ประวัติพระอาจารย์ วรงคต วิริยะธโร ( หลวงตาม้า )

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย มโน, 10 มิถุนายน 2009.

  1. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    รู ป ธ ร ร ม นา ม ธ ร ร ม ช่วงที่ ๑

    ปัจจุบันมีการภาวนาทำสมาธิกันทั่วไป ไม่ว่าข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน นิสิตนักศึกษา ซึ่งหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเคยกล่าวไว้ว่า
    "หลังกึ่งพุทธกาล สำนักวิปัสนากรรมฐานจะเกิดขึ้นเหมือนดอกเห็ด ผู้ที่จะเข้าไปศึกษาต้องมีวิจารณญาณว่า การสอนเป็นเพื่อการพัฒนาจิตหรือไม่" ดังที่หลวงปู่เคยกล่าวไว้ว่า "ทำแล้วโลภ โกรธ หลง ลดลงหรือไม่"

    เมื่อมีการตั้งสำนักเกิดขึ้นย่อมมีการกำหนดระเบียบปฏิบัติข้อวัตรต่างๆ ไว้ในแต่ละแห่ง หรือที่เราเรียกกันว่า "รูปแบบ" เช่น การนุ่งขาว ห่มขาว การกินมังสวิรัติ เป็นต้น หลวงปู่ท่านบอกว่า "ถ้าเป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าวางไว้ดีทั้งนั้น" ท่านไม่ให้กล่าวร้ายป้ายสีเพราะท่านพูดว่า "คนดีไม่ตีใคร" บางครั้งมีผู้มาขอความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้จากหลวงปู่ดังนี้

    ผู้ถาม "ถ้าจะมาปฏิบัติกับหลวงปู่ต้องเตรียมอะไรมาด้วยครับ"

    หลวงปู่ "เตรียมใจ เตรียมจิต มาให้ดี"

    ผู้ถาม "ไม่ต้องนุ่งขาว ห่มขาวใช่ไหมครับ"

    หลวงปู่ "แต่งอะไรมาก็ได้ไม่จำเป็น"

    ผู้ถาม "แม้แต่ดอกไม้ ธูปเทียน"

    หลวงปู่ "มีก็เอามา ไม่มีก็ไม่ต้อง เรากล่าวว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ชีวิตัง เม ปูเชมิ นี่เราก็เอาชีวิตบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว"

    ผู้ถาม "การกินมังสวิรัติ จำเป็นไหมครับ"

    หลวงปู่ "เรื่องการไม่กินเนื้อสัตว์ มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว คือ
    พระเทวทัตเคยขอพระพุทธเจ้า แต่ท่านไม่อนุญาต ดีชั่วอยู่ที่จิต ท่านกลัวลำบากญาติโยม"
     
  2. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    <table id="post103" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_103"> รูป ธ ร ร ม น า ม ธ ร ร ม ช่วงที่ ๒

    ในการทำวัตรสวดมนต์ของพระจะมีการพิจารณาอาหารบิณฑบาต เสนาสนะ และจีวรรวมอยู่ด้วย ที่เรียกว่า บทปฏิสังขาโย เพื่อไม่ให้พระคิดอยากได้ในสิ่งเหล่านี้ ทั้งนี้เป็นเพียงเพื่อการประทังชีพในการบำเพ็ญคุณธรรมต่อไป ดังคำพูดของหลวงปู่ที่ว่า "อยู่ในโลกก็ต้องกิน"

    หลวงปู่ "อาจารย์แด่ ท่านเคยบอกข้าตอนที่ไปนวดให้ท่านว่า เป็นพระต้องระวังนะคุณ ถ้าไม่ไหว้พระสวดมนต์ ตายไปต้องไปเกิดเป็นควายแก่ให้เขาใช้งาน ท่านเคยบอกด้วยนะว่า ควายแก่"

    ผู้ถาม "การบิดเบือนพระพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า เขาว่าเป็นการทำลายศาสนา เหมือนกับตัดคอพระพุทธรูปทีละองค์"

    หลวงปู่ "พระเทวทัตมีฤทธิ์ขนาดเหาะได้ ยังไปนรกเลย แล้วคนที่ยังเหาะไม่ได้ จะไปไหน"

    ผู้ถาม "ลูกอธิษฐานไว้ว่าต้องถือศีลแปด แต่กลัวจะหิว เพราะไม่ได้กินข้าวเย็นครับ"

    หลวงปู่ "เปลี่ยนจากข้อ ๓ เป็น อพรัมมะจริยา ก็ได้ นี่เป็นศีล ๕ แบบอุกฤษฏ์ ถือเป็นเพศพรหมจรรย์"

    ผู้ถาม "เดี๋ยวนี้คนใจบาป ตัดเศียรพระพุทธรูปไปขายต่างประเทศ"

