าภาวนา พุทโธ ไม่ดีนะ ภาวนา พุทโธ ดี
แต่เมื่อเราได้อภิญญา ควรภาวนาตาม
สายอภิญญา อภิญญาจะได้แจ่มใสเสมอ

นะมะ พะธะ
ก็เป็นคำภาวนาที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมา
เวลาจะภาวนาก็นึกถึงท่านอยู่แล้ว
และมีกำลังไปหาท่าน
คำว่า พุทโธ เป็นคำภาวนากลางๆ ใช้เมื่อเริ่มปฏิบัติ
ถ้าแยกเข้าอภิญญาหรือวิชชาสาม หรือ
ปฏิสัมภิทาญาน ต้องภาวนาตามสายของตน
แต่ไม่ถือว่าขาดพระรัตนตรัย
เพราะใจเราถึงเป็นปกติอยู่แล้ว

ธรรมโอวาท หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

มีเวทนาเพราะมีกาย

ขอให้ทุกคนจงคิดในมุมของวิปัสสนาญาณว่า
เวทนาใดๆ ที่มันเกิดขึ้นมากับเรานี่อาศัยกายเป็น
เหตุ ถ้าเราไม่มีกายเวทนาทั้งหลายเหล่านี้ไม่มี
ความหิวเกิดขึ้นมาก็อย่ากลุ้ม เรามีกายมันหิว ถ้า
หนาวเกินไปก็อย่ากลุ้ม เพราะเรามีกายมันจึงหนาว
แล้วพอตอนป่วยไข้ไม่สบาย มันก็มาจาก..กาย
การแก่เฒ่าชราลงไป ก็มาจาก..กาย
ความเหน็ดเหนื่อยทั้งหลายทั้งหมดเกิดขึ้น
ก็มาจาก..กาย
การที่ต้องทำงานหนักทุกอย่างหาทรัพย์สินมา
ก็มาจาก..กาย
ถ้าไม่มี..กาย มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น
ถ้าเวลาความตายมาถึง ก็มาจาก..กาย
ถ้าไม่มี..กาย มันก็ไม่ตาย

เราก็หวนกลับว่าให้ทุกขเวทนาทั้งหลายเหล่านี้
ที่เกิดมาทั้งหมดมาจากกายอย่างเดียว
ถ้าเราไม่มีกายก็หาความทุกข์ไม่ได้
แต่กายที่ไม่ทุกข์จริงๆ มันมีจุดเดียวคือ นิพพาน

ที่มา : คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๒ หน้า ๑๓๔



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ที่พ่อมีความรื่นเริง มีกำลังกาย กำลังใจ
ทำได้ทุกอย่างก็เพราะลูกทุกคนของพ่อเป็นคนดี
อยู่ในโอวาทขององค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดา
สัมมาสัมพุทธเจ้า
ฉะนั้นลูกทุกคนจึงเป็นที่รักของพ่อ ใครเขาจะ
เกลียด ใครเขาจะชังลูก เป็นเรื่องของเขา
แต่ว่าพ่อรักลูกทุกคนเสมอกัน
ต้องการอย่างเดียวคือ จะนำทางให้ลูกพ้นทุกข์
เข้าไปหาแดนความสุขที่ไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆไม่มีความหนักใจแม้แต่
นิดเดียว นั่นคือพระนิพพาน

พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดํา)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

อานิสงส์ของสมาธิ

พระพุทธเจ้าทรงแนะนำให้จับลม ๓ ฐาน
หายใจเข้า กระทบ..จมูก
กระทบ..หน้าอก
กระทบ..ศูนย์เหนือสะดือนิดหน่อย
หายใจออก กระทบ..ศูนย์เหนือสะดือ
กระทบ..หน้าอก
กระทบ..ริมฝีปากหรือว่าจมูก
เวลาจิตของเราสามารถกำหนดได้
จับได้เฉพาะลมหายใจเข้า หายใจออก
กระทบแค่จมูกหรือแค่ริมฝีปาก
เป็นศูนย์เดียวเป็นจุดเดียว อย่างอื่นจับไม่ได้
อย่างนี้ท่านเรียกว่า ขณิกสมาธิ คือสมาธิเล็กน้อย
ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททรงได้อย่างนี้วันละเล็กล
ะน้อยไม่มากนัก ครั้งละ ๒-๓ นาที ๕ นาทีอย่างมาก
ทรงได้แบบนี้ทุกวันๆ องค์สมเด็จพระทรงธรรม
กล่าวว่าตายแล้วไปสวรรค์ได้แน่นอน

ถ้าจับลมได้ ๒ ฐาน
คือฐานจมูกกับฐานหน้าอก
เวลาลมกระทบมีความรู้สึกอย่างนี้ท่านเรียกว่า
อุปจารสมาธิ
ถ้าตายจากคนก็ไปเกิดเป็นเทวดาชั้นยามา

