พระโมคคัลลานะทัวร์นรกสวรรค์ ถาม "ทำบุญ-กรรมอย่างไรจึงได้ผลอย่างนี้?"

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย วิมลเกียรติ์, 30 สิงหาคม 2007.

  1. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๑๐. ปาริฉัตตกวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในปาริฉัตตกวิมาน

    พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
    [๓๘] ดูนางเทพธิดา ท่านมาเก็บเอาดอกปาริกฉัตตกะ มีสีงามหอมหวนยวนใจ
    อันเป็นดอกไม้ทิพย์ มาร้อยกรองเป็นพวงมาลัยประดับกายขับร้องเล่น
    สำเริงอยู่ เมื่อท่านกำลังฟ้อนรำอยู่ เสียงอันเป็นทิพย์น่าฟังวังเวงใจ
    เปล่งจากอวัยวะใหญ่น้อยพร้อมๆ กัน ทั้งกลิ่นทิพย์อันหอมหวนยวนใจ
    ก็ฟุ้งขจรไปจากอวัยวะใหญ่น้อยทุกๆ ส่วน เมื่อท่านไหวกายผายผันกลับ
    ไปมา เสียงเครื่องประดับอันท่านประดับไว้ที่ช้องผมทุกๆ แห่ง เมื่อคราว
    ลมพัดพานมาต้องเข้า ก็เปล่งเสียงไพเราะ คล้ายกับเสียงดนตรีเครื่อง ๕
    อนึ่ง เสียงแห่งมาลัย เครื่องประดับเศียร คือ มงกุฏ ที่ถูกลมพัดต้อง
    เข้าแล้วก็กังวานไพเราะ คล้ายกับเสียงดนตรีเครื่อง ๕ แม้กลิ่นแห้ง
    ดอกไม้ที่ท่านสอดแซมไว้บนเศียรเกล้า ก็มีกลิ่นหอมหวนชวนให้ชื่นใจ
    หอมฟุ้งไปทั่วสารทิศ ดังต้นอุโลกที่มีอยู่บนเขาคันธมาทน์ ฉะนั้น ท่าน
    ย่อมสูดดมกลิ่นอันหอมหวนนั้น ทั้งได้ชมรูปทิพย์ซึ่งมิใช่ของมนุษย์
    ดูกรนางเทพธิดา อาตมาถามท่านแล้ว ขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่ง
    กรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้นตอบว่า
    พระคุณเจ้าขา แต่ก่อน เมื่อดิฉันยังอยู่ในเมืองมนุษย์ ได้น้อมนำ
    เอาดอกอโศกซึ่งมีเกษรงามเลื่อมประภัสสร มีกลิ่นหอมฟุ้ง ไปบูชา
    พระพุทธเจ้า ครั้นดิฉันทำกุศลกรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญแล้ว
    จึงสร่างโศกหมดโรคภัย ได้รับแต่ความสุขกายสุขใจ รื่นเริงบันเทิงอยู่
    เป็นนิตย์.
    จบ ปาริฉัตตกวิมานที่ ๑๐​
     
  2. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    รวมวิมานที่มีในวรรคนี้ คือ
    ๑. อุฬารวิมาน ๒. อังฉุวิมาน
    ๓. ปัลลังกวิมาน ๔. ลตาวิมาน
    ๕. คุตติลวิมาน ๖. ทัททัลลวิมาน
    ๗. เสสวดีวิมาน ๘. มัลลิกาวิมาน
    ๙. วิสาลักขิวิมาน ๑๐. ปาริฉัตตกวิมาน.
    จบ ปาริฉัตตกวรรคที่ ๓.
    -------------------​
     
  3. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    มัญชิฏฐกวรรคที่ ๔

    ๑. มัญชิฏฐกวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในมัญชิฏฐกวิมาน

    พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
    [๓๙] ดูกรนางเทพธิดา ท่านยินดีรื่นรมย์อยู่ในวิมานแก้วผลึก มีภาคพื้น
    ดารดาษไปด้วยทรายทอง กึกก้องไปด้วยดนตรีเครื่อง ๕ เมื่อท่านลง
    จากวิมานแก้วผลึกอันบุญกรรมแต่งไว้ เข้าไปสู่ป่าไม้รังอันมีดอกบาน
    สะพรั่งตลอดกาลทั้งปวง ยืนอยู่ที่โคนต้นรังต้นใดๆ ต้นรังนั้นๆ ก็
    น้อมกิ่งอันงาม โปรยปรายดอกลงถูกต้องอวัยวะของท่าน ป่ารังนั้น
    อันลมพัดพานแล้วกิ่งก้านสบัดโบกไปมา เป็นที่อาศัยแห่งฝูงสกุณชาติ
    มีกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วทิศานุทิศ ดุจต้นอุโลก ฉะนั้น ท่านย่อมสูดดม
    กลิ่นอันหอมหวนนั้น ทั้งได้ชมรูปทิพย์อันมิใช่ของมนุษย์ ดูกรนาง
    เทพธิดา อาตมาถามแล้ว ขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร?
    นางเทพธิดาตอบว่า
    เมื่อชาติก่อน ดิฉันเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เป็นทาสีอยู่ใน
    ตระกูลเจ้า ได้เห็นพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ มีจิตเลื่อมใส ได้โปรย
    ดอกรังถวายเป็นอาสนะ และได้น้อมนำพวงดอกรังอันร้อยกรองอย่าง
    งดงาม ถวายพระพุทธเจ้าด้วยมือของตน ครั้นดิฉันทำกุศลกรรม อัน
    พระพุทธเจ้าสรรเสริญแล้ว จึงสร่างโศกหมดโรคภัย ได้รับแต่ความสุข
    กายสุขใจ รื่นเริงบันเทิงอยู่เป็นนิตย์.
    จบ มัญชิฏฐกวิมานที่ ๑​
     
  4. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๒. ปภัสสรวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในปภัสสรวิมาน

    พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
    [๔๐] ดูกรนางเทพธิดา ผู้มีรัศมีงามผุดผ่องยิ่งนัก นุ่งผ้าสีแดงงาม มีฤทธิ์มาก
    ร่างกายสวยงาม ลูบไล้ด้วยจุณจันทน์ ท่านเป็นใครมาไหว้อาตมาอยู่
    อนึ่ง ท่านนั่งบนบัลลังก์ใด ย่อมไพโรจน์ ดังท้าวสักกเทวราชใน
    นันทวโนทยาน บัลลังก์ของท่านนั้นมีค่ามาก งามวิจิตรด้วยรัตนะต่างๆ
    ดูกรนางเทพธิดาผู้เจริญ เมื่อชาติก่อน ท่านได้ประพฤติสุจริตอะไร จึง
    ได้มาเสวยผลแห่งกรรมเช่นนี้ในเทวโลก อาตมาถามแล้ว ขอท่านจง
    บอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร?
    นางเทพธิดาตอบว่า
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดิฉันได้ถวายพวงมาลัยและน้ำอ้อยแก่พระคุณเจ้าผู้
    เที่ยวบิณฑบาตอยู่ ดิฉันจึงได้มาเสวยผลแห่งกรรมนั้นในเทวโลก ข้าแต่
    ท่านผู้เจริญ แต่ดิฉันยังมีความเดือดร้อนกินแหนง เป็นทุกข์ เพราะ
    ดิฉันไม่ได้ฟังธรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นธรรมราชาทรงแสดงดีแล้ว ข้าแต่
    ท่านผู้เจริญ เพราะเหตุนั้น ดิฉันจึงมากราบเรียนพระคุณเจ้า ซึ่งเป็น
    ผู้อนุเคราะห์แก่ดิฉัน ชักชวนดิฉันให้ตั้งมั่นในธรรมทั้งหลาย เทวดา
    พวกอื่นที่มีความเชื่อในพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆ-
    รัตนะ ได้ฟังธรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นพระธรรมราชาทรงแสดงดีแล้ว
    ย่อมรุ่งเรืองยิ่งกว่าดิฉันด้วยอายุ ยศ ศิริ อำนาจ วรรณะ และมีฤทธิ์
    มากกว่าดิฉัน.
    จบ ปภัสสรวิมานที่ ๒
     
  5. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๓. นาควิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในนาควิมาน

    พระวังคีสเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
    [๔๑] ท่านประดับประดาแล้ว ขึ้นนั่งบนคชสารอันประเสริฐ ประดับไปด้วย
    แก้วและทอง มีกระพองปกคลุมด้วยข่ายทองอันวิจิตร ผูกสายรัด
    ประคนทองเรียบร้อย เลื่อนลอยไปในอากาศเวหา ที่งาทั้งสองของคชสาร
    มีสระโบกขรณี ๔ เหลี่ยม เต็มเปี่ยมด้วยน้ำใสสะอาด อันบุญกรรม
    เนรมิตให้แล้ว ดารดาษไปด้วยดอกปทุมบานสะพรั่ง ดอกปทุมทุกๆ
    ดอก มีหมู่นางเทพอัปสรพากันมาขับระบำรำฟ้อน ชวนให้เกิดความ
    รื่นเริงบันเทิงใจ ดูกรนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ ท่านถึงความ
    เป็นเทพธิดาผู้มีฤทธิ์อย่างนี้ ครั้งเมื่อท่านเกิดเป็นมนุษย์ ได้ทำบุญอะไร
    ไว้ ท่านมีอานุภาพรุ่งเรือง และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้
    เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้นตอบว่า
    ดิฉันได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เมืองพาราณสี ได้ถวายผ้าคู่หนึ่งแด่
    พระพุทธองค์ ถวายบังคมพระยุคลบาท แล้วนั่งอยู่ที่พื้นดิน ได้กระทำ
    อัญชลีด้วยจิตอันเลื่อมใส พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น มีพระฉวีวรรณดุจ
    ทองคำธรรมชาติ ได้ทรงแสดงทุกขสัจและสมุทัยสัจ ว่าเป็นของไม่
    เที่ยง เป็นทุกข์ และทรงแสดงทุกขนิโรธสัจและมัคคสัจว่า อันปัจจัย
    อะไรๆ ปรุงแต่งไม่ได้ ให้ดิฉันฟัง เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงได้รู้แจ้งชัด
    ในอริยสัจ ๔ ดิฉันเป็นคนมีอายุน้อย ทำกาละจุติจากชาตินั้นแล้ว ไป
    บังเกิดในชั้นไตรทศ เป็นผู้เรืองยศ เป็นปชาบดีคนหนึ่งของท้าวสักกะ
    นามว่ายสุตตรา ปรากฏไปทั่วทุกทิศ.
    จบ นาควิมานที่ ๓
     
  6. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๔. อโลมวิมาน ว่าด้วยผลที่บุญทำให้ไปเกิดในอโลมวิมาน

    พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
    [๔๒] ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก รัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
    สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะ
    งามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ
    ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามว่า
    เมื่อชาติก่อน ดิฉันเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในเมืองพาราณสี มีจิตเลื่อมใส
    ได้ถวายขนมแห้งแด่พระพุทธเจ้า ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ด้วย
    มือของตน ขอพระคุณเจ้าจงดูผลแห่งก้อนขนมแห้งอันหารสเค็มมิได้
    ใครได้เห็นความสุขของบุคคลผู้ถวายขนมแห้งอันหารสเค็มมิได้แล้ว ไฉน
    จักไม่กระทำบุญเล่า เพราะผลแห่งการถวายขนมแห้งอันหารสเค็มมิได้นั้น
    ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
    บุญกรรมนั้น.
    จบ อโลมวิมานที่ ๔​
     
  7. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๕. กัญชกทายิกาวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในกัญชิกทายิกาวิมาน

    พระโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
    [๔๓] ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุก
    ทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมี
    วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรม
    อะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ
    ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
    เมื่อชาติก่อน ฉันเกิดเป็นมนุษย์ มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายน้ำข้าวอันปรุง
    ด้วยพริกและใส่น้ำมันอันเจียวแล้ว และปรุงด้วยดีปลี กระเทียม ขิง
    ข่า กระชาย แด่พระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ซึ่งประทับ
    อยู่ ณ พระนครอันธกวินทะ ดิฉันจึงได้เสวยทิพยสมบัติเช่นนี้ นางแก้ว
    ผู้งดงามทั่วสรรพางค์ สามีไม่จืดจางในการมองชม ได้รับอภิเษกเป็น
    เอกอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิราช ก็ยังไม่เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖
    แห่งการถวายน้ำข้าวนั้น ทองคำแท่งตั้งร้อยแท่ง ม้าอัศดรร้อยม้า รถ
    อันเทียมด้วยม้าอัศดรร้อยคัน นางราชกัญญาอันประดับประดาด้วยแก้ว
    มุกดาแก้วมณี และกุณฑลประมาณตั้งแสน ก็ยังไม่เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖
    แห่งการถวายน้ำข้าวนั้น คชสารตัวประเสริฐอันเกิดแต่ป่าหิมพานต์เป็น
    ตระกูลคชสารมาตังคะ มีงาอันงอนงามดุจงอนรถ มีสายรัดแล้วด้วย
    ทองคำ ร้อยเชือก ก็ยังไม่เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งการถวายน้ำข้าวนั้น
    ถึงแม้พระเจ้าจักรพรรดิผู้ได้เสวยราชสมบัติเป็นใหญ่ในทวีปทั้ง ๔ ก็ยัง
    ไม่เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งการถวายน้ำข้าวนั้น.
    จบ กัญชิกทายิกาวิมานที่ ๕
     
  8. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๖. วิหารวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในวิหารวิมาน

    ท่านพระอนุรุทธเถระได้ถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
    [๔๔] ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุก
    ทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เมื่อท่านฟ้อนอยู่ เสียงอันเป็น
    ทิพย์น่าฟัง รื่นรมย์ใจ ย่อมเปล่งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ทุกส่วน ทั้ง
    กลิ่นทิพย์อันหอมหวนยวนใจ ก็ฟุ้งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ทุกส่วน
    เมื่อท่านไหวกายกลับไปมา เสียงของเครื่องประดับช้องผมก็ดังเสียง
    ไพเราะ ดุจเสียงดนตรีเครื่อง ๕ อนึ่ง เสียงมงกุฎที่ถูกลมรำเพยพัดให้
    หวั่นไหว ก็กังวานไพเราะดุจเสียงดนตรีเครื่อง ๕ แม้พวงมาลัยบน
    เศียรเกล้าของท่าน มีกลิ่นหอมชวนให้เบิกบานใจ หอมฟุ้งไปทั่วทุกทิศ
    ดุจต้นอุโลก ฉะนั้น ดูกรนางเทพธิดา อาตมาถามท่านแล้ว ขอท่าน
    จงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร?
    นางเทพธิดาตอบว่า
    ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นสหายของดิฉัน
    อยู่ในเมืองสาวัตถี ได้สร้างมหาวิหารถวายสงฆ์ ดิฉันเห็นมหาวิหารนั้น
    แล้ว มีจิตเลื่อใสอนุโมทนา ก็วิมานอันเป็นที่รักนี้อันดิฉันได้แล้ว
    เพราะการอนุโมทนาด้วยจิตบริสุทธิ์แต่อย่างเดียวเท่านั้น วิมานนี้เป็น
    วิมานอัศจรรย์น่าดูน่าชม โดยรอบสูง ๑๖ โยชน์ เลื่อนลอยไปในอากาศ
    ได้ตามความปรารถนาของดิฉัน ดิฉันมีปราสาทเป็นที่อยู่อาศัย อันบุญ
    กรรมจัดแจงเนรมิตให้เป็นส่วนๆ งามรุ่งโรจน์ตลอดร้อยโยชน์โดยรอบ
    ทิศ อนึ่ง ที่วิมานของดิฉัน มีสระโบกขรณีเป็นที่อาศัยของหมู่มัจฉาชาติ
    มีน้ำใสสะอาด มีท่าอันลาดด้วยทรายทอง ดารดาษไปด้วยปทุมชาตินานา
    ชนิดพร้อมทั้งบัวขาว เกษรแห่งบัวทั้งหลายอันลมรำเพยพัด ย่อมหอม
    ฟุ้งเจริญใจ มีรุกขชาติต่างๆ อันบุญกรรมปลูกไว้ใกล้วิมาน คือ ไม้หว้า
    ขนุน ตาล มะพร้าว วิมานนี้กึกก้องไปด้วยเสียงดนตรีต่างๆ และ
    กึกก้องไปด้วยหมู่นางอัปสร แม้นรชนใดได้เห็นวิมานนี้ด้วยความฝัน
    นรชนนั้นก็พึงปลื้มใจ วิมานอันมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ น่าอัศจรรย์
    น่าดูน่าชมเช่นนี้ เกิดแต่ดิฉันเพราะกุศลกรรมทั้งหลาย ควรทำบุญโดยแท้.
    พระอนุรุทธเถระ เมื่อจะให้นางเทพธิดาบอกที่เกิดของนางวิสาขามหาอุบาสิกา จึงกล่าว
    ถามด้วยคาถาความว่า
    วิมานอันอัศจรรย์น่าดูน่าชมนี้ ท่านได้แล้ว เพราะการอนุโมทนาด้วย
    จิตอันบริสุทธิ์อย่างเดียวเท่านั้น นางนารีอันมีนามว่าวิสาขา ได้ถวาย
    ทานและได้สร้างมหาวิหาร ไปเกิดที่ไหน ขอท่านจงบอกคติของนาง
    วิสาขานั้น แก่อาตมาด้วยเถิด?
    นางเทพธิดานั้นตอบว่า
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นสหายของดิฉัน ได้สร้าง
    มหาวิหารถวายแด่สงฆ์และได้ถวายทานแด่สงฆ์ เป็นผู้รู้ธรรมแจ่มแจ้ง
    เธอได้บังเกิดในหมู่ทวยเทพชั้นนิมมานรดี เป็นประชาบดีของท้าวสุนิม-
    มิตวดี ผู้เป็นใหญ่ในชั้นนิมมานรดีนั้น วิบากแห่งกรรมของนางวิสาขา
    มหาอุบาสิกานั้น อันใครไม่ควรคิด ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดิฉันได้พยากรณ์
    ที่เกิดของนางวิสาขาที่พระคุณเจ้าถามว่า นางวิสาขานั้นบังเกิด ณ ที่ไหน
    โดยถูกต้องแล้ว ถ้าอย่างนั้น ขอพระคุณเจ้าได้ชักชวนแม้ชนเหล่าอื่นว่า
    ท่านทั้งหลายจงปลื้มใจถวายทานแด่สงฆ์เถิด และจงมีใจเลื่อมใสฟัง
    ธรรม การได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์เป็นการได้ด้วยแสนยาก อันพวกท่าน
    ได้แล้ว พระพุทธเจ้ามีพระสุรเสียงดุจเสียงพรหม มีพระฉวีวรรณดุจ
    ทองคำ เป็นอธิบดีแห่งมรรคา ได้ทรงแสดงธรรมใดไว้ว่า เป็นทาง
    สวรรค์ ทางนั้นเป็นทางอันประเสริฐ ท่านทั้งหลายจงปลื้มใจถวายทาน
    แด่สงฆ์ ที่บุคคลถวายทักษิณาแล้วมีผลมาก บุคคลเหล่าใดอันพระ-
    พุทธเจ้าเป็นต้นสรรเสริญแล้วว่า คู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ เหล่านี้
    บุคคลเหล่านั้นเป็นพระทักขิไณยบุคคล สาวกแห่งพระสุคต ทานอัน
    บุคคลถวายแล้วในพระทักขิไณยบุคคลเหล่านั้น มีผลมาก ท่านผู้ปฏิบัติ
    เพื่ออริยมรรค ๔ จำพวก และท่านผู้ตั้งอยู่ในอริยผล ๔ จำพวก พระ-
    อริยบุคคล ๘ จำพวกนี้ ชื่อว่าสงฆ์ เป็นผู้ปฏิบัติซื่อตรง ดำรงมั่นอยู่
    ในปัญญาและศีล เมื่อมนุษย์ทั้งหลายผู้มุ่งบุญ ถวายทานในท่านเหล่านี้
    หรือทำบุญปรารภการเวียนเกิดเวียนตาย ทานที่ถวายในสงฆ์ย่อมมีผลมาก
    พระสงฆ์นี้ เป็นผู้มีคุณความดีอันยิ่งใหญ่ ยังผลให้เกิดแก่ผู้ถวายทาน
    ในท่านอย่างไพบูลย์ ยากที่จะปริมาณได้ว่าเท่านี้ๆ เหมือนทะเลยาก
    ที่จะคาดคะเนได้ว่ามีน้ำเท่านี้ๆ ฉะนั้น พระสงฆ์เหล่านี้แล เป็นผู้
    ประเสริฐ เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าผู้มีความเพียร เป็นเยี่ยมในหมู่
    นรชน เป็นแหล่งสร้างแสงสว่าง คือ ญาณของชาวโลก ได้แก่ นำ
    เอาแสงสว่าง คือ พระสัทธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้แล้วมา
    ชี้แจง ปวงชนผู้ใคร่ต่อบุญเหล่าใด ถวายทานมุ่งตรงต่อสงฆ์ ทักษิณา
    ของเขาเหล่านั้น ชื่อว่าเป็นทักษิณาที่ถวายดีแล้ว เป็นยัญวิธีที่เซ่นสรวง
    ถูกต้อง จัดเป็นบูชากรรมที่บูชาแล้วชอบ เพราะทักษิณานั้นจัดเป็น
    สังฆทาน มีผลมาก อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลก ทรง
    สรรเสริญ ชนเหล่าใดยังท่องเที่ยวอยู่ในโลก มาหวนระลึกถึงบุญเช่นนี้
    ได้ เกิดปีติโสมนัส ก็จะกำจัดมลทิน คือ ความตระหนี่ พร้อมทั้ง
    ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความลังเลใจ และการตีตนเสมอท่าน อันเป็น
    มูลฐานเสียได้ ทั้งจะไม่เป็นผู้อันผู้รู้ติเตียน แต่นั้นก็จะเข้าถึงสถานที่
    อันเป็นแดนสวรรค์.
    จบ วิหารวิมานที่ ๖​
     
