พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ผมว่า ดีแล้วครับที่คนเขาเห็นว่าปลอม เคยได้ยินหรือเปล่าครับ "วานรได้เพชร" สงสัยไม่เคยได้ยิน

ปกติ มีของแท้ ต้องมี ของเทียมเลียนแบบ เสมอ แต่เนื่องจากสาเหตุไหน ต้องดูกันอีกเรื่อง เรื่องนึงที่บอกได้ว่า มีความพยายามของคนบางกลุ่ม บางพวก ทำของแท้ให้เป็นของเก๊ และไม่เกรงกลัวกรรมกันเลย

.

 

โมทนาสาธุครับ

 

เรื่องของโครงการธนาคารความดีนั้น ผมขอเลื่อนประกาศผลเป็นปลายเดือนมกราคมนะครับ เพราะติดงานมากเลยช่วงนี้ แต่จะรีบสรุปให้กับกรรมการอีก ๒ ท่านภายในวันที่ ๒๐ แล้วช่วยกันพิจารณามอบรางวัลให้กับผู้ที่สมควรได้รับรางวัลนะครับ.

 

ผมรู้ว่า จำนวนบุคคลทั่วไป ที่เข้ามาในกระทู้ พระวังหน้าฯ จำนวนมากต่อวันนั้น

บางส่วนก็เข้ามาอ่านเหมือนกับอ่านนวนิยายเรื่องยาว อ่านไปขำไป

บางส่วน(จำนวนมาก) ที่เข้ามาอยากจะศึกษา อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร

บางส่วนก็อยากเห็นพระพิมพ์ว่า มีแบบไหนบ้าง เนื้อเป็นอย่างไร จะได้ไปหากันเอง

ในประเด็นหลังสุด ผมยืนยันที่นี่ได้เลยว่า หาข้อมูลในกระทู้พระวังหน้าว่า มีพิมพ์ไหนบ้าง เนื้อไหนบ้าง ยากครับ อยากรู้ อยากศึกษา ต้องมีความเพียร ความพยายาม ความอดทน ความตั้งใจ อย่างมากๆ จึงจะได้รู้

พระวังหน้า ว่าไปก็ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย เนื่องจากทั้งเนื้อหาทรงพิมพ์ ไม่มีตำราที่ไหน สามารถลงให้ครบได้ บางพิมพ์ หรือบางเนื้อ พึ่งเคยเห็นกันก็มีมาก ต้องศึกษาทั้งเนื้อหาทรงพิมพ์และพลังอิทธิคุณประกอบกันไปเสมอ

ส่วนเรื่องการศึกษาเนื้อหาทรงพิมพ์ ก็ต้องศึกษาในเชิงลึก
การศึกษาเรื่องพลังอิทธิคุณ ก็ต้องศึกษาในเชิงลึกอีกเช่นกัน

 

ส่วนมากคนกลุ่มนี้ดูเป็น แต่แอบดอดเก็บเผื่อว่าวันหนึ่งจะดัง ในขณะที่ราคายังไม่แพงมาก

พวกที่ดูไม่เป็น และไม่แน่ใจก็พยายามดอดเก็บเหมือนกัน แต่เก็บไปแบบไม่รู้ แล้วรอหาจังหวะสอบถามว่าแท้ไม๊ (คำถามนี้อีกแล้ว)

เคยสงสัยกันไม๊ว่า..ทำไมพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ไม่นิยม ทั้งๆที่ทันหลวงปู่โตเสก แต่ราคาไม่ไปไหน คนที่มีมาก ไม่เห็นคุณค่า และร้อนเงิน นำมาขายในราคาเด็กๆ ซึ่งเป็นคนละตลาดกับพระพิมพ์นิยม ขายไปขายกันมาพังทั้งตลาด เพราะความโลภของคนนั่นเอง คนที่เล่นหาพิมพ์นิยมเขายังไงก็เก็บแต่พิมพ์นิยม ทั้งๆที่อิทธิคุณเท่าเทียมกัน หรือพิมพ์ไม่นิยมยังดีกว่าด้วยซ้ำไป ที่ว่าดีคือดีทั้งราคา และคุณภาพ หากต้องการเพียงคุ้มกันชีวิตก็ไม่ต้องไปหาที่นิยม แต่หากมองทางด้านพาณิชย์ พิมพ์นิยมย่อมดีกว่าพิมพ์ไม่นิยม มองกันคนละด้านกัน..

