ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    พายุเอลซ่ากระทบชายฝั่งornwall อังกฤษ วันที่ 18 ธันวาคม 2019

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    ลมแรงโดยพายุเอลซ่าทำให้เกิดน้ำท่วมใน salthill, galway, ไอร์แลนด์ วันที่ 18 ธันวาคม 2019





     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan
    เรือยอร์ชขนาดใหญ่ชนกับสะพานบนเกาะ Sint Maarten, Caribbean 15 ธ.ค. 2562

    เรือยอชท์ขนาดใหญ่ ECSTASEA ออกจากการควบคุมขณะเข้าสู่ Simpson Bay Lagoon บนเกาะแคริบเบียนของ Sint Maarten และติดต่อกับแผงควบคุมของสะพาน bascule

    บูธถูกฉีกขาดและตกลงไปในน้ำ แต่นอกจากนั้นสะพานยังคงใช้งานได้อย่างสมบูรณ์และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

    เรือยอชท์ได้รับความเสียหายผิวเผิน อุบัติเหตุนั้นเกิดจากการรวมกันของลมและกระแสน้ำที่แรง
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    เสียงแปลกๆบนชายฝั่งของลิเบีย

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    82&url=https%3A%2F%2Fwww.dailynews.co.th%2Fadmin%2Fupload%2F20191219%2Fnews_TUzVUHXJpB163818_533.jpg

    (Dec 19) สรรพากรตั้งหน่วยงานไล่จับร้านหนีภาษี ตั้งเป้าดึงค้าออนไลน์1.7แสนราย: สรรพากรตั้งหน่วยงานพิเศษ ไล่จับธุรกิจนอกระบบที่ยังหลบภาษี ให้เข้ามาเสียภาษีอย่างถูกต้อง คาดปีหน้าเช็กบิลแม่ค้าออนไลน์ได้ 1.7 แสนราย

    นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯได้ตั้งกองสำรวจธุรกิจนอกระบบ เพื่อติดตามผู้ทำธุรกิจออนไลน์ และธุรกิจทั่วไปว่ามีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ โดยหากยังไม่ได้เข้ามาอยู่ในระบบ หรือยังไม่ได้เสียภาษีอย่างถูกต้อง กรมฯจะเรียกมาพูดคุย ให้เสียภาษีอย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะมีความผิดในฐานการเลี่ยงภาษี ซึ่งจุดประสงค์หลักไม่ได้ต้องการรีดภาษี แต่ต้องการให้เข้าสู่ระบบได้อย่างถูกต้อง

    “ตอนนี้มีทั้งกลุ่มค้าขายออนไลน์ ที่เสียภาษีและไม่เสียภาษี รวมถึงพวกที่ใช่ช่องโหว่จากการนำสินค้าจากต่างประเทศไม่เกิน 1,500 บาทเอามาขายโดยไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งตอนนี้เราจะยกเลิกตรงนี้ เพื่อให้ทุกคนต้องเสียภาษีอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน แต่ขณะเดียวกันไม่อยากให้ผู้ประกอบการต้องกังวล เพราะหากรายได้ในแต่ละปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ก็ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม จะเสียแค่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น”

    ส่วนการจัดเก็บภาษีกับผู้ขายสินค้าออนไลน์ในประเทศนั้น ในปีงบประมาณ 62 กรมได้ดึงผู้ค้าออนไลน์เข้าสู่ระบบภาษี ด้วยการให้มายื่นแสดงรายได้กับกรมได้แล้วถึง 100,000 ราย และมีการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากับผู้ค้าได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งปีงบประมาณ 63 กรมฯตั้งเป้าหมายดึงผู้ค้าออนไลน์เข้าสู่ระบบภาษีให้เพิ่มขึ้นเป็น 170,000 ราย โดยเชื่อว่าจะสามารถจัดเก็บภาษีจากผู้ค้าออนไลน์ได้มากกว่า 1,000 ล้านบาทแน่นอน รวมถึงปีหน้าจะดึงประชาชนให้มายื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้านคน

    Source: เดลินิวส์ออนไลน์ https://www.dailynews.co.th/economic/747823
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    น้ำท่วมใน nerva, Huelva, สเปน กำลังทิ้งความเสียหายสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน, ยานพาหนะ, สนาม วันที่ 19 ธันวาคม 2019





     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แฉโจรจีนใช้โดรนแพร่โรคอหิวาต์หมูแอฟริกา บีบเกษตรกรขายหมูราคาถูก เผยแพร่: 15 ธ.ค. 2562 11:28 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    562000012345201.jpg
    เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ สื่อจีน รายงาน (15 ธ.ค.) จีนพบกลุ่มอาชญากรนำซากหมูติดเชื้อโรคอหิวาต์หมูแอฟริกาทิ้งในหมู่บ้าน ปล่อยข่าวสร้างความตื่นตระหนก บีบเกษตรกรรีบจำหน่ายหมูให้ในราคาถูก เพื่อเปิดช่องให้กลุ่มโจรนำไปขายต่อในราคาสูง

    รายงานระบุว่า ในบางพื้นที่ กลุ่มโจรดังกล่าวใช้ “โดรน” เป็นเครื่องมือในการแพร่กระจายเชื้อโรคร้ายแก่หมูในฟาร์ม เพื่อกดดันให้เกษตรกรจำหน่ายหมู ก่อนนำไปย้อมแมวขายว่าเป็นหมูสุขภาพแข็งแรง

