พระยอดธงหลวงพ่อหวล วัดพุทธไทสวรรค์ จ.อยุธยา หลวงพ่อปลุกเสกเดี่ยว ปี พ.ศ.2557 บูชาองค์ละ 99 บาท

การหมดลงของเสือเขาควายแกะอย่างรวดเร็วนี้ย่อมยืนยันได้ว่า เสือของหลวงปู่แก่นมีเมตตามหานิยมสูงจริงๆ เพราะมีผู้นิยมชมชอบอยากได้ไว้บูชามากกว่าจำนวนเสือที่หลวงปู่สร้างขึ้นมา ส่งผลให้ผู้ที่ไปบูชาไม่ทันให้ราคาสำรับผู้ที่ต้องการปล่อยต่อสูงถึงตัวละหลายพันบาททั้งๆที่ราคาตอนออกจากวัดบูชาเพียง ๙๙๙ บาท เท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่ยังหาไม่ได้ไม่ต้องกังวลใจไปนะครับ เพราะขณะที่บทความกำลังปรากฏต่อสายตาผู้อ่านอยู่นั้น หลวงปู่กำลังนำเขาควายเผือกส่งให้ช่างแกะเสืออยู่อีกรุ่นหนึ่ง คงจะมีข่าวดีในช่วงปีใหม่หรือตรุษจีนแน่ๆ อย่างไรก็ตามท่านที่อยากได้ของดีไว้บูชาอย่าพลาดซ้ำอีกก็แล้วกัน เพราะเขาควายเผือกนี่ไม่ใช่ของหาง่าย เอาแค่ควายดำธรรมดาๆ ในปัจจุบันยังแทบจะไม่มีใครเลี้ยงแล้ว เพราะสมัยนี้เขาใช้รถไถ ไถนาแทนควายกันมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ส่วนควายเผือกนี่ใครมีไว้ในครอบครอง ต้องถือว่ามีบุญจริงๆครับ

 

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนบทความนะคะ ที่ให้ได้นำข้อมูลดีๆแบบนี้มาเล่าสู่กันเป็นความรู้ เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ ติดตามกันต่อเลยคะ

 

ตะกรุดหวายปืนแตก
แรกเริ่มเดิมที...มีลูกศิษย์ของหลวงปู่ได้นำหวายแท่งเล็กๆมาให้หลวงปู่ลงจารและนำไปเลี่ยมห้อยเป็นตะกรุดจนเกิดประสบการณ์ขึ้น พอข่าวแพร่สะพัดออกไป ก็เลยมีคนเข้ามาขอตะกรุดหวายจากหลวงปู่กันมาก แต่หลวงปู่บอกไม่มี เพราะลูกศิษย์คนที่มีประสบการณ์นั้นนำหวายมาให้ลงเอง ทำให้ผู้ที่มาขอตะกรุดหวายต่างก็ผิดหวังไปตามๆกัน แต่ยิ่งนานวันไปคนที่มาขอตะกรุดหวายกลับมีจำนวนมากขึ้น ในที่สุดลูกศิษย์ของหลวงปู่คนหนึ่งจึงตัดหวายที่ใช้สาแหรกลูกนิมิตมาถวายหลวงปู่ให้ทำเป็นตะกรุดหวายปืนแตกออกมา โดยอาศัยเคล็ดจากธรรมชาติของหวาย ที่ทั้งเหนียวทั้งทนมีหนามแหลมคมป้องกันอันตรายไม่ให้เข้าใกล้ได้ มาลงยันต์นะอุดตะรังที่ล้อมรอบด้วยอักขระคาถา นะ อุด ตะ รัง ปิจ จะ ตามสายวิชาของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก แล้วให้เสกด้วยคาถาปืนแตก “นะอุดตะรังปิจจะ อะนิทัสสะนะอัปปติ อะนิทัสสะนะอัปปติฆา อะนิทัสสะนะอัปปติฆายะ” ซึ่งเล่าสืบต่อกันมาว่ามีคนเอาไปลองยิงนัดแรกก็ยิงไม่ถูก ยิงนัดที่ ๒ ก็ยิงไม่ออก พอยิงจนถึงนัดที่ ๓ ปรากฏว่าปืนแตกทันที นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ “ ตะกรุดหวายปืนแตก ”

 

รุ่นแรก

<a href="http://www.mx7.com/view2/yT3eHqbiQ2ryDhnP" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/a13/E0x4Co.jpg" /></a>

รุ่นสอง

 