 

สำหรับพระสมเด็จชุดนี้ ครบเครื่องกว่าและพลังอิทธิคุณดีกว่า พระสมเด็จปกติ แน่นอนครับ

.

 

แบบนี้แท้ไหมครับคุณสิทธิพงศ์ ขอความกรุณาช่วยดูให้หน่อย..

 

เมื่อวานนี้( 4/1/2551 ) ผมไปเจอ ลูกอม (ผงแป้งชุดพิเศษ3 คลุกรักและมีมวลสารอื่นๆที่พี่จิ๋วผสมให้อีก เช่นผงชัยวรมันเป็นต้น ) ที่พี่จิ๋วทำให้ผมไว้ พี่ใหญ่บอกว่า ตอนที่พี่จิ๋วทำเสร็จใหม่ๆ พลังอิทธิคุณแรงมาก และผมนำไปขอพระบารมีหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร อธิษฐานจิตเพิ่มเติมให้

ผมกำลังคิดว่า จะหาวาระและโอกาสดีๆ มอบให้อยู่เหมือนกัน ขอดูวาระและโอกาสก่อนนะครับ

.

 

ถ้าให้ผมมา(เป็นกรรมสิทธิ์ของผม) ผมสามารถตอบได้ครับ

.

 

เอาละถือโอกาสสอบถามเป็นองค์ความรู้ให้กับกระทู้พระวังหน้าเลยละกัน ว่าผงชัยวรมันดีอย่างไร และสู้ผง ๕ อย่างของสมเด็จโตอย่างไร ผมชอบถามตรงๆ

จากหนังสือปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่องเล่ม ๑ พระสมเด็จฯของตรียัมปวาย ปริเฉจที่ ๔ พุทธาคมกรรมวิธี บางวรรคตอนมาให้อ่านกัน

"เราเชื่อกันว่า เฉพาะผู้ไร้การศึกษา หรือคนป่าเถื่อนเท่านั้น จึงเชื่อเรื่องมนต์คาถา ข้าพเจ้าเองก็เคยคิดเช่นนั้น แต่ก็มามีเรื่องประจักษ์แก่ตาทำให้เกิดความสงสัยคือ สมเด็จพระวันรัต เขมจารีมหาเถระ วัดมหาธาตุ อาจารย์ข้าพเจ้าเป็นเปรียญ ๙ ประโยค เป็นคณาจารย์ยิ่งใหญ่ เป็นผู้จัดการศึกษาทำให้สำนักวัดมหาธาตุเป็นสำนักศึกษาปริยัติธรรมที่ยิ่งใหญ่...นอกจากจะไม่เชื่อเรื่องเวทมนตร์คาถาแล้ว ยังเป็นปรปักษ์อย่างรุนแรง หาว่าลวงโลกไม่ยอมให้อยู่ในวัด ต่อมาขณะที่มีการสังคายนา พระไตรปิฎก พระอภิธรรมนั้นเป็นภาคใหญ่ และมีความยาก และสำคัญกว่าภาคอื่นๆ สมเด็จอาจารย์ของข้าพเจ้ารับหน้าที่ชำระภาคนี้ทั้งภาคแต่ผู้เดียว ซึ่งนับว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ภายหลังที่ชำระเสร็จสิ้น สังเกตเห็นสมเด็จอาจารย์เปลี่ยนความคิดไปมากในเรื่องมนต์คาถา เคยได้ยินท่านพูดว่า ความเข้าใจที่มีมาแต่ก่อนว่า เรื่องมนต์คาถาเป็นเรื่องเหลวไหลนั้น เห็นจะเข้าใจผิด สมัยต่อมาเมื่อได้เลื่อนเป็นพระพิมลธรรม ยอมประพรมน้ำมนต์ให้คน เมื่อได้เป็นสมเด็จพระวันรัต ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่ได้รับการรดน้ำมนต์ และเสกเป่า ความเชื่อของท่านได้เปลี่ยนไป เนื่องจากการที่ได้ตรวจพระไตรปิฎกในตอนที่สำคัญที่สุด และลึกซึ้งที่สุดโดยตลอด"