    หลวงปู่ "อีกหน่อยศาสนาพุทธจะไปปรากฎในต่างแดน ตอนนี้ไปในส่วนของรูปธรรม ต่อไปจะปรากฎในส่วนของนามธรรม จะมีการปฏิบัติกันมากขึ้นกว่านี้"

    ผู้ถาม "ทางรัสเซีย เขาว่ากันว่า ปฏิบัติเกินไปจากอเมริกาหลายสิบปี แต่เขาใช้ในด้านวินาศกรรมเพราะเรดาร์จับไม่ได้ ไม่บาปหรือครับ"

    หลวงปู่ "ให้เขาทำไปเถิด อีกหน่อยเขาพลิกจิตได้ ก็ดีเอง"

    ผู้ถาม "ทำไมต้องห้อยพระ ไม่ต้องใช้ได้ไหมครับ"

    หลวงปู่ "กำลังใจของคนไม่เท่ากัน เรามีเวลาเผลอเพราะไม่ใช่พระอรหันต์ ถ้าจิตเป็นพระไม่ต้องใช้ก็ได้ หรือถ้าทำเป็นแล้วก็ไม่ต้อง"

    ผู้ถาม "บารมีพระช่วยได้จริงหรือไม่"

    หลวงปู่ "ถ้ากรรมไม่หนักพระช่วยได้ ถ้าหนักพระช่วยไม่ได้ ตอนตายถ้านึกถึงพระก็ยังไปสวรรค์"

    ผู้ถาม "ทำอย่างไรจึงนึกถึงพระหรือความดีก่อนตาย"

    หลวงปู่ "ต้องทำอยู่เรื่อยๆ เหมือนกับทำไมต้องกินข้าวทุกวัน ถ้าไม่ทำบุญหรือทำ แต่บางทีนึกออกได้ยาก เช่นมีคนแถววัดสะแก ทำบาปกับปลาเอาไว้มาก ก่อนตายพอน้องเข้าไปบอกทางว่า พุทโธ แกกลับบอกว่าแกงส้มปลาเทโพอยู่ในครัว พอพี่เข้าไปบอกว่า อะระหัง แกกลับบอกว่า มีแต่กระชัง (ใส่ปลา) ทั้งนั้น"
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --> </td> </tr> <tr> <td class="alt2">
    </td> <td class="alt1" align="right"> <!-- controls --> <!-- Start Post Thank You Hack --> [​IMG] <!-- End Post Thank You Hack --> </td></tr></tbody></table>
     
  3. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    <table id="post106" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_106">มุสาวาท

    ผู้เขียนเคยเรียนถามเรื่องศีลข้อ ๔ มุสาวาทา ว่าในลักษณะใดที่จัดว่าผิดศีล


    หลวงปู่ "บางเรื่องถ้าบอกตรงๆ ผู้ฟังจะไม่ได้รับผล ต้องใช้วิธีเลี่ยงเอา (กุศโลบาย) อยู่ที่เจตนาของผู้พูดว่ามุ่งหวังผลกับผู้ฟังอย่างไร เหมือนกับพระสารีบุตรตอบโจรเคราแดง เมื่อโจรถามว่า การที่ผมเป็นเพชฌฆาตฆ่าคนมามาก ผมจะไปนรกไหม พระสารีบุตรท่านเป็นพระอรหันต์ สามารถรู้เห็นได้ด้วยญาณ ถ้าบอกตรงๆ ว่าแกต้องไปนรก ก็จะเสียกำลังใจ ท่านเลยตอบว่า ใครเป็นคนสั่ง โจรเคราแดงจึงเกิดกำลังใจ เพราะคิดว่าตัวเองไม่บาป เมื่อพระสารีบุตรเทศน์ให้ฟังหลังฉันข้าว ปรากฎว่าโจรเคราแดงสำเร็จเป็นพระโสดาบัน มันมีแง่คิดอยู่นิดเดียวว่าจะพูดอย่างไร"
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --> </td> </tr> <tr> <td class="alt2">
    </td> <td class="alt1" align="right"> <!-- controls --> <!-- Start Post Thank You Hack --> [​IMG] <!-- End Post Thank You Hack --> </td></tr></tbody></table>
     
  4. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    <table id="post108" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_108">ยุ ค พ ร ะ ศ รี อ า ร ย์

    ผู้ที่ทำบุญ ทำทานมักจะมีการตั้งความหวังไว้ในใจ มีคำอธิษฐานเกี่ยวกับการทำบุญตักบาตรไว้ดังนี้ " ข้าวของข้าพเจ้าขาวบริสุทธิ์เหมือนดอกบัวตั้งไว้เหนือหัว ตั้งจิตจำนงค์ตรงไปพระนิพพาน ขอให้พบเมืองแก้วขอให้แคล้วบ่วงมาร ขอให้ได้พระนิพพานในยุคพระศรีอารย์ด้วยเทอญ"


    เมื่อมีโยมนำคำอธิษฐานนี้มาเล่าให้หลวงปู่ฟัง ท่านพูดยิ้มๆ ว่า

    "จะไปยุคพระศรีอารย์ เดี๋ยวจะอานเสียก่อน"