    เกษตรกรรายหนึ่งเปิดเผยว่า เขาเห็นโดรนบนฟ้าทิ้งวัตถุปริศนาลงมาในฟาร์มหมู ซึ่งการตรวจสอบพบเชื้อโรคอหิวาต์หมูแอฟริกาในวัตถุดังกล่าว

    ปัจจุบัน เนื้อหมูในประเทศจีนมีราคาสูงขึ้นกว่า 2 เท่า เนื่องจากปัญหาเนื้อหมูขาดตลาด อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์หมูแอฟริกา ทำให้เกิดการลักลอบนำเนื้อหมูขายข้ามเมืองเพื่อทำกำไร

    รายยงานระบุว่า โจรจีนสามารถทำกำไรจากหมูได้กว่าตัวละ 1,000 หยวน หรือราว 5,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า ทีผ่านมา มีการลักลอบค้าหมูดังกล่าวมากกว่า 4,000 ตัว

    ที่ผ่านมา โรคร้ายได้คร่าชีวิตประชากรหมูในจีนไปกว่าร้อยละ 40 ส่วนหนึ่งเป็นการกำจัดหมูเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลุกลามขยายวงของโรคร้าย

    https://mgronline.com/china/detail/...6m1A7Y1Y45mxh9qSnAgc1PHE6LoZf6bmqli2gqi1EiFFM
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    น้ำท่วมอย่างรุนแรงในภาคใต้ของSardegna, อิตาลี วันที่ 18 ธันวาคม 2019
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำนักข่าวอาเซี่ยน
    ตลาดรถยนต์โลกย่ำแย่หนักสุดในรอบ30 ปี ปลดพนักงานแล้วกว่า 150,000 คน
    zk4bw&_nc_ohc=8n48y1l1KVkAQnTzFRBNbEC0b-Mb92FNaqnylFyGVumiqym7543dhvWtg&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg
    รายงานพิเศษ 19 ธ.ค.- อุตสาหกรรมและตลาดรถยนต์โลกตกต่ำหนักสุดในรอบเกือบ 30 ปี รับปัจจัยลบเศรษฐกิจโลกไปถึงตลาดรถยนต์เปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ แห่ปลดพนักงานทะลุกว่า 150,000 คน
    .
    เศรษฐกิจโลกปี 2562 เผชิญความไม่แน่นอน และความเสี่ยงสูงตลอดทั้งปีนี้ ส่งผลกระทบกับภาคอุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ในขณะที่ตลาดรถยนต์ทั่วโลกในปีนี้ได้รับการคาดการณ์ว่า ยอดขายยานยนต์ทั่วโลกจะตกต่ำเหลือเพียง 88.80 ล้านตัน หรือ -6% เมื่อเทียบกับในปี 2561 ที่ผ่านไป
    .
    นอกจากนี้ ตลาดรถยนต์โลกในปี 2563 จะทรุดต่ำต่อเนื่องเหลือเพียง 78.9 ล้านคัน ทำสถิติยอดขายรถยนต์ทั่วโลกต่ำกว่า 80 ล้านคันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี และย่ำแย่ที่สุดในรอบ 4 ปี หรือตั้งแต่ปี 2015 สำหรับตลาดรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือจีนแผ่นดินใหญ่นั้น มีความเป็นไปได้สูงมากที่ยอดขายรถยนต์ทั้งปีนี้จะตกต่ำในรอบเกือบ 30 ปี เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
    .
    หลังจากยอดขายรถยนต์ในจีนเดือนพฤศจิกายนติดลบเป็นเดือนที่ 17 จากทั้งหมด 18 เดือนที่ผ่านมา ผลพวงจากสภาสะดังกล่าว ทำให้การประกาศปลดพนักงานเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และมีความเป็นได้สูงที่จะมีการประกาศปลดพนักงานเพิ่มขึ้นในปี 2563 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประกาศปลดพนักงาน 10,000 คนทั่วโลก ตามด้วยค่ายรถยนต์แบรนด์หรู ออดี้ ของโฟล์คสวาเก้น เอจี ผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่ที่สุดของประเทศเยอรมนี สั่งปลดพนักงาน 9,500 คนในเยอรมนี ขณะที่ค่ายรถยนต์หรูหราอย่างบีเอ็มดับเบิลยู เอเจี เยอรมนี ถูกมองว่าจะประกาศปลดพนักงานในช่วงต้นปีหน้าเป็นอย่างช้าที่สุด
    .
    โดยผลพวงจากการเปลี่ยนสายการผลิตรถยนต์ไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ส่งผลให้ทั้ง 3 ค่ายรถยนต์หรูในเยอรมนีต้องปลดพนักงานรวมกันสูงถึง 70,000 คน ฟอร์ด มอเตอร์ส ยุโรป ประกาศปลดพนักงานมากถึง 12,000 คนจากทั้งหมด 51,000 คนในยุโรป พร้อมปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในรัสเซีย ฝรั่งเศส และเวลล์ และลดกะการทำงานของพนักงานลง 1 ใน 3 ซึ่งเป็นผลจากตลาดรถยนต์ในยุโรปซบเซา รวมถึงเตรียมยกเครื่องการผลิตรถยนต์เป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวีรองรับตลาดรถยนต์ในอนาคต
    .
    ข้ามมาที่เอเชีย นิสสัน มอเตอร์ส ประกาศปลดพนักงานมากกว่า 10,000 คนทั่วโลก โดยมีปัจจัยพิเศษเกิดขึ้นค่ายรถยนต์นิสสัน คือเรื่องอื้อฉาวของผู้บริหารระดับสูงสุดของนิสสัน ข้ามมาที่จีนแผ่นดินใหญ่ ธุรกิจสตาร์ทอัพผลิตรถยนต์ชื่อดังของจีน นีโอ อินคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทที่จ้างพนักงานมากที่สุดในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ต้องประกาศปลดพนักงาน 20,000 คน หรือราว 20% ของทั้งหมด สาเหตุจากยอดขายรถยนต์ค่ายนีโอดิ่งเหวหนักตามภาวะตลาดรถยนต์ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ทรุดหนักในรอบเกือบ 30 ปี
    .
    ทั้งนี้ วงการอุตสาหกรรมรถยนต์ของโลก ประเมินว่า หากนับรวมบริษัทที่อยู่ในเครือข่ายการผลิตรถยนต์ให้กับค่ายรถยนต์ชั้นนำ เช่น เยอรมนี คาดว่าจะมีการปรับลดพนักงานพุ่งขึ้นอีกกว่า 150,000 คนภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ดังนั้น สถานการณ์ตลาดรถยนต์ที่ตกต่ำอย่างรุนแรง และยืดเยื้อจะยังไม่ถึงจุดต่ำสุดในปีหน้าตามที่คาดไว้.
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra


    พายุ Elsa นี่คือความเสียหายของอาคารศูนย์การค้าใน Cangas ประเทศสเปน


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฤดูหนาวและหิมะที่หายไปในมอสโคว สถิติใหม่อันน่ากลัวในรอบ 133 ปี

    ผู้คนในมอสโควต่างสงสัยว่าหน้าหนาวหายไปไหน หลังจากที่อากาศในปีนี้เป็นเดือนธันวาคมที่อุ่นที่สุดในรอบ133ปี และไม่มีหิมะปกคลุม
    ปกติในช่วงนี้ของปีหิมะจะปกคลุมไปทั่ว แต่อุณหภูมิปีนี้คาดว่าจะสูงถึง6องศาเซลเซียสในตอนกลางคืน ทั้งๆที่ปกติอุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนธันวาคมอยู่ที่ประมาณ ติดลบ6.2องศาเซลเซียส อ้างอิงจากศูนย์พยากรณอากาศFobos น่ากังวลแค่ไหนดูจากภาพซ้ายที่เป็นปกติของเดือนธันวาคมทุกปี ภาพขวาจาก instagram account igortraveler post เมื่อ4 วันที่แล้ว

    ล่าสุดที่มอสโคว สถิติเดิม อากาศอุ่นถึง5.3องศาเซลเซียสคือธันวาคมปี1886 เมื่อ133ปีที่แล้ว
    อากาศที่อบอุ่นแบบนี้เนื่องมาจากสภาพภูมิกาศในมหาสมุทรแอตแลนติก และในช่วงปีใหม่เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองนี้อาจมีฝนตก ไม่ใช่หิมะ

    และไม่ใช่แค่ผู้คนเท่านั้นที่แปลกใจกับอากาศ ที่สวนสาธารณะในมหาวิทยาลัยมอสโคว ดอกสโนวดรอปและกุหลาบพันปลี Rhododendron ก็เริ่มบานแล้ว ซึ่งปกติต้องบานช่วงฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากอากาศที่อบอุ่นขึ้นทำให้ต้นไม้เข้าใจผิดว่าฤดูใบไม้ผลิได้มาถึงแล้ว ดอกไม้เหล่านี้ก็จะเหี่ยวลงเมื่ออากาศหนาวมาถึง และเมื่อใบไม้ผลิก็จะไม่มีดอกไม้บาน
    ชายคนหนึ่งเดินในสวนสาธารณะกล่าวว่าผมเกิดและโตที่นี่มาทั้งชีวิต พวกเราเคยมีหน้าหนาวที่เป็นหน้าหนาวจริงๆ

    สวนสาธารณะ Sokolniki ที่ๆผู้คนมักจะมาเล่นสเก็ตในหน้าหนาวต้องใช้หิมะเทียมเนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนไปประชาชนบางคนโพสต์ติดตลก ขายหิมะบนสื่อonline 1000 รูเบิลต่อตารางเมตร ซึ่งจริงๆแล้ว ไม่ใช่เรื่องน่าตลกเลย แต่สะท้อนให้เห็นว่าภาวะโลกร้อนทรุดลงเร็วแค่ไหน

    จะเห็นได้ว่าภาวะโลกร้อนไม่ใช่เรื่องที่อยู่ไกลตัวอีกต่อไป นักวิทยาศาสตร์เตือนโลกมีเวลาแค่ 10 ปี ในการคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงเกิน 1.5 C ก่อนที่สภาพอากาศจะเสียหายถาวร ตอนนี้สูงไปแล้ว 1.1 C และ 0.2C ที่เพิ่มขึ้นมาจากห้าปีล่าสุดนี้ ทุกประเทศมีความจำเป็นต้องลดการปล่อยคาร์บอนให้เหลือ 0 ภายในปี 2050 แต่คาร์บอนกลับสูงสุดในชั้นบรรยากาศในประวัติศาสตร์โลกเท่าที่เคยมีมา ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังแล้ว ภาคประชาชนสิ่งที่ทำได้คือการประหยัดพลังงาน ลดการใช้รถยนต์ อุปโภคบริโภคอย่างพอเหมาะ ลดการสร้างขยะ สร้างcarbon footprint ส่วนระดับประเทศ ต้องเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดที่ทดแทนพลังงานฟอสซิล ไม่ว่าจะถ่านหินหรือน้ำมัน แหล่งสร้างก๊าซเรือนกระจก อันเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน แต่ดูเหมือนภัยต่อมนุษยชาติ และระบบนิเวศน์จะไม่ใช่ปัญหาหลักอันดับหนึ่งของรัฐบาลใดๆทั้งนั้น

