พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ชมได้ทุกคนครับ

แต่เรื่องอังกฤษ หนูไม่รู้ หนูไม่เห็น อ่ะครับลุงเม้า

.

 

<TABLE class=tborder id=post789127 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#11247</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE class=tborder id=post835929 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead id=currentPost style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #11982</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร:::
หนังสือ electronic โหลดกันไปอ่าน ได้สาระดีมากครับ..

http://dungtrin.com/whatapity/00.htm

<TABLE style="BORDER-RIGHT: black 1px solid; BORDER-TOP: black 1px solid; BORDER-LEFT: black 1px solid; BORDER-BOTTOM: black 1px solid" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" bgColor=#c5cfd4><TBODY><TR height=40><TD style="BORDER-BOTTOM: black 1px solid" vAlign=top bgColor=#5a3c94><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom></TD><TD vAlign=bottom>เสียดาย...คนตายไม่ได้อ่าน
ดังตฤณ
กันยายน 2547
จิรัฏฐ์ บุญทา และ กฤษฎ์ อักษรวงศ์ ออกแบบเว็บไซท์




</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR height=20><TD style="BORDER-BOTTOM: black 1px solid" background=siadai_bg7.gif><STYLE>A.a_menu { TEXT-DECORATION: none }A.nav:link { COLOR: black }A.nav:visited { COLOR: black }A.nav:hover { COLOR: #999999 }.nav { FONT-SIZE: 14px; COLOR: black; FONT-FAMILY: verdana }.nav2 { FONT-SIZE: 11px; COLOR: black; FONT-FAMILY: verdana }.nav3 { FONT-SIZE: 13px; COLOR: #4422ff; FONT-FAMILY: verdana }.general { FONT-SIZE: 10px; FONT-FAMILY: verdana }</STYLE><TABLE cellSpacing=5><TBODY><TR><TD colSpan=3> คำนำ



</TD></TR><TR height=10><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="33%"> ปฐมบรรพ - เกิดมาเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร
บทที่ ๑ - ใครเป็นผู้รู้แจ้งเรื่องกรรม
บทที่ ๒ - เหตุใดจึงเกิดเป็นมนุษย์
บทที่ ๓ - เหตุใดจึงเป็นหญิงเป็นชาย
บทที่ ๔- เหตุใดจึงเป็นผู้มีรูปงาม
บทที่ ๕- เหตุใดจึงมีฐานะร่ำรวย
บทที่ ๖ - เหตุใดจึงมีสติปัญญามาก
สรุปปฐมบรรพ



</TD><TD vAlign=top width="33%"> ทุติยบรรพ - ตายแล้วไปไหนได้บ้าง
บทที่ ๗ - สัจจะเกี่ยวกับความตาย
บทที่ ๘ - สภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ในภพภูมิต่างๆ
สรุปทุติยบรรพ



</TD><TD vAlign=top width="33%"> ตติยบรรพ - ยังอยู่แล้วควรทำอะไรดี
บทที่ ๙ - คำถามที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต
บทที่ ๑๐ วิชารู้ตามจริง
สรุปตติยบรรพ



</TD></TR><TR height=10><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="33%"> บทส่งท้าย
โปรยปกและหน้าขอบคุณ




</TD><TD vAlign=top width="33%"> ใหม่!ฟังเสียงอ่านทั้งหมด
เสียงอ่านโดย: อลิสา ฉัตรานนท์




</TD><TD vAlign=top width="33%"> ใหม่!download ทั้งเล่มเป็นไฟล์ PDF
จัดทำโดย: ศศิธร นิมิตหลิวพานิชย์




</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR height=380><TD background=siadai_bg.gif><TABLE cellSpacing=10><TBODY><TR><TD><STYLE> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Tms Rmn"; panose-1:2 2 6 3 4 5 5 2 3 4;} @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4;} @font-face {font-family:BrowalliaUPC; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; punctuation-wrap:simple; text-autospace:none; font-size:14.0pt; font-family:"Tms Rmn";} h1 {margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; text-indent:36.0pt; page-break-after:avoid; punctuation-wrap:simple; text-autospace:none; font-size:20.0pt; font-family:"Tms Rmn";} p.MsoBodyText2, li.MsoBodyText2, div.MsoBodyText2 {margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; text-indent:36.0pt; punctuation-wrap:simple; text-autospace:none; font-size:16.0pt; font-family:BrowalliaUPC;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt;} div.Section1 {page:Section1;} --> </STYLE>คำนำ


ทุกคนต่างมีความน่าเวทนาอยู่ในทางใดทางหนึ่ง ต่อให้เป็นบุคคลที่เหมือนอิ่มเอมเปรมสุข เป็นที่อิจฉาของสังคมขนาดไหน ก็ย่อมรู้ในใจเขาเองว่าชีวิตยังมีข้อขัดข้องประการใดบ้าง
ทำไมชีวิตถึงมีความขัดแย้ง เหตุใดจึงไม่มีใครเป็นสุขได้แต่ถ่ายเดียว? ก็เพราะคนเราไม่รู้แล้วก่อกรรมดีบ้างเป็นบางครั้ง และเพราะคนเราไม่รู้แล้วก่อกรรมชั่วบ้างเป็นบางคราว ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับความรู้ว่าทำดีต้องเสวยผลดี ทำชั่วต้องเสวยผลชั่ว จะช้าเร็วไม่มีใครหนีแรงสะท้อนกลับของบาปบุญได้พ้น

คนทั่วไปจะมีความเชื่อทางศาสนา หรือเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายอย่างไรก็ตาม สำรวจแบบชำแหละตัวเองแล้วก็ต้องพูดกันตรงๆว่านอกจากอาการปักใจเชื่อ แทบไม่มีใครรู้แจ้งเห็นจริงราวกับตาเห็นรูปกันสักกี่ราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเชื่อมั่นและอยากไปสวรรค์ อยากเข้าถึงนิพพาน ก็ยิ่งน้อยเท่าน้อยชนิดนับหัวได้ที่จะทราบทางไปอย่างแท้จริง ชนิดติดความจำขึ้นใจ และถือประพฤติปฏิบัติตนบนเส้นทางกรรมอันนำสู่สุคติภูมิ
พระพุทธเจ้ามีคำตอบ มีคำอธิบาย มีความรู้จริงเกี่ยวกับเรื่องกรรมวิบากและภพภูมิทั้งปวง บางวันผู้เขียนนึกเสียดายขึ้นมาว่าธรรมะในพระไตรปิฎกอันเปรียบประดุจภูเขาทองยังกองอยู่อย่างเปิดเผย แต่น้อยคนจะเหลือบแลไปเห็น และน้อยคนที่เห็นแล้วเต็มใจจะอ่าน จึงเป็นที่มาของหนังสือชื่อ