    คำพูดของหลวงปู่ท่านมีความหมายว่า ให้ทำบุยด้วยใจบริสุทธิ์ อย่าหวังมากเกินควร พยายามทำให้ดีที่สุด เพราะเรื่องของพระศรีอารย์ มีผู้ปรารถนาจะไปกันมาก เนื่องจากเป็นยุคที่สุขสบายไม่เดือดร้อน หลวงปู่เคยบอกว่า "ใครไปได้ไปเลย ไม่ต้องรอ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่การปฏิบัติ ไม่ได้อยู่ที่การร้องขอ"

    เหมือนกับญาติโยมท่านหนึ่ง ซึ่งมีความเข้าใจผิดในเรื่องนี้ ได้ไปนมัสการหลวงปู่ดุลย์ อตุโล แล้วเรียนท่านว่า "ดิฉันฟังเทศน์มหาชาติทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ดิฉันไปได้แล้ว" เนื่องจากมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า ใครฟังเทศน์มหาชาติซึ่งเป็นเรื่องราวของการบริจาคทานของพระเวสสันดร ซึ่งเป็นพระชาติสุดท้ายของพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ ถ้าเพียงแต่ฟังแล้วไม่นำมาปฏิบัติตามพระจริยาวัตรของพระเวสสันดรแล้วคงไปไม่ ได้แน่ จึงเป็นสิ่งที่คนโบราณท่านมีกุศโลบาย ที่จะให้ผู้ฟังเกิดความซาบซึ้งแล้วนำไปปฏิบัติตาม เพื่อให้สมหวังในสิ่งที่ตั้งไว้
    <!-- / message --> </td> </tr> <tr> <td class="alt2">
    </td> <td class="alt1" align="right"> <!-- controls --> <!-- Start Post Thank You Hack --> [​IMG] <!-- End Post Thank You Hack --> </td></tr></tbody></table>
     
  5. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    หลวงปู่เล่าจบ ท่านยังแถมท้ายอีกว่า
    " อุปัชฌาย์ข้า (หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ) บอกอานิสงส์ของการภาวนา สว่างเท่าหัวไม้ขีดไฟ มากกว่าการตักบาตรจนขันลงหินทะลุ ด้วยความโง่เลยเที่ยวหาขันที่ทะลุ แต่ไม่เจอ ไปเจอเอาขันแตกใบหนึ่ง"

    อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา
    บัณฑิตย่อมฝึกตน
    พุทธพจน์
     
  6. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    เ กิ น พ อ ดี

    ทางสายกลางหรือมัชฌิมาปฏิปทา คือความพอดี ถ้ามากเกินหรือน้อยเกินไป จะมีผลต่อจิตใจ ผู้เขียนเคยเรียนถามหลวงปู่เกี่ยวกับคนที่เสียจริต กรรมอะไรที่ทำให้ต้องเป็นเช่นนั้น หลวงปู่ท่านตอบแบบปัจจุบันกรรม คือกรรมในชาตินี้ว่า

    "ผู้ที่เสียใจสุดขีด หรือดีใจสุดขีด จะทำให้เป็นบ้าได้"

    นอกจากนี้ หลวงปู่ยังกล่าวถึงอารมณ์ของคนไม่ปกติ ท่านบอกว่าเป็นโรคลมบาทจิต บาดทะยักเกิดขึ้นกับร่างกาย บาทจิตเกิดขึ้นกับจิตใจ มีผลถึงประสาท ดังนั้น การรักษาอารมณ์ของคนจึงมีความจำเป็น บุคคลบางประเภทเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้ายไม่แน่นอน หากที่เรียกว่า "ลมขึ้น ลมลง" เนื่องจากไม่ได้มีการฝึกจิตหรือฝึกสติให้มั่นคง การชำระแต่เพียงร่างกาย ถ้าไม่ได้ชำระจิตใจเสียบ้าง ในที่สุดจะเกิดการหมักหมมของอารมณ์เช่นเดียวกับผลไม้ที่เกิดการหมักหมมกลาย เป็นเหล้า ทำให้เกิดความมัวเมาหาทิศทางไม่เจอ จิตใจเต็มไปด้วยอธรรม มีการแก่งแย่งชิงดี ริษยา อาฆาตไปต่างๆ นานา เมื่อสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ จิตก็เกิดการล้มละลายได้ ลำพังความรู้ทางโลกอย่างเดียวนั้นไม่สามารถนำมาปฏิรูปจิตได้ มีครั้งหนึ่งหลวงปู่ท่านนั่งอ่านวิชาการทางโลก เมื่อเจ้าของหนังสือได้เรียนถามว่า "หลวงปู่อ่านเรื่องอะไร"

