เทคนิคการรวม ธรรม เทพ จักรวาล ครั้งที่ 1

เก็บตก..จากเมื่อวาน

แผ่นวงกลม สีเขียวเหมือนตะไคล่น้ำ มีอักขระอยู่ วางอยู่ขวามือ มุมสายตา
สามารถเอามาหมุน เคลื่อนให้เค้าได้ไหม..............เอาออกมากระทบแดด หรือเอามาให้แสงตกไปที่นั่น

ผลเกิดอย่างไรไม่รู้.........สื่อสารตามจิต........บรรพบุรุษส่งสาร...ยินดี
ผู้ใกล้ชิด อ่อนด้อย ตั้งเหตุสงสัย ไม่เชื่อในธรรมชาติ ความโลภบดบังแทนนาย.........

ถูกวัดค่า ความสำเร็จอย่างสังคม จนลืมบรรพบุรุษ ยามว่างพี่แก้ไข นำความสว่างส่งให้ถึงมือ...................

 

เข้ามาทักทาย ท่านสิงโตที่ ๑ และที่ ๒
เริ่มเข้ามาอ่านแล้ว คงต้องใช้เวลาหน่อย เพราะงานเยอะทีเดียว
ท่านทั้งสองไม่ธรรมดาเลย<!-- google_ad_section_end -->

กำลังรอ อาจารย์สิง 3 มาค่ะ

กำลังอยู่ในช่วงเรียน รู้ และ ปรับเพื่อใช้งาน

ธรรม เทพ จักรวาล 3 สิ่ง แห่งการเกิด............สมดุลย์

 

งิงิ แหง่วๆ

 

สติปัฏฐาน ๔ เหมาะกับพุทธิจริต
เจริญได้ดี

 

งานมีเยอะมาก ทำเท่าไรก็ไม่บรรเทา
ต้องถืออุเบกขาลงในบางที

ท่านกล่าวถูกต้องแล้ว มี ๓ จึงจะสมดุลย์
หม้อไม่สามารถตั้งอยู่บนก้อนหินสองก้อนได้
ต้องมี สามก้อน
แต่ยิ่งมี มากก้่อนขึ้นอีก ยิ่งมั่นคงแข็งแรง

 

งิงิ แหง่วๆ<!-- google_ad_section_end --> ...........

ไม่เข้าใจความหมายค่ะ........
ขอตอบประเด็นนี้ค่ะ

ทุกท่านมีสามสิ่งนี้ค่ะ หลักการคือ เริ่มจากการฝึกสมาธิ รู้ตัวรู้สติ และสังเกตประเภทของตนเองค่ะ ไม่ปรุงไม่คิด ไม่ตั้ง ลื่นไหลแบบธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และรวมเข้าเป็นหนึ่งค่ะ

สั้น ๆ ง่าย ๆ แต่การฝึกยาวนาน เพราะ เราไปปรุงและอยากมีอยากเป็นค่ะ
ยินดีต้อนรับค่ะ
เดมีดี

(ข้อมูลส่วนใหญ่ เป็นการตอบสนองกันไปมาของผู้ร่วมเข้ามาค่ะ โดยฐานของสมาธิค่ะผลัดกันตั้งโจทก์ผลัดกันตอบค่ะ)

 

เมื่อเกิดการปรุงแต่ง ก็เกิดอารมณ์รัก ชอบ เกลียด พยาบาท อาฆาต
ซึ่งเปนทั้งกุศลและ อกุศล

เมื่อไม่ปรุงย่อมไม่เกิดภพ
ไม่เพลิน ก็ไม่เกิดชาติ
ชรา มรณะจะมาที่ไหน

เมื่อตัดภพได้
ตัวรู้ก็ใกล้เข้ามา

 

หน้าที่ของความรู้สึก....คือ การรวม

การมองเห็นที่ต่าง จึงเข้าใจ จุดขายค่ะ

(อาจารย์จำเดมีดีได้ไหมค่ะ..........เราคลาดกันหลายครั้งแล้ว แต่ ระลึกถึงอาจารย์อยู่เสมอค่ะ........พูดมากไม่ได้ รับรู้ด้วยใจค่ะ)