พอหลวงปู่แก่นท่านนำออกให้บูชาเพียงไม่นานก็หมดลงทันที ปัจจุบันท่านจึงต้องทำขึ้นอีก โดยแตกต่างจากรุ่นก่อนคือ ตะกรุดหวายปืนแตกรุ่นนี้มีการถักเชือกลงรัก (มีการตอดโค๊ดพร้อมหมายเลขกำกับ) ปรากฏว่าเป็นที่นิยมมาก

 

กระสุนหลง
เรื่องราวของวิชากระสุนหลงนั้นอาจจะไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก ส่วนใหญ่จะรู้กันเฉพาะศิษย์ในสายของเจ้าคุณปู่อินทร์ วัดยาง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งหลายคนก็อาจจะยังไม่รู้จักอีกว่าเจ้าคุณปู่ปู่อินทร์ วัดยางนี่ท่านเป็นใคร แก่กล้าทางพุทธาคมแค่ไหน? ดังนั้นผู้เขียนจึงขอสรุปประวัติทางพุทธาคมคร่าวๆของท่านเจ้าคุณปู่ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบเสียก่อนว่า เจ้าคุณปู่อินทร์ ท่านเป็นศิษย์ของอดีตพระเกจิอาจารย์ดังของเมืองเพชรหลายรูป อาทิ หลวงพ่อกุน วัดพระนอนเจ้าของตะกรุดไมยราพสะกดทัพอันโด่งดัง หลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม เจ้าของเหรียญราคาแพงสุดของจังหวัดเพชรบุรี หลวงพ่อพ่วง วัดสำมะโรง ฯลฯ นอกจากเจ้าคุณปู่อินทร์จะเป็นผู้สืบพุทธาคมจากพระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าของเมืองเพชรบุรีแล้ว เจ้าคุณปู่อินทร์ยังเป็นพระอาจารย์ของพระเกจิเมืองเพชรที่โด่งดังในยุคต่อมาอีกหลายรูปคือ หลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง หลวงพ่อพาน วัดโป่งกะสังข์ หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก และหลวงพ่อเสนาะ วัดป้อม ซึ่งทุกรูปต่างก็สร้างวัตถุมงคลได้เข้มขลังและโด่งดังกันทั้งสิ้น แต่เสียดายที่ท่านเหล่านี้ได้มรณภาพกันไปหมดแล้ว จะมีเหลือเพียงรูปเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่และกำลังจะโด่งดังตามมาก็คือหลวงปู่แก่น วัดเขื่อนท่าทุ่งนาประชาสรรค์นั่นเอง (อ่านเรื่องราวการไปเรียนกับหลวงปู่อินทร์ของหลวงปู่แก่นได้ในประวัติของหลวงปู่แก่นตอนที่๒)

 

เรื่องราวยังมีต่อนะคะ ไว้พรุ่งนี้เล่าต่อนะคะ

 

แผ่นหนังเสือ กับ เสือแกะ ยังมีให้บูชาไหมครับ

 

ขอแจ้งยืนยันการชำระเงินครับ (พยัคฆ์รัตนมาลา ชุดกรรมการ จำนวน 1 ชุด)

โอนเงินเข้าบัญชี Kbank
จำนวน 1,999 + 60 (ค่าจัดส่ง) = 2,059.- บาท
วันที่ 9 พ.ค. 2559
เวลา 7.28 น.

** ทีี่อยู่จัดส่ง ขอแจ้งทาง pm ครับ

ขอบคุณครับ

 

ได้รับพระสมเด็จแล้วครับ ขอบคุณอีกครั้ง สำหรับ พระหลวงพ่อหวล ครับ

 

Pm นะคะ

 

ยินดีคะ

 

เมื่อทราบความแก่กล้าทางพุทธาคมของเจ้าคุณปู่อินทร์โดยสังเขปแล้ว ท่านผู้อ่านคงไม่แปลกใจเลยใช่ไหมว่า ทำไมหลวงปู่แก่นผู้เป็นศิษย์จึงปลุกเสกวัตถุมงคลได้ขลังยิ่งนัก โดยเฉพาะวิชากระสุนหลงที่เจ้าคุณปู่อินทร์ได้ถ่ายทอดให้ศิษย์นั้น หลวงปู่ต่างๆที่โด่งดังล้วนแล้วแต่ใช้นำมาปลุกเสกวัตถุมงคลกันทุกรูป หลายท่านอาจจะสงสัยว่าผู้เขียนรู้ได้อย่างไร? ก็ต้องตอบว่าในอดีตผู้เขียนมีโอกาสได้เรียนวิชานี้มาจากหลวงพ่อพาน วัดโป่งกะสังข์ และหลวงพ่อเสนาะ วัดป้อม ท่านทั้งสองก็บอกว่าใช้วิชานี้ในการปลุกเสกวัตถุมงคลเสมอ มากไปกว่านั้นหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง (พี่ชายหลวงพ่อพาน) ถึงกับเอาวิชานี้ไปใส่ลงในเหรียญบางรุ่น แต่พวกเซียนพระและนักไสยศาสตร์ทั้งหลายไม่ทราบว่าเป็นวิชาอะไร ก็เลยไม่มีใครกล่าวถึง ปัจจุบันผู้เขียนได้มาพบกับหลวงปู่แก่น ซึ่งลงวิชานี้ได้อีกรูปหนึ่ง จึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