  9. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    จบ ภาณวารที่ ๒.

    ๗. จตุริตถีวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในจตุริตถีวิมาน

    พระมหาโมคคัลลานเถระ ได้ถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
    [๔๕] ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสว
    ไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ
    ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามว่า
    เมื่อชาติก่อน ดิฉันได้ถวายดอกผักตบกำมือหนึ่ง แก่ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต
    ในปัญณกตนครอันประเสริฐ น่ารื่นรมย์ อันประดับแล้วด้วยเสาระเนียด
    เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสว
    ไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.
    ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไป
    ทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้วมีความปลาบปลื้ม
    ใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามว่า
    เมื่อชาติก่อน ดิฉันได้ถวายดอกนิลอุบลกำมือหนึ่ง แก่ภิกษุผู้เที่ยว
    บิณฑบาต ในปัณณกตนครอันประเสริฐ น่ารื่นรมย์อันประดับแล้ว
    ด้วยเสาระเนียด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ
    และเป็นผู้มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.
    ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไป
    ทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ
    ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามว่า
    เมื่อชาติก่อน ดิฉันได้ถวายดอกบัวหลวงกำมือหนึ่ง ซึ่งมีโคนขาว
    กลีบขาว เกิดแล้วที่สระน้ำ แก่ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต ในปัณณกตนคร
    อันประเสริฐ น่ารื่นรมย์ ประดับด้วยเสาระเนียด เพราะบุญกรรมนั้น
    ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
    บุญกรรมนั้น.
    ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีวรรณงามยิ่งนัก ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไป
    ทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ
    ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
    เมื่อชาติก่อน ดิฉันได้ถวายพวงมาลัยอันร้อยด้วยดอกมะลิตูม มีสีขาว
    ดังงาช้าง แก่ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต ในปัณณกตนครอันประเสริฐ น่า
    รื่นรมย์ ประดับแล้วด้วยเสาระเนียด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมี
    วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ
    กรรมนั้น.
    จบ จตุริตถีวิมานที่ ๔
     
  10. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๘. อัมพวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในอัมพวิมาน

    พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
    [๔๖] สวนมะม่วงทิพย์ของท่านนี้น่ารื่นรมย์ ในสวนของท่านนั้นมีปราสาทใหญ่
    กว้างขวาง กึกก้องไปด้วยดนตรีต่างๆ และกึกก้องด้วยหมู่นางอัปสร
    อนึ่ง ในปราสาทของท่านนี้มีประทีปทองดวงใหญ่ส่องสว่างรุ่งเรื่องเป็น
    นิตย์ ปราสาทของท่านแวดล้อมด้วยต้นไม้มีผลเป็นผ้าโดยรอบ สวน
    มะม่วงอันน่ารื่นรมย์ใจ และในสวนมะม่วงนั้น มีปราสาทสูงใหญ่กว้าง
    ขวางเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะบุญกรรมอะไร ท่านมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ
    และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ
    ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
    เมื่อชาติก่อน ดิฉันเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก มีจิตเลื่อมใส ได้
    ให้สร้างวิหารถวายสงฆ์ แวดล้อมไปด้วยต้นมะม่วง เมื่อให้สร้างวิหาร
    สำเร็จเรียบร้อยแล้ว จึงทำการฉลอง แวดล้อมต้นมะม่วงด้วยผ้า เอา
    ผ้าทำเป็นผลมะม่วงตามประทีปไว้ที่ต้นมะม่วงนั้น อันอุดม และนิมนต์
    พระสงฆ์ผู้เป็นหมู่อุดมสาวกของพระผู้มีพระภาคให้ฉัน แล้วมอบถวาย
    วิหารนั้นแก่สงฆ์ ด้วยมือของตน เพราะบุญกรรมนั้นดิฉันจึงมีสวน
    มะม่วงอันน่ารื่นรมย์ใจ และมีปราสาทสูงใหญ่กว้างขวางอยู่ในสวน
    มะม่วงนั้น กึกก้องไปด้วยดนตรีต่างๆ และกึกก้องไปด้วยหมู่นางอัปสร
    และที่ปราสาทของดิฉันนี้ มีประทีปทองดวงใหญ่ส่องสว่างเรืองเป็นนิตย์
    ปราสาทของดิฉันแวดล้อมไปด้วยต้นมะม่วง มีผลเป็นผ้าโดยรอบ เพราะ
    บุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไป
    ทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.
    จบ อัมพวิมานที่ ๘
     
  11. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๙. ปีตวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในปีตวิมาน

    สมเด็จอัมรินทราธิราชตรัสถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
    [๔๗] ดูกรนางเทพธิดาผู้เจริญ ผู้นุ่งห่มผ้าล้วนแล้วด้วยสีเหลือง มีธงก็เหลือง
    ตกแต่งด้วยเครื่องอลังการเหลือง มีกายอันลูบไล้ด้วยจุณจันทน์เหลือง
    ทัดทรงดอกบัวหลวง มีปราสาทอันแล้วด้วยทองคำ มีที่นอนและที่นั่งสี
    เหลือง ทั้งภาชนะที่รองรับขาทนียะและโภชนียะสีเหลือง มีฉัตรสีเหลือง
    รถสีเหลือง มีม้าและพัดล้วนแล้วสีเหลือง เมื่อชาติก่อนท่านเป็นมนุษย์
    ได้กระทำบุญอะไรไว้ ฉันถามท่านแล้วขอท่านจงบอก นี้เป็นผล
    แห่งกรรมอะไร
    นางเทพธิดาตอบว่า
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้น้อมนำเอาดอกบวบขมซึ่งมีรสขม
    ไม่มีใครชอบ จำนวน ๔ ดอก ไปบูชาพระสถูปตั้งจิตอุทิศต่อพระบรม
    ธาตุของพระบรมศาสดา ด้วยจิตอันเลื่อมใสกำลังส่งใจไปในพระบรมธาตุ
    ของพระศาสดานั้น ไม่ทันได้พิจารณาถึงหนทางที่มาแห่งแม่โค ทันใด
    นั้น แม่โคได้ขวิดหม่อมฉันผู้มีความปรารถนาแห่งใจยังไม่ถึงพระสถูป
    ถ้าหม่อมฉันได้สั่งสมบุญนั้นไซร้ หม่อมฉันพึงได้ทิพยสมบัติยิ่งกว่า
    นี้เป็นแน่ ข้าแต่ท้าวมัฆวานจอมเทพผู้เทพกุญชร เพราะบุญกรรมนั้น
    หม่อมฉันละอัตภาพมนุษย์แล้ว จึงได้มาอภิรมย์อยู่กับพระองค์
    ท้าวมัฆวานผู้เป็นอธิบดีแห่งทศเทพผู้ทรงเทพกุญชร ได้ทรงสดับเนื้อความ
    นี้แล้ว เมื่อจะทรงยังทวยเทพเจ้าชาวดาวดึงส์สวรรค์ให้เลื่อมใส ได้
    ตรัสกะมาตลีเทพบุตรว่า ดูกรมาตลี จงดูผลแห่งกรรมอันวิจิตรน่าอัศจรรย์
    นี้ ทานวัตถุแม้มีประมาณน้อยอันนางเทพธิดานี้ทำแล้ว ย่อมเป็นบุญมีผล
    มาก เมื่อจิตเลื่อมใสในพระตถาคตสัมพุทธเจ้า ในพระปัจเจกพุทธเจ้า
    หรือในสาวกของพระตถาคต ทักษิณา ย่อมไม่เชื่อว่ามีผลน้อยเลย มา
    เถิดมาตลี แม้เราทั้งหลายพึงรีบเร่งบูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระตถา-
    คตให้ยิ่งๆ ขึ้นเถิด เพราะการสั่งสมบุญย่อมนำสุขมาให้ เมื่อพระตถาคต
    จะยังทรงพระชนม์อยู่ หรือเสด็จปรินิพพานไปแล้วก็ตาม เมื่อจิตสม่ำ
    เสมอผลก็ย่อมสม่ำเสมอ เพราะเหตุที่ตั้งจิตไว้ชอบธรรม สัตว์ทั้งหลาย
    ย่อมไปสู่สุคติ ทายกทั้งหลายได้กระทำสักการะบูชาในพระตถาคตเหล่าใด
    ไว้แล้ว ย่อมไปสู่สวรรค์ พระตถาคตเหล่านั้นย่อมเสด็จอุบัติขึ้น เพื่อ
    ประโยชน์แก่ชนเป็นอันมากหนอ.
    จบ ปีตวิมานที่ ๙
     
  12. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๑๐. อุจฉุวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในอุจฉุวิมาน

    พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
    [๔๘] ท่านมีศิริ วรรณะ ยศ และเดช มีรัศมีส่องสว่างไปทั่วพื้นปฐพี ตลอด
    ถึงเทวโลก งามไพโรจน์ ดังพระจันทร์และพระอาทิตย์และเหมือนท้าว
    มหาพรหม รวมทั้งสมเด็จอัมรินทราธิราช ผู้เป็นใหญ่กว่าทวยเทพชั้น
    ดาวดึงส์ อาตมาขอถามท่าน ดูกรนางเทพธิดาผู้งามทั่วสรรพรางค์ ทัด
    ทรงพวงมาลัยอุบล มีช้องผมอันล้วนแล้วด้วยทอง มีผิวพรรณงดงาม
    เปล่งปลั่งทอง ตกแต่งประดับประดาด้วยภูษาอันเป็นทิพย์ ท่านเป็นใคร
    ไหว้เราอยู่ ดูกรท่านผู้เรืองยศ ท่านได้บริจาคทาน หรือสำรวมในศีล
    อย่างไร จึงได้เข้าถึงสุคติ ดูกรนางเทพธิดา อาตมาถามท่านแล้วขอท่าน
    โปรดบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้นตอบว่า
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (เมื่อดิฉันอยู่ในมนุษยโลก) พระคุณเจ้าเข้าไป
    บิณฑบาตตามบ้านจนถึงเรือนของดิฉัน ขณะนั้นดิฉันมีจิตเลื่อมใส เต็มตื้น
    ด้วยปีติหาประมาณมิได้ ได้ถวายท่อนอ้อยแด่พระคุณเจ้า แต่ภายหลัง
    แม่ผัวมาซักถามดิฉันว่า นางใจร้าย เจ้าเอาอ้อยไปไว้ที่ไหน ดิฉันตอบ
    ว่า ฉันไม่ได้เอาไปทิ้งและไม่ได้รับประทาน ได้ถวายแก่ภิกษุผู้มีความ
    สงบด้วยตนเอง แม่ผัวได้บริภาษดิฉันว่า อ้อยนี้เป็นของข้าและข้าก็เป็น
    เจ้าของ ฉะนี้แล้ว คว้าได้ก้อนดินขว้างดิฉัน (จนตาย) เมื่อดิฉันตาย
    จากมนุษยโลกนั้นแล้ว มาบังเกิดเป็นเทพธิดา เพราะเหตุที่ดิฉันทำกุศล
    กรรมนั้นไว้ ดิฉันจึงได้มาเสวยความสุขด้วยตนเอง ได้ร่วมบำรุงบำเรอ
    อยู่กับเทวดาทั้งหลาย และร่าเริงบันเทิงใจอยู่ด้วยเบญจกามคุณอันเป็น
    ทิพย์ เพราะเหตุที่ดิฉันได้กระทำกุศลกรรมนั้น ดิฉันจึงมาเสวยสุขด้วย
    ตนเอง อันท้าวเทวราชจอมเทพทรงคุ้มครอง อันเทวดาชาวไตรทศรักษา
    เพียบพร้อมด้วยเบญจกามคุณอันเป็นทิพย์ โอ ผลแห่งบุญนี้มิใช่นิด
    หน่อย การถวายอ้อยของดิฉันมีวิบากมากมาย ดิฉันได้ร่วมบำรุงบำเรอ
    อยู่กับเทวดาทั้งหลาย ร่าเริงบันเทิงใจอยู่ด้วยเบญจกามคุณอันเป็นทิพย์
    ผลบุญเช่นนี้มิใช่น้อย การถวายอ้อยของดิฉัน มีผลอันรุ่งโรจน์มาก
    ดิฉันอยู่ในความคุ้มครองรักษาของท้าวเทวราช และชาวไตรทศทั้งหลาย
    ดังหนึ่งท้าวสหัสนัยน์ในสวนนันทวัน ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดิฉันระลึกถึง
    พระคุณเจ้าผู้มีพระคุณอนุเคราะห์ดิฉัน จึงเข้ามาสู่ที่ใกล้ถวายนมัสการ
    ถามถึงสุขทุกข์ ดิฉันมีจิตเลื่อมใสเต็มตื้นด้วยปีติเป็นล้นพ้น ได้ถวาย
    ท่อนอ้อยแด่พระคุณเจ้าครั้งเป็นมนุษย์.
    จบ อุจฉุวิมานที่ ๑๐
     
  13. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๑๑. วันทนวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในวันทนวิมาน

    พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
    [๔๙] ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีสว่างไสว ไปทั่วทุกทิศ
    สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะ
    งามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรม
    อะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้ม
    ใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า เมื่อชาติก่อน ดิฉัน
    เกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก ได้เห็นพระสมณะทั้งหลายผู้มีศีล จึง
    นมัสการเท้าทั้งคู่แล้วทำใจให้เลื่อมใส มีความร่าเริงบันเทิงใจ ได้ถวาย
    นมัสการโดยเคารพ เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ
    และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศเพราะบุญกรรมนั้น.
    จบ วันทนวิมานที่ ๑๑​
     
  14. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๑๒. รัชชุมาลาวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในรัชชุมาลาวิมาน

    พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
    [๕๐] ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก กรีดกรายร่ายรำอยู่ในวิมาน
    อันกึกก้องไปด้วยเสียงเพลงขับทิพย์ เมื่อท่านเยื้องย่างฟ้อนรำอยู่ เสียง
    ทิพย์อันไพเราะน่าฟังดังจับใจ ย่อมเปล่งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ทุกส่วน
    ทั้งกลิ่นทิพย์หอมระรื่นน่าชื่นใจ ย่อมฟุ้งขจรออกจากอวัยวะน้อยใหญ่
    ของท่านทุกส่วน เมื่อท่านไหวกายกลับกลอกไปมา เสียงของเครื่อง
    ประดับที่ท่านประดับบนช้องผม ย่อมเปล่งเสียงไพเราะกังวานปานดนตรี
    เครื่อง ๕ และเสียงมงกุฎของท่านที่ถูกลมรำเพยพัด ย่อมเปล่งเสียงดัง
    เสนาะ ดุจดนตรีเครื่อง ๕ แม้พวงดอกไม้บนเศียรเกล้าของท่าน ก็มีกลิ่น
    หอมระรื่นน่าชื่นใจ หอมตระหลบไปทั่วทุกทิศ ประดุจดอกอุโลกฉะนั้น
    ท่านย่อมสูดดมกลิ่นอันหอมระรื่น ทั้งได้เห็นรูปอันเป็นทิพย์ ดูกรนาง
    เทพธิดา อาตมาถามท่านแล้ว ขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้นตอบว่า
    เมื่อชาติก่อน ดิฉันเป็นหญิงรับใช้ของพราหมณ์อยู่ในบ้านคยา เป็นคนมี
    บุญน้อย ต่ำทราม ชนทั้งหลายเรียกดิฉันว่ารัชชุมาลา ดิฉันถูกเจ้านาย
    ลงโทษด้วยการด่าว่าเฆี่ยนตี และขู่เข็ญอย่างหนัก จึงถือเอาหม้อน้ำออก
    จากบ้านเพื่อตักน้ำแล้ววางหม้อน้ำไว้เสียข้างทางบ่ายหน้าสู่ป่าชัฏ ด้วยตั้ง
    ใจว่า เราจักตายเสียในที่นี้แหละ ความเป็นอยู่ของเราหาประโยชน์อะไร
    มิได้เลย ครั้นแล้วผูกเชือกให้เป็นบ่วงรัดคออย่างแน่น แล้วปล่อยห้อย
    ไปตามต้นไม้ คิดว่าจะโดดลงไปให้ตาย เหลียวไปดูรอบทิศ ด้วย
    เกรงว่า จะมีผู้ใดมาแอบดูอยู่บ้าง ได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็น
    ปราชญ์ ผู้ทรงเกื้อกูลแก่โลกทั้งปวง ผู้ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ กำลังประทับ
    นั่งเข้าณานอยู่ที่โคนไม้ ดิฉันนั้นเกิดความสังเวช โลมชาติชูชันไม่เคยมี
    มาแต่ก่อน ด้วยคิดว่า ใครหนอจะเป็นมนุษย์หรือเทวดามานั่งอยู่ เพราะ
    ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้สมควรที่จะเกิดความเลื่อมใสโดยแท้จริง ผู้หลีก
    ออกจากป่า คือกิเลสแล้วมาสู่นิพพาน ใจของดิฉันก็เกิดความเลื่อมใส
    เพราะคิดว่าท่านผู้สำรวมอินทรีย์ ยินดีณาน มีใจคงที่เช่นนี้ คงไม่ใช่ผู้อื่น
    จักเป็นพระพุทธเจ้าผู้ทรงเกื้อกูลแก่สัตว์โลกทั้งปวง ทรงหวาดกลัวต่อภัย
    ทรงหลีกเลี่ยงเสียห่างไกล ดังพญาราชสีห์ หลีกเลี่ยงจากภัย เข้าอาศัย
    อยู่ในถ้ำฉะนั้น การได้พบเห็นพระพุทธเจ้าเช่นนี้เป็นการยาก ดังดอก
    มะเดื่อ อันบุคคลเห็นได้ยากฉะนั้น (ขณะที่ดิฉันกำลังคิดอยู่อย่างนี้)
    พระตถาคตเจ้าพระองค์นั้น ได้ตรัสเรียกดิฉันด้วยพระวาจาอันอ่อนหวาน
    ว่า ดูกรนางรัชชุมาลา ดังนี้แล้ว มีพระดำรัสสืบต่อไปว่า ท่านจงถึง
    ตถาคตเป็นที่พึ่งเถิด ดิฉันได้สดับพระวาจาอันปราศจากโทษ ประกอบ
    ด้วยประโยชน์บริสุทธิ์สะอาด เป็นพระวาจาละเอียดอ่อนหวาน ไพเราะ
    น่าฟัง สามารถบรรเทาความโศกเศร้าทั้งปวงเสียได้นั้น จึงเข้าไปเฝ้าตาม
    รับสั่ง พระตถาคตเจ้าผู้ทรงเกื้อกูลแก่สัตว์โลกทุกหมู่เหล่าทรงทราบ
    ว่า ดิฉันมีจิตอ่อนเลื่อมใส มีใจบริสุทธิ์แล้ว จึงตรัสสอนดิฉันต่อไปว่า
    นี้ทุกข์ นี้เป็นแดนเกิดทุกข์ นี้ความดับทุกข์ นี้ทางให้ถึงความดับทุกข์
    เป็นทางหยั่งลงสู่อมตธรรม ดิฉันตั้งอยู่ในพระโอวาทของพระตถาคต
    ผู้ทรงพระมหากรุณา ฉลาดในเทศนาสั่งสอนสัตว์ จึงได้บรรลุถึงทาง
    นิพพานเป็นธรรมอันไม่ตาย สงบระงับ ไม่มีจุติต่อไป ดิฉันเป็นผู้มี
    ความภักดีมั่น ไม่หวั่นไหวในพระรัตนตรัยด้วยความเชื่อมั่นเป็นราก
    ฐาน เพราะเห็นว่า พระผู้มีพระภาคเป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ พระธรรม
    อันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว พระสงฆ์สาวกของผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติ
    ชอบ จึงถวายตัวเป็นสาวิกาผู้เกิดแต่พระอุระของพระพุทธเจ้า ดิฉันรื่น
    เริงบันเทิงอยู่เป็นผู้ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ ทัดทรงทิพย์มาลา ดื่มน้ำผึ้งทิพย์อัน
    มีรสหวานสนิท มีนางฟ้าหกหมื่นบรรเลงดนตรี กระทำความปลาบปลื้ม
    ให้แก่ดิฉัน นางเทพอัปสร มีชื่อต่างๆ กัน คือ อาฬัมพา คัครา ภีมา
    สาธุวาที สังสยา โบกขรา สุผัสสา วีณา โมกขา นันทา สุนันทา
    โสณทินนา สุจิมหิตา อาลัมพุสา มิสสเกสี ปุณฑริกา เอณิปัสสา
    สุปัสสา สุภัททา มุทุกาวที เหล่านี้และเหล่าอื่น ล้วนประเสริฐกว่า
    นางเทพอัปสรทั้งหลาย ในทางบำเรอ ให้ปลาบปลื้ม นางเทพธิดา
    เหล่านั้น เมื่อถึงเวลา จะเข้ามาใกล้ชิด แล้วกล่าวประเล้าประลมดิฉัน
    ว่า เอาเถอะ พวกดิฉันจะฟ้อนรำ ขับร้อง บำเรอท่านให้รื่นรมย์ทีเดียว
    ก็เทพอุทยานชื่อว่านันทวัน อันหาความโศกเศร้ามิได้ มีแต่ความรื่นเริง
    บันเทิงใจ นับว่าเป็นเทพอุทยานอันใหญ่ยิ่งของเทวดาชาวไตรทศนี้ ไม่
    เป็นที่อยู่ของผู้ไม่ได้ทำบุญไว้ แต่เป็นที่อยู่ของผู้ทำบุญไว้เท่านั้น ความ
    ผาสุกย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ได้ทำบุญไว้ ทั้งในโลกนี้และโลกอื่น แต่ย่อมมี
    แก่ผู้ทำบุญไว้ ทั้งในโลกนี้และโลกอื่น นรชนผู้ปรารถนาจะอยู่กับเทวดา
    เหล่านั้น ควรทำกุศลไว้ให้มาก เพราะผู้ทำบุญไว้แล้ว ย่อมเพรียบพร้อม
    ด้วยโภคสมบัติบันเทิงใจอยู่ในสวรรค์ ทายกทั้งหลายได้กระทำสักการะ
    บูชาในพระตถาคตเจ้าเหล่าใดแล้ว ย่อมบันเทิงใจอยู่ในสวรรค์ พระ
    ตถาคตเจ้าเหล่านั้นเป็นทักขิไณยบุคคล และเป็นบ่อเกิดแห่งเนื้อนาบุญ
    ของมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมเสด็จอุบัติขึ้น เพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์
    เป็นอันมากหนอ.
    จบ รัชชุมาลาวิมานที่ ๑๒
     
  15. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    รวมวิมานที่มีในวรรค
    รวมวิมานที่มีในวรรคนี้ คือ
    ๑. มัญชิฏฐกวิมาน ๒. ปภัสสรวิมาน
    ๓. นาควิมาน ๔. อโลมวิมาน
    ๕. กัญชิกทายิกาวิมาน ๖. วิหารวิมาน
    ๗. จตุริตถีวิมาน ๘. อัมพวิมาน
    ๙. ปีตวิมาน ๑๐. อุจฉุวิมาน
    ๑๑. วันทนวิมาน ๑๒. รัชชุมาลาวิมาน.
    จบ วรรคที่ ๔ ในอิตถีวิมาน​
     