    หลวงปู่ "ข้าอ่านไปยังงั้นแหละ ข้าถามหลวงปู่ทวดว่า อ่านแล้วจะได้อะไร ท่านตอบข้าว่า อ่านยังไงก็ไม่พ้นทุกข์ ที่ท่านทำอยู่นั้นคือ ทางพ้นทุกข์ นั่นคือการปฏิบัตินั่นเอง"

    พระพุทธองค์ทรงหยิบใบไม้ขึ้นมาหนึ่งกำมือ แล้วตรัสถามพระภิกษุว่า

    "ปริมาณใบไม้ในมือกับในป่า อันไหนมากกว่ากัน"

    พระภิกษุทูลตอบว่า "ในป่ามีมากกว่ากันจนประมาณไม่ได้"

    พระพุทธองค์ "ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย ความรู้ที่ตถาคต นำมาสอนพวกเธอก็เช่นเดียวกัน เพราะความรู้มีมากมาย แต่ที่ทำให้พ้นทุกข์คือ สิ่งที่นำมาสอนพวกเธอเท่านั้น"

    สาธุ โข ปณฺฑิโต นาม น เตวว อติปณฺฑิโต
    อันว่าบัณฑิตนั้นดีแน่ แต่ว่าบัณฑิตเลยเถิดไปก็ไม่ดี
    พุทธพจน์
     
  7. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    <table id="post116" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_116"> สู บ บุ ห รี่

    ในเรื่องของการกินหมาก สูบบุหรี่ มีพระสงฆ์อีกหลายๆ องค์ ถูกโจมตีจากผู้ปฏิบัติที่ยังติดรูปแบบ เพราะอ้างว่า แม้แต่กิเลสที่หยาบๆ ยังละไม่ได้ กิเลสส่วนละเอียดจะละได้อย่างไร ผู้เขียนเคยสัมผัสกับพระที่ทรงคุณธรรมหลายองค์ อาทิ พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านยังคงฉันหมาก เมื่อมีผู้เรียนถาม ท่านตอบมีใจความโดยย่อว่า

    "บุหรี่หรือหมาก ไม่ใช่เป็นเครื่องกั้น มัคคาวรณ์ (มรรคผลนิพพาน) และสัคคาวรณ์ (สวรรค์)"

    เรื่องนี้เป็นการยากที่เราปุถุชนจะไปตัดสินได้แน่ชัด เพราะกิริยาที่ท่านสูบบุหรี่ กับการที่ท่านสูบบุหรี่เพราะติดบุหรี่อย่างเครื่องเสพติดนั้นไม่เหมือนกัน ถ้าจิตใจของท่านเป็นทาสบุหรี่ สูบด้วยความกระหายงมงาย ด้วยเป็นสิ่งเสพติดอย่างนั้นก็ผิด

    พระบางองค์ท่านเห็นชาวบ้านมีทุกข์ แต่ไม่รู้จะเข้าวัดอย่างไร ไม่รู้จะหาอะไรมาถวายพระ เอาบุหรี่มาถวายท่านก็เมตตาสูบให้ อย่างหลวงปู่แหวน ท่านเอาบุหรี่มวนเองของชาวบ้านที่เขาเอามาถวาย ทำให้ผู้ถวายรู้สึกว่าตนยังพอมีของเล็กๆ น้อยๆ มาถวาย ให้เกิดความชื่นใจ ปีติ อิ่มเอิบ นึกอยากมาวัดอีก มาฟังคำสอนจากท่าน

    ถ้าท่านปฏิบัติอย่างนั้น การสูบบุหรี่ก็เป็นกิริยาเพื่อโปรดสัตว์ เพื่อสงเคราะห์สัตว์โลกให้มีหลักยึดในใจก็ไม่ผิด

    ผู้เขียนมาคิดเองว่าคนกินเหล้ากับคนไม่กินเหล้า นิสันดีกับนิสัยไม่ดี แตกต่างกันหรือไม่ ผู้ที่นุ่งขาวห่มขาวถือศีลจะมีนิสัยดีจริงหรือ คนสูบบุหรี่กับคนไม่สูบบุหรี่ มีสิ่งไหนตัดสินว่า ใจดีหรือใจไม่ดี คนตัดผมสั้นกับคนไว้ผมยาวใครดีกว่ากัน

    วันหนึ่ง มีพยาบาลไปกราบนมัสการหลวงปู่ พยาบาลคนนั้นนั่งอยู่ใกล้หลวงปู่พอสมควร คิดในใจว่านี่หรือพระที่มีผู้คนนับถือกันทั้งแผ่นดิน ยังพ่นควันบุหรี่โขมง และแล้วเธอก็ต้องตกใจอย่างมาก เมื่อได้ยินหลวงปู่กล่าวว่า

    หลวงปู่ "เรื่องของข้า ข้าจะสูบหรือไม่สูบ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน"

    ผู้เขียนมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชอบสูบบุหรี่มาก

    หลวงปู่ "แก (หมายถึงผู้เขียน) สูบแต่ไม่ติด แต่เพื่อนแกสูบติด"