หลวงวิจิตรวาทการ
(จาก"มหัศจรรย์ทางจิต")

พระสมเด็จฯ จัดได้ว่าเป็นพระศักรพุทธปฏิมาอันกอปรด้วยมงคลการณะหลายประการเป็นองค์ประกอบ จึงทรงอานุภาพอัศจรรย์เป็นที่เลื่องลือเกริกก้อง ผิดกว่าพระเครื่องธรรมดาสามัญทั้งหลายซึ่งสร้างขึ้นในยุครัตนโกสินทร์นี้ปัจจัยสำคัญประการแรกที่สุดก็ได้แก่องค์ผู้สร้าง คือเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ผู้มีจริยวัตรอันหมดจดงดงาม จัดว่าเป็นสรณะที่ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งปวง เจนจัดทั้งด้านพระปริยัติธรรม พระกัมมัฏฐาน และพุทธเวทวิทยาคมโดยรอบ ยิ่งกว่านั้นบรรดานักโหราศาสตร์ทั้งหลายเมื่อได้วิเคราะห์ดวงชะตาของท่าน ก็ยอมรับกันว่า ท่านเกิดมาเพื่อเป็นยอดพระเกจิอาจารย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นเกณฑ์ชะตาของผู้ที่สามารถสร้างอิทธิวัตถุให้บังเกิดผลานิสงส์ได้ประสิทธิ์ยิ่งนัก นอกจากนั้นอำนาจคุณวิเศษของพระสมเด็จฯก็ขึ้นอยู่กับผงวิเศษห้าประการ อันเป็นปัจจัยมูลฐานทางกฤติยานุภาพ ตลอดจนกรรมวิธีปลุกเสก และอธิษฐานจิตอันลึกซึ้ง ยังให้บังเกิดอิทธิผลได้นานาประการ เป็นต้น

ผงวิเศษ ๕ ประการ ความพิสดาร(นายเทพย์ สาริกบุตร, คัมภีร์พระเวท,ตติยบรรพ,(พระนคร:อุตสาหกรรมการพิมพ์,๒๕๑๐) หน้า ๑๑๓-๑๑๖,๑๓๗-๑๗๖ และ๑๘๓-๑๙๑.)

ธาตุแท้แห่งคุณวิเศษ ในมวลสารของพระสมเด็จฯ คือ ผงวิเศษ ๕ ประการอันประกอบด้วย ผงปถังมัง อิธะเจ มหาราช พุทธคุณ และตรีนิสิงเห ซึ่งมิได้หมายความว่าเป็นผงแต่ละชนิดแล้วเอามารวมกัน หากเป็นผงชุดเดียวกันแต่ผ่านกรรมวิธีซับซ้อนถึง ๕ ชั้น ในชั้นต้นทำผงปถังมังนั้นมาทำเป็นผงอิธะเจ และต่อๆไปตามลำดับจนถึง ผงตรีนิสิงเห ด้วยเหตุนี้ผงวิเศษ ๕ ประการจึงทรงกฤติยาคมเข้มข้นที่สุด

 

องค์นี้เหรอครับ ผมไปเห็นของคนข้างบ้านมา เลยขอถ่ายไว้มาถามคุณหนุ่มไง อิ..อิ...ตกลงแท้ไม่แท้ ช่วย confirm หน่อย ผมรู้ว่าหากคุณหนุ่ม confirm ให้เนี่ยราคาไม่ตกแน่...55555

 

2 มกราคม 2552 06:38 PM
#26354
วันนี้( 2 มกราคม 2552) ผมมีงานบุญมาบอกกับชาววังหน้าทุกๆท่าน

