ความหมายของการดูจิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กระรอกน้อย, 4 พฤศจิกายน 2009.

  1. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    กลัวเขาไม่รู้หรือไงครับว่าเก่งมากแล้ว ถึงต้องทำให้ยุ่งยากขนาดนี้ครับ น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหลงเหลงเลยครับ ปฏิบัติถ้ามีแต่ความฟุ้งซ่านอย่างนี้ ชาติหน้าก็ยังสายครับ ผมอาจไม่ถนัดกับความฟุ้งซ่านด้วยเนื้อหาที่มีโอกาสที่จะหลงทางไปไกลสุดกู่ได้ ด้วยถ้อยคำเลยเห็นแล้วงั้นๆ แหละครับ ไม่ต้องไปเอาคำใครเขามาเสริมหรอก เพราะแค่คำว่า สติ ใน สมาธิ จริงๆแล้ว ถ้าเป็นจริงก็น่าจะร้องอ๋อทุกรายแหละครับ ทำสมาธิให้มีสติก่อนเป็นอันดับแรก ทำสมาธิอะไรก็ช่างหัวมัน ทำให้มันเกิดสติขึ้นให้ได้ ขอโทษครับผมไม่ใช่คนคงแก่เรียน เรียนจนเพี้ยนไปเลย อย่างที่เห็นครับ จะตั้นจะปลายหากมันวุ่นวายแปลว่าไม่ใช่ครับ นี้สำหรับความหมายในเรื่องของจิต ในทางพระพุทธศาสนาของผมครับ ฝึกไปแบบไม่มีสติก็ไม่รู้อยู่ดีว่ากำลังทำอะไร จะรอให้มันเกิดเองมันไม่เกิดหรอกครับ มันมีแต่โดนหลอกไปเรื่อยๆ หากสมาธิที่มีสติ ไม่เกิดขณะดูจิต ดูอาการของจิต เห็นการปรุงแต่ง หยุดความปรุงแต่ง ก็ขึ้นชื่อว่าไม่ได้อะไรเลยจากการดูจิต เพราะไหลไปกับมัน มันจะไม่มีวันเกิดได้เลยหากไม่มีสติกำหนดรู้ที่บอกว่ารู้แบบไม่มีสติ มันก็เป็นเรื่องของการคิดที่ไร้สติ ไหลไปๆๆๆๆ รอวาสนาให้สติเกิด นั่นแหละมันไม่ใช่พุทธศาสนา เพราะยังไงๆ ก็ไม่ใช่พุทธศาสนาแน่นอน เพราะการรอคอยวาสนาให้สติมันเกิด ในทางพุทธศาสนาของผม เมื่อสติมีแล้ว อะไรดีๆก็จะตามมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2009
  2. wintakarukae

    wintakarukae Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +31
    บ่นอะไร ไหนหล่ะผักบุ้ง
     