    ดังนั้น ท่านจึงเน้นที่ใจเป็นสำคัญ หลวงปู่ท่านเคยปรารภเรื่องสูบบุหรี่ให้ผู้เขียนฟังว่า

    หลวงปู่ "สูบแล้ว นึกถึงสมัยเคยเลี้ยงควายตอนเด็ก ได้บุหรี่เป็นเพื่อนเลยไม่อยากทิ้ง ข้าจะสูบจนตายนั่นแหละ"
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --> </td> </tr> <tr> <td class="alt2">
    จิตฺเต สงฺกิลิฏเฐ ทุคฺคติ ปาฏฺกงฺขา
    เมื่อจิตเศร้าหมองแล้ว ทุคติเป็นอันต้องหวัง
    จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา
    เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นอันหวังได้
    </td> <td class="alt1" align="right"> <!-- controls --> <!-- Start Post Thank You Hack --> [​IMG] <!-- End Post Thank You Hack --> </td></tr></tbody></table>
     
  8. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    <table id="post117" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_117">ต า ย ก่ อ น ต า ย ช่วงที่ ๑

    เมื่อครั้งที่เกิดอุบัติเหตุจากเครื่องบินตกที่ อ.ธัญบุรี เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๗ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้หลายคน ในจำนวนนั้นมีพระสงฆ์ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนภาคอีสาน ได้ถึงแก่มรณภาพพร้อมกันหลายรูป มีพระอาจารย์จวน, พระอาจารย์วัน, พระอาจารย์สิงห์ทอง เป็นต้น มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย ว่าท่านเหล่านี้ล้วนทรงคุณธรรมสัมมาปฏิบัติ ทำไมจึงต้องมามรณภาพแบบนี้ ผู้เขียนเรียนถามหลวงปู่ ท่านตอบว่า

    "ท่านเหล่านั้น ตายก่อนตาย ท่านจึงไม่กลัวตาย ท่านตายแล้วก่อนเครื่องบินจะตกลงกับพื้น"

    ผู้เขียนเกิดความสงสัยในคำพูดของหลวงปู่ คิดจะถามต่อเพราะเข้าใจว่าท่านถอดจิตไป แต่หลวงปู่ท่านตอบว่า

    "ท่านเป็นพระอรหันต์ กิเลสท่านหมดแล้ว ตายตอนไหนก็เป็นเรื่องของสังขารร่างกาย จิตท่านไม่ตาย"

    ผู้เขียนยกมือสาธุคำพูดของหลวงปู่ ความสงสัยในใจหายไป นึกถึงพระโมคคัลลาน์ พระอรหันต์ผู้ทรงคุณวิเศษ ยังต้องถูกโจรทุบตาย กรรมทางร่างกายเกิดขึ้นกับท่าน เพราะด้วยใช้กรรมจากอดีต เนื่องจากเคยทารุณบิดามารดาในกาลก่อน

    มีพระภิกษุท่านหนึ่งได้ออกข่าวครึกโครม ในทำนองว่าการตายของพระเหล่านั้น เป็นการตายโหง ยังไปไม่ได้ ถึงกับท่านต้องแผ่เมตตาให้บุญ จึงพ้นจากภูมิที่ท่านได้เป็นอยู่ แต่ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าหลวงปู่ต้องพูดไม่ผิด จึงบอกกับผู้ที่มาถามถึงทรรศนะของผู้เขียน โดยบอกว่าให้รอ เมื่อเผาท่านเหล่านี้เสียก่อนแล้ว จึงค่อยมาพูดกัน เพราะยิ่งพูดยิ่งวิจารณ์มากจะเกิดบาปเปล่าๆ

    หลังจากมีพิธีพระราชทานเพลิงศพพระอาจารย์เหล่านั้น อัฐิของท่านได้กลายเป็นพระธาตุ ซึ่งแสดงถึงคุณธรรม ความบริสุทธิ์เป็นจริงตามที่หลวงปู่กล่าวไว้..
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --> </td> </tr> <tr> <td class="alt2">
    </td> <td class="alt1" align="right"> <!-- controls --> <!-- Start Post Thank You Hack --> [​IMG] <!-- End Post Thank You Hack --> </td></tr></tbody></table>
     
  9. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    <table id="post118" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_118">ต า ย ก่ อ น ต า ย ช่วงที่ ๒

