พระโมคคัลลานะทัวร์นรกสวรรค์ ถาม "ทำบุญ-กรรมอย่างไรจึงได้ผลอย่างนี้?"

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย วิมลเกียรติ์, 30 สิงหาคม 2007.

  1. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๒. ลขุมาวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในลขุมาวิมาน

    [๑๙] พระมหาโมคคัลลานเถระ เมื่อขณะท่องเที่ยวอยู่ ณ เทวสถานได้ถามนางเทพธิดา
    ตนหนึ่งว่า
    ดูกรนางเทพธิดา ท่านเป็นผู้มีรัศมีงามยิ่งนัก ส่องสว่างไสวไปทั่วทิศ
    สถิตอยู่ ประดุจดาวประจำรุ่ง ฉะนั้น ท่านมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญ
    กรรมอะไร ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลื้มใจ ได้
    พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า เมื่อดิฉันยังเป็นมนุษย์อยู่
    บ้านของดิฉันตั้งอยู่ใกล้กับประตูบ้านชาวประมง ดิฉันได้ถวายข้าวสุก
    ขนมกุมมาส ผักดอง และน้ำเครื่องดื่ม เจือด้วยรสต่างๆ แก่พระ
    สาวกทั้งหลายผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ยิ่ง ซึ่งออกจากประตูบ้านชาวประมง
    กำลังท่องเที่ยวไปในบ้านของดิฉันนั้น ประการหนึ่ง ดิฉันเป็นผู้มีจิต
    เลื่อมใสในพระอริยสาวกผู้มีจิตอันซื่อตรง ได้เข้ารักษาอุโบสถศีลอัน
    ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ตลอดวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ๘ ค่ำ และ
    ตลอดปาฏิหาริยปักษ์ เป็นผู้สังวรด้วยดีในองค์ศีลทุกเมื่อ เป็นผู้สำรวม
    และจำแนกทาน จึงได้ครอบครองวิมานนี้ เป็นผู้เว้นจากปาณาติบาต
    เว้นขาดจากการเอาสิ่งของของผู้อื่นด้วยไถยจิต จากการประพฤติล่วง
    ละเมิดในกาม สำรวมจากมุสาวาท และจากการดื่มน้ำเมา เป็นผู้ยินดี
    ในเบญจศีล ฉลาดในอริยสัจ เป็นอุบาสิกาของพระสมณโคดมผู้มี
    พระจักษุ และพระเกียรติยศ ดิฉันมีวรรณะเช่นนี้เพราะบุญกรรมนั้น ฯลฯ
    และมีรัศมีสว่างไสว ไปทั่วทุกทิศ ประการหนึ่ง ขอท่านผู้เจริญพึง
    ถวายบังคมพระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า แล้วทูลตาม
    คำของดิฉันว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อุบาสิกาชื่อลขุมา ถวายบังคม
    พระบาททั้งคู่ของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็การ
    ที่พระผู้มีพระภาคพึงทรงพยากรณ์ดิฉันในสามัญผล อย่างใดอย่างหนึ่งนั้น
    ไม่น่าอัศจรรย์ แต่การที่พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ดิฉัน ในสกทาคามิผล
    นั้น น่าอัศจรรย์แท้จริง.
    จบ ลขุมาวิมานที่ ๒
     
  2. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๓. อาจามทายิกาวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในอาจามทายิกาวิมาน

    [๒๐] ท้าวสักกเทวราชเมื่อจะตรัสถามถึงที่เกิดแห่งหญิงนั้น กะพระมหากัสสปเถระ
    จึงตรัสคาถาสองคาถาความว่า
    หญิงขัดสน เป็นคนกำพร้า อาศัยชายคาเรือนของคนอื่นอยู่ มีจิตเลื่อมใส
    ได้ถวายข้าวตังแด่พระคุณเจ้าผู้เที่ยวไปบิณฑบาต ซึ่งมาหยุดยืนนิ่งอยู่
    เฉพาะหน้า ด้วยมือของตนเอง ครั้นละจากอัตภาพมนุษย์แล้ว ได้ไป
    บังเกิดในฉกามาพจรสวรรค์ชั้นไหนหนอ?
    พระมหากัสสปเถระถวายพระพรว่า
    หญิงขัดสน เป็นคนกำพร้า อาศัยชายคาเรือนของคนอื่นอยู่ มีจิต
    เลื่อมใส ได้ถวายข้าวตังแก่อาตมภาพผู้กำลังเที่ยวไปเพื่อบิณฑบาต
    ซึ่งมายืนหยุดนิ่งเฉพาะหน้า ด้วยมือของตนเองนั้น ครั้นละจากอัตภาพ
    มนุษย์ จุติจากมนุษยโลกนี้พ้นไปแล้ว ได้บังเกิดเป็นเทพธิดาผู้มี
    ฤทธิ์มาก อยู่ ณ ชั้นนิมมานรดี ถึงความสุขอันเป็นทิพย์ ร่าเริง
    บันเทิงใจอยู่ในชั้นนิมมานรดีนั้น เหตุสักว่าอาจามทานฯ
    ท้าวสักกเทวราชกล่าวสรรเสริญทานนั้นว่า
    น่าอัศจรรย์จริงหนอ ทานของคนกำพร้าไร้ญาติ เป็นทานที่นำมาแต่
    ผู้อื่นแล้ว ได้นอบน้อมถวายแก่พระมหากัสสป สำเร็จเป็นทักษิณา
    มากถึงเพียงนี้ นางแก้วผู้งามทั่วสรรพางค์ สามีไม่จืดจางในการมอง
    ชม ได้รับอภิเษกเป็นเอกอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ก็ยังไม่
    เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖ ของอาจามทานนี้ ทองคำแท่งมีปริมาณตั้งร้อยก็ดี
    ม้ามีกำลังเร็วมีปริมาณตั้งร้อยก็ดี ราชรถอันเทียมด้วยม้าอัศดรตั้งร้อย
    ก็ดี นางราชกัญญาอันประดับประดาแล้วด้วยแก้วมุกดา และแก้วมณี
    และต่างหูมีปริมาณตั้งแสนก็ดี ก็ยังไม่เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖ ของอาจาม-
    ทานนี้ คชสารตัวประเสริฐเกิดแต่ป่าหิมพานต์ เป็นคชสารตระกูลมา-
    ตังคะ มีงางามงอนดุจงอนรถ มีสายรัดแล้วด้วยทองคำ มีข่ายทองคำ
    ปกเหนือกระพองศีรษะ มีประมาณตั้งร้อยเชือก ก็ยังไม่เทียบเท่าเสี้ยว
    ที่ ๑๖ ของอาจามทานนี้ ถึงแม้พระเจ้าจักรพรรดิ ได้เสวยราชสมบัติ เป็น
    ใหญ่ในมหาทวีปทั้งสี่ ก็ยังไม่เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖ ของอาจามทานนี้.
    จบ อาจามทายิกาวิมานที่ ๓
     
  3. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๔. จัณฑาลิวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในจัณฑาลิวิมาน

    [๒๑] พระมหาโมคคัลลานเถระได้กล่าวคาถาสองคาถาความว่าแน่ะยายจัณฑาล
    ท่านจงถวายอภิวาทพระบาทยุคลของพระสมณโคดมผู้อุดม ด้วยพระ-
    เกียรติยศ พระองค์ผู้ประเสริฐกว่าผู้วิเศษทั้งหลาย ได้ประทับยืนอยู่เพื่อ
    ทรงอนุเคราะห์ท่านคนเดียวเท่านั้น ท่านจงยังจิตให้เลื่อมใสยิ่ง ใน
    พระพุทธเจ้าผู้ห่างไกลจากกิเลสทั้งมวล เป็นผู้หนักแน่น แล้วจงประคอง
    หัตถ์ถวายอภิวาทโดยเร็วเถิด ชีวิตของท่านยังเหลือน้อยเต็มที.
    เพื่อจะแสดงประวัติของหญิงจัณฑาลนั้นโดยตลอด ท่านพระสังคีติกาจารย์จึงกล่าวคาถา
    สองคาถานี้ว่า
    หญิงจัณฑาลผู้นี้มีตนอันอบรมแล้ว ดำรงไว้ซึ่งสรีระอันเป็นที่สุด อัน
    พระมหาเถระตักเตือนแล้ว จึงถวายบังคมพระบาทยุคลของพระสมณ-
    โคดม ผู้อุดมด้วยพระเกียรติยศ แต่โคนมได้ขวิดนางในขณะที่กำลังยืน
    ประคองหัตถ์ นมัสการพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ส่องแสงสว่าง คือ
    พระญาณในโลกอันมืดมัว.
    เพื่อประกาศข้อความเป็นไปของตน นางเทพธิดาจึงกล่าวว่า
    ข้าแต่ท่านวีรบุรุษผู้มีอานุภาพมาก พวกดิฉันถึงแล้วซึ่งความเป็นผู้มีฤทธิ์
    อันประเสริฐ เข้ามาขอถวายนมัสการท่านผู้สิ้นอาสวะปราศจากกิเลสธุลี
    เป็นผู้ไม่หวั่นไหว.
    พระมหาโมคคัลลานเถระจึงกล่าวกะนางนั้นว่า
    ท่านทั้งหลายผู้มีรัศมีอร่ามงามรุ่งโรจน์ มากด้วยเกียรติยศ ประดับประดา
    ด้วยเครื่องอาภรณ์งามวิจิตรพิสดาร แวดล้อมด้วยหมู่นางอัปสรพากันลง
    มาจากวิมาน แนะแม่เทพธิดาผู้มีคุณอันงาม ท่านเป็นใคร มาไหว้
    ฉันอยู่
    นางเทพธิดานั้น อันพระมหาเถระถามอย่างนี้ จึงกล่าวคาถา ๔ คาถา ความว่า
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เมื่อดิฉันยังเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เป็นหญิง
    จัณฑาล อันท่านผู้เป็นวีรบุรุษส่งไปเพื่อถวายบังคมพระบาทของพระ-
    พุทธเจ้า ดิฉันได้ถวายบังคมพระบาทยุคลของพระสมณโคดมผู้เป็น
    พระอรหันต์ มีพระเกียรติยศอันงาม ครั้นได้ถวายบังคมพระบาทยุคล
    แล้ว เคลื่อนจากกำเนิดหญิงจัณฑาลไปบังเกิดในวิมาน อันเพรียบพร้อม
    ด้วยสมบัติทั้งปวงในเทวราชอุทยานมีนามว่านันทวัน นางเทพอัปสร
    ประมาณพันหนึ่งได้พากันมายืนห้อมล้อมดิฉัน ดิฉันเป็นผู้ประเสริฐเลิศ
    กว่านางเทพอัปสรเหล่านั้นโดยรัศมี เกียรติยศ และอายุ ดิฉันได้กระทำ
    กรรมอันงามมากมาย มีสติสัมปชัญญะ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พวกดิฉันพา
    กันมาครั้งนี้ เพื่อถวายนมัสการท่านผู้เป็นนักปราชญ์ ประกอบด้วยความ
    เอ็นดูในโลก.
    นางเทพธิดานั้น ครั้นกล่าวถ้อยคำนี้แล้ว เป็นผู้ประกอบด้วยความ
    กตัญญูกตเวที ไหว้เท้าทั้งสองของพระมหาโมคคัลลานเถระ องค์อรหันต์
    แล้วก็อันตรธานไป ณ ที่นั้นนั่นเอง.
    จบ จัณฑาลวิมานที่ ๔
     