    Cr photo igortraveler , Traveltriangle.com

    https://www.rte.ie/news/newslens/2019/1218/1102013-moscow/

    https://www.reuters.com/article/us-...-temperatures-hit-133-year-high-idUSKBN1YM1XW

    https://www.smh.com.au/world/europe...atures-hit-133-year-high-20191219-p53lbi.html

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    งานวิจัยใหม่ชี้ PM 2.5 มีผลทำให้เป็นโรคซึมเศร้า-จบชีวิตตัวเอง

    ข้อมูลจาก WHO พบว่ามีคนเป็นโรคนี้ถึง 264 ล้านคนทั่วโลก

    การลดมลพิษลงมาที่ระดับมาตรฐานของอียูจะสามารถที่จะป้องกันไม่ให้เป็นโรคซึมเศร้าถึง 15%

    ผลการศึกษาชิ้นใหม่พบฝุ่นพิษทางอากาศ PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าและการจบชีวิตตัวเองลง การลดมลพิษลงมาที่ระดับมาตรฐานของอียูจะมีผลอย่างมาก โดยสามารถที่จะป้องกันไม่ให้เป็นโรคซึมเศร้าถึง 15% ข้อมูลจาก WHO พบว่ามีคนเป็นโรคนี้ถึง 264 ล้านคนทั่วโลก

    รายงานผลการศึกษาล่าสุดพบว่า คนที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางมลพิษทางอากาศที่มีเต็มไปด้วย PM2.5 มีอัตราการเป็นโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตายสูงขึ้น

    อาการซึมเศร้าเป็นโรคที่พบกันทั่วไปทั้งโลก โดยองค์กรอนามัยโลกหรือ World Health Organization ระบุว่า ทั่วโลกมีผู้คนที่เป็นโรคซึมเศร้าราว 264 ล้านคน

    อาการซึมเศร้านั้นแตกต่างจากความผันผวนทางอารมณ์ตามปกติ และการตอบสนองทางอารมณ์ในระยะสั้นต่อความท้าทายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเมื่อมีอาการเป็นระยะยาวและมีความรุนแรงปานกลางหรือรุนแรง ภาวะซึมเศร้าอาจกลายเป็นภาวะสุขภาพที่ร้ายแรง ทำให้ผู้ที่มีอาการทรมานอย่างมากและไม่สามารถทำงานได้ดี และในสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด อาจจะนำไปสู่การปลิดชีวิตตัวเอง

    แต่ละปีผู้ที่มีอาการซึมเศร้าฆ่าตัวตายราว 800,000 คน

    สาเหตุของโรคซึมเศร้ามาจากแรงปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของปัจจัยทางสังคมจิตวิทยาและชีวภาพ บางคนอาจจะประสบกับเหตุการณ์ร้ายแรงในชีวิต เช่น การว่างงาน การเจ็บป่วยทางจิต ซึ่งยิ่งทำให้เกิดความเครียดและความผิดปกติมากขึ้น

    แต่รายงานผลการศึกษาข้อมูลทั่วโลกล่าสุดของ อิโซเบล เบรทเวต จาก University College London (UCL) หัวหน้าคณะวิจัยพบว่า คนที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางมลพิษทางอากาศมีอัตราการเป็นโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตายสูงขึ้น

    “เราพบว่ามลพิษทางอากาศอาจจะมีผลอันตรายอย่างมากต่อสุขภาพจิตของคน ซึ่งการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ทำให้อากาศที่เราหายใจเข้าไปทุกวันสะอาดขึ้นเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องจัดการ” อิโซเบล เบรทเวต กล่าว

    อนุภาคมลพิษที่รายงานวิเคราะห์ คือ มลพิษจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลของรถยนต์ จากที่อยู่อาศัยและภาคอุตสาหกรรม นักวิจัยระบุว่า ข้อมูลใหม่ที่พบยิ่งทำให้ต้องมีการเรียกร้องอย่างเข้มแข็งให้จัดการแก้ไขปัญหา ในสิ่งที่ WHO จัดว่า “อากาศพิษ” เป็นภัยเงียบที่ร้ายแรงด้านสาธารณสุขที่ต้องจัดการเร่งด่วน

    รายงานเสนอแนะว่า การลดมลพิษทางอากาศทั่วโลกมาอยู่ ณ ระดับที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้ตามกฎหมาย อาจจะช่วยป้องกันไม่ให้คนหลายล้านคนเป็นโรคซึมเศร้า จากสมมติฐานที่ว่าการสัมผัสหรืออยู่ภายใต้มลพิษทางอากาศเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคซึมเศร้า