  3. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ไม่ต้องแย้งมากหรอกครับ มันไม่มีตัวตน แต่มันก็ส่งผลให้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อายตนะจะรับรู้ได้ คำพวกนั้นมันก็แค่บัญญัติอย่างง่าย ถ้าบอกว่าจิตมันไม่มีตัวไม่มีตน มันจะมองไม่เห็นภาพครับ และประเด็นของเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับจิต แต่เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้รู้ให้เห็นครับ ที่ผ่านมาไม่มีใครเริ่มด้วยสติเลย ส่วนตัวผมนั้นเริ่มด้วยสติมาตลอด จะสอบอารมณ์หรือไม่นั้น ก็ไม่น่าจะสำคัญเพราะเมื่อผมรู้ว่าผมมีสติ ทุกอย่างสำหรับผมมันก็จบลงแค่เท่านั้น มันไม่ได้ไหลไปกับความคิดเช่น ท่านเองก็ดี หรืออีกหลายๆท่านก็ดี หากท่านไม่แน่ใจก็ลองฝึกให้เกิดสติจริงๆดูว่า ความจริงผมกล่าวถึงเรื่องบังคับได้หรือ เมื่อมีสติเกิดขึ้นในขณะทำสมาธิโดยมีฐานที่จิตนั้น จะรู้จะเห็นอะไร ก็ไม่ปรุงแต่งไป มันจะหยุดเพราะถูกบังคับหรือว่ามันหยุดเอง ผมว่าท่านต้องไปสอบอารมณ์ใหม่แล้วครับ เพราะเล่นเนตแบบไหลๆมากไป หรือไม่ก็ปฏิบัติไปอ่านตำราไปกลัวจะไม่เป็นตามตำรา ปฏิปทาครูบาอาจารย์ เลยไม่รู้ว่าครูบาอาจารย์ทุกท่าน ล้วนสอนให้เห็นตัวสติทั้งสิ้น นี้คือความหมายของผมครับ ส่วนเรื่องบังคับไม่ได้หรือได้ มันเรื่องของมันครับเราไม่ได้ไปเกี่ยวกับมันก็พอครับ อย่างนี้จึงเรียก การปฏิบัติครับ หรือท่านมีอะไรจะแพร่มอีกครับ ถ้าทำอะไรแล้วไม่มีสตินั้นนิพพานมันไกลไปครับ ตำรามันไม่ได้ทำให้เรานิพพานได้ครับ ท่านบุญพิชิต ผู้พิชิตตำราแต่ไม่ได้พิชิตกิเลสเลยแม้สักครั้งเดียว ส่วนคำว่า เห็นบ่อยๆ แล้วเบื่อ หรือเกิดความเบื่อหน่ายที่เห็นสิ่งเหล่านั้นซ้ำๆซากๆ นั้นในความหมายของผมคือ เกิดสติและปัญญาขึ้นครับ เหมือนอย่างกับ เราพิจารณาเรื่องความปรุงแต่ง หรืออะไรที่ทำให้เราชอบ หรือเรียกภาษาธรรมว่าเกิดเวทนา ในขั้นที่จิตมีสติก็จะเห็นวกไปวนไปเรื่อยๆ มันก็เป็นเรื่องของตามรู้ไปเรื่อยๆนั่นแหละแต่ต้องด้วยสติ พอเห็นบ่อยเข้าลักษณะอาการก็อันเดิมซ้ำๆกัน จิตมันก็จะเกิดสติปัญญาขึ้นว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะ สิ่งนี้นะ ถ้าไม่มีสิ่งนี้ก็ไม่เป็นแบบนี้ อะไรทำนองนั้น หรือจะบอกว่าแบบนี้มันเป็นระดับสูง มันจะสูงได้ยังไงมันแค่ระดับอนุบาลเองของการฝึกสมาธิจิต ว่าด้วยการดูจิต ยากไปเหรอครับหรือว่าต้องออกจากปากของครูบาอาจารย์อีกถึงจะทำได้ โถๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2009
  4. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    สติอย่างเดียว ไม่ได้บ่นครับ หรือว่ามีอะไรจะเสริมเติมลงไปครับ เติมมาเลยครับ ประชดเฉยๆ เพราะไม่ได้ทำเหมือนกับที่วินทะลุทำแต่ถ้าวินทะลุทำได้ก็เรื่องของวินทะลุไงครับ เอาแค่สติมันต้องฝึกให้เกิดไม่ได้เกิดขึ้นเองก็พอสำหรับวินทะลุครับ
     
  5. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    รู้สึกว่าจะมองอะไรไม่ออกเลยนะ ยังจะเที่ยววิจารปัญญาผู้อื่นอีก ไปสอนผู้ฝึกไหม่ดีกว่าไหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2009
  6. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ก็เพราะท่านชอบที่จะให้ ธรรมชาติมีระบบระเบียบ(คำนี้ท่านเคยสั่งสอน
    ผม) เลยเกิดอุปาทานว่า จะนิพพานได้ต้องมีขั้นมีตอน ต้องอยู่อนุบาลก่อนแล้ว
    จึงขึ้นประถมได้ ถ้าเป็นอย่างที่ท่านบอก ท่านไปหาเอาแถววังน้อยหรือแถวท่า
    เตียนมีเยอะแยะไปครับ