  4. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๕. ภัททิตถิกาวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในภัททิตถิกาวิมาน

    [๒๒] พระผู้มีพระภาคตรัสถามถึงบุรพกรรมที่นางภัททาเทพธิดานั้นได้กระทำไว้
    ว่าท่านผู้มีกายอันมีรัศมีสีสรรต่างๆ บ้างเขียว บ้างเหลือง บ้างดำ หงสบาท
    และแดง แวดล้อมด้วยกลีบเกสรดอกไม้ มีเกศเกล้าอันแพรวพราวด้วย
    พวงมณฑาทิพย์ ดูกรนางผู้มีปัญญาดี ต้นไม้เหล่านี้ย่อมไม่มีในหมู่เทวดา
    เหล่าอื่น ดูกรนางผู้เลอยศ ท่านได้บังเกิดในหมู่เทวดาชั้นดาวดึงส์ เพราะ
    กรรมอะไร ดูกรนางเทพธิดา ขอท่านจงแถลงข้อที่เราถาม ผลเช่นนี้แห่ง
    กรรมอะไร?
    นางเทพธิดา เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสถามอย่างนี้แล้ว จึงกราบทูลพยากรณ์ด้วยคาถา
    เหล่านี้ว่า
    หม่อมฉันเป็นอุบาสิกาอยู่ในกิมพิลนคร ชนทั้งหลายรู้จักหม่อมฉันชื่อ
    ว่า ภัททิตถิกา หม่อมฉันเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยศรัทธา และศีล ยินดีใน
    การจำแนกทานทุกเมื่อ มีจิตอันผ่องใส ได้ถวายผ้านุ่งห่ม ภัตตาหาร
    เสนาสนะ และประทีปพร้อมด้วยเครื่องอุปกรณ์ ในพระอริยเจ้าผู้ปฏิบัติ
    ซื่อตรง หม่อมฉันได้เข้ารักษาอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการใน
    ดิถีที่ ๑๔-๑๕ และดิถีที่ ๘ ของปักษ์ ตลอดปาฏิหาริยปักษ์ เป็น
    ผู้สำรวมแล้วด้วยดีในศีลทุกเมื่อ คือ งดเว้นจากปาณาติบาต เป็นผู้เว้น
    ขาดจากการถือเอาสิ่งของของผู้อื่นด้วยไถยจิต จากการประพฤติผิดในกาม
    สำรวมจากมุสาวาท และจากการดื่มน้ำเมา เป็นผู้ยินดีในสิกขาบททั้ง ๕
    และเป็นผู้ฉลาดในอริยสัจ เป็นอุบาสิกาของพระพุทธเจ้าผู้มีพระสมันต-
    จักษุ มีปกติเป็นอยู่ด้วยความไม่ประมาท หม่อมฉันได้บำเพ็ญสุจริต
    ธรรมความชอบสำเร็จแล้ว จุติจากมนุษยโลกนั้นแล้ว เป็นนางเทพธิดา
    ผู้มีรัศมีกายอันรุ่งโรจน์ เที่ยวเชยชมอยู่ในสวนนันทวัน อนึ่ง หม่อมฉัน
    ได้เลี้ยงดูท่านภิกษุผู้เป็นอัครสาวกทั้งสอง ผู้อนุเคราะห์ชาวโลกด้วย
    ประโยชน์เกื้อกูลอย่างยิ่ง ผู้เพรียบพร้อมด้วยตบะธรรม เป็นจอมปราชญ์
    และได้บำเพ็ญสุจริตธรรมความชอบไว้มาก ครั้นจุติจากมนุษยโลกนั้น
    แล้ว ได้บังเกิดเป็นเทพธิดา ผู้มีรัศมีกายอันสว่างไสว เที่ยวเชยชม
    อยู่ในสวนนันทวัน หม่อมฉันได้เข้ารักษาอุโบสถ อันประกอบด้วยองค์
    ๘ ประการ มีคุณอันกำหนดมิได้ นำมาซึ่งความสุขเนืองนิตย์ และได้
    สร้างกุศลธรรมความชอบไว้บริบูรณ์แล้ว ครั้นจุติจากมนุษยโลกนั้นแล้ว
    ได้บังเกิดเป็นนางเทพธิดาผู้มีรัศมีกายอันรุ่งเรือง เที่ยวเชยชมอยู่ในเทพ
    อุทยานนันทวัน.
    จบ ภัททิตถิกาวิมานที่ ๕
     
  5. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๖. โสณทินนาวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในโสณทินนาวิมาน

    [๒๓] พระมหาโมคคัลลานเถระ ได้สอบถามนางเทพธิดาตนหนึ่งด้วยคาถา
    ความว่า ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไป
    ทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะทำบุญอะไรไว้ ท่านจึง
    มีผิวพรรณงามเช่นนี้ เพราะทำบุญอะไรไว้ อิฐผลสำเร็จแก่ท่านในวิมานนี้
    และโภคทรัพย์อันเป็นที่รักแห่งใจทุกสิ่งทุกอย่างจึงเกิดขึ้นแก่ท่าน แน่ะ
    แม่เทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน เมื่อท่านยังเป็นมนุษย์
    ได้กระทำบุญสิ่งใดไว้ และเพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง
    ถึงเพียงนี้ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า ดิฉันเป็นอุบาสิกาอยู่ใน
    พระนครนาลันทา ชนชาวนาลันทานครรู้จักดิฉันว่า โสณทินนาเป็น
    ผู้สมบูรณ์ด้วยศรัทธาและศีล ยินดีแล้วในทานบริจาคเสมอ ได้ถวายผ้า
    นุ่งห่ม ภัตตาหาร เสนาสนะ และประทีปพร้อมด้วยเชื้อ ในพระอริยเจ้า
    ผู้มีจิตเที่ยงธรรมเป็นอันมาก ด้วยจิตอันผ่องใส ดิฉันได้เข้ารักษา
    อุโบสถศีลอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ทุกวัน ๑๔-๑๕ ค่ำ และ
    วัน ๘ ค่ำ แห่งปักษ์ และตลอดปาฏิหาริยปักษ์ด้วย เป็นผู้สำรวมด้วย
    ดีในองค์ศีลทุกเมื่อ เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาต เว้นห่างไกลจาก
    อทินนาทาน และการประพฤติผิดในกาม สำรวมจากมุสาวาท และจาก
    การดื่มน้ำเมา ดิฉันเป็นอุบาสิกาของพระสมณโคดมผู้มีพระจักษุ และ
    พระเกียรติยศ เป็นผู้ยินดีในสิกขาบททั้ง ๕ มีปัญญาเฉลียวฉลาดใน
    อริยสัจ ดิฉันจึงมีรัศมีงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
    เพราะบุญนั้น.
    จบ โสณทินนาวิมานที่ ๖
     
  6. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๗. อุโบสถวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในอุโบสถวิมาน

    [๒๔] ท่านพระมหาโมคคัลลานเถระ ได้ถามถึงบุรพกรรมของนางเทพธิดานั้นว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
    สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีผิวพรรณ
    งามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรม
    อะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
    ดิฉันเป็นอุบาสิกาอยู่ในเมืองสาเกต ประชาชนเรียกดิฉันว่าแม่อุโบสถ
    เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยศรัทธาและศีล ... ได้เป็นอุบาสิกาของพระสมณโคดม
    ผู้มีพระจักษุ สมบูรณ์ด้วยพระเกียรติยศ เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึง
    มีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
    บุญนั้น.
    เมื่อจะแสดงโทษของตน นางเทพธิดานั้นจึงได้กล่าวคาถา ๒ คาถาอีกว่า
    ความพอใจได้เกิดมีแก่ดิฉัน เพราะได้ทราบถึงทิพสมบัติต่างๆ ใน
    นันทวันเนืองๆ เพราะเหตุที่ตั้งใจไว้ ดิฉันจึงได้บังเกิดในนันทวัน
    ชั้นดาวดึงสพิภพนั้น ดิฉันมิได้ใส่ใจถึง เพราะวาจาของพระพุทธเจ้า
    เหล่ากอแห่งพระอาทิตย์ ตั้งจิตไว้ในภพอันเลว จึงมีความเดือดร้อนใน
    ภายหลัง.
    เพื่อจะปลุกปลอบใจนางเทพธิดานั้น พระมหาโมคคัลลานเถระจึงกล่าวคาถานั้น ความว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา อาตมาถามท่านแล้ว ถ้าทราบอายุของท่าน ผู้อยู่ใน
    อุโบสถวิมาน ในโลกนี้ จงบอกว่าสิ้นกาลนานเท่าไร?
    นางเทพธิดานั้นตอบว่า
    ข้าแต่ท่านจอมปราชญ์ดิฉันดำรงอยู่ในอุโบสถวิมานนี้ สิ้นกาลประมาณ
    หกหมื่นปีทิพย์ จุติจากที่นี้แล้ว จักไปบังเกิดเป็นมนุษย์.
    พระมหาโมคคัลลานเถระ ได้ยังนางเทพธิดานั้นให้อาจหาญร่าเริงด้วย
    คาถานี้ ความว่า
    ท่านอย่าสะทกสะท้านถึงการอยู่ในอุโบสถวิมานนี้เลย ท่านเป็นผู้อัน
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้แล้ว ท่านจักถึงคุณวิเศษ คือ เป็น
    พระโสดาบัน ทุคติของท่านก็จักพลันเสื่อมไป.
    จบ อุโบสถวิมานที่ ๗
     
