จิต กับ วิญญาณ คือ ตัวเดียวกันหรือคนละตัว?

คนเขาเขียน ขออภัย ไปตั้งนานแว้วววว

เลย ยอมแร๊บโย่ว ไปนานแว้ววววว

แล้วก็ เอาลง แว้วววววว เป็นการให้เกรียติ ตัวเจงเสียงเจง

ไปละ เดี๋ยวเจ้าของกระทู้ ตื่น !!!

 

เอาคำว่ารัก ของชั้นคืนมา คืนมาซะที .....อยู่กะเมียแบนี้..น่าอายๆๆๆๆๆๆ:boo:

 

เออบายท่าน คิดถึงเหมือนกัน...อยากกัดซักที ถ้าทำได้ อ่ะนะ

 

จิตมารเข้าแทรก หลายท่านเลย น่ะคับ
เพราะมีตัวตนแห่งความไม่รู้จริง จึงต้องวิ่งไปตามอวิชชา .... ^__^

 

คงเป็นดังว่า (^ ^) ก็ถือว่าคลายเครียดกันไป ... ใครสนใจอันไหนก็เลือกกันเอาเอง ถือว่าเป็นการสนทนาธรรมละกันเนอะ ... หวังว่าคงได้ข้อสรุปอยู่หรือไม่ได้ก็ไม่รู้นะแหล่ะ เพราะประเด็นมันต่อไปเรื่อยตามประสาเว็บบอร์ดที่เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น (- -)

 

ผมแอดเฟสไปแล้วนะครับ ... ชื่อ นิพพิชฌน์ คือ ชื่อลูกสาวผมเองครับ ส่วนชื่อที่ส่งแอดไปคือชื่อผมนะ ... แอดไว้ เผื่อมีโอกาสได้สนทนา หากไม่ชอบใจค่อยลบทีหลังก็ได้ (^ ^) พูดเผื่อไว้หรอก แต่ผมยินดีสนทนากับผู้ปรารถนาในเส้นทางพ้นทุกข์แน่นอนครับ ... ยินดีที่ได้สนทนากับทุก ๆ ท่านในบอร์ดนี้เช่นกัน

 

จิต หรือใจ หรือจิตใจ หรือวิญญาณ หรือความคิค เป็นตัวเดียวกันครับ
ยังอีกหลายอย่างที่ชื่อต่างกันแต่ความเหมือนกันกันครับ เช่นว่า วิสังขาร นิพพาน อัพยากตาธรรม
ยังมีอีกนะวิธีสอนหลายอย่าง แต่ทำเหมือนกัน

 

มโนมยิทธิ นี่....เห็นความจริงของจิต ความจริงของตนเองบ้างมั้ยนะ หรือเห็นแต่ นรก สวรรค์ กับแดนนิพพาน....อ้อไม่สิ เห็นพระพุทธเจ้าด้วย เห็นพระอรหันต์ทั้งหลายด้วย......ว่าแต่ เคยเห็น อวิชชา มั้ยนะ...

 

สรุปละกันนะครับเพื่อปิดกระทู้นี้ ... อาจจะมีหลายความเห็นมาบ้าง แต่ก็พอสรุปได้ตามนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้สนใจ

1. ถ้า ... จิต หรือใจ หรือ จิตใจ หรือวิญญาณ หรือ ความคิค เป็นตัวเดียวกัน ก็แสดงว่า ---> ผู้สอนให้ดูแต่จิต ผู้สอนให้เอาจิตปล่อยวางอุปทาน ผู้สอนให้ปล่อยวางขันธ์ ๕ แสดงว่า ---> เอาจิตไปเป็นนิพพาน = เอาขันธ์ ๕ ไปเป็นนิพพาน
2. ถ้า ... จิต กับ วิญญาณ (วิญญาณในขันธ์ ๕) เป็นคนละตัวกัน โดยแยกจากกันเลย ก็ให้ว่ากันไปตามแต่ผู้นั้นจะเข้าใจไม่ขอก้าวก่าย

ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ... ผิดถูกก็คงไม่ว่ากันเพราะเรามาแลกเปลี่ยนสนทนากัน อาจจะได้มาก ได้น้อย หรือไม่ได้เลยก็เป็นได้ บางอย่างผมอาจจะเข้าใจมาผิด บางอย่างก็อาจจะถูกก็ได้ ส่วนใครจะได้อะไรหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับท่านผู้นั้นเอง ขอบคุณที่ให้ความสนใจในกระทู้นี้... ขอปิดกระทู้นี้ไว้เพียงเท่านี้ (เดี๋ยวจะว่าไม่มาสรุปว่าตนเองได้อะไร (^ ^)) ...

 

ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ ๕ ถ้าดูให้ดี ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ผู้ยึด ผู้ยึดก็คือความมีตัวกูของกูนี่เอง ความสำคัญมั่นหมายใดๆ ย่อมเป็นทุกข์ วางความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง วางตัวกูของกูหมด จึงจบกิจ ไม่ต้องแบกถืออะไรไปเป็นอะไรอีก ส่วนธาตุขันธ์เป็นไปตามเหตุปัจจัยครับ

 

บ่อแม่นเด้อ....
คนมีอวิชชา จะบอกว่า จิตวิญญาณกับใจ เป็น อันเดียวกัน ทุกความคิดจะเป็นอุปทาน เป็นเจตสิก

ส่วนคนที่ไม่มีอวิชชา ใจเป็นคนละอันกับจิตวิญญาณ เมื่อจิตวิญญาณเป็นอนัตตาไป ใจก็มีแต่ความคิด ไม่เป็นอุปทาน ไม่เป็นเจตสิก

 

เวลาอ่าน พระอภิธรรม อ่านพระไตรปิฏก อ่านบทสนทนาที่คนอื่นถามข้อธรรม ถามข้อสงสัยในธรรมกับพระพุทธเจ้า...อย่าเอาแต่คำตอบ...แต่จงพยายามทำความเข้าใจกับคนที่ถาม ว่าคนที่ถามเป็นใคร เขาคิดอะไรอยู่ เขาถึงถามข้อคำถามกับพระพุทธเจ้าอย่างนั้น แล้วลองสมมุติว่าเป็นตนเองคือคนที่ถามพระพุทธเจ้า ลองดู

แล้วอาจจะเข้าใจ ในสภาวะธรร ม อารมณ์ความรู้สึก เดียวกับคนที่ถาม...แล้วค่อยไปอ่านคำตอบ ที่พระพุทธเจ้า ตอบอีกที....จะรู้ว่า มันเข้าใจอะไรๆมากขึ้นก็ได่

 

แสดงว่า มโนมยิทธิของท่าน ต้องระดับเดียวกับ นายนิวรณ์ ที่อ้างว่า เขาสามารถส่องดู วิญญาณคนอื่น เกิดดับได้.....และนายนิวรณ์ยังสอนให้ คนกำหนดดูอวิชชาได้ด้วยนะ.....ว่าแต่ไม่สงสัยเลยหรือครับว่า อวิชชาที่ท่าน ดีนอททท กล่าวมา เป็นตัวเดียวกันกับที่ท่านนิวรณ์ กล่าวไว้รึเปล่า....อิอิ

 

เน้นๆๆๆๆๆๆๆๆจำลองตนเอง ว่าเราเองที่เป็นคนถามคำถาม...จินตนาการว่า ถ้าเป็นเราถาม ทำไมเราคิดอะไรยังไง เรารู้อะไรมา เราถึงมาถามคำถามแบบนั้นได้...เราอยากรู้อะไร เราถึงถามแบบนั้น เราไม่เข้าใจอะไรเราถึงถามแบบนั้น...ลองหาคำตอบให้ตนเองก่อน..ในใจ...ค่อยไปอ่านคำตอบที่พระพุทธเจ้าตอบ

 

แล้วท่านจะมีความเพลิดเพลิน ในการอ่านพระธรรม

 

สรุปเข้าไปได้ บกพร่องทาง ตรรกอย่างร้ายแรง

1. สรุปออกมาว่า " ให้ดูจิต " คือ ให้ยก จิต เป็นสิ่งถูกรู้ถูกดูว่าไม่เที่ยง ( ดู
หรือ ใคร่ครวญพิจารณาตามความเป็นจริง คือ เห็นสิ่งที่ยกสังเกตุว่ามีสภาพ
สามัญลักษณะเป็นไตรลักษณ์ด้วยตัวของมันเอง ไม่ใช่การคาดเดา ไร้สติ ไม่
มีสัมปัชัญญะ ขณะใคร่ครวญ

ดังนั้น ดูจิต ก็เพื่อ ปล่อยวางจิต ปล่อยวาง รูเฮียรูเดียว ที่เหลือไม่ต้องไปไล่จับ
ไม่ต้องไปไล่ตะครุบบัญญัติว่า โน้น นั่น นี่ คือ โน้น นั่น นี่ เฮียอะไรทั้ง
นั้น เช่น ไปบัญญัติว่า นิพพานคือนิพพาน อันนี้ ก็ สันติ เอาไปกินได้เลย
แต่.............หากการกล่าวเป็น มุขนัยเพื่อการปฏิบัติ ก็ อีกเรื่องนะฮับ
สามารถกล่าวได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า นิพพานคือนิพพาน หรือ จะกล่าว
นิพพานเป็จแดนเกษม ก็ยังได้ หากกล่าวเพื่อ เป็นอุบายให้ผู้ฟังตั้งจิตให้ตรง
ลงการปฏิบัติ

2. จึงเป็นเรื่อง อุบาย ในการสอน หากผู้สอน สอนต่อจนสิ้นตัณหา อุปทาน
ได้ด้วยการปฏิบัติจริง เห็นจริง รู้จริง เขาก็อนุโลมไปตาม "วัตร" ของ สาวก
ท่านนั้นๆ แต่ ....การมากข้อวัตร จะทำให้คนบรรลุธรรมน้อยลง (เพราะคน
ที่มาทีหลัง มันจะ เอ้า....เฮ ละโล ทำตามๆกันไป ตามลักษระ ลัทธิ มากขึ้น)

ดังนั้น การเกิดขึ้นในแบบข้อ 2 ถึงเวลา ก็ต้อง กวาดเก็บให้เรียบ ไม่ให้เหลือ
เรียกว่า ทำให้อันตระธานหายไปดื้อๆ ได้ยิ่งดี จะได้ไม่มีอะไรไป บดบัง
สัทธรรม ของพระผู้มีพระภาค ที่ตรัสไว้ ดีแล้ว !!!!


สรุปของสรุป

สรุปว่า เจ้าของกระทู้ มีแนวโน้มเป็นคนนอกพระพุทธศาสนา ไม่ได้เข้ามา
แสวงหามุมมองการปฏิบัติ เป็นเพียง มาก่อ วาทะ ให้เกิดการ พิพาท

เนื่องจาก จขกท ตอนสรุป ก็ สรุปแบบ การโต้วาที ทำตัวเป็น กรรมการ
อ้างความเป็นกลาง เหยียบหัวผู้ปฏิบัติ เพื่อ ยกตนว่า มีทิฏฐิที่เหนือกว่า เท่านั้น

 

ซวยเลย....เจ้าของกระทู้ โดน...เจ้าถิ่นเฝ้าวัด...งัดเอาซะแล่วแล่วแล่วๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

เมื่อวาน กล่าวไปว่า ให้ สง่าราศรี เจ้าของกระตู้ ดีก่า น้าวงกลมจุก

วันนี้ ขอคืนคำ เลยฮับ

จาก วิธีการสรุป ชัดเลย เป็นการ ขยำคำศัพท์ แบบ ช๊อตโน้ท ล้วนๆ ( กรรมการโต้วาที , พิธีกร ชอบใช้ เก่งสุด ต้อง ไร่ส้ม )

ไม่ได้ อิงจาก การสิ้นไปของตัณหา อุปทาน เพื่อสรุปลงเป็น มรรค
หนทางดำเนิน อะไรเลย

จึงต้องจัดว่าเป็น คนนอกศาสนา มายุแหย่ ให้เดินสุ่มสี่สุ่มห้า ไปเรื่อยๆ

 

แสดงว่า นิวรณ์ เอาตาทิพย์ของเขาส่องดู วิญญาณคุณ นิพพิช แล้วก็คาดเดาได้ว่า คุณนิพพิช เป็นคนนอกศาสนา มีเจตนามิดีมิร้าย เพื่อทำลาย นิวรณ์ให้สิ้นซากไม่ต้องกลบต้องฝังต้องเผา....อิอิ

เนี่ย นิสัย นายนิวรณ์ โยนหินถามทาง แบบข่มขู่ก่อน ประเภทตัดไม้ข่มนาม...:boo:

 

ถ้าว่ามาแหย่ ก็คงจะแหย่อัตตา หรือแหย่โดนกิเลสใครเข้า ก็เท่านั้น
ท่านเข้าใจว่านอกก็นอก...
ใครเข้าใจว่าในก็ใน...

เพื่อความสบายใจ (- -) ... ไม่ว่ามากก็ได้
เอาเป็นว่าจะดูอันที่เป็นประโยชน์ในหัวข้อต่อ ๆ ไปนะครับ จะดูว่าจะมีอันไหนพอเป็นแก่นสารบ้างรึป่าว ถ้าไม่มีเดี๋ยวผมก็จากไปเองหรอกหรือจะลบออกก็ตามสบายครับ ผมยินดีทั้งนั้น