ถ้าจับลมได้ ๓ ฐาน
คือลมหายใจกระทบจมูก กระทบหน้าอก
กระทบศูนย์เหนือสะดือเล็กน้อย
ทำได้แบบสบายๆ หูไม่รำคาญเสียงภายนอก
อย่างนี้ท่านเรียกว่าเป็นปฐมฌาน

ถ้าบรรดาพุทธบริษัททรงปฐมฌานได้วันหนึ่งสัก
๕ นาที ๑๐ นาทีก็ตาม ได้ทุกวัน
วันหนึ่งใช้เวลาเล็กน้อย
แต่อาจจะใช้หลายๆ เวลา
ครั้งหนึ่งใช้เวลาเล็กน้อยมันจะทรงได้
ถ้าจิตมันทรงได้อย่างนี้ทุกวัน อย่างนี้เรียกว่าเป็น
ผู้ทรงฌาน ตายแล้วก็ไปเป็นพรหม

จาก : หนังสือ คำสอนหลวงพ่อ วัดท่าซุง เล่ม ๒
โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ขึ้นชื่อว่าตั้งแต่วันเกิดถึงวันตาย เรามีทุกขเวทนา
มากกว่าสุขเวทนา
สุขเวทนาที่เราได้มาจริงๆ ก็เป็นสุขเวทนาจอม
ปลอม เป็นปัจจัยของความทุกข์…
…คำสอน หลวงพ่อฤาษีลิงดํา วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

นิพพานไม่ยาก (ตัวอย่างท่านพระติสสะ)

ไปนิพพานนี่ไปไม่ยาก ตัดตัวเดียวที่ร่างกาย
คือ สักกายทิฏฐิ ตัวอย่าง ท่าน ปูติคัตตติสสะ
ติสสะ เนื้อเน่านะ ปูติคัตตะ แปลว่ากายเน่า
ท่านติสสะ อาศัยที่ท่านฆ่านกชาติก่อนแล้วก็
หักแข้งหักขานกหักปีกบ้าง เป็นต้น เวลาเก็บไว้
ค้างวัน พอมาชาติหลังนี่ พอท่านบวชพระก็ป่วย
ฌานสมาบัติก็ไม่ได้ ท่านพุพองทั้งตัว ผลที่สุดก็
เน่าทั้งตัว จนปฏิบัติไม่ได้ ขอเล่าลัดๆ

พระพุทธเจ้าทรงมาแนะนำว่า ติสสะ เธอจง
พิจารณาตามความเป็นจริงว่าร่างกายนี้อีกไม่ช้า
ก็จะนอนทับถมพื้นแผ่นดินจะมีวิญญาณไปปราศ
แล้วมีสภาพเหมือนท่อนไม้ที่ไร้ประโยชน์
ฟังเสียงแค่นี้ พระติสสะ จิตตัดร่างกายทันที
ท่านบอกว่าอีกประเดี๋ยววิญญาณจะไปปราศแล้ว
ท่านก็นึกในใจว่าร่างกายเมื่อวิญญาณไปปราศแล้ว
พระพุทธเจ้าบอกว่าร่างกายไม่มีความหมาย
เหมือนกับท่อนไม้ที่ไร้ประโยชน์ที่เขาทิ้ง
ท่านก็เลยไม่ติดในร่างกายแล้วก็ตายทันที
พระถามว่า ติสสะ ตายแล้วไปไหน
พระพุทธเจ้าบอกว่าไปนิพพาน

ที่มา : รวมคำสอนธรรมปฏิบัต เล่ม ๑๔
โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

จำไว้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยง
ถ้าเราเกาะความไม่เที่ยงมันก็ทุกข์ แต่ทว่า
จะสุขหรือทุกข์ก็ตาม อนัตตามันก็เข้ามาถึง
อย่ายึดอย่าถือว่ามันเป็นของเรา เป็นของเรา
คิดไว้เสมอว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่เราจะ
อยู่กับมัน

คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๒ หน้า ๙๑



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

อานิสงส์ของศีล

คนที่ปฏิบัติในศีลบริสุทธิ์ มีอานิสงส์จะพึงได้ก็คือ
สีเลนะ สุคะติง ยันติ
ศีลเป็นปัจจัยให้เกิดความสุขในสมัยที่มีชีวิตอยู่
ตายแล้วศีลเป็นปัจจัยให้ทุกคนไปเกิดบนสวรรค์

สีเลนะ โภคสัมปะทา
บุคคลใดปฏิบัติในศีลได้ครบถ้วนในสมัยที่มีชีวิต
อยู่ ก็ไม่ขัดข้องในทรัพย์ในการจับจ่าย
มีทรัพย์สินคล่องตัว เมื่อตายไปแล้วก็ไปเกิดบน
สวรรค์จะมีทิพยสมบัติมาก
พ้นจากสวรรค์ลงมาเกิดเป็นคนจะมีความเยือกเย็น
จะมีความเป็นสุขในการใช้สมบัติ