  7. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๘. สุนิททาวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในสุนิททาวิมาน

    [๒๕] พระมหาโมคคัลลานเถระ เมื่อจะถามถึงบุรพกรรมของนางเทพธิดานั้น
    จึงกล่าวคาถานี้ความว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านเป็นผู้มีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไป
    ทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุรพกรรมอะไร
    ท่านจึงมีผิวพรรณงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
    เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า ดิฉันเป็นอุบาสิกาอยู่ใน
    พระนครราชคฤห์ ประชาชนเรียกว่า สุนิททา เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยศรัทธา
    และศีล ... เป็นอุบาสิกาของพระสมณโคดมผู้มีพระจักษุ สมบูรณ์ด้วย
    พระเกียรติยศ เพราะบุญกรรมนั้น และจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ
    ดิฉันมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น
    จบ สุนิททาวิมานที่ ๘
     
  8. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๙. สุทินนาวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในสุทินนาวิมาน

    [๒๖] พระมหาโมคคัลลานเถระ เมื่อจะถามถึงบุรพกรรมของนางเทพธิดานั้น จึงกล่าว
    คาถานี้ความว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านเป็นผู้มีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไปทั่ว
    ทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร?
    ท่านจึงมีผิวพรรณงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
    เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
    ดิฉันเป็นอุบาสิกาอยู่ในเมืองราชคฤห์ ประชาชนเรียกดิฉันว่า แม่สุทินนา
    เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยศรัทธาและศีล ... เป็นอุบาสิกาของพระสมณโคดมผู้มี
    พระจักษุ สมบูรณ์ด้วยพระเกียรติยศ เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมี
    วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ
    กรรมนั้น.
    จบ สุทินนาวิมานที่ ๙
     
  9. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๑๐. ภิกษาทายิกาวิมานที่ ๑ ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในภิกษาทายิกาวิมานที่ ๑

    [๒๗] พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดานั้น ด้วยคาถาเหล่านี้ ความว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านเป็นผู้มีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่ว
    ทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึง
    มีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ
    กรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่พระเถระถามนั้นว่า
    ในชาติก่อน ดิฉันเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ในมนุษยโลก ได้พบเห็น
    พระพุทธเจ้าผู้ปราศจากกิเลสธุลี มีอินทรีย์ผ่องใสไม่ขุ่นมัว ดิฉันเกิด
    ความเลื่อมใส ได้ทูลถวายภิกษาแด่พระองค์ท่านด้วยมือของดิฉันเอง
    เพราะบุญกรรมอันนั้น ดิฉันจึงมีวรรณงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่าง
    ไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.
    จบ ภิกษาทายิกาวิมานที่ ๑๐
     
  10. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๑๑. ภิกษาทายิกาวิมานที่ ๒ ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในภิกษาทายิกาวิมานที่ ๒

    [๒๘] พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดาตนนั้น ด้วยคาถานี้ความว่า.
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านเป็นผู้มีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสว
    ไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร
    ท่านจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
    บุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่พระเถระถามนั้นว่า
    ในชาติก่อน ดิฉันเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่ในมนุษย์มนุษยโลก ได้พบเห็น
    พระพุทธเจ้าผู้ปราศจากกิเลสธุลี มีอินทรีย์ผ่องใสไม่ขุ่นมัว ดิฉันเกิดความ
    เลื่อมใส ได้ทูลถวายภิกษาแด่พระองค์ท่านด้วยมือของดิฉันเอง เพราะ
    บุญกรรมอันนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสว
    ไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.
    จบ ทุติยภิกษาทายิกาวิมานที่ ๑๑
     
  11. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    รวมวิมานที่มีในวรรคนี้ คือ
    ๑. ทาสีวิมาน ๒. ลขุมาวิมาน ๓. อาจามทายิกาวิมาน ๔. จัณฑาลิวิมาน ๕. ภัททิต-
    *ถิกาวิมาน ๖. โสณทินนาวิมาน ๗. อุโปสถวิมาน ๘. สุนิททาวิมาน ๙. สุนินนาวิมาน ๑๐. ภิกษา
    ทายิกาวิมานที่ ๑ ๑๑. ภิกษาทายิกาวิมานที่ ๒.
    จบ วรรคที่ ๒ ในอิตถีวิมาน.
    จบ ปฐมภาณวาร
     
  12. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ปาริฉัตตกวรรคที่ ๓

    ๑. อุฬารวิมาน ว่าด้วยอุฬารวิมาน

    [๒๙] พระมหาโมคคัลลานเถระ ถามนางเทพธิดาด้วยคาถาความว่า ดูกรนาง
    เทพธิดา ยศและวรรณะของท่านใหญ่ยิ่ง สว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เหล่า
    เทพนารีและเหล่าเทพบุตรทั้งหลายประดับประดาดีแล้ว ฟ้อนรำขับร้อง
    ทำให้ท่านร่าเริง ห้อมล้อมเพื่อบำเรอท่านอยู่ วิมานของท่านเหล่านี้
    ล้วนแต่เป็นวิมานทองคำ น่าดูน่าชมมาก ทั้งท่านเล่าก็เป็นใหญ่กว่า
    เทพเจ้า เหล่าที่สมบูรณ์ด้วยความปรารถนาทุกอย่าง มีความเป็นอยู่อัน
    ยิ่งใหญ่ ร่าเริงใจอยู่ในหมู่ทวยเทพ ดูกรนางเทพธิดา ท่านอันอาตมา
    ถามแล้ว ขอจงบอกผลนี้แห่งกรรมอะไร?
    นางเทพธิดาตอบว่า
    ดิฉันเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เป็นบุตรสะใภ้ในตระกูลของคน
    ทุศีล ซึ่งเป็นตระกูลที่มีพ่อผัวแม่ผัวไม่มีศรัทธา เป็นคนตระหนี่
    ดิฉันถึงพร้อมด้วยศรัทธาและศีล ได้ถวายขนมเบื้องแก่ท่านซึ่งกำลังเที่ยว
    บิณฑบาตอยู่ แล้วจึงได้บอกแก่แม่ผัวว่า มีพระสมณะมาที่นี่ ดิฉัน
    เลื่อมใส ได้ถวายขนมเบื้องแก่ท่านด้วยมือของตน แม่ผัวด่าดิฉันว่า
    นางสู่รู้ ทำไมเธอจึงไม่ถามฉันเสียก่อนว่า จะถวายทานแก่สมณะดังนี้เล่า
    เพราะการถวายขนมเบื้องนั้น แม่ผัวเกรี้ยวกราดเอา ทุบตีดิฉันด้วยสาก
    ดิฉันไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้นานจึงสิ้นชีพลง พ้นจากการทรมานอย่างสาหัส
    จุติจากมนุษย์นั้นแล้วจึงได้มาเกิดบนสวรรค์ เป็นพวกเดียวกันกับเทพเจ้า
    ชั้นดาวดึงส์ เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และ
    มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.
    จบ อุฬารวิมานที่ ๑​
     
  13. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๒. อุจฉุวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในอุจฉุวิมาน

    [๓๐] พระมหาโมคคัลลานเถระ ถามนางเทพธิดานั้นด้วยคาถาความว่า
    ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีศิริ มีผิวพรรณเปล่งปลั่ง มียศและเดช สว่าง
    ไสวไพโรจน์ทั่วแผ่นดินรวมทั้งเทวโลกเหมือนกับพระจันทร์และพระอาทิตย์ เป็นผู้
    ประเสริฐเหมือนท้าวมหาพรหม รุ่งเรืองกว่าเทพเจ้าเหล่าไตรทศพร้อมทั้ง
    อินทร์ อาตมาขอถามท่านผู้ทัดทรงดอกอุบล ยินดีแต่พวงมาลัยประดับ
    เศียร มีผิวพรรณเปล่งปลั่งดั่งทองคำ ประดับประดาอาภรณ์สวยงาม
    นุ่งห่มผ้าอย่างดี ดูกรนางเทพธิดาผู้เลอโฉม ท่านเป็นใครมาไหว้อาตมา
    อยู่ เมื่อก่อน ครั้งเมื่อเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ท่านได้ทำกรรมอะไร
    ไว้ด้วยตน ได้ให้ทานหรือรักษาศีลอย่างไรไว้ ท่านได้เข้าถึงสุคติ มี
    เกียรติยศ เพราะกรรมอะไร ดูกรนางเทพธิดา อาตมาถามแล้วขอจงบอก
    ผลนี้แห่งกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว กล่าวตอบด้วยคาถาความว่า
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระเถระรูปหนึ่งเข้ามายังบ้านของดิฉันเพื่อบิณฑบาต
    ในกรุงราชคฤห์นี้ ทันใดนั้น ดิฉันมีจิตเลื่อมใส เพราะปีติสุดที่จะหา
    สิ่งใดมาเทียมได้ จึงได้ถวายท่อนอ้อยแก่ท่าน ภายหลังแม่ผัวได้ถามถึง
    ท่อนอ้อยที่หายไปว่า ท่อนอ้อยหายไปไหน จึงตอบว่า ท่อนอ้อยนั้น
    ดิฉันไม่ได้ทิ้ง ทั้งไม่ได้รับประทาน แต่ดิฉันได้ถวายแก่ภิกษุผู้สงบระงับ
    ทันใดนั้นแม่ผัวได้บริภาษดิฉันว่า เธอหรือฉันเป็นเจ้าของท่อนอ้อยนั้น
    ว่าแล้วก็คว้าเอาตั่งฟาดดิฉันจนถึงตาย เมื่อดิฉันจุติจากมนุษยโลกนั้น
    แล้ว จึงมาเกิดเป็นนางเทพธิดา ดิฉันได้ทำกุศลกรรมนั้นไว้อย่างเดียว
    เพราะกรรมนั้นเป็นเหตุ ดิฉันจึงมาเสวยความสุขด้วยตนเอง เพียบ
    พร้อมด้วยเทพเจ้าผู้รับใช้ ร่าเริงบันเทิงใจอยู่ด้วยเบญจกามคุณ อนึ่ง
    ดิฉันได้ทำกุศลกรรมนั้นเท่านั้น เพราะกรรมนั้นเป็นเหตุ ดิฉันจึงมาเสวย
    ความสุขด้วยตนเอง เป็นผู้ที่ท้าวสักกะจอมเทพคุ้มครองแล้ว และเป็นผู้
    อันเทพเจ้าชาวไตรทศอารักขาด้วย จึงเป็นผู้เพียบพร้อมไปด้วยเบญจ-
    กามคุณ ผลบุญเช่นนี้มิใช่น้อย การถวายท่อนอ้อยของดิฉันมีผลอัน
    ยิ่งใหญ่ ดิฉันเพียบพร้อมด้วยเทพเจ้าผู้รับใช้ ร่าเริงบันเทิงใจอยู่ด้วย
    เบญจกามคุณ ผลบุญเช่นนี้มิใช่น้อย การถวายท่อนอ้อยของดิฉันมีผล
    รุ่งเรืองมาก ดิฉันเป็นผู้ที่ท้าวสักกะจอมเทพทรงคุ้มครองแล้ว ทั้งเทพเจ้า
    ชาวไตรทศก็ให้อารักขาด้วย ดังท้าวสหัสสนัยน์ในสวนนันทวันฉะนั้น
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็ดิฉันเข้ามานมัสการท่านผู้มีความกรุณา มีปัญญา
    รู้แจ้งและถามถึงความไม่มีโรคภัยด้วย เพราะฉะนั้น ดิฉันมีใจเลื่อมใส
    ด้วยปีติสุดที่จะหาสิ่งใดๆ มาเทียบเคียงได้ ได้ถวายท่อนอ้อยแก่
    พระคุณเจ้าในครั้งนั้น.
    จบ อุจฉุวิมานที่ ๒
     
  14. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๓. ปัลลังกวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในปัลลังกวิมาน

    [๓๑] พระมหาโมคคัลลานเถระ ถามนางเทพธิดานั้นด้วยคาถาความว่า
    ดูกรนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก ท่านอยู่บนที่นอนใหญ่เป็นบัลลังก์
    อันประเสริฐ อันบุญกรรมตกแต่งให้วิจิตรด้วยแก้วมณีและทองคำ โรย
    ดอกไม้ไว้เกลื่อนกล่น อนึ่ง รอบๆ ตัวท่าน เหล่านางเทพอัปสรมีร่าง
    สมทรงแผลฤทธิ์ได้ต่างๆ ฟ้อนรำ ขับร้อง ให้ท่านร่าเริงบันเทิงใจอยู่
    เป็นนิจ ท่านเป็นนางเทพธิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์อานุภาพมากครั้ง เมื่อท่าน
    ยังเป็นมนุษย์อยู่ได้ทำบุญอะไรไว้ ท่านเป็นผู้มีอานุภาพอันรุ่งเรืองและ
    มีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่ว ทุกทิศอย่างนี้ เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้นตอบว่า
    ดิฉันเมื่อเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เป็นบุตรสะใภ้ในตระกูลอัน
    มั่งคั่งตระกูลหนึ่ง ดิฉันเป็นผู้ไม่โกรธ เป็นผู้ประพฤติอยู่ใต้บังคับบัญชา
    ของสามี ไม่ประมาทในวันอุโบสถ เมื่อดิฉันยังเป็นสาวอยู่ เป็นผู้ภักดี
    ด้วยการไม่ประพฤตินอกใจสามีหนุ่ม ดิฉันเป็นที่โปรดปรานของสามี
    เป็นอย่างยิ่ง ก็เพราะดิฉันมีน้ำใจผ่องใส ดิฉันได้ประพฤติตนให้เป็นที่
    ชื่นชอบใจของสามีทั้งกลางวันและกลางคืน ชาติก่อนดิฉันเป็นผู้มีศีล
    เป็นผู้บำเพ็ญในสิกขาบททั้งหลายอย่างครบถ้วน คือ เว้นขาดจากการ
    ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ มีการงานทางกายบริสุทธิ์ ประพฤติพรมจรรย์
    อย่างสะอาดไม่กล่าวคำเท็จ และเว้นขาดจากดื่มน้ำเมา ดิฉันมีใจเลื่อมใส
    ประพฤติตามธรรม ปลาบปลื้มใจ เข้ารักษาอุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘
    ประการ ในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และวัน ๘ ค่ำแห่งปักษ์ และตลอด
    ปาฏิหาริยปักษ์ ครั้นดิฉันสมาทานกุศลธรรมอันประกอบด้วยองค์ ๘
    ประการอย่างประเสริฐ เป็นอริยะ มีความสุขเป็นกำไร เช่นนี้แล้ว
    ชาติก่อนดิฉันได้เป็นสาวิกของพระสุคตเจ้า ได้เป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
    ของสามีเป็นอันดี ครั้นดิฉันทำกุศลกรรมเช่นนี้ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ใน
    มนุษยโลก เป็นผู้มีส่วนแห่งภพอันวิเศษ พอสิ้นชีพลงแล้ว ดิฉัน
    จึงถึงความเป็นนางเทพธิดาผู้มีฤทธิ์ ในอภิสัมปรายภพ มาสู่สวรรค์
    ห้อมล้อมด้วยหมู่นางเทพอัปสรในวิมานมีปราสาทอย่างประเสริฐ น่า
    รื่นรมย์ คณะเทพเจ้าและเหล่านางเทพธิดาทั้งหลาย ซึ่งมีรัศมีซ่านออก
    จากกายตน พากันมาชื่นชมยินดีกับดิฉันผู้มีอายุยืน มาสู่เทพวิมาน.
    จบ ปัลลังกวิมานที่ ๓
     
  15. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๔. ลตาวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในลตาวิมาน

    [๓๒] นางเทพนารี ๕ องค์ มีความรุ่งเรือง มีปัญญา งดงามด้วยคุณธรรม
    เป็นธิดาของท้าวเวสสวัณมหาราช คือ นางลดาเทพธิดา ๑ นางสัชชาเทพ
    ธิดา ๑ นางปวราเทพธิดา ๑ นางอัจฉิมุตีเทพธิดา ๑ นางสุดาเทพธิดา ๑
    ต่างเป็นนางบำเรอของท้าวสักกเทวราชผู้ประเสริฐ มีศิริ ได้พากันไปยัง
    แม่น้ำอันไหลมาจากสระอโนดาด มีน้ำเยือกเย็น มีดอกอุบลน่ารื่นรมย์
    ในป่าหิมพานต์ เพื่อสรงสนาน ครั้นสรงสนาน ฟ้อนรำขับร้อง รื่นเริง
    สำราญใจในแม่น้ำแล้ว จึงนางสุดาเทพธิดาได้ถามนางลดาเทพธิดาผู้พี่
    องค์ใหญ่ว่า
    เจ้าพี่จ๋าผู้มีดวงตาเหลืองปนแดง มีร่างประดับด้วยพวงมาลัย อุบล มี
    พวงมาลัยประดับเศียร ผิวพรรณก็งดงามเปล่งปลั่งดังทองคำ มีอวัยวะ
    ทุกส่วนงดงามผ่องใส เหมือนท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆหมอก มีอายุยืน
    ดิฉันขอถามเจ้าพี่เพราะทำบุญอะไรไว้ เจ้าพี่จึงได้มียศมาก ทั้งเป็นที่รัก
    และโปรดปรานของพระภัสดา มีรูปงามสะสวยยิ่งนัก ทั้งฉลาดในการ
    ฟ้อนรำขับร้อง และบรรเลงเป็นเยี่ยม จนพวกเทพบุตรและเทพธิดา
    ไต่ถามถึงเสมอๆ ขอโปรดได้บอกแก่หม่อมฉันด้วยเถิด?
    นางเทพธิดาจึงตอบว่า
    ครั้นพี่ยังเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เป็นบุตรสะใภ้ในตระกูลมั่งคั่ง
    ตระกูลหนึ่ง พี่มิได้เป็นคนมักโกรธ เป็นผู้ประพฤติอยู่ใต้บังคับบัญชา
    ของสามี ไม่ประมาทในวันอุโบสถ เมื่อพี่ยังเป็นสาวอยู่ เป็นผู้ภักดี
    ด้วยการไม่ประพฤตินอกใจสามีหนุ่ม พี่เป็นที่โปรดปรานของสามีเป็น
    อย่างยิ่ง ก็เพราะพี่มีน้ำใจผ่องใส ได้ทำตัวให้เป็นที่โปรดปรานของสามี
    พร้อมทั้งญาติชั้นผู้ใหญ่ และบิดามารดาของสามี ตลอดจนคนใช้ชาย
    หญิง พี่จึงได้มีบริวารยศอันบุญกรรมจัดมาให้ถึงอย่างนี้ เพราะกุศลกรรม
    นั้น พี่จึงได้เป็นผู้พิเศษกว่านางฟ้าพวกอื่น ในที่ ๔ สถาน คือ อายุ
    วรรณะ สุขะ พละ ได้เสวยความยินดีมิใช่น้อย.
    เมื่อนางสุดาเทพธิดาได้ฟังดังนี้แล้ว จึงได้พูดกับพี่สาวทั้งสามว่า
    ข้าแต่เจ้าพี่ทั้งสาม เจ้าพี่ลดาได้แถลงถ้อยคำน่าฟังมากมิใช่หรือจ้ะ
    หม่อมฉันทูลถามถึงเรื่องที่พวกเราชอบสงสัยกันมาก ก็กล่าวแก้ได้อย่าง
    ไม่ผิดพลาด เจ้าพี่ลดาควรเป็นตัวอย่างอันดีเยี่ยมสำหรับเราทั้งสี่และ
    นารีทั้งหลาย มาเราทั้งปวงพึงประพฤติธรรมในสามีทั้งหลาย เราทั้งปวง
    พึงประพฤติในสามี เหมือนอย่างสตรีที่ดีประพฤติยำเกรงสามี ฉะนั้น
    ครั้นเราทั้งหลายปฏิบัติธรรม คือ การอนุเคราะห์ต่อสามีด้วยสภาพทั้ง ๕
    อย่างแล้ว ก็จะได้สมบัติอย่างที่เจ้าพี่ลดาพูดถึงอยู่ประเดี๋ยวนี้ พระยา
    ราชสีห์ผู้สัญจรไปตามราวไพรใกล้เชิงเขา อาศัยอยู่บนบรรพตเขาหลวง
    แล้วก็เที่ยวตะครุบจับสัตว์ ๔ เท้าใหญ่น้อยทุกๆ ชนิดกัดกินเป็นอาหาร
    ได้ ฉันใด สตรีที่มีศรัทธาเป็นอริยสาวิกาในศาสนานี้ ก็ฉันนั้น เมื่อ
    ยังอาศัยภัสดาอยู่ ควรประพฤติยำเกรงสามี ฆ่าความโกรธเสีย กำจัด
    ความตระหนี่เสียได้แล้ว เขาผู้ประพฤติธรรมโดยชอบ จึงรื่นเริงบันเทิงใจ
    อยู่บนสวรรค์.
    จบ ลตาวิมานที่ ๔
     