 

ทำอะไรต้องทำเป็นกลุ่มถึงจะดีและต้องไปในแนวทางเดียวกันไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ยิ่งจะช่วยโลกอารมณ์ของแต่หละคนยังไม่สมดุลย์กันเลยเกรงว่าน้ำจะยิ่งท่วมหนักขึ้นอีก เฮ้อ

 

11/11/11 เตรียมตัวกับเศรษฐกิจทั่วโลกที่จะตกต่ำลงมากที่สุด สติและปัญญาแค่นี้แหละ

 

เดมีดี จำได้สิ

เจอกันครั้งนี้ ทำงานสำคัญ อย่าละทิ้งไปเสีย
อะไรก็ตามกระทบจิต ปล่อยมัน ไม่มีจิตซะเลยท่าจะดี ไม่มีอะไรให้กระทบ

 

จะทำยังไงดี จะชวนคนมาฝึกกสิณ
จะเกิดศรัทธาเมื่อไรหนอ
ธรรมะของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น
ทำไมไม่เรียน


น้ำมาเยอะมากอยู่แล้ว เงินจะทำอะไรได้ไหม เงินไม่มีความหมาย

 

Lucifer
อัครเทวทูตองค์นี้ ได้ถูกองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้สร้างขึ้นมาจากแสงสว่าง และให้ความเอ็นดูเป็นอย่างมาก อาจถือได้ว่า เป็นทูตสวรรค์ที่เป็นใหญ่รองมาจากพระเป็นเจ้า และเป็นอัครเทวทูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ ทว่า ด้วยความที่นึกว่าตนเองยิ่งใหญ่เหนือทูตสวรรค์ จึงได้กระทำการก่อกบฏหักหลังองค์พระเป็นเจ้า และในที่สุดก็ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์ กลายมาเป็น"ปีศาจ"ตามตำนานของชาวฮิบรู โดยที่ลูซิเฟอร์ ได้ถูกยุยงโดยซาตานอีกทีหนึ่ง (ซึ่งทำให้ทราบว่า ตามตำนานฮิบรู ลูซิเฟอร์ และ ซาตานนั้น ไม่ใช่คนเดียวกันแต่อย่างใด) ในพระคัมภีร์ของชาวฮิบรูนั้นได้กล่าวไว้ว่า ซาตานเคยเป็นหนึ่งในอัครเทวทูต มีชื่อว่า Satan-Sataniel หรือ Samael ว่ากันว่าซาตาน ต้องการจะครอบครองทุกสิ่ง มีอำนาจดั่งพระเจ้า จึงได้ยุยง บ้างก็สิงสู่เทพบางองค์ ทำให้กลายมาเป็นเป็นมารร้าย
ตามตำนานของชาวคริสต์ จากคัมภีร์พันธสัญญาเดิม ได้แปลคำว่า Helel เป็น ลูซิเฟอร์ และได้มีการโยงถึงปีศาจร้ายที่มีร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ที่ลอบเข้ามาในสวนอีเดนและหลอกลวงอาดัม และอีฟ
นักบุญเจอโรมนักพรตในศาสนจักรในยุคกลาง ได้ให้ความเห็นว่า ชื่อ "ลูซิเฟอร์" ไม่ใช่ชื่อที่ดีสำหรับ "ปิศาจ" จึงได้เปลี่ยนมาเป็น "ซาตาน" จนในที่สุด ทั้งสองก็ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน จะเห็นได้ว่าในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ในบางครั้งก็จะเรียกลูซิเฟอร์ และในบางครั้งก็จะเรียก ซาตาน
ในตำนานกรีก คำว่า ลูซิเฟอร์ เปรียบได้กับดาววีนัส (ลูซิเฟอร์เป็นชื่อเดิมของดาววีนัส หรือดาวศุกร์) ในบางตำนานของชาวเพแก้น หรือวิคคา กล่าวไว้ว่า เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา พระองค์ทรงให้ความดูแลเอาใจใส่ในตัวมนุษย์มากกว่าสิ่งอื่นใด และมากกว่าตัวลูซิเฟอร์เองด้วย ทำให้ลูซิเฟอร์เกิดความรู้สึกน้อยใจและประชดองค์พระเป็นเจ้า โดยการชักนำพรรคพวก ก่อกบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ในบางความเชื่อของชาวเพเก้น เชื่อกันว่าลูซิเฟอร์อยู่ในยุโรปและเอเชีย
