ขอค้าน หลวงพ่อเกษม อาจิณสีโล

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 27 กุมภาพันธ์ 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    กระทู้นี้ดี


    ไม่ใช่ดีเพราะมีหลายท่านปะทะสำนวนอักษร

    แต่ดีเพราะ แม้เป็นทางสองแพร่งแห่งความเชื่อ ก็นับว่ายังให้ปัญญาแก่ผู้อ่าน ได้ทบทวนไตร่ตรอง


    ถึงข้อธรรมคำสอนแท้แห่งพระพุทธองค์ ว่ามีข้อใดเหมือน ข้อใดแย้ง ข้อใดสอดคล้อง ข้อใดเปรียบดังเส้นคู่ขนานบ้าง


    จึงถือเป็นการทวนความรู้ที่อาจจะเลือนๆ ไปเสีย ฟื้นกลับขึ้นมาใหม่


    ทางเราเองนั้น คำสอนในพระพุทธองค์มิใช่อะไรมาก ไปกว่าคำแนะนำในทางให้เกิดแสงสว่างแห่งปัญญา


    ตื่น รู้ เบิกบาน ในธรรม ว่าด้วยการดำเนินชีวิตตามครรลองแห่งตน ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะสมมติใด
     
  2. neung48

    neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +457
    ขยายความเข้าใจจ้า - แบบว่าบุญอะมีปริมาณนะ แต่เราวัดมานไม่ได้เองอะจิ
    เออแล้วถ้าเราร่วมวงด่าด้วยนี่จะเป็นโมธนาบาปป่าวหว่า ม่ายเอาดีกว่า กรรมใดใครก่อ ก็ไปเครียรกานเองละกาน ม่ายเกี่ยวๆ 555
     
  3. khajonsak9999

    khajonsak9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,536
    คุณขันธ์...ก็ไปเรื่อย
    .......................
    อธิบายยังไงคุณขันธ์ก็คง ไม่รับ ไม่รู้ ไม่ชี้...
    .......................
    พอแล้วครับ...เหนื่อย
    จะคิดยังไงก็เชิญครับ
    ................
    ทางใครก็ทางมัน เหมือน ......นิโคร ปานพุ่มกับ ขจรศักดิ์ ปานพุ่ม
    ...............ดีกว่านะ
    จบ จบ จบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2008
  4. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    บางทีพระเณรที่อยู่กับหลวงปู่ตื้อ แต่ไม่มีวาสนาร่วมกัน ก็ไม่อาจได้ทางสว่าง
    แต่หลายองค์ที่มีวาสนาร่วมก็ซึ้งใจว่าท่านเป็นพระอริยะจริงๆ
    เพราะจริตวาสนาเก่าที่ท่านแสดงออกมา ผู้ไม่มีวาสนาร่วมจะไม่เข้าใจ
    แต่พระระดับอริยะจะมีกุสโลบายการสอนที่แตกต่าง ต้องสังเกตุ
    ถ้าโน้มนำเป็นธรรมของพระพุทธเจ้าได้ นั่นคืออริยะแน่ๆเช่นหลวงปู่ตื้อ
    แต่ถ้าโน้มนำแล้ว ขัดกัน นั่น สมมุติสงฆ์
     
  5. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    กระทู้นี้ ไม่ต้องเถียงอะไรกันมากเลยครับ ถ้าจะบอกว่าเถียงเพื่อเกิดปัญญา
    ผมว่าควรจะเริ่มจากการพูดที่ไม่ส่อเสียดผู้อื่นอย่างรุนแรงก่อน อ่านแล้ว
    มันไม่เจริญใจ เลย จริงๆ ทุกครั้งที่ผมเห็นคุณขันต์โพส ในเมื่อคนกล่าวหา
    ก็ไม่รู้ว่าถูกจริงรู้จริงหรือป่าว แล้วไปกล่าวหาคนอื่น ยิ่งทำให้สับสนไปใหญ่
    ใครที่นับถือหลวงพ่อก็อย่าไปทุกข์ร้อนแทนหลวงพ่อท่านเลย ปล่อยกระทู้นี้
    ตกไป เด๋วก็เงียบไปเอง ยิ่งต่อยิ่งยาว
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ผมไม่ได้แรงอะไรเลย เพียงแค่มันต้องพูดอย่างนั้น ก็มุสา จะให้ผมไปพูดว่าอะไร
    หรือ ท่านอาบัติ จะให้ผมพูดว่าอะไร
    หรือ ท่านต้องเยียวยา จะให้ผมพูดว่าอะไร