    ขอขยายความวรรคนี้ตอนนี้
    ผมว่าท่านลืมอะไรไปหลายอย่างเลยครับ วัฏจักรของอวิชชา หรือ ปฏิจจสมุปบาท ทุกตำแหน่งดับลงได้ล้วนอาศัย หลักการดูจิต แต่ใครจะมีครบวงจรหรือไม่นั้น มันแล้วแต่บุคคล แต่โดยความเป็นจริงการดูจิต อยู่ที่ส่วนของ สังขาร ไปจนถึง อุปปาทาน ในขณะที่คุณดูจิตด้วยสติ คุณจะเห็นว่ามันดับได้ด้วยอะไร ถ้าไม่ใช่ด้วยสติรู้แล้วจึงเกิดปัญญา แล้วยังจะกล่าวได้ไหมว่า มันไม่ได้เป็นขั้นเป็นตอนด้วยธรรมชาติและความเป็นไปของจิต จนถึงที่สุดก็ไม่มีเหลือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2009
  7. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ฝึกถึงไหนแล้วครับ คงได้ไกลแล้วซินะครับ แต่ไม่เป็นไรนะครับอย่าไปเข้าใจอะไรหรือว่าวุ่นวายกับข้อความของผมหรอกครับ มันยากไปสำหรับท่านจริงๆครับน้องวินทะลุ ผู้ขี้สงสัย สงสัยมากยังงี้แล้วเมื่อไหร่จะทะลุซะทีละนี้ :cool: แซวนะอย่าคิดมาก คงไปไกลแล้วแหละผมว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2009
  8. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ก็เห็นว่าเป็นเพื่อนสหธรรมิกนะครับ ขอบพระคุณที่เตือน คุณจะเชื่อหรือไม่ว่าผมไม่เคยกระเทือน หรือกระเพื่อมอะไรตามที่คุณคิดเลย ส่วนว่าด้วยเรื่องที่บอกว่าผมแพ้แล้วนั้นก็สุดแล้วแต่ความคิดคนเราจะปรุงแต่งไป เพราะมองยังไงๆก็เห็นอย่างนั้น เพราะมันเป็นแค่สติอ่อนๆที่ไม่ได้รับการฝึกฝนจนชำนาญ จึงไม่รู้เท่าทันความปรุงแต่งที่เป็นไป จยทำให้คิดเตลิดเปิดเปิง ไปถึงโทสะ ไม่อยากบอกว่ามันมีแต่มันเป็นความมีที่ธรรมดา และมันก็ไม่ได้มีเพราะเรื่องอย่างนี้เลยครับ ตลอดที่ผ่านมาเว้นแต่อยากหรือนึกสนุกก็เท่านั้น ไอ้โพสต์เก่าๆ ที่โดนย้ายนั้นผมก็ตั้งใจอย่างจริงจังที่จะอธิบายให้เข้าใจถึงลักษณะ ของการ เสนอความคิดที่เป็นสาธารณะสู่คุณบุญพิชิตก็เท่านั้นครับ ไม่ได้จมปรักเพราะเรื่องแค่นั้น เขาแย้งมาก็ตอบไปธรรมดา และก็ไม่เคยปรุงแต่งจนต้องมาพิจารณาว่าคนๆนี้เป็นไง ที่ผ่านมา ถ้าเรื่องไหนมันเพ้อเจ้อก็บอกเพ้อเจ้อ มันเหมือนคนเสียสติก็บอกเหมือน เท่านั้นแหละครับ เพราะการกระทำบางอย่าง มันน่าจะใช้คำแรงๆ จึงจะพบเห็นตัวตนของตนได้ชัด แต่บางทีก็เตลิดไปก็มี สำหรับผู้ที่ไม่ได้เคยปฏิบัติมาก่อนก็จะรู้ว่า สติปัญญา แค่ไหนพอจะละกิเลส ไม่ใช่แค่เพียงข่มไว้ครับ มันไม่ใช่เรื่องของการข่มไว้เช่นที่ท่านทั้งหลายชอบทำกันครับ
     
  9. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ที่อ้างว่ามีสตินะ หัดมีสติในการพิมพ์ข้อความก่อนนะ อ่านแล้วปวดหัวติดกัน
    เป็นผืด อ่านไปอ่านมายังคิดว่ากำลังสื่อถึงอะไร งงจังเอานะจะพยายาม
    ดูว่าตรงไหนเกี่ยวกับเราบ้าง

    ปวดหัวจริงๆคร้าบท่านเค็ง ผมจะหาประโยคที่จะอ้างอิงของท่าน ผมยังไม่รู้จะ
    เอาตรงไหนเลย ผมขอแนะนำนะครับถ้าท่านไม่รู้จักเรียงลำดับหรือจัดถ้อยคำที่
    หลัง เอาสั้นๆแยกเป็นหลายความเห็นก็ได้
    ......ธรรมของคุณที่อ้างนะรับรองได้นะว่ามีสติ เอางี้ผมจะค่อยเรียงแล้วตอบก็
    แล้วกัน
    .....ที่บอกว่าเห็นบ่อยๆแล้วเบื่อ แล้วเกิดสติปัญญา นี้มาเกิดเวทนาอีกแล้ว
    โอโฮ จินตนาการท่านนี้สุดยอดจริงๆ
    .....ผมจะบอกสั้นๆพอเข้าใจ(ไม่รู้ท่านจะเข้าใจหรือเปล่า) การตามรู้ตามดู
    บ่อยๆ ทำให้จิตจำสภาวะธรรมได้เร็วขึ้น เมื่อสภาวะใดเกิด จิตจำสภาวะ
    นั้นได้ สติก็จะเกิดตามมา จิตจำสภาวะได้เร็วเท่าไรสติก็เกิดเร็วเท่านั้น
    เมื่อเป็นแบบนี้จิตจะละวางสิ่งต่างๆเอง
    ....แค่พูดคำว่าเบื่อ นี้มันก็มากเกินพอแล้ว นี่เอาเวทนาเข้ามาอีก
    พึ่งรู้นะเนี้ยความเบื่อทำให้เกิดสติปัญญาได้ด้วย บอกได้คำเดียวว่าไม่น่าเชื่อ