ในปัจจุบัน ได้มีลัทธิหนึ่งซึ่งนับถือลูซิเฟอร์เยี่ยงพระเจ้า พวกเขาเหล่านั้นเรียกตัวเองว่า นักนิยมลูซิเฟอร์ (Luciferains) ตามชื่อศาสดาของพวกเขา "Lucifer Calaritanus" บิชอปของลัทธิลูซิเฟอร์ กล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่า องค์พระเยซูคริสต์ไม่ใช่บุตรมนุษย์ผู้ที่ถูกเลือก แต่คือลูซิเฟอร์ (เข้าข่ายพวกลัทธิบูชาซาตาน หรือบูชาปีศาจ) ในคัมภีร์ของพวกเขาได้บอกเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ "ก่อนการเกิดอัปยศ" หรือ "Before the fall" ซึ่งเล่าเรื่องราวไว้ว่า "เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ ลูซิเฟอร์เอ็นดูมนุษย์เป็นอย่างมาก และหลงใหลในความใสซื่อบริสุทธิ์ของมนุษย์ แต่เป็นเพราะว่าการที่มนุษย์นั้นใสซื่อนั่นเอง ทำให้มนุษย์ไม่รู้สึกถึงตัวตนอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า" ในคัมภีร์จึงได้บอกไว้ว่า "พระเจ้าได้เสกให้งูมาเพื่อล่อลวงมนุษย์ให้กินผลไม้แห่งปัญญา เมื่อมนุษย์ได้กินเข้าไป จึงได้รู้สึกถึงตัวตนของพระเจ้า จากนั้นพระองค์จึงได้ขับไล่มนุษย์ทั้งสองออกจากสวนอีเดนไป เมื่อลูซิเฟอร์รู้เรื่องเข้าจึงได้โกรธและก่อการกบฏต่อพระเจ้าขึ้น" นี่เป็นอีกเรื่องที่ถูกนำมาเล่า เพื่อใช้โน้มน้าวจิตใจสาวกของลัทธิลูซิเฟอเรี่ยนส์ ซึ่งต่อมาได้ถูกกล่าวกันว่าเป็นลัทธินอกรีต และมีกระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ซึ่งบางคนใช้ยาเสพติด หรือ เสียงเพลงเพื่อกลอมประสาท เพื่อมอมเมาผู้คนให้เข้าร่วมลัทธิ
ลูซิเฟอร์ คือตัวแทนของบาปแห่งความเย่อหยิ่งจองหอง (ภาษาอังกฤษ: Vanity/pride) เพราะลูซิเฟอร์ลำพองว่าตนเองยิ่งใหญ่ และมีอำนาจมากกว่าทูตสวรรค์องค์ใด จึงได้หลงผิดและก่อการกบฏขึ้น ก่อให้เกิดสงครามภายในสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยลูซิเฟอร์ได้ชักจูงเทพ 2 ใน 3 ส่วน จากเทพทั้งหมดบนสวรรค์ (บ้างก็ว่า 3 ใน 5 ส่วน) มาต่อสู้กับกองทัพขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งนำทัพโดยอัครเทวทูตมิคาเอล ผลปรากฏว่ากองทัพแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงได้ขับไล่ลูซิเฟอร์ออกจากสวรรค์
ตำนานกล่าวว่า ลูซิเฟอร์นั้นมักจะปรากฏกายในรูปของมังกร หรือ สิงโต และมีผู้รับใช้อันภักดี ชื่อ Satanackia และ Agalierept ที่เปรียบเสมือนแขนทั้งสองข้างของเขา (ตามความเชื่อของพ่อมดแม่มด ตราทั้งสองนี้อันตรายเป็นอย่างมาก)