    ในเรื่องของความตาย หลวงปู่เคยพูดเสมอว่า "ท่านสู้แค่ตาย" และเมื่อท่านถึงคราวละสังขาร ท่านก็แสดงถึงสัจธรรมคำพูดท่าน คือ ท่านหัวใจวายในขณะที่ท่านกำลังจะออกมาโปรดญาติโยมตามปกติ ญาติโยมบางท่านเกิดความข้องใจว่า ทำไมหลวงปู่จึงไม่นั่งสมาธิละสังขาร ผู้เขียนจึงระลึกถึงคำพูดของท่านอาจารย์ดูลย์ อตุโล ในคราวที่ปีนเขาขึ้นไปเยี่ยมพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่ถ้ำขามด้วยความยากลำบาก ท่านบอกกับอาจารย์ฝั้นว่า "ท่านไม่มีวิบากของสังขาร ถ้าเห็นว่าไปไม่ไหวก็ทิ้งไปเลย" แสดงถึงจิดของท่านที่เตรียมหร้อมทุกอิริยาบท หลวงปู่ดู่เช่นกัน ท่านไม่เคยแสดงอาการเจ็บป่วยแบบล้มหมอนนอนเสื่อให้ลูกศิษย์ได้ปฐมพยาบาล อย่างมากที่สุดคือ ท่านอนุญาตให้นายแพทย์ทำการให้น้ำเกลือ หรือฉีดยาเพื่อการสงเคราะห์เท่านั้น บางครั้งแพทย์ลงความเห็นว่า ท่านควรจะไปรักษาที่โรงพยาบาล ท่านก็ไม่ยอมไป หลวงปู่เพียงแต่บอกว่า "ไม่เป็นไร" ถ้าลูกศิษย์แสดงความกังวลออกมาท่านจะพูดออกมาว่า "ยังไม่ตายหรอก ถ้าตายเมื่อไรจะบอก" แสดงถึงความกล้าหาญ ไม่กลัวในความตายของหลวงปู่ ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม

    ลูกศิษย์ที่รับใช้หลวงปู่เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งดูอาการของหลวงปู่ไม่ดีอย่างมาก คิดในใจว่าจะไปโทรศัพท์เรียกนายแพทย์ หลวงปู่รีบบอกว่า "ไม่ต้องโทรไปบอก ข้าไม่เป็นไร" ด้วยความที่เธอเป็นห่วง จึงโทรตามนายแพทย์มา เมื่อนายแพทย์มาถึงและตรวจอาการก็ไม่พบอะไร เมื่อนายแพทย์กลับไปแล้ว อาการท่านก็เป็นแบบเดิม และในสันนี้ ก็เป็นวันสุดท้ายของหลวงปู่ที่จะละสังขารจริงๆ มีญาติโยมจะนำสังฆทานมาถวายท่านในตอนเย็น หลวงปู่สั่งให้ไปถวายพระองค์อื่น เงินให้ใส่ในตู้ทำบุญ นับแต่นี้ไปท่านจะเลิกรับสังฆทาน

    พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด เคยเขียนประวัติพระอาจารย์มั่น ตอนหนึ่งกล่าวถึง พุทธนิมิตของพระอรหันต์ ซึ่งแสดงถึงการนิพพาน มีอยู่หลายอิริยาบททั้ง ยืน เดิน นั่ง นอน แล้วแต่เวลาที่จะไป บางองค์เดินอยู่แล้วถึงนิพพาน นับว่าเป็นภาพที่ประทับใจสำหรับพระอาจารย์มั่นมาก หลวงปู่ดู่ท่านกำลังเดินออกจากกุฏิแต่มรณภาพ ก่อนที่จะออกมาเมตตา แสดงถึงความไม่สะทกสะท้านดังเช่น หลวงปู่ดูลย์ บอกไว้ทุกประการ....
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --> </td> </tr> <tr> <td class="alt2">
    </td> <td class="alt1" align="right"> <!-- controls --> <!-- Start Post Thank You Hack --> [​IMG] <!-- End Post Thank You Hack --> </td></tr></tbody></table>
     
  10. ปัทมินทร์

    ปัทมินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +1,393
    รู้สึกอิ่มเอมในธรรมของหลวงปู่จริงๆครับ เป็นคำสอนที่มีค่ากับผู้ปฏิบัติทุกท่านจริงๆ อนุโมทนาในธรรมทานครับ
     
  11. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    แสงสว่างเป็นกิเลส?

    มีคนเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า มีผู้กล่าวว่าการทำสมาธิแล้วบังเกิดความสว่างหรือเห็นแสงสว่างนั้นไม่ดีเพราะเป็นกิเลส มืดๆ จึงจะดี

    หลวงพ่อปู่กล่าวว่า

    "ที่ว่าเป็นกิเลสก็ถูก แต่เบื้องแรกต้องอาศัยกิเลสไปละกิเลส (อาศัยกิเลสส่วนละเอียดไปละกิเลสส่วนหยาบ) แต่ไม่ได้ให้ติดในแสงสว่างหรือหลงแสงสว่าง แต่ให้ใช้แสงสว่างให้ถูก ให้เป็นประโยชน์ เหมือนอย่างกับเราเดินผ่านไปในที่มืดต้องใช้แสงไฟ หรือจะข้ามแม่น้ำ มหาสมุทรก็ต้องอาศัยเรือ อาศัยแพ แต่เมื่อถึงฝั่งแล้วก็ไม่ได้แบกเรือแบกแพขึ้นฝั่งไป"

    แสงสว่างอันเป็นผลจากการเจริญสมาธิก็เช่นกัน ผู้มีสติปัญญาสามารถใช้เพื่อให้เกิดปัญญาอันเป็นแสงสว่างภายใน ที่ไม่มีแสงใดเสมอเหมือน ดังธรรมที่ว่า

    "นัตถิ ปัญญา สมา อาภา แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี"<!-- / message -->
     
  12. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    วัดผลการปฏิบัติด้วยสิ่งใด?