    ......สิ่งที่ผมบอกคือการปฏิบัติจริงของผม แล้วจะบอกไว้ด้วยว่า คนส่วนใหญ่
    ที่ผมถกธรรมด้วย ส่วนใหญ่ก็อ้างตำราเลยเถียงกันไม่จบ ท่านนี่มั่วบรมเลย

    ............กรุณาอย่าสับสน เที่ยวได้ทะเลาะกับเค้าไปทั่ว จำผิดจำถูกใครกัน
    ครับที่ยึดถือตำรา มั่วได้ใจจริงๆอยากจะกระทบแดกดันยังไม่รู้ ข้อมูลของคู่
    สนทนาเลย
    .... วันนี้เอาแค่นี้ก่อนอ่านข้อความของท่านปวดหัวมาก ไปหายาพารากินก่อน พรุ่งนี้ค่อยเอาใหม่
     
  10. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ว่าจะไปนอนแล้วนะเนี้ย คุณเลิกมั่วได้แล้ว คุณรู้หรือเปล่าว่าผมปฏิบัติธรรมแนว
    ไหน ข่มอะไรหว่า นึกคำว่าได้ก็ใส่มั่วไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเลย
    ไปนอนจริงๆแล้ว พรุ่งนี้อีกยาวครับถ้าว่างนะ
     
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    จิตจดจำสภาวะได้นั้น จดจำสภาวะที่จะยึดหรือจดจำสภาวะที่จะปล่อยหละ
    อยู่ๆจิตจะมาจดจำสภาวะไปเพื่ออะไร? ถ้าไม่เจตนาไว้ก่อนและทำจนเป็นนิสัย

    ถ้าสติเกิดขึ้นเองได้แล้ว โลกนี้คงไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้หรอก
    เพราะความเข้าใจแบบผิดๆว่าอะไรๆก็เกิดขึ้นเองได้ทั้งนั้น โลกคงจะไม่มีคนเขลาอยู่หรอก...

    ;aa24
     
  12. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    คุณนี่สงสัยน่าจะต้องฝึกอีกนานเลยนะครับ ไม่รู้ต้นรู้ปลายนั่นมันก็คุณไม่ใช่ผม ผมไม่ได้ฝึกปฏิบัติเพราะแฟชั่นนะครับ คุณบุญพิชิต ผมก็บอกแล้วไงว่า ข้อความของผมมันไม่ได้มีความหมายสำหรับคุณเลยครับ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจ มันยังอีกนานครับสำหรับคุณ จะอุปทานเอาว่า ข้ารู้ข้าเห็นข้าเข้าใจ แต่มองหาเนื้อความที่แท้จริงหรือบทสรุปไม่ได้ ก็เพราะไม่เคยชินกับสิ่งที่ไม่เป็นอย่างที่เคยเห็น ซึ่งมันก็สมควรอยู่ เพราะของที่อยู่ในตำรากับของที่มีและเป็นและเห็นได้เฉพาะกลุ่มมันก็ต่างกันครับ และเรื่องจะไปทะเลาะเลอะเทอะจำผิดจำถูกนั้น ผมบอกตรงๆ ว่า มันก็มีแต่ผมกับเขาเท่านั้นแหละที่รู้ความจริง เพราะคนประเภทที่ไม่ยอมรับความจริงก็มีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น คุณไงครับ แค่ข่มไว้ มันยังไม่ใช่ดับเหตุหรอกครับ

    โดยเฉพาะข้อความของคุณที่ว่า

    ผมจะบอกสั้นๆพอเข้าใจ(ไม่รู้ท่านจะเข้าใจหรือเปล่า) การตามรู้ตามดู
    บ่อยๆ ทำให้จิตจำสภาวะธรรมได้เร็วขึ้น เมื่อสภาวะใดเกิด จิตจำสภาวะ
    นั้นได้ สติก็จะเกิดตามมา จิตจำสภาวะได้เร็วเท่าไรสติก็เกิดเร็วเท่านั้น
    เมื่อเป็นแบบนี้จิตจะละวางสิ่งต่างๆเอง