 

ตอนแรก..มีความกลัวเป็นทุน.เลยปฎิเสธไปหมด

ตอนนี้เริ่มเข้าใจมากขึ้น.........ทั้งหมดล้วนอยู่ในตัวเรา เพียงแค่ฝึก เพื่อมีความจำให้ได้ และ เกิดการรู้ ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และ นำไปพัฒนา เพื่อ อุดช่องว่าง ที่เป็นรอยต่อ ทั้งหลาย เกิดการเชื่อมต่อ แต่การเดินทางเพื่อสิ่งนั้น ตอนนี้อยู่ในการ ละและวาง ให้บริสุทธิ์ ก่อน ให้เชื่อได้สนิทใจว่า ไม่มีความอยากใด ๆ และเตรียมพร้อมเพื่อเปิดสิ่งที่มีอยู่

วันนี้ ก็ได้มีโอกาสบอกไปอีกหนึ่งคน ว่าจะตายแบบมีความกลัวหรือจะตายแบบมีความศรัทธา และ รอปฎิหาร............

 

ในฝ่ายดี และฝ่ายไม่ดี จริง ๆจากความรู้สึก มันไม่น่ามีเลยน่า.....

เพราะความรู้สึกของมนุษย์ ถูกส่งออกไป กระทบสิ่งภายนอกและเกิดการเรียนรู้ เลือก ที่เหมาะกับตน และ เลือกที่เหมาะกับคนของตน และถ้าเราเราไม่เลือกอะไรเลย ทุกสิ่งเกิดเป็นคู่ จะขนานกันหรือซ้อนทับกัน หรือเวลาเดียวกัน โดยที่เราไม่เลือกอะไรเลย มันก็เกิดการวิ่งไปตาม วัฐ ของสิ่งนั้น ๆ นั่นเอง

และถ้าหาก เราเลือกใช้ประโยชน์จาก ทั้งดีและเลว ให้เหมาะกับโอกาสและเวลา จะไม่มีประโยชน์กว่าหรือ.............

มือถือดาบที่มีงูขาวและงูดำเป็นสัญญาลักษณ์ ผู้ที่ถือได้ น่าจะมีพละกำลังที่ดี เหมือนมนุษย์ที่มีทั้งดีและเลว บรรจุอยู่ ก็คงเพื่อการนี้แน่..............

 

เจอกันครั้งนี้ ทำงานสำคัญ อย่าละทิ้งไปเสีย
อะไรก็ตามกระทบจิต ปล่อยมัน ไม่มีจิตซะเลยท่าจะดี ไม่มีอะไรให้กระทบ<!-- google_ad_section_end -->

ส่วนลึกจริง ๆ ก็ว่าเป็นคนแบบนี้ แต่พอมาอยู่รวมกับสังคมเลยทำตัวไม่ค่อยถูก
เอ..จะรู้สึกอย่างไรดีหนอ ..พอพูดตรง ๆ เปิดเผย คนก็ไม่เชื่อ พอเรียนรู้แบบมีจริตสังคม ตนเองก็ทนไม่ไหว ทำไม่ได้ หาธรรมชาติไม่เจอ ก็เลยวิ่งพล่านเลย....55+++

แต่สุดท้าย ก็ไม่ตั้งโจทย์แล้ว แค่พยายาม และทำไปตามกำลัง........