    มาตรการแก้ไขมลพิษฝุ่น: (ตอน1) จีนทำแผนต่อเนื่องพร้อมมุ่งพลังงานสะอาด

    มาตรการแก้ไขมลพิษฝุ่น: (ตอน 2) สหภาพยุโรปเข้มใช้กฎหมายบังคับ – พึ่งอำนาจศาล

    การลดมลพิษลงมาที่ระดับมาตรฐานของอียูจะมีผลอย่างมาก โดยสามารถที่จะป้องกันไม่ให้เป็นโรคซึมเศร้าถึง 15% จากสมมติฐานที่ว่าเป็นสาเหตุที่เกี่ยวข้องกัน เพราะโรคซึมเศร้าเป็นโรคที่พบกันมากและกำลังเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลจาก WHO พบว่ามีคนเป็นโรคนี้ถึง 264 ล้านคนทั่วโลก

    “เรารู้ว่าอนุภาคมลพิษทางอากาศที่เล็กที่สุด สามารถที่จะเข้าไปสู่สมองของคนได้จากกระแสเลือดและจากทางจมูก และมลพิษทางอากาศนั้นมีผลเกี่ยวข้องกับการอักเสบของสมอง ทำลายเยื่อประสาท และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน และมีผลต่อสุขภาพจิตที่ย่ำแย่”

    โจเซฟ เฮส์ หนึ่งในคณะวิจัยจาก UCL กล่าวว่า จากข้อมูลที่พบบ่งชี้อย่างมากว่า มลพิษทางอากาศเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสุขภาพจิตอย่างรุนแรง

    งานวิจัยนี้ซึ่งได้มีการตีพิมพ์ในวารสาร Environmental Health Perspectives นั้นได้มีหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดในการเลือกและรวบรวมงานวิจัยจาก 16 ประเทศและได้มีการเผยแพร่จนถึงปี 2017 มาศึกษา ซึ่งพบสถิติที่ชัดเจนถึงความเกี่ยวข้องของมลพิษทางอากาศกับโรคซึมเศร้าและการจบชีวิตตัวเอง อีกทั้งรายงานวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งรวมถึงการศึกษาที่เชื่อมโยงอากาศพิษกับอัตราการเสียชีวิตที่สูงของคนซึ่งมีอาการผิดปกติทางจิตและเพิ่มความเสี่ยงของการซึมเศร้าในกลุ่มวัยรุ่นถึง 4 เท่า

    รายงานวิจัยชิ้นอื่นบ่งชี้ว่า มลพิษทางอากาศเป็นสาเหตุที่ทำให้สติปัญญาของคนลดลงอย่างมาก และเกี่ยวพันกับวิกลจริต การศึกษาแบบครอบคลุมทั่วโลกในต้นปี 2019 ได้ข้อสรุปว่า มลพิษทางอากาศอาจจะทำลายอวัยวะและเซลล์ในร่างกายมนุษย์

    ข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์ในการวิจัยใหม่นี้เชื่อมโยงการซึมเศร้ากับฝุ่นพิษที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมโครเมตรหรือเทียบเท่า 0.00025 มิลลิเมตร หรือที่รู้จักกันในชื่อ PM2.5 คนที่ต้องหายใจ PM2.5 เข้าไปในปริมาณ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรต่อปีหรือมากกว่านี้ มีความเสี่ยงสูงขึ้น 10% ที่จะมีอาการซึมเศร้า ระดับ PM2.5 ในกรุงนิวเดลี อินเดีย สูงถึง 114 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ที่ออตตาวา แคนาดา มีเพียง 6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ในอังกฤษค่าเฉลี่ย PM2.5 ในเมืองอยู่ที่ 13 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

    นักวิจัยประเมินว่า การลดฝุ่น PM2.5 ลงมาที่ระดับ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามที่ WHO แนะนำก็จะลดอาการซึมเศร้าของคนเมืองลงได้ราว 2.5% ขณะที่ฝุ่นพิษซึ่งมีผลต่อการฆ่าตัวตายมีค่ามากกว่าขึ้นไปจนถึง PM10 โดยนักวิจัยพบว่า ในระยะสั้น การเพิ่มขึ้นของ PM10 ในปริมาณ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภายใน 3 วันจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตาย 2%

    นักวิทยาศาสตร์ให้ข้อมูลว่า ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นแม้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่มีผลมากต่อคนจำนวนมาก เพราะมากกว่า 90% ของประชากรในโลกอาศัยอยู่ในเมืองที่มีระดับมลพิษทางอากาศสูงกว่าที่ WHO กำหนด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าวิตก

    ผลการศึกษายังพบความเชื่อมโยงระหว่างกันสูง แต่พิสูจน์ว่าการเชื่อมโยงเชิงสาเหตุนั้นยาก เพราะการทดลองทางจริยธรรมจะต้องไม่ทำให้ผู้คนได้รับอันตราย การศึกษาได้นำหลายปัจจัยที่อาจจะมีผลต่อสุขภาพจิตเข้ามารวมในการวิเคราะห์ด้วย ทั้งที่ตั้งของที่พัก รายได้ การศึกษา การสูบบุหรี่ การจ้างงาน และการเป็นโรคเบาหวาน แต่ไม่สามารถแยกผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากเสียงรบกวน ซึ่งมักจะเกิดร่วมกับมลพิษและเป็นที่รู้ว่ามีผลกระทบทางจิต

    “เราทุกคนต้องลงมือทำในสิ่งที่ทำได้เพื่อลดการสร้างมลพิษ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การใช้จักรยาน และเราต้องคำนึงการปรับเปลี่ยนระบบ ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลต้องมีนโยบายที่จะลดระดับมลพิษโดยรวม แม้การเดิน การใช้จักรยานจะไม่ลดมลพิษลง แต่ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น”