 

แจกฟรี !!! พระและวัตถุมงคลอธิษฐานจิตโดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน​

http://palungjit.org/showthread.php?t=103158&page=7

<TABLE class=tborder id=post859409 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 12:28 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#127 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Dej Amarin<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_859409", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 05:15 PM
วันที่สมัคร: Feb 2007
ข้อความ: 59 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 37 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 482 ครั้ง ใน 62 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 64



</TD><TD class=alt1 id=td_post_859409 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ขอเชิญกราบนมัสการหลวงปู่ทองดี(17.00เป็นต้นไป )

<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->กราบเรียนท่านสมาชิกบุญทั้งหลายนับว่าเป็นบุญของท่านที่จะได้นมัสการหลวงปู่ทองดี อนีโฆ ณ อาศรมบ้านดวงธรรมนำชีวิตตั้งแต่เวลา 17.00 น.- 20.00 น เวลาโดยประมาณในวันที่ 13 ธค. 50นะครับเพราะเชิญชวนร่วมทำบุญบริจาคกระเบื้องหลังคาโรงทาน จำนวน 2000 แผ่น ๆ 50 บาทขอเชิญร่วมบริจาคได้ ผู้บริจาคจะไรบพระสมเด็จบรรจุเกศาหลังพระธาตุเพชร( รุ่นสมเด็จเพชรดีศรีพิจิตร ) และผ้ายันต์ 1 ผืน จึงขอเชญท่านร่วมกับหลวงปู่โดยตรงที่อาศรมบ้านดวงธรรมนำชีวิต
จึงกราบเรียนมาเพื่อกรุณาทราบและอนุโมทนาบุญครับ

หมายเหตุ กราบขอความกรุณากับผู้ที่ขอพระไปแจกงานบุญครับตามรายการที่ผมแจ้งกรุณาโทรกลับผมด้วย ถ้าไม่โทรกลับผมจะอนุโมทนาให้กับผู้อื่นนะครับ
(ในรายการ 1- 18 ) ที่ผมให้ไปครับ
แล้วขออีกประเด็นหนึ่ง นะครับบุคคลที่ขอ ๆ ผมนะให้ขอเท่านไรก็ตามที่ขอครั้งแรก แต่อย่าขอเพิ่มนะครับ แจกเพื่อทำดีถวายวันพ่อ ส่วนปัจจัยกรุณาโอนเข้าบัญชีเพื่อใช้จ่ายในงานสร้างพระ 84,000 องค์ ถวายหลวงพ่อสิริครับ
บัญชี ของ กฤตพล เกิดผล ( จเร ) คนเดียวกันครับ
<!-- / message --><!-- edit note -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

http://www.larnbuddhism.com/grammathan/sangyot.html



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=5 width="85%" align=center><TBODY><TR><TD>

สังโยชน์ 10


สังโยชน์ แปลว่า กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัดจิตใจให้ตกอยู่ในวัฎฎะ มี 10 อย่าง​

1. สักกายทิฏฐิ เห็นว่า ร่า่งกายเป็นเรา เป็นของเรา (คำว่าร่างกายนี้หมายถึง ขันธ์ 5)​
2. วิจิกิจฉา ความลังเลสังสัย ในคุณพระรัตนตรัย​
3. สีลัพพตปรามาส รักษาศีลแบบลูบ ๆ คลำ ๆ ไม่รักษาศีลอย่างจริงจัง​
4. กามฉันทะ มีจิตมั่วสุมหมกมุ่น ใคร่อยู่ในกามารมณ์​
5. พยาบาท มีอารมณ์ผูกโกรธ จองล้างจองผลาญ​
6. รูปราคะ ยึดมั่นถือมั่นในรูปฌาน​
7. อรูปราคะ ยึดมั่นถือมั่นในอรูปฌาน คิดว่าเป็นคุณพิเศษที่ทำให้พ้นจากวัฎฎะ​
8. มานะ มีอารมณ์ถือตัวถือตน ถือชั้นวรรณะเกินพอดี​
9. อุทธัจจะ มีอารมณ์ฟุ้งซ่าน ครุ่นคิดอยู่ในอกุศล​
10. อวิชชา มีความคิดเห็นว่า โลกามิสเป็นสมบัติที่ทรงสภาพ ​

