หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ขออนุโมทนาบุญกับท่านร่วมชาติในการไปกราบไหว้และภาวนา ณ พระธาตุดอยสุเทพ และภาระกิจเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เพื่อการก้าวสู่ตำแหน่งทางวิชาการที่สูงขึ้น (คศ.3) และขอแสดงความยินดีที่ได้พาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนด้วย ผมขอฝากความคิดถึงน้องสาวและหลานสาวของผมด้วยนะครับ ว่าคุณลุงคิดถึง ขอให้ให้มีความสุขและโชคดีทุกประการครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
13 ธันวาคม 2554

 

ขออนุโมทนาสาธุกับบุญกุศลที่ท่านได้กระทำในครั้งนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และบุญกุศลใดๆที่ผมได้กระทำมาแล้วทุกชาติภพทั้งความปรารถนาพระโพธิญาณหรือพระนิพพาน จงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวจงประสบแต่ความสุขร่มเย็น มีข้าวของเงินทองและอาหารน้ำท่าจงอุดมสมบูรณ์ ดั่งบุญที่ท่านได้สร้างบ่อน้ำบาดาลและถังเก็บน้ำเพื่อพระพุทธศาสนา มิมีวันหมด และขอให้สว่างไสวทั้งทางโลกและทางธรรมจนกว่าจะเข้าพระนิพพานเทอญ

ปล. ผมยินดีจะมอบพระสมเด็จเนื้อพระธาตุเมล็ดข้าว สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์และมั่งมีเงินทอง กินใช้มิมีวันหมด ให้กับท่าน 1 องค์ (มีแค่สององค์เท่านั้นที่มอบให้กับสองท่านแรกที่ร่วมทำบุญในครั้งนี้) พระสององค์นี้เสด็จมาในเวลาอันควรและพิเศษจริงๆ ครับ เมื่อท่านสัมผัสแล้วจะเข้าใจเองนะครับ

อนึ่ง หากจะโอนเงินมาที่ผมโดยตรง แล้วผมจะนำมาอธิษฐานจิตอนุโมทนาบุญให้แก่ท่าน แล้วผมจะนำเงินดังกล่าวไปถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ภูดานไหในวันปีใหม่ เพื่อให้พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านอนุโมทนาร่วมกันอีกครั้ง หรือใครจะร่วมทำบุญโดยการโอนไปที่บัญชีของคุณแม่ชมโดยตรงก็ได้นะครับ ได้กุศลเสมอเหมือนกัน ส่วนผู้ที่จะร่วมทำบุญนอกเหนือจากท่านทั้งสองนี้แล้ว ผมจะพิจารณามอบวัตถุมงคลหรือพระเครื่องให้ตามที่เห็นสมควรอีกครั้งครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
13 ธันวาคม 2554

ชื่อบัญชี นายณัฐนนต์ สิปปภากุล
เลขที่บัญชี 503-269483-3
ออมทรัพย์
ธ.ไทยพาณิชย์ สาขานครราชสีมา

 

สวัสดีครับ พี่น้องนรธ.ทุกท่าน กลับมาจากภูดานไห ไม่มีอะไรมาฝากนอกจากธรรมะที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเมตตาสั่งสอนครับ เมื่อสมัยที่ไปกราบท่านใหม่ๆท่านก็สอนธรรมหลายข้อ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ท่านก็เมตตาสอนซ้ำแล้วซ้ำอีก จนพอที่จะนำไปปฏิบัติได้บ้าง อย่างเช่นเรื่องอารมฌ์ต่างๆที่เรามักจะเจอในชีวิตประจำวัน เช่นอารมฌ์โกรธ หงุดหงิด กังวล ฯลฯ เมื่อมีอารมฌ์อย่างนี้เกิดขึ้นในใจ ท่านก็จะให้พิจารณาว่าอารมฌ์เหล่านี้มันไม่เที่ยง มันเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป อย่าเอาจิตของเราเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ถ้าเราเอาจิตของเราเข้าไปผูกติดกับอารมฌ์เหล่านี้ มันจะทำให้ใจของเราเป็นทุกข์ เป็นกังวล ให้ละวางเสีย แล้วใจของเราจะได้สบาย

ในชีวิตทางโลกของคนอย่างพวกเรา ต้องเจอกับอารมฌ์อย่างที่ว่านี้อยู่แล้ว อย่างตัวผมเองวันหนึ่งก็มีเรื่องที่ทำให้ หงุดหงิด ก็คิดถึงคำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ท่านเคยสอน ให้พิจารณาอารมฌ์(หงุดหงิด)เหล่านั้น แล้วก็ละวางเสีย แต่มันก็ไม่ยอมหายหงุดหงิดเสียที สุดท้ายก็ใช้วิธีกำหนดลมหายใจ เข้า-ออก บริกรรม พุท-โธ พอทำไปได้สักพักจิตของเราก็อยู่กับปัจจุบัน รู้แต่ลมหายใจ เข้า-ออก ความหงุดหงิดนั้นก็หายไป หายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ก็รู้สึกดีใจ คิดว่าเราละวางอารมฌ์หงุดหงิดได้แล้ว