    มีผู้ปฏิบัติหลายคน ปฏิบัติไปนานเข้าชักเขว ไม่ชัดเจนว่าตนปฏิบัติไปทำไม หรือปฏิบัติไปเพื่ออะไร ดังครั้งหนึ่ง เคยมีลูกศิษย์กราบเรียนถามหลวงพ่อท่านว่า

    "ภาวนามาก็นานพอสมควรแล้ว รู้สึกว่ายังไม่ได้รู้ได้เห็นสิ่งต่างๆ มีนิมิตภายนอก แสดงสีต่าง เป็นต้น ดังที่ผู้อื่นเขารู้เห็นกันเลย"

    หลวงพ่อท่านย้อนถาม สั้นๆ ว่า

    "ปฏิบัติแล้ว โกรธ โลภ หลง ของแกลดน้อยลงหรือเปล่าล่ะ ถ้าลดลง ข้าว่าแกใช้ได้"<!-- / message -->
     
  13. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ท่าน มโน ครับ....ในช่วงของประวัติ......ไม่แน่ใจว่าท่านญัตติใหม่เป็นธรรมยุติ....ใช่ไมครับ....
     
  14. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    เข้าใจว่า..จะไม่ได้ญัตติใหม่เป็นธรรมยุติ.
    ผมจะลองหาข้อมูลให้อีกครั้ง...
    จากคุณphoon007 ศิษย์สายนี้ให้อีกครั้ง
     
  15. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    หลวงตาม้าญัติใหม่เป็นธรรมญุติเเบบกรณีพิเศษกับหลวงพ่อจัน กุศโล วัดเจดีย์หลวง
     
  16. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    สติธรรม

    บ่อยครั้งที่พวกเราถูกหลวงพ่อท่านดุในเรื่องของการไม่สำรวมระวัง ท่านมักจะดุว่า

    "ให้ทำ (ปฏิบัติ) ไม่ทำ ทำประเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวออกมาจับกลุ่มกันอีกแล้ว ทีเวลาคุย คุยกันได้นาน"

    ปฏิปทาของท่านต้องการให้พวกเราตั้งใจปฏิบัติ ตั้งใจทำให้จริง มีสติ สำรวมระวัง แม้เวลากินข้าว ท่านก็ให้ระวังอย่าพูดคุยกันเอะอะเสียงดัง"

    สติ นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่จะทำให้เราได้หยุดคิด พิจารณาก่อนที่จะทำ จะพูด และแม้แต่จะคิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่าสิ่งนั้นดีหรือชั่ว มีคุณประโยชน์หรือเสียหาย ควรกระทำหรือควรงดเว้นอย่างไร เมื่อยั้งคิดได้ก็จะช่วยให้พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างละเอียดประณีต และสามารถกลั่นกรองเอาสิ่งที่ไม่เป็นสาระไม่เป็นประโยชน์ออกให้หมด คงเหลือแต่เนื้อที่ถูกต้องและเป็นธรรมซึ่งเป็นของควรคิด ควรพูด ควรทำแท้ๆ<!-- / message -->
     
  17. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    ทรรศนะต่างกัน

    เกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันในวงของผู้ปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านได้ให้โอวาทเตือนผู้ปฏิบัติไว้ว่า การมาอยู่ด้วยกัน ปฏิบัติด้วยกันมากเข้าย่อมมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดาอยู่ ทิฐิความเห็นย่อมต่างกัน ขอให้เอาแต่ส่วนดีมาสนับสนุนกัน อย่าเอาเลวมาอวดกัน การปรามาสพระก็ดี การพูดจาจาบจ้วงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์หรือท่านที่มีศีลมีธรรมก็ดี จะเป็นกรรมติดตัวเราและขัดขวางการปฏิบัติธรรมในภายหน้า ดังนั้น หากเห็นใครทำความดี ก็ควรอนุโมทนายินดีด้วย แม้ต่างวัดต่างสำนักหรือแบบปฏิบัติต่างกันก็ตาม

    ไม่มีใครผิดหรอก เพราะจุดมุ่งหมายต่างก็เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์เช่นกัน เพียงแต่เราจะทำให้ดี ดียิ่ง ดีที่สุด

    ขอให้ถามตัวเราเองเสียก่อนว่า... แล้วเราล่ะถึงที่สุดแล้วหรือยัง<!-- / message -->
     
  18. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    น า น า ท ร ร ศ น ะ เ กี่ ย ว กั บ พ ร ะ เ ค รื่ อ ง บู ช า