​

1. นักปฏิบัติที่ท่านปฏิบัติกันมาและได้รับผลเป็นมรรคผลนั้น ท่านคอยเอา สังโยชน์ เข้าวัดอารมณ์เป็นปกติ เทียบจิตกับ สังโยชน์ ว่า เราตัดอะไรได้เพียงใด แล้วจะรู้ผลปฏิบัติอารมณ์ที่ละนั้นเอง
   สังโยชน์ทั้ง 10 ข้อนี้ ถ้าพิจารณาวิปัสสนาญาณแล้ว จิตค่อย ปลดอารมณ์ที่ยึดถือได้ครอบ 10 อย่าง โดยไม่กำเริบอีกแล้ว ท่านว่า ท่านผู้นั้นบรรลุอรหัตผล
   สักกายทิฏฐิ ท่านแปลว่า ให้รู้สึกในอารมณ์ของเราว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายนี้ไม่มีในเรา หรือตามศัพท์ที่เรียกว่า ขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี้มันไม่ใช่ของเรา เราไม่่มีในขันธ์ 5 ขันธ์ 5 ไม่มีในเรา อารมณ์ขั้นต้นของพระโสดาบัน กับสกิทาคามี ท่านมีความรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องตาย เราต้องคิดว่า ร่างกายนี้ต้องตายแน่ ร่างกายนี้น่าเกลียดโสโครก ต้องเกลียดจริง ๆ เราไม่ต้องการทั้งร่างกายเรา และร่างกายของคนอื่น หรือวัตถุธาตุใด อย่างนี้เป็นกำลังใจของพระอนาคามี และถ้ามีความรู้สึกว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา อย่างนี้เป็นกำลังใจของพระอรหันต์
   ถ้าจะปฏิบัติกันตามลำดับแล้ว ต้องใช้อารมณ์ตามลำดับ คือ
   อารมณ์ขั้นต้น ใช้อารมณ์แบบเบา ๆ คือมีความรู้สึกตามธรรมดาว่า ชีวิตนี้ต้องตาย ไม่มีใครเลยในโลกนี้ที่จะทรงชีวิตได้ตลอดกาล ในที่สุดก็ต้องตายเหมือนกันหมด ใช้อารมณ์ให้สั้นเข้า คือมีความรู้สึกไว้เสมอว่า เราอาจจะตายวันนี้ไว้เสมอ จะได้ไม่ประมาทในชีวิต
   อารมณ์ขั้นกลาง ท่านให้ทำความรู้สึกเป็นปกติว่า ร่างกายของคนและสัตว์ ตลอดจนวัตถุทุกชนิดเป็นของสกปรกทั้งหมด มีทั้ง อุจจาระ ปัสสวะ น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง เป็นต้น พยายามทำอารมณ์ให้ทรงจนเกิดความเบื่อหน่ายในร่างกายทั้งหมด
   อารมณ์สูงสุด มีความรู้สึกว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย และร่างกายไม่มีในเรา มีอาการวางเฉยในร่างกายทุกประเภท เป็นอารมณ์ของพระอรหันต์
   วิจิกิจฉา แปลว่า สงสัย คือสงสัยในความดีของพระพุทธเจ้า สงสัยในความดีของพระธรรมคำสั่งสอน สังสัยในความดีของพระอริยสงฆ์ สงสัยว่า พระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่ เมื่อสงสัยเข้าก็ไม่เชื่อ ถ้ามีอารมณ์อย่างนี้ ต้องลงอบายภูมิ
   เพราะฉะนั้นจงอย่ามีในใจ ใช้ปัญญาพิจารณานิดเดียว ก็จะเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าพูดถูก พูดจริง ยอมรับนับถือคำสั่งสอนของพระองค์
   สีลัพพตปรามาส คือ ลูบคลำศีล รักษาศีลไม่จริงจัง อย่างนี้จงอย่ามีในเรา จงปฏิบัติให้ครบถ้วนด้วย 3 ประการ
   

   1. มีความรู้สึกว่าร่างกายนี้มันจะต้องตาย
   2. ไม่สงสัยในคำสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมยอมรับปฏิบัติตาม
   3. รักษาศีลครบถ้วนโดยเคร่งครัด

   ทำอย่างนี้ได้ ท่านผู้นั้นเป็นพระโสดาบัน และพระสกิทาคามี
   กามฉันทะ คือมีความพอใจในกามคุณ คือ รูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ เราต้องกำจัดในสิ่งเหล่านี้ ให้รู้ว่าสกปรก โสโครก เราไม่ต้องการ และกำจัด
   ปฏิฆะ คือ การกระทบกระทั่งความไม่พอใจออกจากจิต มีความเมตตา กรุณา เข้ามาแทน จิตมีความเบื่อหน่ายในร่างกายเป็นที่สุด ท่านตรัสว่า เป็นอารมณ์ของพระอนาคามี
   รูปราคะ และ อรูปราคะ เป็นการหลงในรูปฌาน และอรูปฌาน เราต้องไม่หลงติด ไม่มัวเมาใน รูปฌาน และอรูปฌาน แต่จะรักษาไว้เพื่อประโยชน์แก่จิตใจ แล้วใช้่ปัญญาพิจารณาขันธ์ 5 ว่ามีแต่ความทุกข์ มีการสลายตัวไปในที่สุด เมื่อขันธ์ 5 ไม่ทรงตัวแบบนี้แล้ว
   มานะ การถือตัวถือตนว่าเราดีกว่าเขา วางอารมณ์แห่งการถือตัวถือตนเสีย มีเมตตาบารมีเป็นที่ตั้ง
   ตัดอุทธัจจะ คืออารมณ์ฟุ้งซ่าน
   การถือตัวถือตน เป็นปัจจัยของความทุกข์ เราควรวางใจแต่เพียงว่า ชราปิ ทุกขา ความแก่เป็นทุกข์ มรณัมปิ ทุกขัง ความตายเป็นทุกข์ โสกะปริเทวะทุกขะ โทมะสัส อุปยาส ความเศร้าโศกเสียใจเป็นทุกข์ ทุกข์มาจากไหน ทุกข์มาจากการเกิด แล้วเกิดนี่มาจากไหน การเกิดมาจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรม เราควรวางใจเป็นกลาง การถือตัวถือตนเป็นปัจจัยของความทุกข์ จิตใจเราพร้อมในการเมตตาปรานี ไม่ถือตน เขาจะมีฐานะเช่นใดก็ช่าง ถือว่า เป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันหมด ถ้ากำหนดอารมณ์อย่างนี้ได้ เราก็สามารถจะกำจัดตัวมานะของตนได้ อวิชชา หมายถึง อุปาทาน คือความยึดมั่นถือมั่น ไม่รู้ตามความเป็นจริง อุปาทานนี้มีคำจัดกัดอยู่ 2 คำ คือ ฉันทะ และราคะ
   อุปาทาน ได้แก่ ฉันทะ คือความหลงใหลใฝ่ฝันในโลกามิสทั้งหมด มีความพอใจในสมบัติของโลก โดยไม่ได้คิดว่ามันจะต้องสลายไปในที่สุด
   ราคะ มีความยินดีในสมบัติของโลกด้วยอารมณ์ใคร่ในกิเลส
   ฉะนั้นการกำจัด อวิชชา ก็พิจารณาเห็นว่า สมบัติของโลกไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา เราไม่มีในสมบัติของโลก ไม่มีในเรา จนมีอารมณ์ไม่ยึดถืออะไร มีอยู่ก็เป็นเสมือนไม่มี จิตไม่ผูกพันเกินพอดี เมื่อมีอันเป็นไปก็ไม่เดือดร้อน มีจิตชุ่มชื่นต่ออารมณ์พระนิพพาน ฉันทะ กับ ราคะ ทั้งสองนี้เป็นอารมณ์ของ อวิชชา ถือว่าเป็นความโง่ ยังไม่เห็นทุกข์ละเอียด ความจริงอารมณ์ตอนนี้ก็เข้มแข็งพอ คนที่เป็นอนาคามีแล้ว เป็นผู้มีจิตสะอาด มีอารมณ์ขุ่นมัวบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ อารมณ์ใจยังเนื่องอยู่ในอวิชชา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ยังไม่เข้าถึงสุขที่สุด ที่เรียกว่า เอกันตบรมสุข ก็ควรจะใช้บารมี 10 นำมาประหัตประหารเสีย
   อวิชชานี้ ที่ว่า มีฉันทะ กับราคะ นั้น ท่านก็ตรัสว่า ฉันทะ คือมีความพใจในการเกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นพรหม ราคะ เห็นว่า มนุษยโลก เทวโลก พรหมโลกก็ดี ยังเป็นกิเลสเบา ๆ คือไม่สามารถจะพ้นทุกข์
   ฉะนั้น ถ้าจะตัดอวิชชา ให้ตัดฉันทะ กับราคะ ในอารมณ์ใจ คิดว่า มนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก ทั้ง 3 ภพนี้ ไม่เป็นที่หมายของเรา คือยังเป็นแดนของความทุกข์ เทวโลก พรหมโลกเป็นแดนของความสุขชั่วคราว เราไม่ต้องการ ต้องการจิตเดียวคือ พระนิพพาน ในใจของท่านต้องการพระนิพพานเป็นอารมณ์ เป็นเอกัคตารมณ์ ในอุปสามานุสสติกรรมฐาน ​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>