  16. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    มหารถวรรคที่ ๕ มัณฑุกเทวปุตตวิมาน ว่าด้วยบุญกรรมของมัณฑุกเทพบุตร


    พระผู้มีพระภาคตรัสถามมัณฑุกเทพบุตรว่า
    [๕๑] ใครมีวรรณะงามยิ่งนัก รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์และยศ ยังทิศทั้งปวงให้สว่าง
    ไสว ไหว้เท้าทั้งสองของเราอยู่?
    มัณฑุกเทพบุตรกราบทูลว่า
    เมื่อชาติก่อน ข้าพระองค์เป็นกบเที่ยวหาอาหารอยู่ในน้ำ เมื่อข้าพระองค์
    กำลังฟังธรรมของพระองค์อยู่ คนเลี้ยงโคได้ฆ่าข้าพระองค์ ขอพระองค์
    ทรงดูฤทธิ์ ยศ อานุภาพ ผิวพรรณและความรุ่งเรืองของข้าพระองค์
    ผู้มีจิตเลื่อมใสครู่หนึ่งเท่านั้น ข้าแต่พระโคดม ก็ผู้ใดได้ฟังธรรมของ
    พระองค์สิ้นกาลนาน ผู้นั้นพึงได้บรรลุนิพพานอันเป็นฐานะไม่หวั่นไหว
    เป็นสถานที่ที่ไปแล้วไม่เศร้าโศกเป็นแน่.
    จบมัณฑุกเทวปุตตวิมานที่ ๑​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2007
  17. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    เรวดีวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในเรวดีวิมาน

    พระผู้มีพระภาคตรัสกะท่านพระมหาโมคคัลลานเถระว่า
    [๕๒] ญาติ มิตร และสหายทั้งหลาย ย่อมพากันชื่นชมยินดีกะบุรุษผู้พลัด
    พรากจากกันไปนาน กลับมาโดยสวัสดีแต่ที่ไกลว่าเป็นผู้มาแล้ว ฉันใด
    บุญทั้งหลายย่อมต้อนรับบุคคลผู้ทำบุญไว้แล้ว จากโลกนี้ไปสู่ปรโลก
    ดุจญาติต้อนรับญาติที่รักผู้กลับมาแล้ว ฉันนั้น.
    ยักษ์ผู้เป็นทูตของพญายม ปรารถนาจะจับนางเรวดีโยนลงไปในอุสสทนรก เพราะฉะนั้น
    จึงได้กล่าวกะนางเรวดีว่า
    แน่ะนางเรวดีผู้แสนจะชั่วช้า ผู้ไม่ให้ทาน ประตูนรกได้เปิดไว้คอยให้
    เจ้าเข้าไป เพราะเจ้าด่าว่าพระอริยเจ้า เพราะฉะนั้นเจ้าจงรีบลุกขึ้นเร็ว
    เถิด พวกเราจักพาเจ้าไปโยนลงในอุสสทนรก อันเป็นที่ทอดถอนใจ
    ของเหล่าสัตว์นรก พรั่งพร้อมอยู่ด้วยทุกข์.
    ยักษ์ ๒ ตนผู้เป็นทูตของพญายม ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว มีนัยน์ตาลุก
    แดงใหญ่โตน่าสะพรึงกลัว จับนางเรวดีที่แขนคนละข้าง หลีกไปใน
    สำนักแห่งหมู่เทวดาในดาวดึงส์.
    นางเรวดีอันยักษ์ ๒ ตนนั้นนำไปสู่ภพดาวดึงส์อย่างนี้แล้ว วางไว้ ณ ที่ใกล้วิมานของ
    นันทิยเทพบุตร ได้เห็นวิมานอันมีรัศมีเปล่งปลั่งยิ่งนัก ดุจรัศมีพระอาทิตย์ จึงถามยักษ์ทั้ง ๒
    นั้นว่า
    นี่วิมานของใคร มีรัศมีจุดพระอาทิตย์ งามระยับเลื่อมประภัสสรปกคลุม
    ด้วยข่ายทองงามแพรวพราว เกลื่อนกล่นไปด้วยเทพบุตรและเทพธิดา
    มีรัศมีรุ่งเรืองดังรัศมีพระอาทิตย์ มีหมู่นางเทพนารีผู้มีสกลกายลูบไล้ ไป
    ด้วยจุรณจันทน์แดงอยู่ทั้งภายในและภายนอกวิมานทั้ง ๒ ข้าง ต่างก็พา
    กันเข้าไปขับกล่อมด้วยดุริยางค์ดนตรี วิมานนั้นปรากฏมีรัศมีดุจพระ
    อาทิตย์ ใครมาเกิดในสวรรค์บันเทิงอยู่ในวิมานนี้?
    ยักษ์ ๒ ตนจึงบอกแก่นางเรวดีว่า
    วิมานของนันทิยอุบาสกในเมืองพาราณสี ซึ่งเป็นผู้ไม่ตระหนี่เป็นทานา-
    ธิบดี มีใจโอบอ้อมอารี เป็นวิมานเกลื่อนกล่นไปด้วยเทพบุตรเทพธิดา
    มีรัศมีรุ่งเรือง ดุจรัศมีพระอาทิตย์ มีหมู่นางเทพนารีผู้มีสกลกายลูบไล้
    ด้วยจุรณจันทน์แดง อยู่ทั้งภายในและภายนอกทั้งสองข้าง ต่างพากัน
    เข้าไปขับกล่อมดุริยางค์ดนตรี วิมานของนันทิยอุบาสกนั้น ปรากฏมี
    รัศมีดุจพระอาทิตย์ นันทิยอุบาสกนั้นมาเกิดในสวรรค์บันเทิงอยู่ใน
    วิมานนี้.
    ลำดับนั้น นางเรวดีกล่าวว่า
    ฉันเป็นภรรยาของนันทิยอุบาสก เป็นหญิงแม่เรือน เป็นใหญ่ในสกุล
    ทั้งปวง เพราะฉะนั้น บัดนี้ฉันจักรื่นรมย์อยู่ในวิมานของสามี ก็พวก
    ท่านปรารถนาจะนำฉันไปสู่นรก ฉันไม่ปรารถนาจะเห็นนรกนั้น.
    ยักษ์ ๒ ตนนั้นมิยอมอนุญาตให้ จึงพาตัวลงไปใกล้อุสสทนรก แล้วจึงกล่าวว่า
    แน่นางเรวดีแสนจะชั่วช้า นรกนี่แลเป็นของเจ้า เพราะเมื่อเจ้าอยู่ใน
    มนุษยโลก ไม่ได้ทำบุญไว้ ด้วยว่า บุคคลผู้มีความตระหนี่ขึ้งโกรธ มีธรรม
    อันเลวทราม ย่อมไม่ได้ความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้เข้าถึงสวรรค์.
    ครั้นยักษ์ทั้งสองกล่าวอย่างนี้แล้ว ก็หายไป ณ ที่นั่นเอง ก็วันนั้น นางเรวดีเห็นนาย
    นิรยบาล ๒ คนพากันมาฉุดคร่าตนเพื่อจะโยนลงในคูถนรก ชื่อว่าสังสวกะ จึงถามนายนิรยบาล
    นั้นว่า
    เหตุไรคูถนรกและมูตนรกจึงปรากฏมีกลิ่นเหม็น ไม่สะอาด ไฉนคูถนี้จึง
    มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไปเล่า?
    นายนิรยบาลตอบว่า
    แน่ะนางเรวดี นี่เป็นนรกชื่อสังสวกะ ลึกร้อยชั่วบุรุษ เจ้าจักหมกไหม้
    อยู่ในนรกนั้นสิ้นพันปี.
    นางเรวดีจึงถามว่า
    ฉันทำชั่วอะไรไว้ด้วยกาย วาจา ใจ เพราะกรรมอะไรฉันจึงตกนรก
    สังสวกะอันลึกร้อยชั่วบุรุษเล่า?
    นายนิรยบาลตอบว่า
    เพราะเจ้าด่าว่าสมณพราหมณ์ และวณิพกเหล่าอื่น ด้วยคำมุสาวาท บาป
    นั้นเจ้าทำไว้แล้ว เพราะฉะนั้น เจ้าจึงต้องตกนรกสังสวกะลึกร้อยชั่ว
    บุรุษ แน่ะนางเรวดี เจ้าจักหมกไหม้อยู่ในนรกนั้นสิ้นพันปี ใช่แต่
    เท่านั้น นายนิรยบาลทั้งหลายจะตัดมือ เท้า หู และแม้จมูกของเจ้า
    อนึ่ง ฝูงกา ปากเหล็กย่อมพากันมารุมจิกกินเนื้อของเจ้าให้ดิ้นรนอยู่.
    นางเรวดีจึงวิงวอนว่า
    ขอไหว้เถิดพ่อคุณ ขอจงได้นำฉันกลับไปส่งยังมนุษยโลกเถิด ฉันจักทำ
    บุญให้มากด้วยการให้ทาน การประพฤติธรรมสม่ำเสมอ ความสำรวม
    การฝึกฝนตน ชนทั้งหลายทำสิ่งใดแล้ว ย่อมได้รับความสุขและไม่
    เดือดร้อนในภายหลัง ฉันจักทำแต่สิ่งนั้น.
    นายนิรยบาลกล่าวว่า
    เมื่อก่อนเจ้าประมาทมัวเมา เดี๋ยวนี้จะมาร่ำไรไปทำไมเล่า เจ้าจักต้อง
    เสวยผลแห่งกรรมทั้งหลายอันทำไว้เอง.
    นางเรวดีสั่งว่า
    ถ้าใครจากเทวโลกไปสู่มนุษยโลก พึงช่วยบอกแก่บุตรของฉันอย่างนี้ว่า
    จงให้ผ้านุ่ง ผ้าห่ม ที่นอน ที่นั่ง ข้าวและน้ำเป็นทานในสมณพราหมณ์
    ทั้งหลาย ผู้มีอาญาอันวางแล้ว เพราะว่า บุคคลผู้ตระหนี่ ขึ้งโกรธ
    ด่าว่า มีธรรมอันเลวทราม ย่อมไม่ได้เป็นสหายของหมู่เทวดาผู้เข้าถึง
    สวรรค์.
    นางเรวดีได้กล่าวต่อไปว่า
    ถ้าฉันไปจากนรกนี้แล้ว ได้กำเนิดเป็นมนุษย์ จักเป็นผู้มีใจโอบอ้อม
    อารี สมบูรณ์ด้วยศีล ทำกุศลให้มาก โดยให้ทาน ประพฤติธรรม
    สม่ำเสมอ สำรวมกาย วาจา ใจ ฝึกฝนตน จักสร้างอารามและสพาน
    ในที่ลุ่ม ขุดบ่อ ขุดสระน้ำให้เป็นทาน ด้วยจิตอันเลื่อมใส จักรักษา
    อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ๘ ค่ำ
    แห่งปักษ์ และในวันปาฏิหาริยปักษ์ จักเป็นผู้สำรวมระวังในศีลทุกเมื่อ
    และจักไม่ประมาทในทาน เพราะผลแห่งกรรมนี้ฉันได้เห็นเองแล้ว.
    พระสังคีติกาจารย์กล่าวไว้ว่า
    นายนิรยบาลทั้งหลายพากันจับนางเรวดี ผู้ดิ้นรนรำพันอยู่อย่างนี้ เอาเท้า
    ขึ้นเบื้องบน เอาหัวลงเบื้องต่ำ โยนลงไปในนรกอันร้ายกาจ.
    เมื่อชาติก่อน เราเป็นคนตระหนี่ ด่าว่าสมณพราหมณ์ หลอกลวงสามี
    ด้วยเรื่องเท็จ จึงได้มาหมกไหม้อยู่ในนรกอันร้ายกาจนี้.
    จบเรวดีวิมานที่ ๒
     