    ผู้ที่มีพระเครื่องบูชา มักคิดไม่ตกว่าควรวางไว้ที่ใดจึงควรแก่การสักการะ คำถามเหล่านี้มีเป็นประจำ ผู้เขียนจึงรวบรวมไว้โดยสังเขป ดังนี้


    ผู้ถาม "พระหลวงปู่ตั้งไว้ที่เดียวกับพระพุทธเจ้าได้ไหม"

    หลวงปู่ "ข้าทำพระ สุดท้ายก็อธิษฐานเป็นพระพุทธเจ้า รูปข้าหรือรูปพระสงฆ์ทั่วไปยังไม่ใช่ของจริง เป็นของหลอก มีแต่พระพุทธเจ้าจึงมีจริง"

    ผู้ถาม "อย่างนั้น ตั้งไว้อาสนะเดียวกันได้สิครับ"

    หลวงปู่ "ได้ ถ้าแกไม่กลัวโลกเขาติเตียน ผู้รู้จะตำหนิเอาได้"

    ผู้ถาม "ถ้าผมไม่มีโต๊ะหมู่บูชา มีเพียงโต๊ะตัวเดียวจะทำอย่างไร"

    หลวงปู่ "เอาผ้าขาว กระดาษขาว วางรองไว้ที่ฐานพระพุทธรูป ก็ถือว่าคนละอาสนะแล้ว"

    ผู้ถาม "ถ้ามีคนเอารักยม กุมาร หรือรูปนางกวักเหล่านี้มา หลวงปู่เสกไหมครับ"

    หลวงปู่ "เสกได้ ทำเป็นพระเสียก็หมดเรื่อง รักยมก็บวชให้เป็นเณร เณรเป็นอรหันต์มีเยอะแยะ นางกวักก็เป็นภิกษุณี"

    ผู้ถาม "พระแก้วมรกตมีพระธาตุจริงไหม"

    หลวงปู่ "พระแก้วเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระนาคเสนเป็นพระอรหันต์ที่สร้างขึ้นมา ท่านอธิษฐานให้พระสารีริกธาตุสถิตอยู่ ๗ แห่ง"

    ผู้ถาม "ตัวแทนพระพุทธเจ้าทุกองค์ต้องสร้างด้วยมรกตสีเขียวใช่ไหมครับ"

    หลวงปู่ "ไม่เหมือนกัน ถ้าถึงยุคพระศรีอริยเมตไตรย พระทำด้วยทับทิม (แก้วมณี) เพราะเป็นของคู่บารมีท่าน"

    ผู้ถาม "การที่พระภิกษุสร้างรอยเท้าให้บูชานั้น มีวัตถุประสงค์อย่างไร"

    หลวงปู่ "การทำเช่นนั้น มิใช่การทำรอยเท้าของท่านเอง หากแต่อธิษฐานเป็นรอยเท้าพระพุทธเจ้า"
     
  19. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    ขอรับCD หลวงปูดู่

    ขอรับCD หลวงปูดู่ ได้ที่นี่

    ᨡ CD
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. มโน

    มโน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +100
    ตามรอยธรรม“ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ “( MP3 )

    ตามรอยธรรม“ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ “
    ให้เสียงโดย พ.ท.ธนกร เฟื่องฟุ้ง


    ประวัติหลวงปู่ดู่
    [​IMG]
    ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๑

    [​IMG]
    ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๒

    [​IMG]
    ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๓

    [​IMG]
    ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๔
    [​IMG]
    ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๕
    [​IMG]
    ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๖
    [​IMG]
    ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๗

    <LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ</LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD width=20><INPUT id=play_27293 onclick=document.all.music.url=document.all.play_27293.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=27293 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>mp3_095_1.mp3 (13.77 MB, 1012 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_27294 onclick=document.all.music.url=document.all.play_27294.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=27294 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>mp3_095_2.mp3 (8.95 MB, 556 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_27297 onclick=document.all.music.url=document.all.play_27297.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=27297 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>mp3_095_4.mp3 (10.04 MB, 478 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_27300 onclick=document.all.music.url=document.all.play_27300.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=27300 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>mp3_095_7.mp3 (13.25 MB, 341 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_27301 onclick=document.all.music.url=document.all.play_27301.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=27301 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>mp3_095_8.mp3 (8.86 MB, 446 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_27308 onclick=document.all.music.url=document.all.play_27308.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=27308 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>mp3_095_3.mp3 (8.20 MB, 306 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_27309 onclick=document.all.music.url=document.all.play_27309.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=27309 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>mp3_095_5.mp3 (11.09 MB, 332 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_27310 onclick=document.all.music.url=document.all.play_27310.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=27310 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>mp3_095_6.mp3 (11.44 MB, 366 views)</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ตามรอยธรรม“ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ “( MP3 ) - Buddhism Audio
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • mp3-095.jpg
      mp3-095.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.8 KB
      เปิดดู:
      68

แชร์หน้านี้

Loading...