  16. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๕. คุตติลวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในคุตติลวิมาน

    [๓๓] พระมหาสัตว์นามว่าคุตติลบัณฑิต อันสมเด็จอัมรินทราธิราชทรงจำแลงองค์เป็น
    พราหมณ์โกสิยโคตร เสด็จเข้าไปหาทรงซักถามแล้ว ได้ทูลตอบแสดงความเจ็บใจของตนให้
    ท้าวเธอทรงทราบ ด้วยคาถาความว่า
    ข้าแต่ท้าวโกสีย์ ข้าพระองค์ได้สอนวิชาดีดพิณ ๗ สาย อันมีเสียง
    ไพเราะมาก น่ารื่นรมย์ ให้แก่มุสิละผู้เป็นศิษย์ เขาตั้งใจจะดีดพิณ
    ประชันกับข้าพระองค์บนกลางเวที ขอพระองค์ทรงเป็นที่พึ่งของข้าพระ-
    องค์ด้วย.
    สมเด็จอัมรินทราธิราช ทรงสดับคำปรับทุกข์นั้นแล้ว เมื่อจะทรงปลอบอาจารย์ จึงตรัส
    ปลุกใจด้วยคาถาความว่า
    จะกลัวไปทำไมนะท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะเป็นที่พึ่งของท่านอาจารย์
    เพราะข้าพเจ้าเป็นผู้บูชาท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าผู้เป็นศิษย์จะไม่ปล่อยให้
    ท่านอาจารย์ปราชัย ท่านอาจารย์ต้องเป็นผู้ชนะนายมุสิละผู้เป็นศิษย์
    แน่นอน.
    เมื่อสมเด็จอัมรินทราธิราชตรัสปลอบใจเช่นนี้ คุตติลบัณฑิตก็โล่งใจ คลายทุกข์
    พอถึงวันนัดก็ไปประลองศิลป์กันบนเวทีหน้าพระโรง ในที่สุดคุตติลบัณฑิตผู้อาจารย์เป็นฝ่ายชนะ
    นายมุสิละผู้เป็นศิษย์เป็นฝ่ายแพ้ถึงแก่ความตายกลางเวที เพราะอาชญาของปวงชน สมเด็จ
    อัมรินทราธิราชทรงกล่าววาจาแสดงความยินดีด้วยคุตติลบัณฑิตแล้ว เสด็จกลับเทวสถาน ครั้น
    กาลต่อมา สมเด็จอัมรินทราธิราชตรัสใช้ให้พระมาตลีเทพสารถี นำเวชยันตราชรถลงมารับ
    คุตติลบัณฑิตไปยังเทวโลกเพื่อให้ดีดพิณถวาย คุตติลบัณฑิตจึงกราบทูลท้าวโกสีย์ในท่ามกลาง
    เทพบริษัท เพื่อไต่ถามถึงบุรพกรรมของเทพธิดาทั้งหลาย ณ ที่นั้น เป็นรางวัลแห่งการดีดพิณ
    เสียก่อน เมื่อได้รับพระอนุญาตแล้ว จึงไต่ถามถึงบุรพกรรมของเทพธิดาเหล่านั้นว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องแสงสว่างไปทั่ว
    ทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมี
    วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรม
    อะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันคุตติลบัณฑิตถามเหมือนท่านพระมหาโมคคัลลาน
    เถระถามแล้วมีใจยินดี ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
    ดิฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้งหลาย ได้ถวายผ้าอย่างดี
    ผืนหนึ่งแก่ภิกษุรูปหนึ่ง ดิฉันได้ถวายผ้าอันน่ารักอย่างนี้ จึงมาได้
    ทิพยวิมานอันน่าปลื้มใจถึงเช่นนี้ เชิญดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่า
    นั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศ
    กว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย เชิญดูผลแห่งบุญ คือ การถวายผ้า
    อย่างดีทั้งหลายนั้นเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงาม
    เช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.
    ๔. วิมานที่จะกล่าวต่อไปนี้ มีความพิสดารเหมือนวัตถทายิกวิมาน.
    (๑) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่ว
    ทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
    ดิฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้งหลาย ได้ถวายดอกมะลิ
    อย่างดีแก่ภิกษุรูปหนึ่ง ดิฉันได้ถวายดอกมะลิอันน่ารักอย่างนี้ จึงมาได้
    ทิพยวิมานน่าปลื้มใจถึงเช่นนี้ นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด
    ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็น
    ผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญ คือ
    การถวายดอกมะลิอย่างดีทั้งหลายนั้นเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมี
    วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
    บุญกรรมนั้น.
    (๒) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่ว
    ทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์เพราะบุญกรรมอะไร ท่าน
    จึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
    บุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
    ดิฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้งหลาย ได้ถวายจุรณของหอม
    อย่างดีแก่ภิกษุรูปหนึ่ง ดิฉันได้ถวายจุรณของหอมอันน่ารักอย่างนี้ จึง
    มาได้ทิพยวิมานอันน่าปลื้มใจเช่นนี้ นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉัน
    นี้เถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้ง
    ยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่ง
    บุญ คือ การถวายจุรณของหอมอย่างดีทั้งหลายนั้นเถิด เพราะบุญกรรม
    นั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีส่องสว่างไปทั่วทุกทิศ
    เพราะบุญกรรมนั้น.
    (๓) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่ว
    ทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่าน
    จึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
    บุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
    ดิฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้งหลาย ได้ถวายผลไม้อย่างดี
    แก่ภิกษุรูปหนึ่ง ดิฉันได้ถวายผลไม้อันน่ารักอย่างนี้ จึงมาได้ทิพยวิมาน
    อันน่าปลื้มใจถึงเช่นนี้ นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่า
    นั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศ
    กว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญ คือ
    การถวายผลไม้อย่างดีทั้งหลายนั้นเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมี
    วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
    บุญกรรมนั้น.
    (๔) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
    สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะ
    งามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
    ดิฉันเป็นสตรีผู้ประเสริฐในนระและนารีทั้งหลาย ได้ถวายอาหารมีรส
    อย่างดีแก่ภิกษุรูปหนึ่ง ดิฉันได้ถวายอาหารอันน่ารักอย่างนี้ จึงมาได้
    ทิพยวิมานอันน่าปลื้มใจถึงเช่นนี้ นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้น
    เถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยัง
    เป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญ
    คือการถวายอาหารมีรสอย่างดีทั้งหลายนั้นเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉัน
    จึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
    บุญกรรมนั้น.
    พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
    สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมีวรรณะ
    งามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลื้มใจ ได้
    พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
    ดิฉันได้นำของหอม ๕ อย่าง ไปประพรมที่องค์พระสถูปทองคำ สำหรับ
    บรรจุพระบรมธาตุของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า นิมนต์พระคุณเจ้า
    ดูวิมานของดิฉันนี้เถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและ
    ผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์
    พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญคือการถวายของหอม ๕ อย่างนั้นเถิด เพราะบุญ
    กรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่ว
    ทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.
    ๔. วิมานที่จะกล่าวต่อไปนี้ มีเนื้อความพิสดารเหมือนกับคันธปัญจังคลิกวิมาน
    (๑) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุก
    ทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมี
    วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ
    กรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า ดิฉัน ภิกษุและภิกษุณี
    ทั้งหลาย พากันเดินทางไกล ได้ฟังธรรมเทศนาของท่านเหล่านั้น ได้
    เข้ารักษาอุโบสถอยู่วันหนึ่ง คืนหนึ่ง นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉัน
    นั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก
    ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผล
    แห่งบุญทั้งหลายเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ
    และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.
    (๒) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุก
    ทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมี
    วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ
    กรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามว่า ดิฉันยืนอยู่ในน้ำ มีจิต
    เลื่อมใส ได้ถวายน้ำใช้และน้ำฉันแก่ภิกษุรูปหนึ่ง นิมนต์พระคุณเจ้าดู
    วิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและ
    ผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์
    พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญทั้งหลายเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมี
    วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ
    กรรมนั้น.
    (๓) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุก
    ทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมี
    วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรม
    อะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ
    ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า ดิฉันไม่คิดมุ่งร้าย ตั้งใจ
    ปฏิบัติเป็นอย่างดี ซึ่งแม่ผัวและพ่อผัวผู้ดุร้าย ผู้มักโกรธง่ายและหยาบ
    คาย เป็นผู้ไม่ประมาทในการรักษาศีลของตน นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมาน
    ของดิฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณ
    น่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้า
    ดูผลแห่งบุญทั้งหลายเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงาม
    เช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.
    (๔) พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
    สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมี
    วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
    บุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้ม
    ใจ ได้พยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า ดิฉันเป็นหญิง
    รับใช้ รับจ้างทำกิจการงานของคนอื่น ไม่เกียจคร้าน ไม่เป็นคน
    โกรธง่าย ไม่ถือตัว ชอบแบ่งปันสิ่งของ อันเป็นส่วนของตนที่ได้
    มาแก่ปวงชนที่ต้องการ นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่ง
    กว่านั้นดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศ
    กว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย นิมนต์พระคุณเจ้าดูผลแห่งบุญทั้ง
    หลายเถิด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ
    และมีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.
    พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
    สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมี
    วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ
    กรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ
    ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า
    ดิฉันได้ถวายข้าวสุกคลุกนมวัวสดแก่ภิกษุรูปหนึ่ง ผู้กำลังเที่ยวบิณฑ-
    บาตอยู่ นิมนต์พระคุณเจ้าจงดูวิมานของดิฉันนั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น
    ดิฉันเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยังเป็นผู้เลิศกว่านางอัปสร
    ตั้งพันนางอีกด้วย เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ
    และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.
    ในวิมานเหล่านั้น ๒๕ วิมานที่จะกล่าวต่อไปนี้ มีเนื้อความพิสดารเหมือนกับขีโรทนทา-
    *ยิกาวิมาน.
    พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า
    ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสว
    ไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?
    นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ
    ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า ดิฉันได้ถวาย
    (๑) น้ำอ้อยงบ ฯลฯ
    (๒) ผลมะพลับสุก ฯลฯ
    (๓) อ้อยท่อนหนึ่ง ฯลฯ
    (๔) แตงโมผลหนึ่ง ฯลฯ
    (๕) ฟักทองผลหนึ่ง ฯลฯ
    (๖) ยอดผักต้ม ฯลฯ
    (๗) ผลลิ้นจี่ ฯลฯ
    (๘) เชิงกราน ฯลฯ
    (๙) ผักดองกำหนึ่ง ฯลฯ
    (๑๐) ดอกไม้กำหนึ่ง ฯลฯ
    (๑๑) มัน ฯลฯ
    (๑๒) สะเดากำหนึ่ง ฯลฯ
    (๑๓) น้ำผักดอง ฯลฯ
    (๑๔) แป้งคลุกงาคั่ว ฯลฯ
    (๑๕) ประคตเอว ฯลฯ
    (๑๖) ผ้าอังสะ ฯลฯ
    (๑๗) พัด ฯลฯ
    (๑๘) พัดสี่เหลี่ยม ฯลฯ
    (๑๙) พัดใบตาล ฯลฯ
    (๒๐) หางนกยูงกำหนึ่ง ฯลฯ
    (๒๑) ร่ม ฯลฯ
    (๒๒) รองเท้า ฯลฯ
    (๒๓) ขนม ฯลฯ
    (๒๔) ขนมต้ม ฯลฯ
    (๒๕) น้ำตาลกรวด
    แก่ภิกษุรูปหนึ่งผู้กำลังบิณฑบาตอยู่ นิมนต์พระคุณเจ้าดูวิมานของดิฉัน
    นั้นเถิด ยิ่งกว่านั้น ดิฉันยังเป็นนางฟ้าที่มีรูปร่างและผิวพรรณน่ารัก ทั้งยัง
    เป็นผู้เลิศกว่านางอัปสรตั้งพันนางอีกด้วย เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉัน
    จึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
    บุญกรรมนั้น.
    เมื่อนางเทพธิดาเหล่านั้น เฉลยผลกรรมที่ได้ทำมาเป็นอันดีอย่างนี้แล้ว คุตติลบัณฑิต
    ร่าเริง บันเทิงใจ เมื่อจะแสดงความชื่นชมยินดีของตน จึงกล่าวว่า
    ข้าพเจ้ามาถึงเมืองสวรรค์วันนี้ เป็นการดีแท้ เป็นฤกษ์งามยามดีที่
    ข้าพเจ้าได้เห็นนางเทพธิดาทั้งหลาย ที่เป็นนางฟ้ามีรูปร่างและผิวพรรณ
    น่ารักใคร่ ทั้งยังได้ฟังธรรมอันแนะนำทางบุญกุศลจากเธอเหล่านั้นด้วย
    แต่นี้ไป ข้าพเจ้าจักกระทำบุญกุศลให้มาก ด้วยการให้ทาน ด้วยการ
    ประพฤติธรรมสม่ำเสมอ ด้วยการรักษาศีลสังวร และด้วยการฝึก
    อินทรีย์ ข้าพเจ้าจักได้ไปสู่สถานที่ๆ ไปแล้วไม่เศร้าโศก.
    จบ คุตติลวิมานที่ ๕
     