    ฝุ่นพิษ PM 2.5 จาก “ป้องกัน” สู่ “วาระแห่งชาติ” และแผนปฏิบัติการ 52 หน้า

    ไอออนนิส บาโคลิส แห่งคิงส์คอลเลจ ซึ่งไม่ได้อยู่ในคณะวิจัยกล่าวว่า งานวิจัยนี้ครอบคลุมงานวิจัยที่ทำมาตลอด 40 ปี แม้งานวิจัยจะมาจากหลายแห่ง ทั้งจีน สหรัฐฯ เยอรมนี และมีความแตกต่างกันทั้งในแง่กลุ่มทดสอบ รูปแบบการศึกษา และวิธีวัดการซึมเศร้า แต่ให้ผลที่เหมือนกัน

    อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ค้นพบยังอยู่ในวงจำกัดและต้องมีการศึกษาต่อไปอีก โดยเฉพาะความเข้าใจถึงผลกระทบของการลดมลพิษต่อสุขภาพจิต ซึ่งจะทำให้มีข้อมูลมากขึ้นสำหรับผู้กำกับนโยบายที่จะต้องดำเนินการ

    #โรคซึมเศร้า
    #มลพิษทางอากาศ
    #Thaipublica #ไทยพับลิก้า

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Michael DiFato

    สิ่งนี้ทำให้เกิดการไหลวนของmagnetons แสดงในโมเดลแม่เหล็กของโลกหมายความว่าสำหรับอนาคตอันใกล้ของดาวเคราะห์โลก


    What does this eddy flow of magnetons showing up in the Earth’s magnetic models mean for the near future of planet Earth?


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk


    พระอาทิตย์ขึ้น ถ่ายโดย Dr. Lawrence Quarles ในวันที่ 15 ธันวาคม 2019 @ Tomah, Wisconsin


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนหนาวสุดขั้วติดลบ 40 องศาฯ ผลไม้แข็งโป๊กใช้ตอกตะปูได้

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Michael DiFato


    มองเห็นการไหลวนของแม่เหล็กขนาดเล็กที่ก่อตัวขึ้นหลังโลกในเช้านี้

    IMG_5754.JPG IMG_5755.JPG

    Visible eddy flow of magnetons forming behind the Earth this morning.


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นิวเซาท์เวลส์ฉุกเฉินไฟป่ารอบ 2

    นางกลาดีส์ เบเรจิกเลียน นายกรัฐมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ออสเตรเลีย ประกาศภาวะฉุกเฉินรับมือไฟป่าเป็นเวลา 7 วัน เมื่อ 19 ธ.ค. เพราะคลื่นความร้อนที่โหมกระพือให้เกิดไฟป่าอย่างที่ไม่เคยปรากฏไปทั่วภูมิภาค โดยยังมีไฟป่าราว 100 จุดที่เผาผลาญมานานหลายสัปดาห์ ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งยังควบคุมเพลิงไม่ได้ รวมทั้งไฟป่าขนาดใหญ่ที่นครซิดนีย์ จนเกิดกลุ่มหมอกควันพิษลอยฟุ้งทั่วท้องฟ้า

    นับเป็นการประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งที่ 2 นับแต่เริ่มฤดูไฟป่าเมื่อเดือน ก.ย. ขณะที่อุณหภูมิอากาศพุ่งสูงสุด 41 องศาเซลเซียสที่ซิดนีย์ และ 45 องศา ทางตะวันตกของซิดนีย์ ซึ่งมีลมกระโชกแรงสูงสุดถึง 100 กม./ชม. จนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และเริ่มมีผู้ป่วยเรื้อรังเข้ารักษาตามโรงพยาบาลมากขึ้น

    ขณะเดียวกัน นักผจญเพลิง 2,000 นาย รวมถึงกองหนุนจากสหรัฐฯ และแคนาดา ช่วยกันสกัดไฟป่าที่ยังพบกว่า 700 แห่งทั่วรัฐควีนส์แลนด์ไปถึงตอนเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์ รวมถึงที่รัฐเซาท์ออสเตรเลียและรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ทำให้กลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมพุ่งเป้าไปที่รัฐบาลฝ่ายอนุรักษนิยมที่ยังต้านแรงกดดันเรื่องการต่อสู้ปัญหาภาวะโลกร้อน เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมส่งออกถ่านหินที่สร้างรายได้ให้ประเทศ.

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปรากฏการณ์ควอนตัมนำความร้อน "กระโดด" ข้ามช่องว่างสุญญากาศ
    • _110236129_sunradiationnasa.jpg Image copyrightNASA
    คำบรรยายภาพเว้นแต่การแผ่รังสีของดวงอาทิตย์แล้ว การถ่ายเทพลังงานความร้อนต้องอาศัยตัวกลางเสมอ
    การค้นพบใหม่ ๆ ทางฟิสิกส์ อาจทำให้ตำราเรียนระดับพื้นฐานต้องมีการปรับปรุงเนื้อหาใหม่กันอีกครั้ง โดยล่าสุดนักวิจัยด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์ (UC Berkeley) ของสหรัฐฯ พบว่าปรากฏการณ์ทางควอนตัมบางอย่าง สามารถฉีกกฎเกณฑ์ในเรื่องการถ่ายเทความร้อน ที่บรรดานักเรียนนักศึกษาเคยท่องจำกันมาลงได้อย่างสิ้นเชิง