    พวก คุณยกคำแย้ง ที่ผมพูดไปมาทีละข้อสิ
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    หลวงปู่ตื้อ ท่านไม่ได้สอนแบบ หลวงพ่อเกษมนะครับ แยกแยะด้วย
     
  8. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ที่จำได้ แมว จีระศักดิ์ ปานพุ่ม...;) ;) ;) ขอรับ
     
  9. khajonsak9999

    khajonsak9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,536
    เฮียปอครับ....มันจบแล้ว ทางใครก็ทางมัน
    ...................
    ชื่อนามสกุลนั้น...สำคัญไฉน
    ...................
    จากผม... ขจรศักดิ์ ปานพุ่ม และ นิโคร ปานพุ่ม
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ที่บอกว่าบุญมีปริมาณ ผมไม่อยากจะเถียงข้อนี้นะครับ เพราะว่ามันยกมาให้เห็นไม่ได้

    แต่ผมอยากจะบอกว่า ถ้ามันมีปริมาณ มันต้องยักย้ายถ่ายเทได้ ถ้าเช่นนั้นแล้ว
    โอนให้กันได้ และ ข้อนี้ต้องรวมไปถึงบารมี ที่สามารถโอนให้กันได้
    ถ้าเช่นนั้นแล้ว พระพุทธองค์ ท่านไม่บอกหรอกว่า ตถาคตเป็นเพียงผู้ชี้ทาง

    หรือไม่ก็ ท่านก็เอาบุญที่ท่านมี แจก สรรพสัตว์ทั้งหมด หรือ รวบรวมพระอรหันต์ทั้งหมด แจกบุญกันทั้งหมด แล้วเมื่อนั้น บุญแห่งพระอรหันต์ ย่อมหมดไป คนบาปย่อม หมดบาป เพราะได้บุญ

    ผมว่า คำสอนนี้มันขัดกันแต่ต้น พิจารณากันก่อนครับ

    การที่ ฝนตกแล้วชุุ่่มเย็นกันไปทั่วหน้า นั้นไม่ได้หมายความว่า บนฟ้ามีน้ำฝน ที่เก็บเอาไว้ ที่นึกจะให้เมื่อไรก็ได้

    ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่เช่นนั้นแล้ว คนทุกคน ที่พระอวยพร ย่อมหายทุกข์หายโศกในทันทีได้ แต่ความเป็นจริง ไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันต้องรอเหตุรอปัจจัย ที่เราเก็บไม่ได้ โอนไม่ได้

    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพวิญญูหีติ คือ รู้ได้เฉพาะตน ใครทำใครได้
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    มันจะไปจบอะไรหละ ผมไม่ได้มาทะเลาะกับใคร ผมมาชี้แจง เข้าใจกันใหม่ด้วยครับ
    และอีกอย่างหนึ่ง ผมไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ ขจรศักดิ์ จะได้ให้ผมไปจบกับคุณขจรศักดิ์
     
  12. khajonsak9999

    khajonsak9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,536
    หรือไม่ก็ ท่านก็เอาบุญที่ท่านมี แจก สรรพสัตว์ทั้งหมด หรือ รวบรวมพระอรหันต์ทั้งหมด แจกบุญกันทั้งหมด แล้วเมื่อนั้น บุญแห่งพระอรหันต์ ย่อมหมดไป คนบาปย่อม หมดบาป เพราะได้บุญ
    ..........................
    คุณขันธ์ครับผมจะตอบอีกที.....มันเหนื่อยแล้วนะ
    ..........................
    สาธุ ขอให้คุณขันธ์เข้าใจทีเถอะนะ
    1. คุณอ่าน กระทู้ผมให้หมดเสียก่อน (ธรรมะเปิดโลก)
    2. คุณตั้งใจเป็นกลาง ห้ามเอียง
    3. การที่เราจะให้อะไรใคร มันมีเหตุผลหลายอย่าง...ที่..
    .........เขาได้รับ หรือไม่ได้รับ
    .........เขารับได้น้อย หรือรับได้มากแค่ไหน อยู่ที่ตัวคนรับ
    เหมือนผนตก คนไม่มีอะไร ก็รับได้แต่ความเปียก อ้าปากรับฝน
    ........คนที่มีขันรองน้ำ ก็รองได้แค่ ขนาด ขันของตัวเอง
    ........คนที่มีหลังคาบ้าน ก็รองน้ำฝนได้เยอะ...
    ........คนที่ไม่สบาย ก็ไม่ออกมาตากฝน ไม่ไห้โดนฝน
    ........คนที่มีน้ำปะปา แล้วเขาก็ไม่รองน้ำฝน
    ........คนที่มีเงินซื้อน้ำกิน ก็ซื้อน้ำขวดน้ำถังกินไป..
    ........คนที่ไม่เอาน้ำจากคนอื่น ก็มีเหตุผลอีกเยอะแยะ
    เช่น ไม่ชอบขี้หน้า ไม่ไว้ใจ หยิ่ง อีกมากมายหลายสาเหตุ
    .........คุณขันธ์ ช่างเข้าใจยากจริงๆนะนี่
     