    อ่อนหัดเหลือเกินจิตจะไม่มีคำว่าจำ คำว่า จำคือความปรุงแต่ง สติจะไม่มีวันเกิดตามเมื่อสิ่งที่ปรุงแต่งนั้นเกิดขึ้นแล้ว อ่อนหัดเหลือเกิน สิ่งที่คิดว่าเป็นสติแท้จริงแล้วเป็นอาการกลลวงของกิเลสที่ทำให้คิดว่ามีสติแต่สิ่งที่ปรุงแต่งทั้งหลายผ่านไปแล้ว อย่างนี้เขาไม่เรียกสติเกิด เขาเรียกกิเลสหลอก หลอกมาตั้งแต่ต้นแล้ว จิตบ้าอะไรมันไปจำสภาวะ ไม่เคยพบเคยเห็น มีแต่สัญญาล้วนๆ เอาคำเขามาถ้าเข้าใจว่าจิตจำสภาวะ นั้นคงต้องเถียงเพราะจิตไม่ใช่ตัวจำ ตัวจำคือความปรุงแต่งเป็นเพียงสัญญา ในความหมายของผมนั้น จะไม่เรียกว่าจำ แต่จิตที่มีสติกำกับขณะยังไม่มีปัญญานั้นเมื่อถึงสภาวะหนึ่ง ปัญญาจะเกิดพร้อมสติ เมื่อเห็นกระบวนการปรุงแต่งพร้อมเหตุผลทั้งหมด ปัญญาที่เกิดพร้อมสติผมหมายถึงสติในองค์มรรค พอเป็นแบบนี้มันจะไปจำทำสากกะเบืออะไรครับ แค่คำว่าจิตจำมันก็คงต้องใช้พิจารณญาณกันหลายตลบแล้วครับ ผมไม่ได้ว่า ว่าคุณมั่วนะครับ เพราะผมรู้ว่าเป็นคำพูดของใคร และก็ไม่แปลกอะไร เพราะไม่ใช่คำพูดของพระอรหันต์ จึงไม่แปลกอะไรที่กล่าวว่าจิตจำสภาวะ ไม่เชื่อ คุณย้อนหลังไปได้เลยว่า พระอรหันต์องค์ใดในรัตนโกสินทร์ หรือ ที่ไหนจนถึงยุคพุทธกาล กล่าวว่า จิตจำสภาวะ บ้างลองหาให้ดูหน่อยคุณนักท่องจำ บุญพิชิต นี่ยังไม่เอา คำว่า สติเกิดขึ้นเองนะครับ หรือถ้ามีปัญญาก็หามา แต่หากเชื่อว่า พระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ หากเนื้อความนี้เป็นของเขาผมก็บอกได้เลยว่า นอกจากจะไม่ใช่พระอรหันต์แล้ว อาจเป็นหรือไม่ได้เป็นพระโสดาบันก็ได้ เพราะหยาบไป กับเรื่องของ สติ และ ก็ จิต

    ธรรมของคุณที่อ้างนะรับรองได้นะว่ามีสติ เอางี้ผมจะค่อยเรียงแล้วตอบก็
    แล้วกัน
    .....ที่บอกว่าเห็นบ่อยๆแล้วเบื่อ แล้วเกิดสติปัญญา นี้มาเกิดเวทนาอีกแล้ว
    โอโฮ จินตนาการท่านนี้สุดยอดจริงๆ

    สติปัญญา กับเวทนามันคนละอาการกันครับ เพราะตอนที่เราเห็นอยู่เฉยๆ ซ้ำๆอยู่นั้นมันเป็นแค่ตัวสติรู้ แต่ไม่ใช่ตัวสติปัญญา ผมว่ามันก็ชัดเจนนะครับ อาจเป็นเพราะจิตที่ไม่เคยมีสติฝึกสมาธิแต่ไม่มีสติ ก็เลยไม่เข้าใจก็เป็นได้นะครับ ข้อความนั้นมันอธิบายไม่จบเพราะเมื่อสติปัญญามันเกิด มันจะรู้ของมันเองว่าจะหยุดหรือดับกิเลสหรือความปรุงแต่งนั้นยังไง ซึ่งเป็นสติปัญญา คนละตัวกับที่เป็นสติตามรู้ เพราะมันหยุดและดับความปรุงแต่งนั้นแล้วไม่เกิดขึ้นอีกแล้วต่อไป มันไม่ได้เกิดขึ้นเอง พูดยังไงดีละเพราะว่าเขาเรียกว่า อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง พอมันเป็นแบบนี้แล้วมันก็ดับลงไปจนถึงต้นเหตุที่ทำให้เราปรุงแต่งไงครับ แล้วมันมีอะไรที่เกี่ยวกับเวทนาบ้างละเมื่อเวทนาเป็นผลที่สติตามรู้อยู่หลังเกิดการปรุงแต่งไปแล้ว ต่างกันไกลลิบลับเลยกับตัวสติปัญญา ที่รู้ต้นเหตุของความปรุงแต่ง สงสัยต้องฝึกอีกนานเลย นะครับคุณบุญพิชิต เพราะผมไม่ใช้ตำราเอาตามนี้เลยถ้าปฏิบัติแล้วสมเหตุสมผล ก็แปลว่าใช้ได้ถ้าปฏิบัติแล้วไม่สมเหตุสมผลก็แปลว่า ยังไม่ใช่จริงไหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2009
  13. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านครับสงสัยผมต้องถาม แบบเพื่อนสมาชิกแล้วละครับว่า"ผักบุ้งอยู่ไหน"
    จับโน้นใส่นี้ จับนี้ใส่โน้นมั่วไปหมด เล่าเหมือนว่าตัวรู้ตัวสำเร็จแล้ว ผมว่า
    เล่าแบบนี้คงรู้นิพพานด้วย แค่พิมพ์ข้อความให้อ่านก็ปวดหัวแล้ว แถมยัง
    จับโน้นผสมนี้มั่วไปหมด ท่านกำลังใช้วิชามารกับผมหรือเปล่า ทำให้
    เวียนหัวจนแสดงความเห็นไม่ได้หรืองัย ชุดลิเกถอดออกบ้างก็ได้ ใส่แล้ว
    มันหนัก แล้วก็เข้าบทเจรจาเลยไม่ต้องร้องก็ได้