  18. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ฉัตตมาณวกวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในฉัตตมาณวกวิมาน

    พระผู้มีพระภาค เมื่อจะทรงแสดงวิธีเรียนไตรสรณคมน์แก่ฉัตตมาณพ จึงได้ตรัสว่า
    [๕๓] พระพุทธเจ้าพระองค์ใด เป็นผู้ประเสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    เป็นโอรสแห่งศากยราช เป็นผู้จำแนกแจกธรรม มีกิจอันทำเสร็จแล้ว
    ผู้ถึงฝั่ง เป็นผู้พรั่งพร้อมด้วยกำลังและความเพียร ท่านจงถึงพระพุทธเจ้า
    พระองค์นั้นผู้เสด็จไปดีแล้ว เพื่อเป็นที่พึ่งของตนเถิด ท่านจงเข้าถึง
    พระธรรม อันเป็นธรรมคลายความกำหนัด เป็นธรรมไม่หวั่นไหว ไม่มี
    ความเศร้าโศก อันปัจจัยอะไรปรุงแต่งไม่ได้ ไม่ปฏิกูล เป็นธรรม
    ไพเราะคล่องแคล่ว เป็นธรรมอันพระผู้มีพระภาคทรงจำแนกดีแล้ว
    เพื่อเป็นที่พึ่งเถิด บัณฑิตทั้งหลายกล่าวทาน อันบุคคลให้แล้วในพระ
    อริยสงฆ์ผู้สะอาด เป็นคู่แห่งบุรุษทั้ง ๔ เป็นบุรุษบุคคล ๘ เพราะเหตุ
    ได้แสดงธรรมว่ามีผลมาก ท่านจงเข้าถึงพระสงฆ์นี้ เพื่อเป็นที่พึ่งเถิด.
    พระผู้มีพระภาค เพื่อจะทรงประกาศบุญกรรมอันฉัตตเทพบุตรนั้นทำแล้ว ให้ปรากฏ
    แก่มหาชน จึงได้ตรัสถามฉัตตเทพบุตรนั้นว่า.
    วิมานของท่านนี้ มีรัศมีรุ่งเรืองมากมายหาที่เปรียบเทียบมิได้ ฉันใด
    ถึงพระอาทิตย์ พระจันทร์ และดาวนักขัตฤกษ์ รุ่งเรืองอยู่ในท้องฟ้า
    ก็ไม่อาจจะเปรียบเทียบได้ ฉันนั้น ท่านเป็นใครหนอ มาเกิดใน
    วิมานนี้ อนึ่ง วิมานของท่านนี้มีรัศมีรุ่งเรืองตัดเสียซึ่งรัศมีแห่งพระจันทร์
    และพระอาทิตย์ มีรัศมีแผ่ไปเกินกว่า ๒๐ โยชน์ และทำแม้กลางคืน
    ให้เป็นดุจกลางวัน วิมานของท่านนี้งามบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่หม่นหมอง
    งดงามไปด้วยดอกปทุมแลบัวขาวเป็นอันมาก เกลื่อนกลาดไปด้วยดอก
    โกสุม งามวิจิตรด้วยมาลากรรมหลายอย่างต่างๆ กัน ปกคลุมไปด้วย
    ข่ายทองคำอันบริสุทธิ์ ปราศจากธุลี ดุจพระอาทิตย์แผดแสงสว่างอยู่ใน
    อากาศฉะนั้น อนึ่ง ท่านทรงผ้ากัมพลแดง ลางทีก็ทรงภูษาสีเหลือง
    สดใส มีสกลกาย ลูบไล้ด้วยกลิ่นกฤษณา ดอกประยงค์ และ
    แก่นจันทน์ คันธชาติ มีผิวพรรณเปล่งปลั่งด้วยทองคำ ท่านจะไปเที่ยว
    ในวิมานใด วิมานนี้ก็เต็มไปด้วยเทพบุตรและนางเทพธิดา อันเที่ยวไป
    ในที่นั้น ดุจท้องฟ้าอันดาดาษไปด้วยหมู่ดาว ฉะนั้น เทพบุตรเทพธิดา
    ในวิมานนั้นมากมายมีวรรณะต่างๆ กัน ทรงอาภรณ์ทิพย์อันประดับ
    ด้วยดอกโกสุมและดอกมะลิ สวมใส่เครื่องประดับผุดผ่อง มีกาย
    รุ่งเรืองวิจิตรปกปิดด้วยเครื่องทอง หอมฟุ้งไป นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร
    ท่านมาเกิดในวิมานนี้ เพราะผลแห่งกรรมอะไร ก็วิมานนี้อันท่าน
    ได้แล้วด้วยประการใด ตถาคตถามแล้ว ขอท่านจงบอกเหตุแห่งการ
    ได้วิมานนั้น ด้วยประการนั้นเถิด?
    ฉัตตเทพบุตรกราบทูลว่า
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระองค์ได้พบกับมาณพคนหนึ่งชื่อฉัตตมาณพ
    ซึ่งเดินทางมาในทางนี้ พระองค์ทรงเป็นครู ทรงเอ็นดูพร่ำสอนธรรม
    แก่เขา ฉัตตมาณพนั้นคือข้าพระองค์ ได้ฟังธรรมของพระองค์ผู้เป็น
    รัตนะอันประเสริฐ แล้วได้ทูลรับรองว่า จักกระทำตามที่พระองค์
    พร่ำสอน อนึ่ง พระองค์ได้ตรัสบอกแก่ข้าพระองค์ว่า ท่านจงเข้าถึง
    พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ กับทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ว่าเป็นที่พึ่งเถิด
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทีแรกข้าพระองค์ทูลปฏิเสธ ภายหลังได้ทำตาม
    พระดำรัสของพระองค์เหมือนอย่างนั้น อนึ่ง พระองค์ได้ตรัสบอกว่า
    ท่านอย่าได้ประพฤติฆ่าสัตว์มีประการต่างๆ อันเป็นความไม่สะอาด
    เพราะท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย ย่อมไม่สรรเสริญความไม่สำรวมในสัตว์
    ทั้งหลาย ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทีแรกข้าพระองค์ทูลปฏิเสธ แต่ภายหลัง
    ได้ทำตามพระดำรัสของพระองค์เหมือนอย่างนั้น อนึ่ง พระองค์ตรัส
    บอกว่า ท่านอย่าได้ถือเอาสิ่งของที่คนอื่นรักษาหวงแหน และอย่าได้
    คบชู้กะภรรยาของผู้อื่น เพราะข้อนี้ไม่ประเสริฐ ข้าแต่พระองค์ผู้
    เจริญ ทีแรกข้าพระองค์ทูลปฏิเสธ แต่ภายหลังได้กระทำตามพระดำรัส
    ของพระองค์เหมือนอย่างนั้น อนึ่ง พระองค์ได้ตรัสบอกว่า ท่านอย่า
    ได้พูดให้คลาดเคลื่อนจากความจริง เพราะผู้มีปัญญาทั้งหลายมิได้
    สรรเสริญการพูดเท็จ ทีแรกข้าพระองค์ทูลปฏิเสธ แต่ภายหลังได้
    ทำตามพระราชดำรัสของพระองค์เหมือนอย่างนั้น อนึ่ง พระองค์ได้ตรัส
    บอกว่า สัญญาของบุรุษย่อมฟั่นเฟือนไป เพราะน้ำเมาอันได้ดื่มแล้ว
    ท่านจงงดเว้นน้ำเมาอันเป็นโทษทั้งหมด ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทีแรก
    ข้าพระองค์ได้ปฏิเสธ แต่ภายหลังได้ทำตามพระราชดำรัสของพระองค์
    เหมือนอย่างนั้น ข้าพระองค์นั้นได้รักษาศีล ๕ ในศาสนาของพระองค์
    และได้ปฏิบัติในธรรมของพระตถาคต ได้เดินทางไปถึงระหว่างเขตบ้าน
    ทั้งสอง ในท่ามกลางหมู่โจร โจรเหล่านั้นได้ฆ่าข้าพระองค์เพราะเหตุ
    แห่งโภคทรัพย์ ข้าพระองค์ระลึกถึงกุศลมีประมาณเท่านี้ สิ่งอื่นอัน
    ยิ่งไปกว่ากุศลตามที่กราบทูลแล้วนั้น มิได้มีแก่ข้าพระองค์ เพราะกรรม
    อันสุจริตนั้น ข้าพระองค์จึงได้เกิดในไตรทิพย์ พรั่งพร้อมด้วยกาม
    คุณตามปรารถนา ขอพระองค์ทรงดูผลแห่งการถึงสรณคมน์ สมาทานศีล
    และการปฏิบัติธรรมอันสมควร สิ้นกาลเพียงครู่หนึ่งเหมือนดังรุ่งเรือง
    อยู่ด้วยฤทธิ์และยศเกินจะประมาณ ชนทั้งหลายซึ่งมีโภคทรัพย์ด้อยกว่า
    สมบัติของข้าพระองค์เป็นอันมาก มาเห็นสมบัติอันมากของข้าพระองค์
    ย่อมอยากได้ ขอพระองค์ทรงดูผลแห่งเทศนาอันเล็กน้อย อัน
    ข้าพระองค์ฟังแล้ว ข้าพระองค์ยังไปสู่สุคติและได้ประสบความสุข
    ชนเหล่าใดได้ฟังธรรมของพระองค์เนืองๆ ชนเหล่านั้นเห็นจะได้บรรลุ
    นิพพานอันเป็นธรรมไม่ตาย เป็นธรรมเกษม เพราะกุศลมีประมาณ
    ไม่น้อย อันชนเหล่านั้นทำแล้ว ขอพระองค์ทรงดูผลอันมากมาย
    ไพบูลย์ อันข้าพระองค์ตั้งอยู่ในธรรมของพระตถาคตทำไว้แล้ว ฉัตตเทพ-
    บุตรยังปฐพีให้สว่างไสวดุจพระอาทิตย์ เพราะเป็นผู้มีบุญอันทำไว้แล้ว
    ก็ชนบางพวกได้พบได้เห็นแล้วพากันคิดว่า พวกเราจักทำกุศลอย่างไร
    จะประพฤติอย่างไร จึงจะได้อย่างนี้ (คิดไปๆ เห็นว่าทำได้แสนยาก
    ดุจพลิกแผ่นดินและดุจยกเขาสิเนรุราช) ชนเหล่านั้นจึงคิดว่า พวกเรา
    ได้ความเป็นมนุษย์อีกแล้ว ควรเป็นผู้มีศีล ปฏิบัติ ประพฤติธรรม
    พระองค์เป็นครูของข้าพระองค์ ทรงมีอุปการะและอนุเคราะห์แก่ข้า
    พระองค์เป็นอันมาก เมื่อข้าพระองค์ได้พบพระองค์แล้วในวันนั้น ก็ได้
    ถูกพวกโจรฆ่าตายในเวลาเช้า ข้าพระองค์เป็นฉัตตมาณพได้เข้าถึงสัจจนาม
    ขอพระองค์ทรงอนุเคราะห์แก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะขอฟังธรรมอีก
    ชนเหล่าใดในศาสนานี้ ละกามราคะ ภวราคะ อันเป็นอนุสัยและ
    โมหะแล้ว ชนเหล่านั้นย่อมไม่เข้าถึงการนอนในครรภ์ต่อไป เพราะว่า
    เป็นผู้บรรลุนิพพาน มีความเย็นเกิดแล้ว.
    จบ ฉัตตมาณวกวิมานที่ ๓
     