<MARQUEE>อะจีรัง วะตะยัง กาโย ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโณ นิรัตถังวะ กะลิงคะรัง</MARQUEE><MARQUEE>ร่างกายนี้ ไม่ช้าก็มีวิญญาณไป ปราศจากวิญญาณแล้ว ร่างกายก็ถูกทอดทิ้งเหมือนกับท่อนไม้ที่ไร้ประโยชน์</MARQUEE>

 

http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=330




<CENTER>พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)



พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)</CENTER><TABLE height=50 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 align=center border=0><TBODY><TR><TD>

[330] สังโยชน์ 10<SUP>๒</SUP> (ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์​

 

http://www.huso.buu.ac.th/cai/Sociology/Local Painting/watyai/intaram.html

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" border=0><TBODY><TR><TD width="15%"></TD><TD width="81%">ประวัติความเป็นมา
วัดใหญ่หรือวัดอินทาราม ซึ่งในปัจจุบันเรียกว่าวัดใหญ่อินทาราม ตั้งอยู่ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมืองชลบุรี
เดิมเป็นวัดราษฎร์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม
พ.ศ. 2518 เป็นวัดโบราณสร้างนานปีจะสร้างมาแต่สมัยใดยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ เป็นแต่เพียงสันนิษฐานจากโบราณวัตถุภายในวัดว่าน่าจะสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่มาปรากฏเด่นชัดในพงศเวตรว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ครั้นยังเป็นพระยาวชิรปราการ ได้เสด็จมาพักไพร่พลเมื่อคราวมาปราบนายทองอยู่ นกเล็ก

วัดใหญ่อินทาราม ปัจจุบันเป็นวัดตั้งอยู่ใจกลางเมืองเป็นวัดสำคัญของจังหวัดชลบุรี เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมา
นาน ห่างจากที่ตั้งศาลากลางจังหวัดประมาณ 1 กิโลเมตร แต่ตามพงศาวดารกล่าวว่า วัดนี้ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 80 เส้น เป็นวัดคู่กับวัดสมรโกฏิและวัดสวนตาล ซึ่งทั้ง 2 วัดที่กล่าวมานี้ได้ร้างไปนานแล้ว แต่พระพุทธรูปสำริดประจำศาลาของวัดสมรโกฏิมีอยู่องค์หนึ่ง ชาวบ้านได้แห่มาประดิษฐานไว้ ณ ศาลาการเปรียญวัดใหญ่อินทาราม ปัจจุบันทางวัดได้อัญเชิญ มาประดิษฐานไว้บนศาลามหาราช ชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อเฉย" เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ของเมืองชลบุรี มีอิทธิฤทธิ์สามารถบันดาลให้เด็กเล็กๆซึ่งออดๆแอดๆ สามวันดีสี่วันไข้กลับเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายขึ้น อย่างน่าพิศวง เวลาเย็นๆจะเห็นชาวบ้านนำเด็กขี้โรคมาจุดธูปเทียนถวายเป็นลูกหลวงพ่อเฉยกันมากมาย เสร็จแล้วก็ฉีกชายจีวรที่ห่มคลุมองค์หลวงพ่อไปผูกข้อมือเด็ก เด็กก็จะหายโรคหายภัยเลี้ยงง่ายและเมื่อเห็นว่าผ้าเหลืองที่คลุมองค์หลวงพ่อถูกฉีกไปมากเข้า ชาวบ้านก็จะมีศรัทธานำจีวรมาห่มให้ใหม่ไม่รู้จักจบสิ้น ด้วยเหตุนี้เองหลวงพ่อเฉยจึงมีผ้าห่มคลุมองค์อยู่เสมอมิได้ขาด

พระอุโบสถวัดใหญ่อินทารามมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามหาดูได้ยาก ขณะนี้กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอนุรักษ์เป็นโบราณสถานของชาติ และทางวัดกับกรมศิลปากรกำลังร่วมมือกันทำประตูประดับมุกและเขียน
ลายรดน้ำหน้าต่าง บานประตูประดับมุกขณะนี้ในประเทศไทยมีเพียง 17 แห่ง วัดนี้เป็นวัดอันดับที่ 18 ในพระอุโบ-
สถ มีฐานพระพุทธรูป 24 ฐาน แต่ละฐานมีลวดลายไม่เหมือนกัน มีชาวต่างชาติแวะมาเยี่ยมชมเสมอ นอกจากนี้แม้แต่ประเพณีวิ่งควายก็ได้จัดขึ้นที่วัดนี้ เป็นประเพณีสืบมาแต่โบราณ