  13. khajonsak9999

    khajonsak9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,536
    ผมว่าผมอธิบายตั้งแต่ต้น จนจบ แล้วนะครับ คุณขันธ์
    .......................
    มันก็ตามเหตุ ตามปัจจัยตามที่คุณเข้าใจนั่นแหล่ะ
    ทุกปัญหา มีทางออกได้หลายทาง แต่คนที่เลือกทางแก้ สุดแต่ว่าเขาจะเลือก
    ทางไหน อยู่ที่ปัญญาของเขาจะแก้ ....
    บางคน ไม่ยอมรับ ความช่วยเหลือจากคนอื่น
    บางคนก็รอความช่วยเหลือจากคนอื่นอย่างเดียว...
    บางคนก็รอจังหวะ บางคนก็รอเวลาและโอกาส...
    มันอยู่ที่คนคนนั้น...มันเลยไม่เหมือนกันไงล่ะ
    ถ้าคนเราเกิดมาดีเหมือนกันหมด....ลองถามคนทั้งโลกดูสิ
    ผมว่าต้องมีคนไม่เห็นด้วยแน่นอน.....
    คุณขันธ์พิจารณา...พิจารณาให้หนัก
    ขอบคุณ..
     
  14. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ยังไงผมก็ไม่เข้าใจหรอกนะ

    เพราะไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าคงโอนบุญให้สรรพสัตว์ทั้งโลกได้สบาย

    ถ้าไม่โอนบุญ ก็รับบาปเสีย ข้างใดข้างหนึ่ง

    ถ้ามีโอน ก็ ต้องมีรับได้

    เมื่อนั้น การสารภาพบาป จะได้การยอมรับ

    ไม่มีทางเป็นไปได้

    ถึงให้เป็นไปได้ก็ไม่ควรกล่าว ไม่เกิดประโยชน์

    เพราะถ้ารับรองว่าโอนกันได้ ผมจะไม่ทำอะไรแล้ว
    คุณขจรปฏิบัติได้แค่ไหน โอนให้ผมด้วย คุณย่อม
    ไม่ใช่คนตระหนี่ และย่อมหลุดพ้นแล้ว จะไม่เมตตา
    คงไม่ใช่ฐานะ
     
  15. ขุนพล พลมณี

    ขุนพล พลมณี บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ++

    ทุกท่านฟังก่อนครับ..
    อันว่าวิชาเบิกบุญนี้ มีมาแล้วนานมากๆ แต่ขาดช่วงมาประมาณพันกว่าปีมานี้
    ก็ไม่รู้ว่าหลวงพ่อเกษมได้มายังไง
    หัวใจของวิชาคือ บุญกุศลทั้งหลายที่พระพุทธเจ้าหลายพระองค์ พระอรหันต์
    และพระอริยะบุคคลทั้งหลาย ที่อุทิศไว้เป็นสากล จนปัจจุบันนี้การอุทิศส่วนบุญเวลาเราแผ่เมตตา ที่เราอุทิศให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยไม่เจาะจงให้ใครจะยังคงอยู่ในรูปของพลังงานต่างๆในกระแสแห่งการเกิด-ดับนี้ เวลาที่เราทำบุญเสร็จเราจะอุทิศใว้ทั้งหมด ทุกๆศาสนาด้วย

    จะเห็นว่าบุญทั้งหลายที่มีมาแต่จิตปฐม ตั้งแต่ดวงจิตทั้งหลายเป็นหนึ่งเดียวนั้น
    มันนานมาก นานจนมีบุญให้เราใช้ไม่มีวันหมด เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบบุญไปบ้าง เช่น