เนื่องในวันปีใหม่ของไทยเรา คือวันที่ 13 เมษายน 2552 ที่จะมาถึงนี้ ผมจะจัดงานสรงน้ำพระ บรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 5 พระองค์ ( องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมเด็จพระพุทธสิกขีที่1(สมเด็จองค์ปฐม) , องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกกุสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม โกนาคมนะ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม กัสสปะ และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ) ,พระ อรหันต์ ไม่น้อยกว่า 30 พระองค์ (มีพระธาตุพระอรหันต์สมัยพุทธกาล ,หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า และพระธาตุหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด) ,พระบูชา (พระพุทธรูป ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี)

การจัดงาน ผมจะแจ้งวันและเวลาอีกครั้ง(ผมจะแจ้งโดยตรงถึงพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านเอง) ในงานสรงน้ำครั้งนี้ ผมจะนิมนต์พระอาจารย์นิล และพระอาจารย์ผม มาฉันเพล เมื่อเสร็จสิ้นการถวายเพล และการสรงน้าแล้ว ผมจะมีการแจกพระสมเด็จให้กับทุกๆท่านที่มาร่วมงาน ผมจึงมาบอกบุญกับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน

การร่วมทำบุญมีหลักเกณฑ์ดังนี้
1.ร่วมทำบุญ 100 บาท พระสมเด็จจำนวน 1 ชุด(ขอไม่แจ้งจำนวนองค์) แต่รับพระสมเด็จ 1 องค์
2.ส่วนที่เหลือผมจะแบ่งไปสำหรับการมอบพระสมเด็จให้กับท่านที่ไปร่วมงานสรงน้ำ
3.ในส่วนที่แจกทุกๆท่านที่ไปร่วมงาน หากยังมีเหลือ ผมจะนำไปมอบให้กับพี่ใหญ่ เพื่อมอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญกับทุนนิธิท่านอาจารย์ประถม อาจสาครครับ
4.จะนำไปบรรจุที่พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง
5.จะนำไปบรรจุที่พระเจดีย์ที่พระอาจารย์ผมจะดำเนินการสร้างขึ้น

หากผมนำไปบรรจุในพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งไม่ทัน ผมจะขอนำไปบรรจุที่พระเจดีย์ที่พระอาจารย์ผมจะดำเนินการสร้างขึ้นนะครับ

แต่หากว่ามีท่านที่ร่วมทำบุญมากกว่าพระสมเด็จที่มี อยู่ ผมจะนำพระพิมพ์อื่นๆมาเพิ่มเติม ในส่วนนี้ผมจะนำไปบรรจุในพระเจดีย์เพียงอย่างเดียว จะไม่มีการนำมามอบให้นะครับ

ระยะเวลาในการร่วมทำบุญ ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2552
สิ้นสุดวันที่ 15 มกราคม 2552 เวลา 18.00 น.

สำหรับท่านที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญ ผมขอพิจารณาเป็นรายท่านนะครับ เนื่องจากการโอนเงินร่วมทำบุญ จะต้องโอนเงินเข้าบัญชีผมเอง เมื่อผมตอบตกลงแล้ว ผมจะแจ้งหมายเลขบัญชีให้อีกครั้งครับ

หมายเหตุ ท่านที่ร่วมทำบุญทุกๆท่าน เมื่อผมตอบตกลงแล้ว ให้แจ้ง ชื่อ - นามสกุล ของท่าน และบุคคลในครอบครัวของท่าน ที่ท่านประสงค์จะเป็นเจ้าภาพร่วมกัน ให้ผมทราบด้วย ผมจะได้นำรายชื่อไปแจ้งในงานสรงน้ำ ,มอบให้กับพี่ใหญ่(ในกรณีที่มอบพระให้กับทางทุนนิธิ) ,ถวายพระอาจารย์นิล และพระอาจารย์ผมครับ