  19. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    กักกฏรสทายกวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในกักกฏรสทายกวิมาน

    พระมหาโมคคัลลานเถระ ได้ถามเทพบุตรตนหนึ่งว่า
    [๕๔] วิมานของท่านนี้สูงมาก ทั้งยาวและกว้าง ๑๒ โยชน์ มียอด ๗๐๐ ยอด
    มีเสาล้วนแล้วด้วยแก้วมณีและแก้วไพฑูรย์ ปูลาดด้วยแผ่นทองคำงาม
    วิจิตรอย่างยิ่ง ท่านอยู่ กิน และดื่ม อยู่ในวิมานนี้ อนึ่ง
    ทวยเทพผู้มีเสียงอันไพเราะพากันมาบรรเลงพิณทิพย์ให้ท่านฟัง เบญจ-
    กามคุณมีรสอันเป็นทิพย์ ก็มีพร้อมอยู่ในวิมานนี้ อนึ่ง เหล่าเทพ
    นารีผู้ประดับประดาด้วยอาภรณ์ทองคำพากันมาฟ้อนรำอยู่ ท่านมีวรรณะ
    งามเช่นนี้เพราะบุญกรรมอะไร อิฐผลย่อมสำเร็จแก่ท่านในวิมานนี้
    เพราะบุญกรรมอะไร อนึ่ง โภคสมบัติอันเป็นที่ชอบใจทุกสิ่งทุก
    อย่าง ย่อมเกิดขึ้นแก่ท่านเพราะบุญกรรมอะไร ดูกรเทพเจ้าผู้มีอานุ-
    ภาพมาก อาตมาขอถามท่าน เมื่อท่านเป็นมนุษย์ ได้ทำบุญอะไร
    ไว้ ท่านมีอานุภาพรุ่งเรืองและมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้
    เพราะบุญกรรมอะไร?
    เทพบุตรนั้นอันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้ม
    ใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า ปูมี ๑๐ เท้า
    สำเร็จด้วยทองคำ ห้อมล้อมอยู่ที่ประตูวิมาน งามรุ่งเรือง เป็น
    การเตือนให้เกิดความระลึกว่า สมบัตินี้เราได้เพราะการถวายแกงปู
    ข้าพเจ้ามีวรรณะงามเช่นนี้เพราะบุญกรรมนั้น อิฐผลย่อมสำเร็จแก่ข้าพเจ้า
    ในวิมานนี้เพราะบุญกรรมนั้น อนึ่ง โภคสมบัติอันเป็นที่ชอบใจ
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเกิดแก่ข้าพเจ้าเพราะบุญกรรมนั้น ข้าพเจ้ามีอานุภาพ
    รุ่งเรืองและมีรัศมีกายสว่างไสว ไปทั่วทุกทิศอย่างนี้ เพราะบุญกรรม
    นั้น.
    จบ กักกฏรสทายกวิมานที่ ๔
     
  20. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    อีก ๕ วิมานที่เหลือพึงให้พิสดารเหมือนกักกฏรสทายกวิมานนี้.

    ทวารปาลกวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในทวารปาลกวิมาน

    พระมหาโมคคัลลานเถระได้ถามเทพบุตรตนหนึ่งว่า
    [๕๕] วิมานของท่านสูงมาก ทั้งยาวและกว้าง ๑๒ โยชน์ มียอด ๗๐๐
    ยอด มีเสาล้วนแล้วด้วยแก้วมณี ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไป
    ทั่วทุกทิศอย่างนี้ เพราะบุญกรรมอะไร?
    เทพบุตรนั้นอันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า พันปีทิพย์เป็นอายุของ
    ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าได้ทำกุศลด้วยเหตุเพียงพูดอ่อนหวาน ประ
    พฤติด้วยใจ บุคคลผู้ทำบุญด้วยเหตุเพียงพูดอ่อนหวานและยังใจให้
    เลื่อมใสเท่านี้ จักดำรงอยู่ในชั้นดาวดึงส์นี้สิ้นพันปี และพรั่งพร้อมไป
    ด้วยทิพยกามคุณ ข้าพเจ้ามีวรรณะงามเช่นนี้เพราะบุญกรรมนั้น ฯลฯ
    และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้ เพราะบุญกรรมนั้น.
    จบ ทวารปาลกวิมานที่ ๕
     

แชร์หน้านี้

Loading...