เมื่อมีโอกาสได้ไปกราบท่าน ก็ได้บอกเล่าถึงประสบการณ์และการพิจารณาอารมฌ์อย่างนี้ให้ท่านฟัง พอท่านฟังจบท่านก็บอกว่า การละวางอารมฌ์หงุดหงิด โดยวิธีกำหนดลมหายใจ นั้นไม่ถูก นั่นเป็นการเคลื่อนจิต คือความหงุดหงิดไม่ได้หายไปไหน ยังคงอยู่แต่เราเอาการภาวนากำหนด ลมหายใจเข้า-ออก ไปทับเอาไว้ มันยังไม่ได้ถูกแก้ไขให้ถูกจุด ไม่ใช่การละวางที่ถูกต้อง คือแทนที่เราจะพิจารณาถึงความร้อนในอารมฌ์ ที่ทำเกิดโทษ เกิดผลเสียต่างๆในจิตใจ ที่ไปยึดมั่นถือมั่นนั้น กลับหนีไปภาวนาแทน คือเราต้องพิจารณาจนเรารู้สึก เห็นโทษของอารมฌ์หงุดหงิดนั้นจริงๆ หรือรู้สึกถึงความร้อนในจิตใจที่เป็นทุกข์นั้นจริงๆ จึงจะเป็นการละวางที่ถูกต้อง

เพราะอารมฌ์ต่างๆนั้น มันไม่ใช่ของเรา มันไม่มีตัวตนไม่สามารถบังคับ หรือสั่งมันได้ มันเกิดขึ้นได้ทุกเวลา แต่ถ้าเรารู้จักวิธีที่จะรับมือ รู้เท่าทัน มันจะเกิดขึ้นอีกเป็นพันๆครั้ง เราก็สามารถที่จะละวางได้จริงๆ แล้วจะทำให้จิตใจของเรา เบา สบาย ที่สำคัญถ้าเราฝึกบ่อยๆก็จะทำให้กิเลสของเรา ค่อยๆน้อยลง ระหว่างคำว่า ให้เราละวางไว้ ถึง ละวางได้จริงๆ รอยต่อของช่วงนั้น เราต้องพิจารณาถึงโทษของความหงุดหงิด ที่ทำให้เกิดความร้อนรุ่ม ความกังวล ฯลฯทีจะเกิดกับตัวเรา ที่จะทำให้เราเกิดความทุกข์ เราต้องพิจารณาจนรู้สึกได้จริงๆ เห็นโทษจริง แล้วเราจะละวางได้จริง มันจะเป็นการฝึกทำให้จิตของเราเป็นกุศล หมั่นฝึกจิตของเราให้เป็นกุศลบ่อยๆ แล้วผลของมันจะทำให้เราถึงที่สุดแห่งทุกข์

ถ้าเราทำได้ดังนี้เท่ากับเราได้ใช้ปัญญาในการพิจารณาถอดถอนกิเลส ออกจากใจของเรา พ่อแม่ครูอาจารย์บอกว่า เรากำลังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งการใช้ปัญญาที่ถูกต้อง จะช้าหรือเร็วต้องถึงจุดหมายแน่นอน

ธรรมะของจริง ต้องใช้ได้จริง และเห็นผลจริง

 

สภาวะธรรมย่อมเกิดจากสภาวะจริง​

ธรรมะจริง ผู้สอนรู้แจ้งแห่งธรรมะจริง ผู้เรียนรู้และกำลังศึกษาอย่างจริงๆ ใช้ปัญญารู้แจ้งจากสถานการณ์จริงๆ การละวางก็จะบังเกิดขึ้นจริงในอนาคต นี้แหละลูกศิษย์ของพระตถาคต และลูกศิษย์ของพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช แห่งภูดานไห ขออนุโมทนากับความเจริญในธรรมของท่านสันติครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
13 ธันวาคม 2554

 

โมทนาสาธุในกิจกันเป็นกุศลทั้งมวลครับ

 

ขออนุญาติรวบยอด อนุโมทนาบุญทุกประการ กับคนบุญทุกท่านด้วยครับ

คุณศรุต ที่บริจาคเครื่องปั่นไฟและร่วมทำบุญสร้างบ่อน้ำบาดาล-ถังเก็บกักน้ำครับ
คุณพ่อคุณนครและคุณนคร ที่บริจาคร่วมสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ครับ
คุณจ๊อกกี้และครอบครัว ที่ถวายพระบรมสารีริกธาตุแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ ครับ
ดร.นนต์ ที่บริจาคพระสมเด็จฯสำหรับผู้ร่วมทำบุญสร้างบ่อน้ำบาดาลและถังเก็บกักน้ำ ครับ

ขอผลานิสงส์นี้ จงเป็นพลวัตปัจจัยให้ท่านทั้งหลาย จงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ คิดปรารถนาสิ่งใดขอจงสำเร็จทุกประการ ครับ

 

เรียบร้อย...สบายดีทุกประการนะครับคุณซึ้งบน

วาระปฏิบัติธรรมข้ามปี...คงได้ปฏิบัติร่วมกันแบบเต็มทีมอีกวาระนะครับ

 

กราบ กราบ กราบ
​

ต้องยอมรับนะครับว่า ณ พระธาตุดอยสุเทพนั้นสุดยอด
ขอโมทนาสาธุที่ได้มีโอกาสไปนั่งภาวนา ณ จุดๆนั้นนำ หุหุ...