โมทนาสาธุครับ
http://palungjit.org/showthrea...24#post1771424

http://palungjit.org/showthrea...2445&page=1318

รายนามท่านที่ร่วมบุญ
1.คุณพุทธันดร ร่วมทำบุญ 1,000 บาท (โอนเงินร่วมบุญแล้ว)
2.คุณชวภณ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท (โอนเงินร่วมบุญแล้ว)
3.คุณพิมพาภรณ์ ร่วมทำบุญ 100 บาท (โอนเงินร่วมบุญแล้ว)
4.คุณtawatd ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
5.คุณnewcomer ร่วมทำบุญ 300 บาท
6.คุณnarin96 ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
7.คุณเพชร ร่วมทำบุญ 300 บาท (โอนเงินร่วมบุญแล้ว)
8.คุณkwok ร่วมทำบุญ 500 บาท (โอนเงินร่วมบุญแล้ว)
9.คุณdrmetta ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
10.คุณgnip ร่วมทำบุญ 300 บาท
11.คุณพรสว่าง_2008 ร่วมทำบุญ 300 บาท (โอนเงินร่วมบุญแล้ว)
12.คุณake7440 ร่วมทำบุญ 1,000 บาท (โอนเงินร่วมบุญแล้ว)
13.คุณkaticat ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
14.คุณnongnooo ร่วมทำบุญ 500 บาท (โอนเงินร่วมบุญแล้ว)
15.คุณdragonlord ร่วมทำบุญ ..... บาท
16.คุณaries2947 ร่วมทำบุญ ..... บาท
17.คุณ นายคัง ร่วมทำบุญ 200 บาท
18.คุณคีตา ร่วมทำบุญ 500 บาท (โอนเงินร่วมบุญแล้ว)

หากผมแจ้งผิดพลาด กรุณาช่วยเตือนด้วยนะครับ

โมทนาสาธุครับ

 

ผมไม่รู้ ผมไม่ได้มีอาชีพขายพระ
ผมไม่ทราบจริงจี้งจริงจิง

.

 

ทุกวันนี้ ผมเองใช้บทที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านใช้ลบผง มาอาราธนาพระขึ้นคอครับ

ดีมากๆนะครับ ขอบอก
จะบอกให้สิเด้อ

ส่วนผงพุทธคุณ เป็นเกล็ดแยกนะครับ จึงนับได้ว่ามี 4 ประเภท (ไม่รวมผงพุทธคุณ)ครับ ที่มา: ปู่เล่าให้ฟัง

.

 

ผมตอบแทนครับ ขออภัยด้วยครับ ท่านปาทานไม่ดูให้ผ่านทางจอครับ ต้องดูทั้งทางรูปและทางนามครับ เว้นไว้แต่ส่งมาให้ดูใกล้ๆ และนานๆครับ หุ หุ

 

ผมนึกไปถึงระยะหนึ่งที่บางท่านว่า เป็นเนื้อ ลับ ลวง พรางครับ หุ หุ

 

งานบุญนี้ ผมก็จำกัดท่านที่ร่วมทำบุญนะครับ ไม่ใช่ว่า จะให้ทำได้ทุกท่าน
ทำบุญต้องให้ได้หลายๆอย่างครับ

.

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 20 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 18 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, nongnooo+ </TD></TR></TBODY></TABLE>


อ่า ถ้าไม่ลืม ในวันนัดพบกัน ผมจะนำพระขรรค์และกฤช ของวังหน้าไปให้ชมกันครับ

อาจจะมีกิจกรรมพิเศษ(ไม่รวมเรื่องการทำบุญ) ร่วมกันในวันนั้นด้วยครับ นอกเหนือจากกิจกรรมปกติ คือการถวายเพลพระ และพูดคุยกันครับ

 

โอนเงิน 1000.11 บาท เวลา 20.08 น. แล้วค่ะ

 

กามาวจรกุศลกรรม
http://www.buddhism-online.org/Section07A_03.htm



กามาวจรกุศลกรรม ได้แก่เจตนาที่อยู่ในมหากุศลจิต ๘ หมายถึงการทำกรรมดี ๓ ทาง คือทางกาย (กายกรรม ๓) ทางวาจา (วจีกรรม ๔) และทางใจ (มโนกรรม ๓) เรียกว่า กุศลกรรมบท ๑๐ หรือ ความดีที่ควรทำอีก ๑๐ อย่าง จะให้ผลเป็นบุญกุศล เป็นความสุขความเจริญ เช่นเดียวกัน เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐

กุศลกรรมบถ ๑๐
<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff height=60>กุศลกรรมบถ ๑๐ ประกอบด้วย

​

</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="80%" border=0><TBODY><TR><TD>๑. การทำความดีทางกาย (กายกรรม ๓) </TD></TR><TR><TD>๒. การทำความดีทางวาจา (วจีกรรม ๔)</TD></TR><TR><TD>๓. การทำความดีทางใจ (มโนกรรม ๓)</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width=680 border=0><TBODY><TR><TD>๑. การทำความดีทางกาย (กายกรรม ๓) มี ๓ อย่าง คือ</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="65%" border=1><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff height=50>๑. เว้นจากการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD width="15%"></TD><TD width="85%">มีความตั้งใจว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ จะไม่ทำลาย สิ่งมีชีวิตทั้งปวง จะให้ความรักความเมตตาสงสาร ความโอบอ้อมอารี ถือว่าสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลาย เป็นเพื่อน เกิดแก่เจ็บตาย ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา ผลของบุญที่จะได้รับ เมื่อสิ้นชีวิตลงจะได้ไปสู่สุคติภพ ได้เกิด เป็นมนุษย์ หรือเทวดา เสวยทิพยสมบัติ มีรูปงาม อายุยืนนาน ผิวพรรณผ่องใสปราศ จากโรคภัยมีข้าทาสบริวาร มีกำลังวังชาแข็งแรง</TD></TR><TR><TD colSpan=2><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="65%" border=1><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff height=55>๒. เว้นจากการ ลักทรัพย์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD><TD>มีความตั้งใจว่าจะไม่ขโมยทรัพย์สินใดๆ ของผู้อื่น ที่เขามิได้ให้ ผลของบุญที่จะได้รับ เมื่อตายลง จะได้ไปสู่สุคติภพ ได้เกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดา ทำให้ทรัพย์มั่นคง ไม่ถูกทำลาย จากภัยดังกล่าวข้างต้น </TD></TR><TR><TD colSpan=2><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="65%" border=1><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff height=55>๓. เว้นจากการประพฤติผิดในกาม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD><TD>มีความตั้งใจว่าจะไม่ประพฤติล่วงเกิน บุตรภรรยาสามีของผู้อื่น ผลของบุญที่จะได้รับ เมื่อสิ้นชีวิตลงจะได้ไปสู่สุคติภพ ได้เกิด เป็นมนุษย์ หรือเทวดาทำให้มีครอบครัวที่อบอุ่น บุตรธิดา สามี ภรรยา รักใคร่ปรองดอง กันดี ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ซื่อตรงต่อกัน ไม่คิดนอกใจกัน </TD></TR></TBODY></TABLE>​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>๒. การทำความดีทางวาจา (วจีกรรม ๔) มี ๔ อย่าง คือ</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="63%" border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="82%" border=0><TBODY><TR><TD>๑. การไม่พูดเท็จ </TD></TR><TR><TD>๒. การไม่พูดส่อเสียด</TD></TR><TR><TD>๓. การไม่พูดคำหยาบ </TD></TR><TR><TD>๔. การไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้สาระ</TD></TR></TBODY></TABLE>


​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>ผู้ที่ปกติชอบพูดเท็จพูดไม่จริงอยู่เสมอ หรือชอบพูดส่อเสียด </TD></TR><TR><TD>ยุยงด่าว่าผู้อื่นด้วยคำหยาบคายต่าง ๆ พูดเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไร้สาระ ครั้นเมื่อได้ศึกษาธรรมะแล้ว มีสติรู้จักผิดชอบชั่วดี มีหิริโอตตัปปะ การกล่าวเท็จ การกล่าวยุยงส่อเสียด กล่าวคำหยาบคาย หรือพูดเพ้อเจ้อเหลวไหล ที่เคยกล่าวหรือพูดมาแต่ก่อน ๆ หากหยุดเสียได้ บุญกุศลย่อมจะเกิดขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="68%" border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff height=60>