    ......สัญญาก็สัญญา ความปรุงแต่งก็ปรุงแต่งซิครับ แบบนี้เรียกจับฉ่ายแกงโฮ๊ะ
    เอามาปนมั่ว แล้วใครบอกให้ท่านไปดูความปรุงแต่งละครับ เขาให้ดูสภาวะหรือ
    ลักษณะอารมณ์ที่เกิด ณ.ปัจจุบัน จิตคิดก็รู้ว่าคิด จิตเกิดอกุศลก็รู้ว่าอกุศล จิต
    เกิดสติกุศลก็รู้ว่ากุศล แต่ก็มีบ้างที่จะมีคนเลยเถิดไปดูความปรุงแต่ง มันขึ้นอยู่
    กับคุณภาพของจิต ซึ่งเมื่อตามดูบ่อย จิตจะพัฒนาขึ้นตัดการปรุงแต่งต่างๆไป

    .........ถ้าจะคุยกับผมกรุณาคุยแต่การปฏิบัติณ.ปัจจุบัน กรุณาอย่าเอาสิ่งที่ยัง
    ไม่เกิดมาคุย เพราะสิ่งต่างที่ท่านเล่าพรรณนาถึงความวิเศษวิโสของท่าน ผมมี
    ความรู้สึกว่าการกระทำมันตรงกันข้าม กะอีแค่ถูกผู้หญิงลองภูมิยั่วสติยั่วสมาธิ
    เข้าหน่อย ที่คุยว่าสติปัญญาตัวเองดีเลิศ ก็แตกกระเจิงไม่มีชิ้นดี พาลพาโล
    โฉเก ลบกระทู้ถึงจะเป็นของตัวเอง แต่ก็มีความเห็นของท่านผู้รู้อีกตั้งหลาย
    ท่าน ความเห็นดีๆตั้งหลายความเห็น ที่สามารถเอาไว้ศึกษาอ้างอิง ถูกท่าน
    ทำลายกับแค่โทสะของตัวเอง มิหนำยังทวงบุญทวงคุณกับทางเว็บอีก ว่า
    อุตสาห์ลบขยะให้ ถ้าท่านเห็นว่าเป็นขยะทำไม ไม่เลือกลบเฉพาะความเห็น
    ตัวเองละครับ ตัวท่านไม่ใช่จิตปรุงแต่งเพียงอย่างเดียว แต่ปล่อยให้มันล้น
    ทะลักออกทางกายอีกด้วย

    .......เที่ยวได้บรรยายสรรพคุณถึงจิตตัวเอง จิตของท่านไม่มีคนอื่นรู้หรอกครับ
    แต่การกระทำที่ท่านแสดงออก คนอื่นเขารู้ครับ มันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง น่า
    อายครับ
     
  14. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ไอ้คำว่าแค่ข่มไว้ มันต้องใช้กับพวกคุณไม่ใช่ผม จะว่ากระทบกระเทียบใคร
    ควรดูข้อมูลและหลักฐานด้วย ไม่ใช่เห็นคำไหนเจ็บคำไหนแสบ ก็เอามาว่า
    กล่าวชาวบ้านแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ การปฏิบัติของผมเป็นอย่างไรกรุณาไปหาทำ
    ความเข้าใจด้วย ถ้าท่านทำตัวเป็นอึ่งอ่างพองลมอยู่ในกระลา ผมว่าเราคงคุย
    กันไม่รู้เรื่อง