สีเลนะ นิพพุติง ยันติ
บุคคลใดที่มีศีลบริสุทธิ์
จะมีจิตสงบไม่มีความเดือดร้อน
และศีลเป็นปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงพระนิพพาน
ที่องค์สมเด็จพระชิตมารตรัสว่า อานิสงส์ของการ
ปฏิบัติบูชาเฉพาะในศีลจะเป็นปัจจัยให้บรรดาท่าน
พุทธบริษัทเข้าถึงพระนิพพาน

จาก : หนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๒
โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

สำหรับอรหัตผลแล้ว เห็นว่าโลกทั้งหมดไม่มี
ความหมายเลย ร่างกายไม่มีความหมาย
ร่างกายเราไม่มีความสำคัญ ร่างกายบุคคลอื่น
ไม่มีความสำคัญ ทรัพย์สินต่างๆไม่มีความสำคัญ
มนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก ไม่มีความสำคัญ
คนทุกคนไม่มีความสำคัญที่ร่างกาย
คนทุกคนไม่มีความสำคัญที่ทรัพย์สินหรือฐานะ
คนทุกคนที่เข้ามาหามีความสำคัญที่ใจดีหรือใจ
เลว เท่านี้อารมณ์ของอรหัตผล

พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดํา)



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

คำสอนพระพุทธเจ้า

เวลานี้ท่านทั้งหลาย
ท่านที่ตายจากความเป็นคนมาเป็นเทวดาก็ดี
เป็นนางฟ้าก็ดี เป็นพรหมก็ดี
ร่างกายของทุกท่านไม่มีทุกข์ มีแต่ความสุข
แม้ว่าท่านทั้งหลายที่ยังไม่ตายจากความเป็นคน
แต่เวลานี้ชำระร่างกายอันประกอบไปด้วยขันธ์ ๕
ใช้อทิสมานกายขึ้นมานั่งอยู่ที่นี่ ร่างกาย
อันนี้ของท่านก็ไม่มีทุกข์อย่างขันธ์ ๕ ธรรมดา
เป็นร่างกายที่มีความสุข
ฉะนั้น ขอทุกคนจงอย่าประมาทในชีวิต
จงอย่าคิดว่าเราจะอยู่กับโลกตลอดกาลตลอดสมัย แต่จงอย่าตัดสินใจตายก่อนอายุขัยหรือตามกาล
เวลา ถ้าเวลายังมีอยู่เพียงใด
ตัดสินใจทำลายกิเลสให้พ้นไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สักกายทิฏฐิ
ให้มีความรู้สึกว่าร่างกายนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของ
เรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา
ทำอารมณ์ใจวางเฉยในร่างกาย
มันจะแก่ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของมัน เพราะกฎของ
กรรม มันจะตายก็เป็นหน้าที่ของมัน
ถ้าร่างกายมันตายเมื่อไรที่ไปของเราคือนิพพาน
ถ้ากำลังใจยังไม่ถึงนิพพาน เราก็มาค้างสวรรค์
หรือค้างพรหมโลก เท่านี้เราก็มีความสุข

จาก : หนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๖
หน้า ๗๗-๗๘
……………………………………………………..
หมายเหตุ : พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเทศนาที่
พระจุฬามณีเจดีย์สถาน
บันทึกโดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

การเจริญพระกรรมฐานที่เอาดีไม่ได้ก็เพราะใจมัน
ไม่รักดี ใจไม่ทรงอารมณ์
ภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ เดี๋ยวก็ส่งกระแสจิตไปที่
อื่น ยอมให้อารมณ์อื่นเข้ามาทับจิต
อย่างนี้เขาเรียกว่ายอมแพ้กิเลส ถ้าจิตใจฟุ้งซ่านไม่
ทรงตัวอย่างนี้ จะไปหาใครสอนที่ไหนก็เอาดีไม่ได้ การจะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง

ธรรมโอวาท หลวงพ่อฤาษีลิงดํา



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

ชาติสุดท้ายสำหรับเรา

ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายสำหรับพวกเรา ที่เจ้าหนี้
คือกิเลสมันตามทวง
มีอะไรบ้างมันก็มาทวงกันชาตินี้แหละ
ตัดใจเสีนนะลูกรัก
คิดว่าเรารวมใช้หนี้มันเท่าที่เราจะพึงมี
มันอยากทวงก็เชิญให้มันทวง เราจะยอมลำบาก
เพียงชาตินี้ชาติเดียว
ต่อไปเราพ้นภัย คือ เข้าพระนิพพานกันก็หมดเรื่อง
จงคิดว่าขณะนี้เรากำลังถูกเจ้าหน้าที่ใช้งานเรา
เพื่อลบล้างหนี้
เมื่อหนี้หมด เรามีความสุข คิดอย่างนี้ใจจะสบาย
มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าโลกไม่มีความสุข เอาอะไร
แน่นอนไม่ได้
อะไรเกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา “ช่างมัน”
ต่อสู้กับมันโดยธรรมจนกว่าจะสิ้นลมปานใจจะมี
อารมณ์เป็นสุข