    พ่อแม่ เห็นลูกสอบได้เป็น ครู ตำรวจ พ่อแม่ดีใจมาก พูดว่ามีบุญที่ได้ลูกเป็นคนดีมีงานมีการทำ ปลื้มอกปลื้มใจ เรียกว่าพ่อแม่ได้เสวยบุญคือความสุขใจ แต่
    พอเวลาผ่านไปหลายปี ลูกก็ยังอยู่ในตำแหน่งนั้นแหละพ่อแม่ มาเจออีกความตื่นเต้นยินดีมันลดน้อยลง เรียกปิติบุญเริ่มหมด ถามว่าทำไม ทั้งๆที่ลูกก็ยังมีตำแหน่งอยู่ ทำไมความปลื้มใจหายไปไหน นั่นล่ะคือการเปลี่ยนรูปของบุญ

    หลวงพ่อเกษม ท่านพยายามแยกบุญออกเป็นขั้นตอนเพื่อทำความเข้าใจให้กับ
    คนทั้งหลาย ได้เข้าใจว่าทำบุญแบบนี้แล้วขั้นตอนการส่งบุญมันเป็นยังไง
    จึงเอาภาวะบุญที่ไม่มีตัวตน ออกมาพูดสมมุติว่ามีตัวตนให้คนได้เข้าใจง่ายๆ

    การพูดเรื่องวิญญานนั้นผมไม่ขอแสดงความเห็นเพราะเป็นปัจจัตตัง พูดให้คนไม่รู้ฟังจะแปลความเป็นอย่างอื่นไป

    วิชาที่ผมเรียนนั้น พอหมดพระพุทธเจ้าแล้วก็หมด ไม่มีปรากฎในพระไตรปิฎก
    สูญหายมากว่า 2500ปี แล้ว นานกว่าวิชาเบิกบุญอีก ผมพูดเพราะอยากให้คิดว่า
    พระธรรม 8400 พระธรรมขันธ์ นั้นในพระไตรปิฎกเหลือเท่าไร? ไปอยู่ในคัมภีร์ นิกายต่างๆ อีกเท่าไร วิชาของพระพุทธเจ้า หายไปไหนหมด?

    ถ้าคุณขันธ์ อยากรู้ก็ให้ไปถามพระพุทธเจ้า ว่าวิชาเบิกบุญลักษณะแบบนี้ ท่านเคยสอนหรือไม่ เป็นวิชาที่เป็นไปเพื่อความดีหรือไม่ ถ้าไปเองไม่ได้ ให้ถามคนที่เก่ง ในกสิน ที่สามารถไปถามได้ อย่าพึ่งสรุปว่า วิชานี้ไม่มีในพระไตรปิฎกแล้วจะไม่อยู่ใน 8400 พระธรรมขันธ์ครับ..
     