สิ่งสำคัญของวัดใหญ่อินทารามที่สมควรนำมากล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อประมาณ 10 กว่าปีมานี้ มีต้นหว้า
ใหญ่ ต้นหนึ่งลำต้นประมาณ 3 คนโอบ ความสูงของต้นหว้าสามารถเป็นเครื่องหมายของชาวทะเลได้ดี แต่บัดนี้ได้ตายไปแล้ว เนื่องจากเทศบาลทำถนนลาดยางเข้าไปชิดต้นและรถวิ่งไปมา ทนแรงสั่นสะเทือนไม่ไหว เล่ากันว่าเมื่อครั้งพระยาวชิรปราการได้มาตั้งค่ายพักพลซ่องสุมผู้คนก็ได้มาชุมนุมกันบริเวณต้นหว้านี้และเล่าต่อกันมาว่า มีนายกองผู้หนึ่งชื่อนายกองกฤษมีความผิดฐานขัดขืนอาญาทัพร้ายแรงถูกสั่งประหารชีวิต นายกองกฤษได้ถูกประหารชีวิตใต้ต้นหว้านี้ ภายหลังมีผู้สักการะบูชาโดยเชื่อว่าวิญญาณของนายกองกฤษยังสถิตอยู่ที่ต้นหว้านี้ เวลามีตรุษสงกรานต์ก็จะมีการบวงสรวงเซ่นไหว้กันตามความเชื่อถือ แต่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดคือ เมื่อต้นหว้าตายแล้วทางเทศบาลตัดออกล้มลงกลางถนน ทางวัดมีประสงค์จะนำไปเลื่อยทำประโยชน์ จึงได้ขอร้อง นายประโยชน์ เนื่องจำนงค์ เจ้าของโรงเลื่อยจักรบ้านบึงขอให้นำรถบรรทุกไม้หว้าเข้าไปในวัด แต่รถปั้นจั่นไม่สามารถจะยกต้นหว้าขึ้นรถบรรทุกได้ ไม้
คานที่เตรียมมาก็หัก จนสุดความสามารถ เมื่อท่านเจ้าอาวาสทราบเรื่องท่านจึงออกไปยืนที่โคนต้นหว้าเอามือตบต้นหว้าแล้วพูดกับต้นหว้าว่า "นายกองอย่าอยู่ที่นี่เลยเกะกะทางเขา เข้าไปอยู่ในวัดกับอาตมาเถิด" แล้วท่านก็บอกคนงานให้เตรียมเครื่องฉุดทันที สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาประชาชนนับร้อยคือปั้นจั่นได้ยกต้นหว้านั้นขึ้นรถบรรทุกได้โดยง่ายเหมือนปาฏิหาริย์จึงถือโอกาสเล่าไว้ ณ ที่นี้ ไม้หว้านี้เมื่อนำมาเลื่อยแล้ว ทางวัดได้นำมาปลูกสร้างศาลาบำเพ็ญกุศลที่ใกล้เมรุของวัดได้หลังหนึ่ง ให้ชื่อศาลาหลังนี้ว่า "ศาลาพรหมมินทร์มาตานุสรณ์" ยังปรากฏอยู่จนบัดนี้


</TD><TD width="4%"></TD></TR><TR><TD width="15%"></TD><TD width="81%">ภาพจิตรกรรมฝาผนัง

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/005750.htm

สถานที่ฝึกปฏิบัติ แถวๆ ชลบุรี ระยอง มีที่ไหนบ้าง


<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 4 : (ปาริสัชชา)

เรียน.........ท่านเจ้าของกระทู้ครับ

หากว่าอยู่แถวๆชลบุรี ผมขอแนะนำวัดป่าวัดหนึ่งในสายหลวงปู่มั่น คือ "วัดถ้ำประทุน" ซึ่งอยู่แถวๆเขาไม้แก้วครับ

วัดแห่งนี้ผมได้ไปมาหาสู่ และฝึกปฏิบัติอยู่สิบกว่าปี ........ ซึ่งพระภิกษุที่นี่เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และตรงต่อพระธรรมวินัยมากครับ

โดยเฉพาะท่านเจ้าอาวาสที่นี่ เป็นพระสุปฏิปัญโณที่หาได้ยากรูปหนึ่ง ในยุคปัจจุบัน แต่ท่านไม่นิยมเปิดเผยตัวเองครับ .......... ​

</TD></TR><TR><TD colSpan=2> จากคุณ : ปาริสัชชา [ 13 ก.ค. 2545 / 17:12:35 น. ] [SIZE=-1]
[ IP Address : 203.146.32.160 ][/SIZE] </TD></TR></TBODY></TABLE>


<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2> ความคิดเห็นที่ 9 : (ตรีภพ)

คุณปาริสัชชา
สำหรับถ้ำพระประทุนผมเคยคิดจะแนะนำหลวงปู่ไว้ในที่นี่เหมือนกัน หลวงปู่เป็นสายหลวงปู่มั่น
แต่เกรงด้วยสุขภาพหลวงปู่จะรับแขกมากๆไม่ไหว
ผมเคยสนทนาธรรมกับท่านช่วงระยะหนึ่งรู้สึกท่านจะป่วยมากไอตลอดเวลา
อาทิตย์ที่แล้วท่านค่อยยังชั่วบ้าง เห็นท่านไปนำพระเณรสร้างกุฏิกรรมฐานแถวบริเวณสระน้ำ ผมเลยไปกราบทำบุญกับท่านที่นั้น
สำหรับหลวงปู่องค์นี้เป็นพระสุปฏิปันโนแน่นอน เพราะผมสังเกตุพระธรรมวินัยไม่เคยบกพร่องเลย
ผมว่าเราขออนุญาติท่านก่อนดีไหมก่อนจะเปิดตัวท่าน
ผมเกรงจะเป็นบาปกรรมไป เพราะทุกวันนี้ท่านอาจารย์ตั๋นถึงแม้จะเป็นพระหนุ่มๆ ท่านก็อยู่ไม่ค่อยสงบแล้วหลังจากมีผู้แนะนำท่านทางเวปไซต์
ที่ผมลงอย่างนี้ผมไม่มีเจตนากีดกันนะครับ
คุณดังตฤณอยู่ศรีราชานี้เองหรือครับ ผมอยู่ที่ชลบุรี​

</TD></TR><TR><TD colSpan=2> จากคุณ : ตรีภพ [ 14 ก.ค. 2545 / 06:31:32 น. ] [SIZE=-1]
[ IP Address : 203.147.59.25 ][/SIZE] </TD></TR></TBODY></TABLE>