องค์ธรรมของวจีกรรม หรือ วจีวิญญัติทั้ง ๔ คือ

​

</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="89%" border=0><TBODY><TR><TD width="14%"></TD><TD width="86%">๑. สัมมาวาจาเจตสิก </TD></TR><TR><TD></TD><TD>๒. สัมมาอาชีวเจตสิก </TD></TR><TR><TD colSpan=2>หรือเจตนาที่เกิดในมหากุศลจิต ๘ นั่นเอง</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>ผลของบุญที่จะได้รับ จากการงดเว้นวจีทุจริตกรรมทั้ง ๔ </TD></TR><TR><TD>เมื่อตายลงจะได้ไปสู่สุคติภพ ได้เกิดเป็นมนุษย์ หรือ เทวดา ได้ยินได้ฟังสิ่งที่ดีงาม ไม่ถูกหลอกลวงให้หลงเชื่อ ไม่ถูกติเตียน ได้รับการยกย่องนับถือจากบุคคลทั่วไป ทรัพย์สินมั่นคง ไม่พินาศจากภัยต่าง ๆ</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>๓. การทำความดีทางใจ (มโนกรรม ๓) มี ๓ อย่าง คือ</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=1><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD>๑. การไม่คิดเพ่งเล็ง อยากได้ ในทรัพย์ของคนอื่น มาเป็นของตนเอง (อนภิชฌา)</TD></TR><TR><TD>๒. การไม่อาฆาตพยาบาท จองเวรกับใคร (อพยาปาท)</TD></TR><TR><TD>๓. มีความเห็นถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง (สัมมาทิฏฐิ) </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>การทำความดีทางใจ </TD></TR><TR><TD>คือ การสำรวมจิตใจ มิให้ใจของเรา ได้ตกไปในฝ่ายที่ไม่ดี เป็นอกุศล ตั้งใจว่าจะคิดแต่สิ่งที่ดีงาม สิ่งที่เป็นกุศล ไม่เป็นโทษ เป็นพิษภัยแก่ตนเองหรือผู้อื่น </TD></TR></TBODY></TABLE>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>ผลของบุญที่จะได้รับ </TD></TR><TR><TD>เมื่อสิ้นชีวิตลงจะได้ไปเกิดในสุคติภพ ได้เกิดเป็นมนุษย์หรือ เทวดา มีรูปกายที่สวยงาม มีวรรณะผ่องใส อยู่ในตระกูลในฐานะที่สูง เป็นผู้มีปัญญา เป็นไปเพื่อมรรคผลในที่สุด</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>การทำความดีทางกาย ทางวาจา และทางใจ </TD></TR><TR><TD>นอกจาก จะให้ความสุขกาย สบายใจในภพนี้แล้ว ยังจะให้ผลในภพหน้า ชาติหน้า และภพชาติต่อไป และจะเป็นปัจจัย ให้เข้าถึง ซึ่งความหมดทุกข์ต่อไปอีกด้วย

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>เรามาศึกษา ทำความเข้าใจรายละเอียด ของการทำคุณงามความดี ที่เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ คือ วัตถุอันเป็นที่ตั้งแห่งบุญกุศล กันต่อไป</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff height=60>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width=300 border=1><TBODY><TR><TD height=60>

บุญกิริยาวัตถุ ๑๐


​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>บุญกิริยาวัตถุ คือ ความดีที่ควรทำ เพราะเป็นเหตุ เป็นที่ตั้ง แห่งผลของความดี </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="88%" border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff height=60>

บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ แบ่งเป็น ๒ นัย คือ


​

</TD></TR><TR><TD>

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="29%"><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>

๑. สุตตันตนัย

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width="71%">เป็นการแสดงบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ที่เกิดขึ้นทางทวารทั้ง ๓ คือ กายทวาร วจีทวาร และมโนทวาร รวมได้เป็น ๓๐</TD></TR><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>

๒. อภิธรรมนัย

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD>เป็นการสงเคราะห์บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ เข้าใน กุศลกรรมบถ ๑๐</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffece3 height=60>ตารางแสดงบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ที่เกิดทางทวารทั้ง ๓ โดยสุตตันตนัย

</TD></TR></TBODY></TABLE>​