  17. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๖. ทัททัลลวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในทัททัลลวิมาน

    นางภัททาเทพธิดาผู้พี่สาว ได้ถามนางสุภัททาเทพธิดาผู้น้องสาวว่า
    [๓๔] ท่านรุ่งเรืองด้วยรัศมี ทั้งเป็นผู้เรืองยศ ย่อมรุ่งเรืองโรจน์ล่วงเทพเจ้าชาว
    ดาวดึงส์ทั้งหมด ด้วยรัศมี ดิฉันไม่เคยเห็นท่านเพิ่งจะมาเห็นในวันนี้
    เป็นครั้งแรก ท่านมาจากเทวโลกชั้นไหน จึงมาเรียกดิฉันโดย
    ชื่อเดิมว่า ภัททา ดังนี้เล่า?
    นางสุภัททาเทพธิดาผู้น้องสาวตอบว่า
    ข้าแต่พี่ภัททา ฉันชื่อว่าสุภัททา ในภพก่อนครั้งเป็นมนุษย์อยู่ ดิฉัน
    ได้เป็นน้องสาวของพี่ ทั้งได้เคยเป็นภริยาร่วมสามีเดียวกับพี่มาด้วย
    ดิฉันตายจากมนุษยโลกนั้นมาแล้ว ได้มาเกิดเป็นเทพธิดาประจำสวรรค์
    ชั้นนิมมานรดี.
    นางภัททเทพธิดาจึงถามต่อไปอีกว่า
    ดูกรแม่สุภัททา ขอเธอได้บอกการอุบัติของเธอในหมู่เทพเจ้า เหล่า
    นิมมานรดี ซึ่งเป็นที่ๆ สัตว์ได้สั่งสมบุญกุศลไว้มาก แล้วจึงได้มา
    บังเกิด เธอได้มาเกิดในที่นี้ เพราะทำบุญกุศลสิ่งใดไว้ และใครเป็นครู
    ผู้แนะนำสั่งสอนเธอ เธอเป็นผู้เรืองยศ และถึงความสุขพิเศษไพบูลย์
    ถึงเช่นนี้ เพราะได้ให้ทานและรักษาศีลเช่นไรไว้ ดูกรแม่เทพธิดา
    ฉันถามเธอแล้ว นี่เป็นผลแห่งกรรมอะไร โปรดตอบฉันด้วย?
    นางสุภัททาเทพธิดาตอบว่า
    เมื่อชาติก่อน ดิฉันมีใจเลื่อมใส ได้ถวายบิณฑบาต ๘ ที่ แก่สงฆ์
    ผู้เป็นทักขิไณยบุคคล ๘ รูป ด้วยมือของตน เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉัน
    จึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะ
    บุญกรรมนั้น.
    นางภัททาเทพธิดาได้ถามต่อไปอีกว่า
    พี่ได้เลี้ยงดูพระภิกษุทั้งหลาย ผู้สำรวมดี ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ให้
    อิ่มหนำสำราญด้วยข้าวและน้ำ ด้วยมือของตนเอง มากกว่าเธอ ครั้น
    ให้ทานมากกว่าเธอแล้ว ก็ยังได้บังเกิดในเหล่าเทพเจ้าต่ำกว่าเธอ ส่วนเธอ
    ได้ถวายทานเพียงเล็กน้อย อย่างไรจึงมาได้ผลอย่างพิเศษไพบูลย์ถึงเช่นนี้
    เล่า แน่ะแม่เทพธิดา ฉันถามเธอแล้ว นี่เป็นผลแห่งกรรมอะไร โปรด
    ตอบฉันด้วย?
    นางสุภัททาเทพธิดาตอบว่า
    เมื่อชาติก่อน ดิฉันได้เห็นพระภิกษุผู้อบรบทางจิตใจเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่
    จึงได้นิมนต์ท่านรวม ๘ รูปด้วยกัน มีพระเรวตเถระเป็นประธานด้วย
    ภัตตาหาร ท่านพระเรวตเถระนั้นมุ่งจะให้เกิดประโยชน์ อนุเคราะห์แก่
    ดิฉัน จึงบอกดิฉันว่า จงถวายสงฆ์เถิด ดิฉันได้ทำตามคำของท่าน
    ทักขิณาของดิฉันนั้น จึงเป็นสังฆทาน ดิฉันให้เข้าตั้งไว้ในสงฆ์เป็นทาน
    ที่ไม่อาจปริมาณผลได้ว่า มีอยู่เท่าไร ส่วนทานที่คุณพี่ได้ถวายแก่ภิกษุ
    ด้วยความเลื่อมใสเป็นรายบุคคล จึงมีผลไม่มาก.
    นางภัททาเทพธิดา เมื่อจะรับรองความข้อนั้นจึงกล่าวว่า
    พี่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า การถวายสังฆทานนี้ มีผลมาก ถ้าว่าพี่ได้ไป
    บังเกิดเป็นมนุษย์อีก จักเป็นผู้รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ปราศจากความ
    ตระหนี่ ถวายสัฆทาน และไม่ประมาทเป็นนิตย์.
    เมื่อสนทนากันแล้ว นางสุภัททาเทพธิดาก็กลับไปสู่ทิพยวิมานของตนบนสวรรค์ชั้น
    นิมมานรดี ท้าวสักกเทวราชได้ทรงสดับการสนทนานั้น เมื่อนางสุภัททาเทพธิดากลับไปแล้ว
    จึงตรัสถามนางเทพธิดาว่า
    ดูกรนางภัททา เทพธิดาผู้นั้นเป็นใคร มาสนทนาอยู่กับเธอ
    ย่อมรุ่งโรจน์กว่าเทพเจ้าเหล่าดาวดึงส์ทั้งหมดด้วยรัศมี?
    นางภัททาเทพธิดา เมื่อจะบรรยายข้อที่สังฆทานของเทพธิดาผู้น้องสาวว่ามีผลมาก
    จึงทูลว่า
    ขอเดชะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ เทพธิดาผู้นั้น เมื่อชาติ
    ก่อนยังเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เป็นน้องสาวของหม่อมฉัน และ
    ได้เคยร่วมสามีเดียวกันกับหม่อมฉันด้วย เธอสั่งสมบุญกุศลคือถวาย
    สังฆทาน จึงได้ไพโรจน์ถึงอย่างนี้ เพค๊ะ.
    สมเด็จอัมรินทราธิราช เมื่อจะทรงสรรเสริญสังฆทาน จึงตรัสว่า ดูกร
    นางภัททา น้องสาวของเธอไพโรจน์กว่าเธอ ก็เพราะเหตุในปางก่อน
    คือการถวายสังฆทานที่ไม่อาจจะปริมาณผลได้ อันที่จริง ฉันได้ทูลถาม
    พระพุทธเจ้า ครั้งประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ ถึงผลแห่งไทยธรรม
    ที่ได้จัดแจงถวายในเขตที่มีผลมาก ของมนุษย์ทั้งหลายผู้มุ่งบุญให้ทาน
    อยู่ หรือทำบุญปรารภเหตุแห่งการเวียนเกิดเวียนตาย จะถวายใน
    บุคคลประเภทใดจึงจะมีผลมาก พระพุทธเจ้าตรัสตอบข้อความนั้น
    แก่ฉันอย่างแจ่มแจ้งว่า ท่านผู้ปฏิบัติเพื่ออริยมรรค ๔ จำพวก และ
    ท่านผู้ตั้งอยู่ในอริยมรรค ๔ จำพวก พระอริยบุคคล ๘ จำพวกนี้
    ชื่อว่าสงฆ์ เป็นผู้ปฏิบัติตรงดำรงมั่นอยู่ในปัญญาและศีล เมื่อมนุษย์
    ทั้งหลายผู้มุ่งบุญถวายทานในท่านเหล่านี้ หรือทำบุญปรารภการเวียน
    เกิดเวียนตาย ทานที่ถวายในสงฆ์ ย่อมมีผลมาก พระสงฆ์นี้เป็น
    ผู้มีคุณความดีอันยิ่งใหญ่ ยังผลให้เกิดแก่ผู้ถวายทานในท่านอย่างไพบูลย์
    ยากที่ใครจะปริมาณว่าเท่านี้ๆ ได้ เหมือนทะเลยากที่จะคาดคะเน