    ตามปกติแล้ว การถ่ายเทความร้อน (Heat transfer) ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม จะต้องอาศัยตัวกลางคือการสั่นของอะตอมหรือโมเลกุลต่าง ๆ เสมอ เว้นแต่การแผ่รังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ ซึ่งสามารถเดินทางผ่านห้วงอวกาศที่ไม่มีตัวกลางและเป็นสุญญากาศได้

    แต่การทดลองที่วิศวกรของ UC Berkeley จัดทำขึ้นล่าสุด ทำให้แผ่นเยื่อซิลิคอนไนไตรด์เคลือบด้วยทองบาง ๆ 2 แผ่น ซึ่งตั้งอยู่ห่างกันราว 200-300 นาโนเมตร โดยมีช่องว่างสุญญากาศคั่นกลาง สามารถจะส่งผ่านความร้อนถึงกันได้ โดยเมื่อให้ความร้อนกับแผ่นซิลิคอนไนไตรด์แผ่นหนึ่ง อีกแผ่นหนึ่งก็จะร้อนขึ้นด้วยเช่นกัน เปรียบเสมือนว่าพลังงานความร้อน "กระโดด" ข้ามช่องว่างสุญญากาศเล็ก ๆ นั้นไปได้เอง

    _110236133_quantumheattransferucberkeley.jpg Image copyrightUC BERKELEY
    คำบรรยายภาพแผนภาพแสดงการถ่ายเทความร้อนผ่านช่องว่างสุญญากาศที่มีความผันผวนทางควอนตัมอยู่
    สิ่งที่เกิดขึ้นตรงข้ามกับหลักการของฉนวนกันความร้อนที่พบเห็นกันอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่นการที่กระติกน้ำร้อนสามารถเก็บความร้อนไว้ได้นาน เพราะมีช่องว่างสุญญากาศห่อหุ้มอยู่โดยรอบ ทำให้ความร้อนไม่ถ่ายเทออกไปภายนอก

    ศาสตราจารย์ จาง เซี่ยง ผู้นำทีมวิจัยอธิบายว่า การที่พลังงานความร้อนถูกส่งผ่านช่องว่างสุญญากาศไปได้นั้น เพราะอาศัยปรากฏการณ์ทางควอนตัมที่เรียกว่า "ปรากฎการณ์คาซิมีร์" (Casimir effect)

    "ที่ว่างหรือภาวะสุญญากาศที่เราเห็นนั้น ไม่ได้ว่างเปล่าอย่างแท้จริง แต่เต็มไปด้วยความผันผวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดเล็กมากที่เกิดขึ้นและผันแปรไปอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ซึ่งปรากฎการณ์ทางควอนตัมนี้สามารถมีอิทธิพลต่อวัตถุที่อยู่รอบข้างได้ โดยเคยมีการประยุกต์ใช้เพื่อขยับอนุภาคระดับนาโนในสุญญากาศได้มาแล้ว"

    _110240125_vacuumchamberucberkeley.jpg Image copyrightUC BERKELEY
    คำบรรยายภาพตู้สุญญากาศที่ใช้ในการทดลอง
    "เราพบว่าโฟนอน (Phonon) หรือการสั่นของอะตอมที่มีลักษณะเสมือนอนุภาคตัวกลางนำความร้อน สามารถจะถ่ายเทข้ามช่องว่างสุญญากาศไปได้ ด้วยกระแสความผันผวนทางควอนตัมที่มองไม่เห็นนี้เอง"

    แม้การทดลองครั้งนี้จะเป็นการส่งผ่านพลังงานความร้อนข้ามช่องว่างสุญญากาศที่เล็กจิ๋ว แต่ก็เป็นความสำเร็จที่เพียงพอจะนำไปประยุกต์ใช้จัดการระบบไหลเวียนความร้อนของควอนตัมคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กมากซึ่งจะพัฒนาขึ้นในอนาคต


    https://www.bbc.com/thai/features-50857730?at_campaign=64&at_custom4=4C1D807C-22BD-11EA-97E0-34E7923C408C&at_custom2=[Facebook]&at_custom3=BBC+Thai&at_custom1=[post+type]&at_medium=custom7
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘บิ๊กป้อม’ ห่วงน้ำแล้ง สั่งขุดบาดาลเพิ่ม 500 บ่อ วอนชาวนางดทำนา

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศูนย์วิจัย Pew เปิดเผยผลการศึกษาว่า 4 ใน 10 คน ของคนรุ่นมิลเลนเนียลส์ (อายุ 23-38 ปี) ในสหรัฐอเมริกา ไม่นับถือศาสนาใด พวกเขาบอกว่าตนเองไม่มีศาสนา แต่ถูกระบุว่าเป็นชาวคริสต์ แม้ยังไม่ชัดเจนว่า การปฏิเสธศาสนาของคนหนุ่มสาวจะเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวหรือถาวร แต่จากหลักฐานที่มากขึ้นทุกทีแสดงให้เห็นว่า คนเจเนอเรชันต่อจากนี้ อาจละทิ้งศาสนาตลอดไป
    .
    การวิจัยทางสังคมศาสตร์บอกเรามานานแล้วว่า ความสัมพันธ์ของชาวอเมริกันกับศาสนามีลักษณะขึ้นๆ ลงๆ นั่นคือ เติบโตมากับศาสนา เริ่มเอาใจออกห่างในช่วงผู้ใหญ่ตอนต้น แล้วกลับมาหาศาสนาอีกครั้งเมื่อมีคู่และสร้างครอบครัวของตนเอง แต่กับชาวมิลเลนเนียลส์ แม้พวกเขาจะผ่านหลักไมล์สำคัญของชีวิตมาแล้ว แต่ก็มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่แสดงว่าพวกเขามีความสนใจทางศาสนา
    .
    การศึกษาระดับชาติล่าสุดจากสถาบันวิสาหกิจอเมริกันเพื่อการวิจัยนโยบายสาธารณะ สำรวจชาวอเมริกันกว่า 2,500 คน พบว่ามีไม่กี่เหตุผลที่ชาวมิลเลนเนียลส์อาจไม่กลับไปนับถือศาสนาอีก นั่นคือ หนึ่ง ชาวมิลเลนเนียลส์มักจะไม่ผูกพันกับศาสนาตั้งแต่แรก ทำให้พวกเขาไม่ได้พัฒนาลักษณะนิสัยหรือการสมาคมที่จะทำให้พวกเขากลับสู่ชุมชนศาสนาได้ง่ายขึ้น สอง ชาวมิลเลนเนียลส์มีแนวโน้มมีคู่ที่ไม่มีศาสนาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจช่วยให้โลกทัศน์ทางโลกแข็งแกร่งขึ้น และ สาม มุมมองที่เปลี่ยนไปของความสัมพันธ์ระหว่างคุณธรรมและศาสนา ที่ทำให้พ่อแม่รุ่นใหม่คิดว่า ศาสนาไม่มีความจำเป็นต่อลูกของพวกเขา
    .
    แม้ชาวมิลเลนเนียลส์กับศาสนาจะไม่สามารถไปด้วยกันได้ แต่พวกเขาไม่ได้เริ่มด้วยตนเอง กลับเป็นพ่อแม่ของพวกเขาที่เลี้ยงดูลูกมาโดยไม่มีการเชื่อมต่อใดๆ กับองค์กรศาสนา ซึ่งตรงกับการสำรวจของ AEI ที่ระบุว่า ชาวมิลเลนเนียลส์ 17% บอกว่า ตนเองไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมากับศาสนา เปรียบเทียบกับคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ที่บอกแบบเดียวกันเพียง 5% นอกจากนี้ ชาวมิลเลนเนียลส์ 32% ยังบอกด้วยว่า เคยไปเข้าร่วมบริการทางศาสนารายสัปดาห์กับครอบครัวในตอนที่พวกเขายังเด็ก ขณะที่ชาวเบบี้บูมเมอร์บอกแบบเดียวกัน 49%
    .
    การเป็นหรือไม่เป็นศาสนิกชนของพ่อแม่มีอิทธิพลอย่างมากต่อนิสัยทางศาสนาและความเชื่อของลูกในเวลาต่อมา ในการศึกษาของศูนย์วิจัย Pew ประจำปี 2016 พบว่า การเลี้ยงดูในครอบครัวที่พ่อแม่นับถือศาสนาเดียวกัน ก็ยังคงทำให้ลูกนับถือศาสนานั้นในวัยผู้ใหญ่ อย่างเช่น คน 84% ถูกเลี้ยงดูมาโดยพ่อแม่ที่เป็นโปรเตสแตนท์ เมื่อพวกเขาเป็นผู้ใหญ่ก็ยังคงเป็นโปรเตสแตนท์อยู่ คล้ายกันกับคนที่ถูกเลี้ยงดูโดยไม่มีศาสนา ก็มีความเป็นไปได้น้อยที่พวกเขาจะนับถือศาสนาอะไรเมื่อโตขึ้น ในการศึกษาเดียวกันนี้ของศูนย์วิจัย Pew เองก็พบว่า คน 63% ที่เติบโตมากับพ่อแม่ที่ไม่นับถือศาสนาใดๆ ก็จะยังเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีศาสนา
    .
    อย่างไรก็ตาม มิลเลนเนียลส์ผู้เติบโตมากับศาสนาก็อาจไม่กลับไปหาศาสนาด้วยเช่นกัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในทศวรรษ 1970 ชาวอเมริกันที่ไม่มีศาสนาทั้งหมดมีคู่ที่นับถือศาสนา และบ่อยครั้งที่คู่ของพวกเขาชักนำให้พวกเขากลับสู่การปฏิบัติทางศาสนา แต่ปัจจุบันนี้ ตัวเลขของชาวอเมริกันที่ไม่ฝักใฝ่ศาสนาเพิ่มมากขึ้นและพวกเขาก็จับคู่กันเอง นอกจากนี้ ความเฟื่องฟูของการเดทออนไลน์ ก็ทำให้เกิดคู่รักที่ไม่ฝักใฝ่ศาสนาเพิ่มมากขึ้นด้วย โดย 74% ของชาวมิลเลนเนียลส์ที่ไม่เข้าศาสนาใดมีคู่ที่ไม่มีศาสนาด้วยเช่นกัน ขณะที่พวกเขามีคู่เป็นคนมีศาสนาแค่ 26% เท่านั้น
    .
    .
    ที่มา:
    https://fivethirtyeight.com/features/millennials-are-leaving-religion-and-not-coming-back/
    https://www.washingtonpost.com/opin...35b972-f777-11e9-8cf0-4cc99f74d127_story.html
    https://www.theguardian.com/world/2019/oct/17/americans-less-christian-religion-survey-pew

    ที่มาภาพ : Carlos Barria/REUTERS

     

แชร์หน้านี้

Loading...