    ......ผมขอแนะนำนะครับ ให้ท่านไปปรึกษาท่านธรรมภูติ คนที่ความเห็นของ
    เค้าอยู่เหนือศีรษะท่านนะครับ ถามดูว่าผมปฏิบัติอย่างไร ท่านธรรมภูติ
    เคยตำหนิว่ากล่าว แนวทางปฏิบัติของผมไว้อย่างไรบ้าง ผมขอยกตัวอย่าง
    มาให้เห็นซักประโยค ท่านธรรมภูติว่ากล่าวผมว่า "ชอบคลุกคลีกับกิเลส"

    ......ก็เพราะผมไม่ข่มไว้ เลยถูกท่านธรรมภูติตำหนิดังกล่าว
    จะถกเถียงถกธรรมกรุณาดูข้อมูลให้ดีเสียก่อน ข้อมูลหลักฐานเก่าๆก็มีไม่กดไป
    ดูละครับ แต่ผมว่าคนอย่างท่านคงไม่สำเหนียกหรอกครับ ไอ้คนประเภท
    ทำอะไรโดยปราศจากสติยับยั้งชั่งใจ ไม่รู้อย่างไหนสมควรอย่างไหน
    ไม่สมควร เอาแต่มิจฉาทิฐิตัวเองเป็นใหญ่ เหมือนอึ่งอ่างพองลมที่ผม
    บอก กระทู้มีความเห็นตั้งหลายร้อย พี่เล่นลบหน้าตาเฉย แถมทิ้งท้าย
    อีกว่ามันเป็นขยะ ไม่รู้เอาอะไรมาคิด หรือการกระทำนี้มาจากปัญญาที่
    เลิศลอยของท่านครับ ท่านเค็ง
     
  15. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    สั้นๆจะเข้าใจไหมละ ถ้าถามว่า คำถามง่ายๆคือ
    คำว่า จิตจำสภาวะ ลองหาให้ดูหน่อยคุณนักท่องจำ บุญพิชิต นี่ยังไม่เอา คำว่า สติเกิดขึ้นเองนะครับ หรือถ้ามีปัญญาก็หามา แต่หากเชื่อว่า พระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ หากเนื้อความนี้เป็นของเขาผมก็บอกได้เลยว่า นอกจากจะไม่ใช่พระอรหันต์แล้ว อาจเป็นหรือไม่ได้เป็นพระโสดาบันก็ได้ เพราะหยาบไป กับเรื่องของ สติ และ ก็ จิต ก็อยากให้คุณลองหาความหมายพวกนี้ที่เป็นปฏิปทาของพระอรหันต์สักหน่อย

    ส่วนเรื่องที่คุณไม่เข้าใจผมรู้สึกว่าไม่แปลกใจครับ เพราะอย่างคุณมันอ่อนแบบสุดๆครับ จริงๆ ไม่ได้คิดดูถูกแต่มันเป็นตามนั้นแลหะเพราะที่เห็นก็เป็นแบบนั้น อ่อนคือ ทั้ง สมาธิ และก็สติด้วย โลกที่วุ่นวายซับซ้อนกว่าข้อความนี้คุณคิดว่าคุณเข้าใจ จิตที่อ่อนไหวและซับซ้อนกว่านี้คุณก็ยังอุตตส่าหลงคิดว่าดูรู้ดูเห็น สงสัยคงยากจริงๆแล้วละ ส่วนเรื่องที่ผมบอกว่ามันผักบุ้งของพี่นิวรณ์เพราะ ไอ้ที่เอาไปใช้ได้มันมีนิดเดียวครับ ถ้าคุณมีสติปัญญาดี คุณตั้งสติดีๆ ดูว่านั่นตำราหรือว่าอะไรครับ