 

<a href="http://www.mx7.com/view2/yTbMoCMuICM1XFqn" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/c96/aRWBiL.jpg" /></a>

<a href="http://www.mx7.com/view2/yTbMoCMuICM1XFqn" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/c96/aRWBiL.jpg" /></a>

กระสุนหลงของหลวงปู่แก่น วัดเขื่อนท่าทุ่งนาประชาสรรค์

 

กระสุนหลงมีเคล็ดการสร้างที่ไม่ใช่ง่าย เพราะต้องใช้กระสุนดินที่ยิงนกซึ่งเกาะบนกิ่งไม้ แต่ยิงไม่ถูก เมื่อกระสุนหล่นลงมาจึงไปเก็บกระสุนดินนั้นมาลงอักขระหัวใจตามวิชา ยิ่งหากกระสุนตกในป่าช้า หรือ ทางสามแพร่งยิ่งดี ยิ่งขลังใหญ่ อาศัยเคล็ดตรงที่กระสุนยิงไม่ถูกนั้นเอามาลงอักขระเรียกสูตรและว่าคาถากำกับไปตลอด เมื่อเสร็จแล้วจึงทำการปลุกเสกเรื่อยไปจนพอใจ คาถาที่นำมาลงกระสุนหลงนี้มีคาถาหลักมาจากธรรมบทที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้บทหนึ่ง และล้อมรอบด้วยคาถามหาอุด (ขอไม่ลงรายละเอียดมาก เดี๋ยวจะกลายเป็นการถ่ายทอดวิชา)

 

ในสมัยเจ้าคุณปู่อินทร์ท่านจะไม่ลงกระสุนหลงให้ใครง่ายๆ เพราะท่านเกรงว่าพวกคนไม่ดี หรือ พวกโจรจะได้ไป จะทำให้ปราบปรามได้ยาก ดังนั้นผู้ที่ได้ไปส่วนใหญ่เป็นตำรวจ ทหาร แทบทั้งนั้น ขนาดอาจารย์วิธันว์ ศรีเมืองอดีตพระเลขาในยุคบั้นปลายชีวิตของเจ้าคุณปู่ ได้เคยเพียรขอกระสุนหลงจากเจ้าคุณปู่อยู่นาน ก็ยังไม่ได้สักลูกเลย เพราะเจ้าคุณปู่ท่านว่าเป็นพระจะเอาไปทำไม

 

เสือโปร่งฟ้า (สาลิกา)
หลังจากที่ได้เผยแพร่ประวัติของหลวงปู่แก่นและ วัตถุมงคลเสือเขาควายแกะ(รุ่นแรก) ออกมาจน ทำให้มีผู้ที่ทราบประวัติว่าท่านเป็นศิษย์สายหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก แล้ว ก็มีลูกศิษย์ในสายนี้ไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์ในสายหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อคล้าย วัดศิลามูล หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม ฯลฯ ซึ่งอยู่ในย่านจังหวัดนครปฐม ต่างก็เดินทางไปกราบหลวงปู่แก่นกันอย่างมากมายในแต่ละวัน เพื่อขอบูชาเสือเขาควายเผือกแกะ ซึ่งบางคนที่ไปบูชาเร็วก็โชคดีได้เสือเขาควายเผือกไป ส่วนคนที่ไปช้าก็อด

 