    ได้ว่ามีน้ำเท่านี้ๆ ได้ ฉะนั้น พระสงฆ์เหล่านี้แล เป็นผู้ประ-
    เสริฐสุด เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าผู้มีความเพียร เป็นเยี่ยมในหมู่
    นรชนเป็นแหล่งสร้างแสงสว่าง คือ ญาณของชาวโลก ได้แก่ นำ
    เอาแสงสว่าง คือพระสัทธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้แล้วมาชี้
    แจง ปวงชนที่ใคร่ต่อบุญเหล่าใด ถวายทานมุ่งตรงต่อสงฆ์ ทักขิณา
    ของเขาเหล่านั้นชื่อว่าเป็นทักขิณาที่ถวายดีแล้ว เป็นยัญวิธีที่เซ่นสรวงถูก
    ต้อง จัดเป็นบูชากรรมที่บูชาแล้วชอบ เพราะทักขิณานั้นจัดเป็นสังฆทาน
    มีผลมาก อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลก ทรงสรรเสริญชน
    เหล่าใดยังท่องเที่ยวอยู่ในโลก มาหวนระลึกถึงบุญเช่นนี้ได้ เกิดปีติ
    โสมนัส ก็จะกำจัดมลทิน คือ ความตระหนี่พร้อมทั้งความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
    ความลังเลในใจ และการตีตนเสมอท่าน อันเป็นมูลฐานเสียได้
    ทั้งจะไม่เป็นผู้ถูกผู้รู้ติเตียน แต่นั้นก็จะเข้าถึงสถานที่ๆ เป็นแดน
    สวรรค์.
    จบ ทัททัลลวิมานที่ ๖
     
  18. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๗. เสสวดีวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในเสสวดีวิมาน

    เมื่อพระวังคีสเถระจะไต่ถามถึงบุรพกรรมของนางเทพธิดานั้น จึงสรรเสริญวิมานของ
    เธอเสียก่อนเป็นปฐม ด้วยคาถา ๗ คาถา ความว่า
    [๓๕] ดูกรแม่เทพธิดา อาตมาได้เห็นวิมานของท่านนี้ อันมุงและบังด้วย
    ข่ายแก้วผลึก ข่ายเงินและข่ายทองคำ มีพื้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้มี
    ผลวิจิตรนานาพรรณเป็นระเบียบเรียบร้อย น่ารื่นรมย์ เป็นวิมาน
    ซึ่งเกิดกับสำหรับบุญ มีซุ้มประตูแล้วด้วยแก้ว ๗ ประการ ที่ลาน
    วิมานเรี่ยรายไปด้วยทรายทองงดงามมาก มีรัศมีส่องสว่างไปทั่วทุกทิศ
    เหมือนพระอาทิตย์มีรัศมีตั้งพัน ซึ่งกำจัดความมืดมนได้เป็นปกติใน
    ยามสรทกาล หรือเหมือนกับแสงเปลวเพลิงซึ่งกำลังลุกอยู่บนยอด
    ภูเขาในเวลากลางคืน หรือคล้ายกับการลืมตาขึ้นขณะที่ฟ้าแลบในโอกาส
    ฉะนั้น วิมานนี้เป็นวิมานลอยอยู่ในอากาศ ก้องกังวาลไปด้วยเสียง
    ดนตรี คือ พิณเครื่องใหญ่ กลอง และกังสดาล ประโคม
    อยู่มิได้ขาดระยะ สุทัสนะเทพนคร อันเป็นเมืองพระอินทร์ ซึ่ง
    มั่งคั่งไปด้วยสมบัติทิพย์ฉันใด วิมานของท่านนี้ก็ฉันนั้น วิมานของ
    ท่านนี้ฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมอย่างยอดเยี่ยมหลายอย่างต่างๆ กัน คือ
    กลิ่นดอกปทุม ดอกโกมุท ดอกอุบล ดอกจงกลณี ดอกคัดเค้า
    ดอกพุดซ้อน ดอกกุหลาบ ดอกอังกาบ ดอกรัง ดอกอโศก
    แย้มกลีบ ส่งกลิ่นหอมระรื่น ทั้งตั้งอยู่ริมฝั่งสระโบกขรณี น่า
    รื่นรมย์ เรียงรายไปด้วยไม้หูกวาง ขนุนสำมะรอ และต้นไม้
    กลิ่นหอม มีทั้งไม้เลื้อยชูดอกออกช่อหอมระรื่น ห้อยย้อยเกาะก่ายลงมา
    จากปลายใบต้นตาล และมะพร้าว คล้ายกับข่ายแก้วมณี และ
    แก้วประพาฬจัดเป็นของทิพย์ มีขึ้นสำหรับท่านผู้เรืองยศ อนึ่ง ต้น
    ไม้และดอกไม้ผลทั้งหลายซึ่งเป็นต้นไม้เกิดอยู่ในน้ำและบนบก ทั้ง
    เป็นรุกขชาติมีอยู่ในเมืองมนุษย์ และไม่มีในเมืองมนุษย์ ตลอด
    จนพรรณไม้ทิพย์ประจำเมืองสวรรค์ ก็ได้มีพร้อมอยู่ใกล้วิมานของท่าน
    ท่านได้สมบัติทิพย์ทั้งนี้ เป็นผลแห่งการประพฤติทางกาย วาจา ใจ
    และการฝึกฝนอินทรีย์อย่างไร เพราะผลกรรมอะไร ท่านจึงมาเกิดในวิมานนี้
    ดูกรนางเทพธิดาผู้มีขนตางอนงาม ขอท่านจงตอบถึงผลกรรม เป็นเหตุได้
    วิมานที่ท่านได้แล้วนี้ เป็นไปตามที่อาตมาถามท่านแล้วตามลำดับด้วย
    เถิด?
    ลำดับนั้น นางเทพธิดาตอบว่า
    ก็วิมานที่ดิฉันได้แล้วนี้ มีฝูงหงส์ นกกระเรียน ไก่ฟ้า นกกด
    และนกเขาไฟ เที่ยวร่อนร้องไปมา ทั้งเต็มไปด้วยหมู่นกนางนวล
    นกกะทุง และพญาหงส์ทอง ซึ่งเป็นนกทิพย์ เที่ยวบินไปมา
    อยู่ตามลำน้ำ และอึงคนึงไปด้วยฝูงนกประเภทอื่นๆ อีก คือ นก
    เป็ดน้ำ นกค้อนหอย นกดุเหว่าลาย นกดุเหว่าขาว มีทั้ง
    ต้นไม้ดอก ไม้ต้น ไม้ผล อันเกิดเองหลายอย่างต่างพรรณ
    คือ ต้นแคฝอย ต้นหว้า ต้นอโศก พระคุณเจ้าขา ดิฉันได้วิมาน
    เหตุนี้ด้วยเหตุผลอันใด ดิฉันจะเล่าเหตุผลอันนั้นถวายพระคุณเจ้า
    นิมนต์ฟังเถิด คือ มีหมู่บ้านหมู่หนึ่งชื่อนาฬกคาม ตั้งอยู่ทางทิศ
    ตะวันออกของพระนครราชคฤห์ ดิฉันเป็นบุตรสะใภ้ประจำตระกูล
    ของบ้านนั้นอันตั้งอยู่ภายในบุรี ชุมนุมในหมู่บ้านนั้นเรียกดิฉันว่า
    เสสวดี ดิฉันมีใจชื่นบาน ได้ก่อสร้างกุศลกรรมไว้ในชาตินั้น คือ
    ได้บูชาพระธาตุพระธรรมเสนาบดี นามว่า อุปติสสะ ซึ่งเป็นที่
    บูชาของทวยเทพและมนุษย์ทั้งหลายผู้มากไปด้วยคุณความดีมีศีลเป็นต้น
    หาประมาณมิได้ ซึ่งนิพพานไปแล้ว ด้วยเครื่องสักการะหลาย
    อย่าง ล้วนแต่รัตนะและดอกคำ ก็แหละครั้นบูชาพระธาตุของพระผู้
    แสวงหาซึ่งคุณอย่างยอดยิ่ง ผู้ถึงอนุปทิเสสนิพพานธาตุแล้ว ซึ่ง
    ในที่สุดยังเหลืออยู่แต่พระธาตุเท่านั้น ครั้นดิฉันละกายมนุษย์นั้นแล้ว
    จึงได้มาเกิดในดาวดึงส์สวรรค์ชั้นไตรทศ อยู่ประจำวิมานในเทวโลก.
    จบ เสสวดีวิมานที่ ๗
     
  19. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๘. มัลลิกาวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในมัลกาวิมาน

    พระนารทเถระไต่ถามนางมัลลิกาเทพธิดาว่า
    [๓๖] ดูกรนางเทพธิดา ผู้มีผ้านุ่งห่มและธงล้วนแต่สีเหลือง ประดับประดา
    ด้วยเครื่องก็ล้วนเหลือง เธอถึงจะไม่ประดับด้วยเครื่องประดับอันงดงาม
    เหลืองอร่ามเช่นนี้ ก็ยังงามโดยธรรมชาติ ดูกรนางเทพธิดา ผู้มีเครื่อง
    ประดับล้วนแต่ทองคำธรรมชาติ แก้วไพฑูรย์ จินดา มีกายาปกคลุม
    ไว้ด้วยร่างแหทองคำเหลืองอร่าม เป็นระเบียบงดงามด้วยสายแก้วสี
    ต่างๆ สายแก้วเหล่านั้น ล้วนแต่สำเร็จด้วยทองคำธรรมชาติ แก้วทับทิม
    แก้วมุกดา แก้วไพฑูรย์ บางสายก็ล้วนแล้วด้วยแก้วลาย คล้ายตาแมว
    บ้างก็สำเร็จด้วยแก้วแดงคล้ายสีเลือด บ้างก็สำเร็จด้วยแก้วอันสดใส
    สีตานกพิลาป เครื่องประดับทั้งหมดที่ตัวของท่านนี้ทุกๆ สาย ยามต้อง
    ลมพัด มีเสียงไพเราะเหมือนเสียงนกยูงพญาหงส์ทองหรือเสียงนก
    การะเวก หรือมิฉะนั้นก็เสียงเบญจางคดุริยดนตรี ที่พวกคนธรรพ์พากัน
    บรรเลงเป็นคู่ๆ อย่างไพเราะน่าฟังก็ปานกัน อนึ่ง รถของท่าน
    งดงามมาก หลากไปด้วยเนาวรัตนนานาพรรณ อันบุญกรรมจัดสรรมา
    ให้จากธาตุนานาชนิด ดูมูลมองพิจิตรจรัสจำรูญยามท่านยืนอยู่เหนือ
    สุพรรณรถขับไปถึงประเทศใด ที่ตรงนั้นก็สว่างไสวไปทั่วถึงกัน ดูกรนาง
    เทพธิดา อาตมาถามท่านแล้ว ท่านจงตอบอาตมาว่า นี้เป็นผลแห่ง
    กรรมอะไร?
    นางมัลลิกาเทพธิดาตอบว่า
    พระคุณเจ้าขา ดิฉันมีร่างกายซึ่งปกปิดไว้ด้วยร่างแหทองคำ วิจิตรไปด้วย
    แก้วแดงอ่อนๆ และแก้วมุกดา นับว่าดิฉันคลุมร่างไว้ด้วยตาข่าย
    ทองคำเช่นนี้ ก็เพราะดิฉันมีจิตผ่องใส ได้บูชาพระโคดมบรมครู
    ผู้ทรงพระคุณหาประมาณมิได้ ซึ่งเสด็จเข้าสู่นิพพานไปแล้ว ครั้นดิฉัน
    ทำกุศลธรรมที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายสรรเสริญแล้ว จึงสร่างโศก หมด
    โรคภัย ได้รับแต่ความสุขกาย สุขใจ รื่นเริงบันเทิงใจเป็นนิตย์.
    จบ มัลลิกาวิมานที่ ๘
     
  20. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    ๙. วิสาลักขิวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในวิสาลักขิวิมาน

    สมเด็จอัมรินทราธิราชตรัสถามนางสุนันทาเทพธิดาว่า
    [๓๗] ดูกรแม่เทพธิดาผู้มีนัยย์ตางาม เธอชื่อไร ได้ทำกรรมอะไรไว้ จึงได้มีหมู่
    นางฟ้าแวดล้อมเป็นบริวารเดินวนเวียนอยู่รอบๆ ในสวนจิตรลดาอันน่า
    รื่นรมย์ ในคราวที่พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ ล้วนแต่ขึ้นม้า ขึ้นรถ
    ตบแต่งร่างกายวิจิตรงดงาม เข้าไปยังสวนนั้นแล้ว จึงมาในที่นี้ แต่เมื่อ
    เธอพอมาถึงในที่นี้ กำลังเที่ยวชมสวน รัศมีก็สว่างไสวไปทั่วจิตรลดาวัน
    โอภาสของสวนมิได้ปรากฏ รัศมีของท่านมาข่มเสีย ดูกรแม่เทพธิดา
    ฉันถามเธอแล้ว ขอเธอจงบอกว่า นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร?
    นางสุนันทาเทพธิดาผู้เป็นอัครชายาทูลตอบว่า
    ขอเดชะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ ผู้ทรงบำเพ็ญทานมาแต่เก่าก่อน รูป
    อันสวยงาม คติ ฤทธิ์ และอานุภาพของหม่อมฉัน ย่อมมีได้ด้วยกรรม
    อันใด ขอพระองค์จงทรงสดับกรรมนั้น หม่อมฉันเป็นอุบาสิกามีนามว่า
    สุนันทาอยู่ในพระนครราชคฤห์อันน่ารื่นรมย์ ถึงพร้อมด้วยศรัทธา และ
    ศีล ยินดีในการจำแนกทานทุกเมื่อ คือหม่อมฉันมีจิตเลื่อมใส ได้
    ถวายผ้านุ่งผ้าห่ม ภัตตาหาร เสนาสนะและเครื่องประทีป ในภิกษุ
    ทั้งหลายผู้เที่ยงตรง ทั้งได้รักษาอุโบสถ อันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
    ตลอดวัน ๑๔ ค่ำ วัน ๑๕ ค่ำ และวัน ๘ ค่ำแห่งปักษ์ และตลอด
    ปฏิหาริยปักษ์ เป็นผู้สำรวมอยู่ในศีลเป็นนิตย์ หม่อมฉันยินดีแล้วใน
    สิกขาบททั้ง ๕ คือ งดเว้นจากปาณาติบาต จากความเป็นขโมย
    จากการประพฤตินอกใจ ระมัดระวังจากการพูดเท็จ และเว้นไกล
    จากการดื่มน้ำเมา เป็นผู้ฉลาดในอริยสัจจธรรมทั้ง ๔
    เป็นอุบาสิกาของพระสมณโคดมผู้มีพระจักษุ ผู้เรืองยศ บิดาของหม่อม
    ฉันใช้ให้หม่อมฉันนำดอกไม้มาทุกๆ วัน หม่อมฉันได้บูชาที่สถูป
    อันเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุของพระผู้มีพระภาคทุกๆ วัน ในวันอุโบสถ
    หม่อมฉันมีใจผ่องใส ได้ถือเอาพวงมาลัย ของหอมและเครื่องลูบไล้
    ไปบูชาพระสถูปของพระผู้มีพระภาคนั้นด้วยมือของตน ข้าแต่พระองค์
    ผู้จอมเทพ รูปอันสวยงาม คติ ฤทธิ์ และอนุภาพเช่นนี้ เกิดมีแก่
    หม่อมฉันเพราะกรรมนั้น มิใช่ว่าผลที่หม่อมฉันได้บูชาพระสถูปด้วย
    พวงมาลัย และที่หม่อมฉันได้รักษาศีล จะให้ผลเท่านั้นก็หามิได้ ยังกลับ
    ให้หม่อมฉันพึงได้สกทาคามี ตามความปรารถนาของหม่อมฉันอีกด้วย.
    จบ วิสาลักขิวิมานที่ ๙
     

แชร์หน้านี้

Loading...