 

จักเกิด คุณยิ่งใหญ่
พ้นผองภัยด้วยพระพุทธคุณ
สัตว์โลก อุดมบุญ
บรรลุธรรม งามโลกโสภา

จักเกิด คุณสมดั่งใจ
แม้ผู้ใด ได้เทิดทูน รักษา
ปฏิบัติธรรม คือบูชา
และทำนุ บำรุงรักษ์ หลักชัย

 

จากการฝึกที่มีพอสมควร และสังเกตว่า ตัวกายของเรา เมื่อต้องการทำกิจอันใด และตั้งโจทก์ไว้ก่อน นั้น ไม่ดี คือการสร้างความคิดและจินตนาการล่วงหน้าไปเสียแล้ว จิตจึงมุ่งหน้าไปสู้สิ่งที่คิดและปรารถนาให้เกิดขึ้น จึงเป็นการสร้างแรงที่สูญเสียไปในระหว่างการเดินสมาธิ
แต่ หากเราวอมร์ร่างกายให้พร้อม เตรียมกายให้สะอาด และเตรียมจิตเข้าสู่สภาวะ ว่าง อย่างไร้ สภาวะใด ๆ เมื่อนั้นจะเกิดกระแสของคลื่นพลัง ที่มาจากทั้งภานนอกและภายใน ให้เราได้ปรับสมดุลย์จนเข้าที่ และค่อยเพิ่มด้วยกำลังของสมาธิ จนเรียกว่าพอเอาตัวรอดจากภาระกิจได้ อันนี้ต้องรู้ด้วยตนเอง และเมื่อนั้น ถึงค่อยสร้างมโนจิต ในการส่งพลังอันนั้นออกไปสู่เป้าหมาย ในเชิงบวก ดังนั้น ตัวเราเองมีหน้าที่อะไร

มีหน้าที่เป็นเพียง ท่อ ที่ สะอาด และสามารถควบคุมการไหลของท่อได้ ซึ่งท่อนี้อาจเปลี่ยนรูปร่าง และพลังที่รุกรับเข้ามาจากทุกทิศก็จะถูกส่งตรงถึงเป้าหมาย โดยที่เราอย่าตั้งเป้าไว้ เพราะการตั้งเป้าซ้ำแล้วซ้ำอีกเมื่อเวลาแปรปรวนของคลื่นจิต จะเกิดการสั่นคลอนสับสนได้...........

เทคนิคเฉพาะตัว เพื่อให้เปรียบเทียบและเสนอแนะ..........

 

ความว่างของมนุษย์ ต่างจาก ความว่างของ โลกุตระธรรม

เมื่อเข้าถึง กายนี้ช่างแสนหนัก
สารพัด มวลสาร สารถี
ช่างแบก กรรม แบกทุกข์ ถมทวี
แสบกายใจ เผาระทม เวทนา
ต่างแย้งกันยึดหลัก หาใช่แก่น
หาที่เกาะ เทียบเคียงวาสนา
หลงยึดไว้ ข้าเก่ง เพลินอุรา
ล้วนด้อยค่า เมื่อเปรียบ หาใดปาน

เป็น คนดี รีบเร่ง ลด ละ เลิก
ตัดทุกข์ สุข โศก เศร้า เปลี่ยนวิถี
รับด้วย รู้ หยุดตัดสิน ลงทันที
สมมติ ดี เพียงแค่ หนึ่งปัจจัย
ทิ้ง ทั้งวาง ให้หลุด อย่าไหลหลง
สมมติใน สมมตินอก หยุดไม่เที่ยงตรง
ยังหมุนวน เวียนย่ำ วัฐฐะเดิม

หนทางสู่ โลกอุดม ด้วยธรรมะ
โลกุตระ อยู่ใน องค์ ธรรม ที่ใฝ่หา
โลกแห่งธรรม มีอยู่ในธรรมา
ธรรมชาติ ธรรมะ อันอุดม

เรายืนอยู่ ในช่องของอากาศ
มีพื้นดิน และจักรวาล ขนาบทั้งบนล่าง
มีอาทิตย์ และจันทร์ หมุนเวียนวน
เราหมุน เวียนตาม แห่งธรรมา

หากอยากหลุด พ้นจาก วัฐฐะน้อย
.................

(วันหลังมาต่อ ฝนตกแล้ว.....)