แต่ในบรรดาคนที่ไปกราบหลวงปู่ทั้งหมดนั้นกลับมีชายสูงวัยซึ่งมีวัตถุประสงค์แตกต่างจากคนอื่นๆอยู่คนหนึ่ง เพราะเขาไม่ได้มาบูชาวัตถุมงคล แต่มาสอบถามเรื่องราวในสายพุทธาคมของหลวงพ่อทา เมื่อทราบว่าท่านมีคาถาโปร่งฟ้าเช่นเดียวกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้องซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตกเข้าก็ดีใจ เพราะชายสูงวัยคนนี้ได้พยายามตามหาผู้ที่สามารถปลุกเสกวัตถุมงคลด้วยคาถานี้มานานแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยพบ เมื่อพบเข้าก็เลยเกิดศรัทธาในตัวหลวงปู่แก่นจนถึงกับออกปากว่าจะนำเขี้ยวเสือโปร่งฟ้าที่เขาเองได้รวบรวมและว่าจ้างช่างแกะเอาไว้ถึง ๒๕๐ ตัว มาให้หลวงปู่ช่วยปลุกเสกให้ โดยเขาจะขอเพียงเขี้ยวเสือโปร่งฟ้าเล่มใหญ่กลับไปบูชาเท่านั้น ส่วนเขี้ยวที่แกะเป็นเสือโปร่งฟ้าขนาดจิ๋วหรือที่วงการนักสะสมเครื่องรางมักเรียกกันว่าเสือสาลิกาแบบของหลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน (บางเหี้ย) ประมาณสองร้อยตัวเขาจะถวายให้หลวงปู่ ซึ่งต่อมาหลวงปู่แก่นท่านก็เมตตาปลุกเสกให้ เมื่อปลุกเสกแล้วก็ได้นำเสือโปร่งฟ้าออกให้ลูกศิษย์ทั่วไปได้บูชา

 

ทำไมชายสูงวัยคนดังกล่าวถึงศรัทธาคาถาโปร่งฟ้า เรื่องนี้ผู้เขียนพอจะเข้าใจ เพราะแต่ก่อนก็เคยได้ยินได้ฟังศิษย์ในสายหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง กล่าวถึงอานุภาพกันมากว่าเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการเบิกฤกษ์ เบิกไชย เปิดทิศ เปิดทาง ให้ทำการใดๆสำเร็จได้ปลอดโปร่งโล่งสะดวก ดังนั้นก่อนจะทำการปลุกเสกด้วยคาถาอื่นๆ ศิษย์ในสายวิชานี้ต้องว่าพระคาถานี้ก่อนทุกครั้ง เรียกว่าเป็นการขับอัปมงคลให้ออกไป แล้วเปิดโลก เปิดฟ้าให้ถึงเรา เวลาทำการใดๆก็จะประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย คนที่ทำอะไรแล้วมักจะล้มเหลวหากได้รับอานุภาพแห่งพระคาถาก็จะประสบความสำเร็จ วัตถุมงคลต่างๆที่ปลุกเสกด้วยพระคาถานี้ล้วนแล้วแต่มีอานุภาพทางทำมาหากินคล่อง ประกอบการงานก็จะเจริญดี ได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ได้โชคได้ลาภดี เพราะวัตถุมงคลเป็นสื่อแห่งอานุภาพของพระคาถาที่เปิดฟ้าให้ถึงเรา

 

หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ท่านบอกกับอาจารย์ฮวด (ศิษย์ผู้หนึ่งของหลวงพ่อแช่ม)เอาไว้ว่า คาถาโปร่งฟ้านอกจากจะเป็นคาถาเปิดโลก เปิดฟ้าแล้ว ยังเป็นคาถาชั้นครู ผู้ที่สวดภาวนาประจำ จะทำให้วิชาคาถาอาคมที่เรามีเราใช้อยู่เกิดความศักดิ์สิทธิ์ ทำสิ่งไรก็สำเร็จ ไม่ติดขัด เป็นที่รักแก่เทวดา และคนทั่วไป
เนื่องจากพระคาถาโปร่งฟ้านั้นเป็นคาถาชั้นครูคอยเบิกและหนุนพระคาถาอื่นๆให้เข้มขลัง ครูบาอาจารย์ในสมัยโบราณจึงนำเคล็ดคำว่าโปร่งฟ้านี้มาปั้นเป็นพระฤๅษีแบบทะลุทั้งองค์เรียกว่า “ฤๅษีโปร่งฟ้า”
ดังนั้น บนความรอบรู้ของชายผู้สูงวัยที่เที่ยวเสาะหาเขี้ยวมาแกะเป็น “ เสือโปร่งฟ้า ” ย่อมไม่ธรรมดาแน่ เพราะเขี้ยวเสือนั้นเป็นสัญลักษณ์ของการล่าเหยื่อมากินเป็นอาหาร ถ้าล่าได้ง่ายๆก็หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นการใช้เขี้ยวมาเป็นเคล็ดวัตถุ และหลวงปู่แก่นได้นำอำนาจจิตและพุทธาคมที่สืบมาปลุกเสกประจุลงไป จึงทำให้ผู้เขียนมั่นใจว่า “เสือโปร่งฟ้า ” นี้ต้องเป็นเขี้ยวเสือที่มีอานุภาพชั้นครูทีเดียว