<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 10 : (ดังตฤณ)

ถ้าทราบจากคุณตรีภพอย่างนี้ก็คงไม่ไปกราบรบกวนท่านแล้วครับ
ผมไปกราบพระดีมาหลายรูป ที่พอเห็นสุขภาพท่านไม่อำนวยด้วยความชราภาพ
ก็ถือว่ากราบครั้งนั้นหนเดียวพอ และไม่แนะนำใครไปอีก

สำนักปฏิบัติของพระอาจารย์ตั๋นกำลังจะเปลี่ยนเป็นวัด
เนื่องจากเจ้าคณะจังหวัดเผอิญติดกลุ่มไปเจอสำนักท่านเข้าโดยบังเอิญ
อีกหน่อยคงต้องหาสมภาร แล้วภารกิจก็จะตามมาอีกมาก
ทุกวันนี้ขนาดท่านขอให้ญาติโยมปิดๆบังๆ กับทั้งทางเข้าก็ลึกลับซับซ้อน
ยังมีรถไปจอดกันเต็มลานในวันพิเศษต่างๆ
ทำให้นึกถึงที่พระพุทธองค์ตรัสว่าสัตบุรุษย่อมปรากฏในที่ไกล
ยินดีที่ได้รู้จักคนย่านเดียวกันครับ ปกติผมอยู่กรุงเทพฯ แต่กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ศรีราชาประจำ​

</TD></TR><TR><TD colSpan=2> จากคุณ : ดังตฤณ [ 14 ก.ค. 2545 / 07:01:34 น. ] [SIZE=-1]
[ IP Address : 202.133.160.166 ][/SIZE] </TD></TR></TBODY></TABLE>


<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2> ความคิดเห็นที่ 13 : (ตรีภพ)

ที่จริงยังมีหลายทางเลือกให้เลือกนะครับสำหรับคุณช่างมอมมัน
ผมขอแนะนำวัดหรือสำนักต่างๆในระยองและชลบุรีดังนี้ แต่ต้องไปดูเองครับ เพราะบางสำนักปฏิปทาครูบาอาจารย์อาจจะหย่อนๆลงไปบ้าง แต่สถานที่อาจจะสัปปายะ อาจจะเหมาะสำหรับท่านที่พอเดินได้แล้ว เพียงต้องการสถานที่ปฏิบัติ
1.วัดป่าอัมพวัน สาขาหนองป่าพง อยู่ที่หนองรีอำเภอเมืองชลบุรี ถ้าเดินทางจากชลบุรีไปบ้านบึงเลยแยกบายพาสไปหน่อยจะอยู่ฝั่งขวามือ เจ้าอาวาสชื่ออาจารย์จันดี
2.วัดป่าสวนอ้อ อยู่เลยอำเภอบ้านบึงไปหน่อย ถ้าเลี้ยวขวาที่แยกเอ็ม 16 ไปทางคลองกิ่ว เลยคลองกิ่วไปหน่อยวัดจะอยู่ฝั่งขวามือ เวลาไปต้องมองให้ดีเพราะจะมีป่ายูคาลิปตัสบัง เจ้าอาวาสผมจำชื่อท่านไม่ได้เคยไป 2-3 ครั้ง เป็นสาขาวัดหนองป่าพงเช่นกันครับ
3.ก่อนไปเจอวัดป่าสวนอ้อ พอเลี้ยวจากแยกเอ็ม 16 มานิดหน่อย ฝั่งขวามือจะมีทางเข้าสุสาน และมีป้ายชื่อวัดป่าธรรมชาติ ทางเข้าวัดจะวกวนนิดหน่อยต้องเลี้ยวผ่านสุสานหลายๆแห่ง วัดนี้เป็นวัดของท่านอาจารย์จิ๋ว ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ปกติอาจารย์จิ๋วจะไม่อยู่ จะจำพรรษาที่อื่นครับ สถานที่เงียบสงบดีพอใช้ครับ สำหรับท่านที่ต้องการสถานที่ครับ แต่ครูบาอาจารย์มีข้อมูลลึกๆบางอย่างที่ผมตอบไม่ได้ในที่นี้ครับ
4. วิเวกอาศรมในตัวเมืองชลบุรี ท่านอาจารย์ใหญ่ของที่นี่คือหลวงปู่พม่า เป็นผู้ที่นำยุบหนอพองหนอมาสอนในประเทศไทยครับ สมัยที่ทางวัดมหาธาตุเริ่มตั้งสำนักกรรมฐาน ได้ขอตัวพระจากทางพม่ามาสอน และทางโน้นก็คัดเลือกหลวงปู่ให้มาสอนกรรมฐานแบบพองหนอยุบหนอให้กับวัดมหาธาตุ ท่านเป็นลูกศิษย์ของท่านมหาสียาดอ ผู้ให้กำเนิดพองหนอยุบหนอ
5. หลวงพ่อสวัสดิ์ สำนักสงฆ์เม้ากรรมฐาน ก็แนะนำวิปัสสนากรรมฐานได้ครับ แต่ส่วนมากชาวบ้านจะนับถือท่านในทางขลังๆ เพราะเคยมีคนนำเครื่องมงคลที่ท่านปลุกเศกไปโดนยิงแล้วไม่เข้า วัดท่านอยู่ทางไปบ้านบึง อยู่ฝั่งซ้ายมือ เลยวัดป่าอัมพวันมาหลายกิโลเหมือนกัน
6. อาจารย์ตั๋น ผมไม่ค่อยอยากเขียนรายละเอียดเพราะท่านยังไม่อยากเปิดตัวมากนัก
7. วัดเขาฉลาก อยู่ทางไปบางพระ เมื่อก่อนเป็นวัดของหลวงพ่อใช่ สุชีโว ท่านเป็นพระท้องถิ่นชลบุรีนี่เองครับ แต่ท่านศรัทธาแนวปฏิบัติสายหลวงปู่มั่น เมื่อก่อนสมัยที่ท่านอาจารย์มหาบัวมาที่ชลบุรีจะแวะพักที่นี่ครับ ทางวัดนี้จะสนิทกับสายหนองป่าพงเป็นอย่างดี ท่านอาจารย์จันดี ท่านอาจารย์อนันต์ก็รู้จักวัดนี้ดี​