 

สร้อยประคำเพชรตาเสือ...ย่อลงมาเหลือเพียงประคำข้อมือ
ปล:
- ร้อยเองด้วยนะเนี่ย...
- วงข้างใน เช้านี้ทดลองให้น้องใส่ไปขายของวันแรก...ถล่มทลาย
แถมได้รางวัลมาอีก จนสงสัยว่า...ฟลุคหรือเปล่าเนี่ย...หุหุ

 

แสงบางแสงก็ไม่ใช่...เสมอไป
แสงบางแสงใช่นะ...อย่ามองข้ามไป

 

เครื่องกรองน้ำบาดาล/น้ำฝนมาเป็นน้ำใช้(อุปโภค)...เมื่อติดตั้งเสร็จก็เป็นเช่นนี้
งานนี้ไม่ง้อน้ำประปา ที่สำคัญคือ...ได้ความรู้วิธีบริหารน้ำให้สะอาดเพรียบเลย!

 

งามขนาดเลย.....งามแต้ๆ.....หึหึ(ขายดีอย่างนี้ก็พาไปทัวร์อินเดียด้วยเลยนะ.....ถือว่าโบนัส)

 

น้ำที่พึ่งสูบมาจากบ่อหน้าบ้าน (ใสขนาดนี้ยังจะกรองอีกหรือ???)
- ทิ้งไว้ให้ตกตะกอนจากการแกว่งสารส้ม (ให้น้ำไหลผ่านสารส้ม)
- ฆ่าเชื้อจากการผสมคลอรีน (1 ขวดแม่โขง/ต่อน้ำในถังนี้ 13,000 ลิตร)
- กรณีมีหินปูน(มาก) ต้องผสมสารเคมีให้ตกตะกอนก่อนส่งไปยังเครื่องกรอง

ปล: ถ้าจะให้ดี ควรมีถัง 200 ลิตรเพื่อทำการตกตะกอนก่อน
- ค่อยส่งน้ำไปยังถังพักน้ำ > เครื่องกรองหยาบ > เครื่องกรองละเอียด > เข้าระบบน้ำในบ้าน

 

สงสัยจะบาย...แค่ภูดานไหยังไม่กล้าไปเลย หุหุ

 

ช่วงเวลาพอเหมาะพอดีเลยครับ.....ที่ภูดานไหกำลังต้องการผู้สันทัดเรื่องน้ำบาดาล คงจักได้เปลี่ยนตำแหน่งจากนายช่างไอที มาดูแลเรื่องน้ำชั่วคราวนะครับ(ในวาระที่จะถึงนี้).....หึหึ

 

ในคืนวันที่สำคัญๆก็มักจักได้ภาพพิเศษๆให้ได้ชมกัน.....วันนี้ก็เช่นกันมีมาร่วมโมทนาด้วย

 

ยินดีครับผม...
หากทำตามที่วางแผนไว้แต่เนิ่นๆตามระบบที่เหมาะสมกับสภาพความเป็นของจริงของน้ำ
ก็คงจะมีน้ำสะอาดเพื่อใช้ในวัดต่อไปครับ

ในถังกรองน้ำจะประกอบไปด้วยสารกรอง 3 อย่าง อย่างละเท่าๆกันดังนี้
1. หินกรวด: (ล้างด้วยคลอรีนก่อน) คัดเกรดสำหรับไว้ใช้ในการกรองโดยเฉพาะ
2. แมงกานิส(Manganese ZeroLite): หน้าตาเหมือนเหล็ก
3. แอนตราไซส์(Anthracite): หรือเลือกคาร์บอนอย่างใดอย่างหนึ่ง

- แอนตราไซต์: จะยอมให้คลอรีน(มีกลิ่น)ไหลผ่านเข้าไปในท่อน้ำในบ้าน เพื่อชำระล้างกลิ่น,เชื้อโรค
- คาร์บอน: จะไม่ยอมให้คลอรีนผ่าน ข้อดีคือไม่มีกลิ่นของน้ำ ข้อเสียคือคลอรีนไมสามารถเข้าไปกำจัดเชื้อโรค ตะไคร่น้ำในท่อได้
- ในที่นี้ผมเลือกแอนตราไซต์

 

งั้น...ขอร่วมโมทนาสาธุบุญด้วย

 

ขออนุโมทนาบุญกับท่านพิเชฐด้วยทุกประการครับ

 

ภาพนี้ก็มีนะครับคุณพิเชฐ