    อ้อเรื่องกระทู้ คนโง่ๆอย่างคุณก็คงไม่เข้าใจความหมายอยู่ดี คุณเห็นว่ามันน่าเก็บเอาไว้ยังไง เมื่อมีคนเช่นคุณ หลายคนโพสต์เรื่องไม่เป็ฯสาระมากมาย สิ่งที่เป็นสาระมันหมดไปได้นานแล้วเหลือแต่ทิฐิมานะ และความบ้าของจิต ที่มีแต่ความเพ้อฝันปั้นแต่งไป จะเอาไว้ให้คนดูก็เห็นว่าไม่สมควร ธรรมทั้งหลายล้วนเป็นอนัตตา ธรรมที่ถูกต้องควรเป็นปัจจุบันธรรม ไม่ใช่สัญญาหรือความทรงจำใดๆ อ่อนเหลือเกินแบบสุดๆเลย บุญพิชิตเอ่ย เพราะยึดติดว่ามีอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ดีอย่างนั้น อย่างนี้นี่เอง ก็เลยทำได้แค่นี้ คุณตอบบทสรุปของคำถามข้างบนผมมาดีกว่า ถ้าสติปัญญาไม่พอจะอ่านข้อความ ทั้งหมดของผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2009
  16. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมว่าคุณต้องเข้าใจอะไรผิดแล้วครับ คำว่าโกรธ กับ คำว่าโทสะนั่น นะนั่งเทียนเอามันไม่รู้หรอกลองพิจารณาที่ผ่านมาให้ดีๆ ครับ ว่าที่ผมใช้คำพูดแบบนั้นเพราะอะไร โกรธแน่หรือ ครับ ถ้ายังไม่ยอมรับความจริงกันอยู่อย่างนี้ เอาแต่คิดว่าตนปฏิบัติดีอยู๋อย่างนี้ ผมว่าคุณต้องกลับไปหาอาจารย์คุณแล้วเรียนถามท่านดูว่า ตัวคุณเองคิดอย่างนี้ถูกไหม นะครับ ดังนั้นคำพูดบางคำ พวกสติปัญญา ที่ฝึกมาไม่ดีก็จะเห็นเป็นโทสะ และก็ทำเหมือนกับว่าตัวเองชนะบ้างได้แหย่ ได้ลอง ทำประหนึ่งว่าได้ลองลงมาเล่นน้ำกับจระเข้ ซะงั้น คุณคิดว่าแบบไหนหรือที่ เรียวกว่า สติปัญญา และ แบบไหนเรียกว่า กิเลสละ แค่โทสะตัวเดียว ก็พอ ไม่ต้องถึง ตัวโมหะกับโลภะ หรอก คุณว่าแบบไหน ดูยังไงๆท่านและผองเพื่อนที่นึกลำพองใจว่าคิดว่าได้ยั่วนั้น มันแสดงถึงจิตที่ตกต่ำ มาตั้งแต่ต้นแต่ไม่รู้ตัวแล้วครับ คุณบุญพิชิต ผู้อ่อนหัดทางการปฏิบัติจริงๆ ข้อความที่มันสระสรวยด้วยเนื้อหาหรือบาลีไวยากรณ์ ผมอาจไปศึกษาหาเอาได้มากมายอาจมากกว่าคุณก็ได้ แต่ผมไม่ใช้เพราะถ้าเข้าใจความหมายก็ศึกษาเอาเองอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องโชว์พาว เขาเรียกกันอย่างนั้น
    ความยึดมั่นถือมั่นนั้นทำให้ทุกข์จริงๆนะครับ ต้องเฝ้ารอ ต้องปรุงแต่งว่าคนนี้จะคิดยังไง ต่อไปเรื่อยๆ จิตจะเกิดแต่ความฟุ้งซ่าน ผมสงสารท่านนะครับจึงตอบ เพราะความจริงไม่ตอบก็ได้ มันไม่ได้ทำให้ท่านเข้าใจหรอกครับ มันยังอีกไกลสำหรับท่านจริงๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2009
  17. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    แล้วคำกล่าวที่ผมยกมาอ้างอิง เป็นแค่น้ำจิ้มว่าที่ท่านกล่าวขัดแย้งกันเองมั้ย
    บอกว่าตัวเองไม่ใช่ตำรา แต่ดันมาเสนอแนะให้ย้อนหลังไป คงไม่ต้องอธิบายนะคำนี้หมายถึงอะไร
     
  18. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    เช้านี้มีกิจธุระ เชิญระบายให้เต็มที่ ว่างๆจะเข้ามาตอบ
    แต่ระวังเส้นโลหิตในสมองแตกนะคร้าบ
     
  19. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    คุณนี่เข้าใจอะไรยากจริงๆ ย้อนหลังไปหาดูสิว่า สองคำนั้นเคยมีใครใช้มาก่อนไหม มันไม่ได้ขัดแย้งเลยสำหรับผมเพราะผมบอกถึงตัวคุณ เป็นข้อความที่ให้คุณไปค้นหา สร้างสติหน่อยคุณบุญพิชิตครับ และตอบได้ไหมว่าเพราะอะไรถึงมี และเพราะอะไรถึงไม่มี คำกล่าว สองคำนั้นในอดีตที่ผ่านมา
     
  20. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมสงสารคุณมากกว่าครับ อุตส่ารอ คงเหนื่อยน่าดูเลยนะครับ เพราะสงสัยจะนอนไม่หลับ ทำสมาธิไม่ได้ เพราะความฟุ้งซ่าน เลยต้องนั่งรอและโพสต์ตอบ น่าสงสารจริงๆเลยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...