</TD></TR><TR><TD colSpan=2> จากคุณ : ตรีภพ [ 14 ก.ค. 2545 / 22:43:35 น. ] [SIZE=-1]
[ IP Address : 203.147.59.21 ][/SIZE] </TD></TR></TBODY></TABLE>


<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 15 : (ตรีภพ)

8. เลยวัดเขาฉลากมาหน่อย ก็เป็นวัดวิเวการาม อยู่ฝั่งขวามือ อยู่ติดริมทะเลบางพระ วัดวิเวกการามนี้ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานเคยมาอยู่หลายท่าน ยุคแรกๆก็มีหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย สามเณรประมัย กาฬเนตรที่เขียนหนังสือสอนวิปัสสนาที่โด่งดัง หลวงปู่เกิ่ง อธิมุตโต ที่ภายหลังท่านได้ไปเสียที่ทางภาคอีสาณ ปัจจุบัน เจ้าอาวาสคือหลวงปู่บัวพันธ์
9. วัดเขาแตงอ่อน สาขาวัดสังฆทานของหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ อยู่แถวๆโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา อยู่ทางฝั่งซ้ายมือครับ ในศรีราชายังมีวัดสาขาของท่านอยู่ 2-3 วัด จำได้ว่าวัดหนึ่งเลยตึกคอมศรีราชาไปหน่อย อยู่ฝั่งตึกคอม ปากทางเข้าจะมีร้านอะไหล่บ้านหม้อศรีราชา
10. วัดท่านอาจารย์อนันต์ วัดมาบจันทร์ที่บ้านเพ ระยอง
11. วัดธรรมสถิตย์ เมื่อก่อนหลวงปู่เฟื่องเคยอยู่ แต่ท่านเสียไปนานแล้ว หลวงปู่เฟื่องเป็นศิษย์ท่านพ่อลี และหลวงปู่เฟื่องนี่แหละที่เป็นอาจารย์ของท่านอาจารย์เจฟฟรีย์ที่มีผู้นำมาโพสต์ในลานธรรมไม่นานมานี่เอง
12. วัดปิปผลิวนาราม ที่บ้านค่ายระยอง วัดนี้เป็นวัดของหลวงพ่อกัสสปะมุนี ใครที่เคยอ่านหนังสือธรรมะเมื่อร่วม 20 ปีที่แล้วจะรู้จักท่านดี แต่หลวงพ่อกัสสปะมุนีท่านเสียไปนานแล้ว เจ้าอาวาสองค์ที่ต่อจากหลวงพ่อกัสสปะก็เพิ่งเสียมาเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ตอนนี้ไม่ทราบใครเป็นเจ้าอาวาส แต่สถานที่สัปปายะดีมากเป็นป่าอยู่ครับ วัดนี้ถ้ามาจากชลบุรีมาอำเภอบ้านค่ายระยอง จะถึงวัดก่อนอำเภอบ้านค่าย วัดอยู่ฝั่งซ้ายมือครับ ทางเข้าวัดจะมีป้ายบอกทางเข้าโรงงานน้ำตาล ทางเข้าวัดจะอยู่ก่อนถึงหนองกรับ ครับ สำหรับท่านที่รู้จักหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ก็คงจะไปถูก หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับเป็นศิษย์หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ครับ​

</TD></TR><TR><TD colSpan=2> จากคุณ : ตรีภพ [ 14 ก.ค. 2545 / 22:56:52 น. ] [SIZE=-1]
[ IP Address : 203.147.59.21 ][/SIZE] </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/005750.htm



<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 16 : (ตรีภพ)

13. วัดอีกแห่งหนึ่งที่ทุกท่านอาจจะลืมไป คือวัดญาณสังวราราม อำเภอบางละมุง เพราะหลายท่านเข้าใจว่าเป็นสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวครับ​

แต่อย่าลืมไปว่าวัดนี้เป็นวัดของสมเด็จพระสังฆราช ท่านมาที่วัดนี้บ่อยๆ และสมเด็จพระสังฆราชท่านก็สนใจการปฏิบัติ และท่านเป็นธรรมยุติด้วย​

วัดนี้มีพระป่ากรรมฐานแวะเวียนเข้าออกบ่อยๆครับ เป็นจุดแวะพักก่อนที่ท่านจะธุดงค์ไปที่อื่น ถ้าโชคดีอาจจะเจอของดีครับ ผมเคยไปลองปฏิบัติที่นี่มาแล้ว สำหรับผมมีความสงบดีมาก (ผมไปปฏิบัติบนมณฑป หลังมณฑปมีห้องให้พระพัก เมื่อก่อนว่างอยู่โยมที่มาขออาศัยปฏิบัติสามารถพักได้)​

14. ทางแปดริ้วผมทราบอยู่ที่เดียวครับ คือวัดป่าชินรังสี อยู่ริมทางรถไฟทางไป พนมสารคาม เป็นวัดที่หลวงพ่อพุธ ฐานิโยมาสร้างเอาไว้ครับ ปัจจุบัน เจ้าอาวาสคือหลวงพ่อเพชร ฐานธัมโม​

</TD></TR><TR><TD colSpan=2>จากคุณ : ตรีภพ [ 14 ก.ค. 2545 / 23:11:32 น. ]
[SIZE=-1][ IP Address : 203.147.59.21 ][/SIZE]
</TD></TR></TBODY></TABLE>



<TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 17 : (ตรีภพ)

โทษทีครับขอแก้กระทู้ที่ 13​

หลวงพ่อสวัสดิ์ สำนักวิปัสสนากรรมฐานเม้าสุขา ไม่ใช่สำนักสงฆ์เม้ากรรมฐานครับ​

</TD></TR><TR><TD colSpan=2>จากคุณ : ตรีภพ [ 15 ก.ค. 2545 / 08:20:00 น. ]
[SIZE=-1][ IP Address : 195.163.45.30 ][/SIZE]
</TD></TR></TBODY></TABLE>



ความเห็นในโพสอื่นๆในกระทู้ ติดตามได้ในกระทู้ สถานที่ฝึกปฏิบัติ แถวๆ ชลบุรี ระยอง มีที่ไหนบ้าง นะครับ

http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/005750.htm

 