จาก : หนังสือ พ่อสอนลูก
โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

จิตจะทรงตัวเป็นสมาธิอยู่ได้ ต้องมีศีลควบคุม
ถ้าไม่มีศีลควบคุม จิตจะรวมตัวเข้าเป็นสมาธิ
ไม่ได้เลย ศีลแปลว่าปกติ ทำใจให้มัน
ปกติเสียก่อน ที่จิตจะมีสมาธิ
ใจจะเป็นสมาธิได้ จะต้องมีเมตตา ความรักด้วย
กรุณา ความสงสารด้วย และสันโดษด้วย

คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เรื่อง กำหนดลมหายใจให้ถูกต้อง

การกำหนดลมหายใจเข้าออกนี่
จงอย่าพยายามฝืนลมหายใจ
อย่าบังคับให้ลมหายใจแรงหรือเบา ยาวหรือสั้น
ลมหายใจจะหายใจแบบไหน ปล่อยไปตามปกติ
เอาแต่เพียงกำหนดจิตเข้าไปรับรู้เท่านั้น
ว่าเวลานี้ เราหายใจเข้าหรือหายใจออก
หายใจออกหรือหายใจเข้า ยาวหรือสั้น
เราต้องการให้เอาจิตรู้เฉพาะ ไม่ใช่ไปนั่งบังคับลม
จะไปนั่งบังคับลม จะทำให้เกิดความอึดอัด
ความไม่สบาย อันนี้ไม่ถูก

โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๓ หน้า ๖๓



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

 

เรื่อง ผลจากกรรม ๒ ประเภท

การที่เราเกิดมาในชาตินี้ รับผล ๒ ประการของ
ชาติก่อน คือว่าในชาติก่อนทำความดีไว้มากผล
ความดีก็สนองในชาตินี้ ชาติก่อนทำบาปไว้มาก
ผลของบาปก็สนองในชาตินี้

คำว่าความดีและความชั่ว บุญหรือบาป กุศลหรือ
อกุศลก็ตาม บุญและบาปที่เราได้รับในชาตินี้มัน
เป็นเศษ
คือส่วนใหญ่ของบาป เราตายจากความเป็น
คนชาติโน้น เราก็ตกนรกเป็นเปรต เป็นอสุรกาย
เป็นสัตว์เดรัจฉานมาแล้ว มันก็ตามมาเบียดเบียน
ให้มีทุกข์ในชาตินี้
แต่ในส่วนใดที่เป็นบุญกุศลในชาติก่อนก็ดลบัน
ดาลให้เราเกิดเป็นเทวดาบ้าง เป็นพรหมบ้าง แล้ว
ก็ดลบันดาลให้มาเกิดเป็นคนในชาตินี้

ก็รวมความว่าชาติที่เป็นคนรับผลของเศษ ๒ อย่าง
เป็นเศษนะ ไม่ใช่เนื้อแท้นะ คือเศษของบุญและก็
เศษของบาป
ขณะใดที่เศษของบาปให้ผลเวลานั้นมีความ
เดือดร้อน
ขณะใดที่เศษของบุญให้ผล ขณะนั้นเรามีความสุข

ฉะนั้นคนที่เกิดมาในโลกนี้จะมีทั้งความสุขและ
ความทุกข์
เพราะกรรมที่เป็นบุญและเป็นบาปในชาติก่อนตาม
สนองในชาตินี้
มันจะแบ่งเวลากัน บุญกับบาปนี่มันไม่มารวมกัน
เวลาไหนบาปให้ผลเวลานั้นมีแต่ความทุกข์ ความ
สุขไม่มี บุญเข้าไม่ได้
เพราะบาปกับบุญนี่มันไม่ถูกกัน มันเข้ามารวมตัว
กันไม่ได้ เข้ามาคนละคราว
ถ้าบาปเข้าสนองจิตใจหรือร่างกายของเรา ร่าง
กายก็มีแต่ความทุกข์ จิตใจก็จะมีแต่ความทุกข์
คราวต่อไปถ้าบาปคลายตัว บุญเข้ามาสนองจิต
ร่างกายก็จะมีแต่ความสุข

ฉันนั้นขอบรรดาญาติโยมโดยถ้วนหน้า จงสนใจ
ในเรื่องความดีหรือความชั่วบาปบุญนี้ให้มาก
เพราะมันเป็นของมีจริง

ธรรมโอวาท หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง