จิต กับ วิญญาณ คือ ตัวเดียวกันหรือคนละตัว?

เปล่ามีทิฏฐินะ ... งั้นสิทธิ์ กระจอกแข่วเป็นสิทธิ์เฉียบขาด เป็นของคุณ ไม่ข้องใจครับผม (^ ^)

 

แสดงว่า คนละตัวกัน ... หากพิจารณาจากข้อความนี้ แต่มันค่อนข้างจะแปลก ๆ นะ ตรงที่ "วิญญาณ คือ ธาตุรู้ ... แล้วไปเชื่อมกับ "จิตใจ" แล้ว "จิตใจ เป็นอะไร เป็นธาตุรู้ อีกต่อรึป่าว" ... อันนี้คือ พิจารณาเอาเฉพาะข้อความนะครับ ไม่ออกนอกประเด็น ลองดูนะครับ (- -)

 

ไหล และ !

" สิทธิเฉียบขาด " เป็นบัญญัติ เชิงกลยุทธ " การณ์ตลาด "

หาก จขกท เอาไป กล่าวต่อหน้า ภิกษุสงฆ์ ระวัง โดนอัดตกกุฏิ นะฮับ

ท่านจะ แสกนเจอ คำการตลาด แล้ว ซัดทันทีว่า " ปราศจากการปฏิบัติ "

เพราะ ร่องรอย การเอา บัญญัติเป็นใหญ่ ( มันกุมจิต ติดใน วาทะ โวหาร )


ปล. อภิธรรม จัดว่า อาจิณกรรม นามรูป ที่จิตกระทบ เกิดความพอใจ ไม่พอใจ แสร้งว่าเปล่า kuเฉยๆ
มันจะทำให้ จิตรับเอาไปเป็น จิตเกิด (จิตอวิชชา นั่นแหละ เรียกว่า จิตเกิด เกิดจิต ) แสดง อนัตตาให้กำหนดรู้ จิตเป็นตัวทุกข์ !!

 

https://www.facebook.com/DR.INTORN @เพื่อนมาครับ คุณ นิพพิชฌน์ คำตอบรออยู่ในเฟสเพียบเลยครับ ... ^__^

 

ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับคุณนิพพิช
คือมองแบบเด็กๆนะครับ
มันอธิบายยากมาก

เหมือนเราถามว่าตัวรถกับเครื่องยนต์ อันเดียวกัน?

ผมว่ามาสนใจคนขับรถยนต์(กิเลส)น่าจะดีกว่า?

 

งั้นก็ได้ครับ ไม่ว่ากัน ... เหตุที่ถามขึ้นมานั้นก็เพื่อสาวไปให้ถึงเหตุ หรือต้นตอ ถ้าไม่ถึงตัวเหตุที่แท้จริงแล้ว มันก็เปรียบเสมือนตัดเพียงกิ่งก้านสาขา โดยที่ไม่ได้ตัดรากเหง้าออกนั่นเองครับ ... ยังไงก็รอดูความเห็นแต่ละท่านประกอบไปด้วยละกันเนอะ รับรองว่าเป็นประโยชน์ (ถ้าสนใจ)

ส่วนที่คุณบอกว่า "มาสนใจคนขับรถยนต์ (กิเลส) น่าจะดีกว่า" ตรงนี้เห็นด้วย แต่ก็ยังไม่จบ ---> เพราะต้องไปดูอีกว่า กิเลส มันเกิดจากอะไร ต้นตอมันอยู่ตรงไหนนั่นเองครับ เพราะอย่าลืมว่า กิเลส มันก็มีแดนเกิดอยู่นะ จึงต้องสาวเข้าไป จะได้ไป ดับถูก ... คำถามคือ "แล้วกิเลสมันเกิดที่ตรงไหน" นั่นเอง

 

จิตกับวิญญาณ ในขันธ์5 เป็นตัวเดียวกัน....วิญญาณขันธุ์ ก็คือวิญญาณเดียวกันกับอายตนะ5ตาหูจมูกลิ้นกาย วิญญาณในอายตนะ6 ของใจ ก็เรียกทั้งหมดที่ใจร่วมปรุงแต่ง ร่วมเกิดเจตสิก เรียกว่า จิต หมด

ยกเว้น...ชำระอวิชชาได้แล้ว จึงจะไม่มีอุปทานที่ก่อให้เกิด ...เจตสิกที่มีจิตประกอบร่วมเกิด

 

ถามว่า....ถ้าหาก คนคนหนึ่ง ขอว่าชาติหน้า ขอได้เกิดอีกที เป็นคนรวยกว่าชาตินี้ ชาติหน้านั้นจิตที่มีความอยาก ได้สร้างจินตนาการ(ภพชาติ)พร้อมเหตุ(บุญในการที่ทำให้รวยอธิฐานไว้) แสดงว่า ชาติหน้าที่อยากไว้ ได้สร้างภพคือคนรวยไว้รอ คือมีร่างกายและใจ (อายตนะทั้ง6)เตรียมพร้อมแล้ว เมื่อชาติปัจจุบันตายลง กายสลาย จิตวิญญาณขันธุ์ มันจะเคลื่อนไปจุติที่ภพใหม่ กายใจใหม่ ที่สร้างรอไว้แล้ว จากความอยาก การสร้างบุญมารองรับ สร้างร่างกายอายตนะ6 มารองรับไว้แล้ว จิตที่เคลื่อนไปเกิด...ที่กายใหม่ภพใหม่....(กายใหม่มีจิตธาตุรู้คือใจ รออยู่แล้ว)....ดังนั้นจิตธาตุรู้ที่เรียกว่าใจ อายตนะใจนั้น เป็นคนละตัวกับ จิตวิญญาณ ที่เคลื่อน..ไป จุติ

 

ชื่อคุ้น ๆ นะครับ ... ขอบคุณในคำตอบครับผม หากเป็นดั่งที่บอกนั้น ... จะเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับผู้ที่ "เอาจิตไปเป็นนิพพาน" เพราะ "หากจิตคือวิญญาณในขันธ์ ๕ ก็จะมีคำถามต่อว่า ขันธ์ ๕ เป็นทุกข์หรือไม่"

- ถ้าใครตอบว่า เอาจิตไปนิพพาน ก็แสดงว่าผู้นั้นแหล่ะ เอาขันธ์ ๕ เป็นนิพพาน
- ถ้าใคร เอาจิต ดูขันธ์ ๕ ก็แสดงว่า สอนขันธ์ ๖
- ถ้าใคร เอาจิต ไปปล่อยวาง ขันธ์ ๕ ก็แสดงว่า สอนขันธ์ ๖

ขอบคณในคำตอบของท่าน ผู้มีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว (- -)

 

มีต้นไม้ ก็ต้องมีกิ่งก้านสาขา ใบไม้ แตกออกไป มีใครเรียก ใบไม้ว่าต้นไม้บ้างไหม ไม่มีใครเรียก แต่กิ่งไม้ หรือ ใบไม้ มันก็ออกมาจากต้นไม้นั้นและ เช่นเดียวกัน จิต หรือ วิญญาน จิต คือ ต้นไม้ วิญญาน คือ กิ่งก้านสาขาแตกออกไป แต่ก็ออกมาจากต้นไม้ คือ จิต นั้นและ

 

ทางวิทยาศาสตร์ การทำปฏิกิริยากันระหว่างธาตุ สองธาตุ (ระหว่างที่ยังทำปฏิกิริยากันอยู่นั้น เรียกว่า มันเคลื่อนจาก..มันวิ่งจาก..มันไม่แน่นอน..มันเปลี่ยนแปลง ..กิริยานี้ แปลว่า มันรู้ ธาตุมันกำลังเคลื่อน กำลังเปลี่ยนเรียกว่า ...มันกำลังทำปฏิกิริยา เรียกว่า มันกำลังผัสสะในกันและกัน มันกำลัง..รู้.....(นี่คือกิริยา)..แปลว่า รู้...นั่นเอง

 

ทางพุทธศาสตร์ มันเคลื่อน มันไม่แน่นอน ---> เป็นทุกข์
ธรรม 3 ประการกระทบกัน จึงเกิดเป็น ---> ผัสสะ

 

เอาจิตไปนิพพาน...ต้องเข้าใจให้ถูกว่า....จิตนั้น นิพพานได้...เช่นเดียวกับ ร่างกายที่ย่อยสลายกลับคืนสู่ธาตุเดิม...คือสู่ความเป็นสามัญลักษณะ นิพพานคือ กลับสู่ความ ที่พ้นจากเหตุปัจจัย....อะไรคือเหตุปัจจัยที่ทำให้ธาตุ มารวมกันเกิดเป็นร่างกายและ เกิดอายตนะมารองรับการ รับรู้...

 

ขอบคุณ คุณ Xtrem ที่แวะมาแสดงความเห็น ... คงเป็นประโยชน์มากสำหรับผู้สนใจ ส่วนผู้นั้นจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร ก็ปล่อยให้ผู้นั้นใช้วิจารณญาณไตร่ตรองเอาเองละกันครับผม ... (- -)

 

ผัสสะมันเคลื่อน การเกิดปฏิกิริยาของธาตุมันเคลื่อน การรับรู้ย่อมเคลื่อน(แต่รู้ตั้งแต่ต้นจนจบ) ปฏิกิริยาการเกิดมันเคลื่อน การรับรู้มันเคลื่อน...ที่สำคัญ ตัวอายตนะรับรู้ก็เกิดจากปฏิกิริยาธาตุ มันเคลื่อนเหมือนกัน

แล้วอะไร คือที่ไม่เคลื่อน

 

ความแตกต่าง ของการเคลื่อนของ....สิ่งที่มีจิตวิญญาณเป็นเหตุแห่งการเคลื่อน กับ สิ่งที่พ้นแล้วจากเหตุที่ทำให้เกิดการเคลื่อน เคลื่อนโดยไร้จิตวิญญาณ เคลื่อนโดยไร้เหตุปัจจัย

มันต่างกันมาก

 

ร่างกายเกิดจากการรวมธาตุ อยู่รวมกันด้วยแรงปฏิกิริยา(อันได้แก่ ตัณหาทั้งหลาย)
เมื่อร่างกายหมดแรงกระทำปฏิกิริยาต่อกัน(หมดอายุขัยหรือหมดแรงจากเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิด ก็ย่อม สลายหรือนิพพาน กลับสู่ ความปกติของธาตุเหล่านั้น

หวังว่า คงอ่านกัน เข้าใจนะ

 

แล้วอะไรที่ไม่เคลื่อน? คำถามนี้ค่อนข้างดีหน่อย ---> ผัสสะมันเคลื่อน ... ถูกต้องแล้วครับ

ก็แล้วอะไรที่ไม่เคลื่อน? ---> ก็คือ การไม่เกิดผัสสะ ยังไงหล่ะครับ <---สั้น ๆ ตามคำถาม จึงง่ายต่อการพิจารณา

 

ร่างกายที่เกิดจากการรวมธาตุ....มีอายตนะทั้ง6 ที่มีอายตนะใจเป็นศูนย์รวมเป็นประธาน
โดยมีจิตวิญญาณ ของภพเดิม ภพเก่า....เคลื่อนมาจุติเข้าครอบ และร่างกายใหม่นี้ก็เกิดมาจากตัณหาของจิตวิญญาณแต่ภพเก่า อะไรคือ...ตัวเชื่อมโยง ระหว่างภพ...ก็ตัณหา นั่นแหล่ะ

แล้วตัณหามัน อยู่ ในส่วนไหน ของ จิตวิญญาณเก่านั้น

จำไว้ว่า ตัณหาที่กล่าวถึง มันเกิดจาก....จิตวิญาณของขันธุ์5ภพเก่า และร่างกาย(อายตนะทั้ง6 ภพเก่า เป็น..แหล่ง)...จึงมีภพใหม่และร่างกายใหม่เกิดขึ้นได้