สวัสดีตอนเช้าครับ



สาธุครับ

 

morning! ท่าน ปา-ทานครับ ว่าแต่หนูท้วมนี่เด็กใครหว่า....(ping)

 

คุณใจสติปัญญา บอกผมว่า เหมือนคุณnongnooo ครับ
เขาบอกมาอย่างนั้นจริงๆ หนูไม่รู้เรื่องนะครับ (one-eye)

 

55555 สังหรณ์อยู่แล้วว่าต้องโดนแซว....งั้นถ้าเป็นผมแสดงว่าผมก็น่ารักช่าย มั้ยครับ(smile)

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo
morning! ท่าน ปา-ทานครับ ว่าแต่หนูท้วมนี่เด็กใครหว่า....(ping)
</TD></TR></TBODY></TABLE>

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong


คุณใจสติปัญญา บอกผมว่า เหมือนคุณnongnooo ครับ
เขาบอกมาอย่างนั้นจริงๆ หนูไม่รู้เรื่องนะครับ (one-eye)
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ว่าไงครับคุณใจสติปัญญา

รู้สึกว่าจะลงเขามาแล้ว คุณnongnooo สงสัยว่าเราจะได้ไปกินไอติมมหาชัยกันแล้ว หลังจากรอมานานหลายร้อยปีแล้วครับ :555: :555: :555:

 

ว่าจะไปหาที่ทานอาหารกัน คงต้องตามไปดูคุณหมึกแดง http://www.mcdang.com/ กันก่อน

เผื่อลงจากเขามา จะได้หาที่ไปทานกันครับ

.

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 8 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ]​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, aries2947+, ใจสติปัญญา+, nongnooo+, พรหมฤทธิ์ </TD></TR></TBODY></TABLE>

.

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo
morning! ท่าน ปา-ทานครับ ว่าแต่หนูท้วมนี่เด็กใครหว่า....(ping)

</TD></TR></TBODY></TABLE>

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong


คุณใจสติปัญญา บอกผมว่า เหมือนคุณnongnooo ครับ
เขาบอกมาอย่างนั้นจริงๆ หนูไม่รู้เรื่องนะครับ (one-eye)

</TD></TR></TBODY></TABLE>



ว่าไงครับคุณใจสติปัญญา

รู้สึกว่าจะลงเขามาแล้ว คุณnongnooo สงสัยว่าเราจะได้ไปกินไอติมมหาชัยกันแล้ว หลังจากรอมานานหลายร้อยปีแล้วครับ :555: :555: :555:
</TD></TR></TBODY></TABLE>

สงสัยจะใช่น๊ะ
เพียงแค่สงสัย

.

 

http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=208640

สำนักพระราชวังยืนยัน! ไม่เกี่ยวสมเด็จเหนือหัว



โพสต์ทูเดย์ — สำนักพระราชวังยันชัดไม่เกี่ยวสมเด็จสุดโปรโมต


ตามที่มีการโฆษณาเชิญชวนให้บูชาพระเครื่องซึ่งใช้ชื่อรุ่นว่าสมเด็จเหนือหัว โดยระบุว่าจะนำรายได้ไปสร้างอุโบสถ ร่วมเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล ในปีมหามงคล 80 พรรษา

อีกทั้งด้านหลังของพระรุ่นนี้มีการขึ้นรูปมงกุฎอยู่ด้านหลัง จึงทำให้มีคนจำนวนมากเข้าใจว่า พระรุ่นนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับสำนักพระราชวัง จึงสอบถามข้อเท็จจริงและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก ในวงการพระเครื่องและเว็บไชต์สาธารณะทั่วไป

ทั้งนี้ เพราะให้เช่าหากันในราคาสูง และหน่วยงานหลายแห่งในต่างจังหวัดได้รับคำขอเชิญชวนให้บริจาคร่วมโครงการนี้ด้วย

เพื่อความกระจ่าง โพสต์ทูเดย์จึงได้สอบถามไปยัง นายรัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง ซึ่งก็ได้รับการเปิดเผยว่า สำนักพระราชวังไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดทำพระรุ่นนี้

“หากมีการแอบอ้างคำโฆษณาว่าทำโดยสำนักพระราชวัง ให้ส่งหนังสือร้องเรียนมาที่สำนักพระราชวัง โดยมีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ แล้วสำนักพระราชวังจะดำเนินการต่อไป” นายรัตนาวุธ กล่าว

อนึ่ง ตามเว็บไซต์เช่าบูชาของเซียนพระบางเว็บได้โฆษณาว่า มูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดสร้าง พระเครื่องชุดนี้ โดยจะนำรายได้ไปสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและร่วมเทิดพระเกียรติ ซึ่งต้องใช้ทุนทรัพย์เบื้องต้นกว่า 100 ล้านบาท

ทั้งนี้ มีการระบุด้วยว่า มวลสาร หลักของพระเครื่องรุ่นนี้คือ ดอกไม้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเป็นเครื่องบูชา กัณฑ์เทศน์

อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามไปยังวัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งเป็นที่ตั้งมูลนิธิดังกล่าวก็ได้รับการชี้แจงว่า ทางมูลนิธิเป็นต้นเรื่องจริงแต่ก็ไม่ได้ยุ่งกับรายละเอียด
“มีคณะฆราวาสเข้ามารับเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งออกแบบ จัดพิธีกรรมปลุกเสก โฆษณา และจัดให้เช่าบูชา หากประชาชนสงสัยก็เป็นหน้าที่ของคณะผู้จัดสร้างที่ต้องชี้แจง” หนึ่งในกรรมการมูลนิธิระบุ

 

http://palungjit.org/showthread.php?p=861182#post861182

<TABLE class=tborder id=post819434 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">18-11-2007, 03:21 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#21 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Specialized<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_819434", true); </SCRIPT>
สมาชิก ยอดนิยม
สมาชิกยอดฮิต



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 11:29 PM
วันที่สมัคร: Feb 2006
สถานที่: เหนือสุดแดนสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา (จ.เชียงราย เจ้าส์)
ข้อความ: 2,851 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 12,162 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 23,374 ครั้ง ใน 2,703 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 2641



</TD><TD class=alt1 id=td_post_819434 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->แบบพิมพ์พระสมเด็จของมูลนิธิออกมาแล้วครับ


</TD></TR></TBODY></TABLE>