  16. ฉัตรชัย พรหมแก

    ฉัตรชัย พรหมแก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +590
    ผมขอแสดงความคิดส่วนตัวนะครับ คำสอนของท่านก็แปลกแหวกแนวดีนะครับ แท่นทจะใช้คำว่า แผ่เมตตา ก็เล่นใช้คำว่าโอนบุญเข้ามา ก็แปลกดีครับขอยอมรับว่าการแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ไม่มีประมาณนั้นดีครับ
    เวลาเจ็บใข้ได้ป่วย บ้านผมเขาก็ทำบุญให้แก่เจ้าเจ็บเจ้าใข้ หรือเจ้ากรรมนายเวรที่เข้ามาเสวย หรือทวงกรรมในเวลานั้น ของหลวงพ่อเกษมผมเข้าใจว่าเป็นตัวเชื้อโรค ต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดโรคนั้น ๆ อันนี้ให้พิจารณากันให้ดี ๆนะครับจะเห็น สภาวะตามความจริง การแผ่เมตา หรืออุทิศบุญให้เชื้อโรคในขณะนั้น ก็คือการอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรม นายเวร ซึ่ง กรรมเป็นเรื่องที่ซับวอน กรรมสามารถแปรเปลี่ยนได้ 108 1009 ได้ ตรงข้ามกับบุญ ก็สามารถ เช่นเดียวกัน บุญที่สำเร็จด้วยการบริจาคทาน ก็แปรเปลี่ยนได้ ขอยกตัวอย่าง ร่วมใทำบุญ 100 บาท สร้างโบสถ์ สร้างพระประธาน ด้วยกำลังแห่ดวงจิตอันสละแล้ว อันบริสุทธ์ ผ่านเนื้อนาบุญอันอุดม สามารถเปลี่ยน กระดาษที่มีค่าว่า 100 บาทเป็นทิพย์วิมานบ้าง เป็นรัศมีกายบ้าง ปัญญาบ้าง ทิพยจักขุบ้าง โสตทิพย์บาง มีอานุภาพบ้าง อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเข้าใจว่าด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระอริยะสงฆ์คุณ นี้ สามารถแปรเปลี่ยนบุญต่าง ๆให้เป็นตามประสงค์แห่จิตในขณะนั้น จากการที่เราเจริญพระกรรมฐานที่มีผลพอพ้นนรกข้อที่ 2 ถึง 5 ข้อที่หนึ่งเว้นไว้เพราะยังเผลอตบยุง อยู่ สามารถช่วยให้สัตว์บางจำพวกพ้นจากทุกคติได้ เรียกว่าสำเร็จด้วยบุญอธิฐานในทานศีลภาวนา ขออนุโมทนา ส่วนการสวดมนต์ ผมเข้าใจว่าเป็นการทรงสมาธิ และภาวนา ให้เกิดปัญญาในเบื้องต้น ท่ามกลาง และ ในที่สุด ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยที่ห้ามสวดมนต์ แม้สัตว์เดรัฉาน ( ค้างคาว 500 ตัว ) ยังได้ไปสวรรค์ เราหรือเป็นมนุษย์ คงได้ไปไกลกว่านั้น
    หากไม่กระทำอนันตริยะกรรมก่อน อนันตริยะกรรม 5 ประการ ทุกท่านก็คงทราบกันดีว่ามีอะไรบ้าง และ การกล่าวคัดค้านคำสอนของพระอรหัต หรือ กล่าวตู่คำสอนของพระศาสดา หรืออ้างคุณวิเศษที่ไม่มีในตนว่ามี ก็เป็นคุรุกรรม คนสวดมนต์ก็เพื่อแผ่เมตตาให้กับสัดว์ทั้งหลายให้มีสุข แล้วใยเล่าสัตว์ทั้งหลายจะมาขยาดกลัวความเมตตาปราณีนั้น การสวดมนต์ของมนุษย์ดังถึงเทวโลก และ พรหมโลก อาจเลยไป ถึงเมืองแก้ว
    ในคำสอนของหลวงพ่อหลายท่านกล่าวว่าเทวดาก็มีการสวดมนต์ และผมเขาใจว่าเสียงของเทวดาย่อมดังไปทั้งจักวาลนี้ และ จักรวาลอื่น แล้วสัตว์ในภพภูมิต่ำกว่า จากจาตุมหาราชิกา ลงไปถึงนรกทั้ง 18 ขุม ที่เห็นได้ชัดคือมนุษย์มิต้องหนีตายหรือหนีไปอยู่นอกจักวาลหรือ หรือว่า สัตว์ในภพภูมิชั้นตำ่ไม่สามารถได้ยินเสียงเทวดา ได้ยินแต่เสียงมนุษย์ ก็น่าแปลก และ น่าหาเหตุผลมาประกอบดูนะครับ คำสอนที่ดีก็ฟังได้ปฏิบัติได้ เช่นเดียวกับผัก ผลไม้ ให้เลือกเก็บในผลที่เหมาะกับตนเเองก็พอ สาธุ
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    http://palungjit.org/showthread.php?t=45509
    ก็ไปอ่านดูเอากันเอง

    เรื่องวิชานี้สูญหายไปนานแล้ว ข้อนี้มาพูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะว่า ไม่มีใครรู้ หลวงพ่อท่านรู้อยุ่คนเดียว ท่านคิดเองเออเอง ไม่มีพระอริยะท่านใดพูด ว่ามีวิชานี้

    สำหรับคุณ ขจรศักดิ์ ผมไม่เข้าใจคุณเลย คุณไม่ต้องเสียเวลาอธิบายให้ผมฟังหรอก ผมไม่ใช่คนโง่ ผมเข้าใจอะไรง่ายเสมอ
    ง่ายขนาดที่ว่า เวลา สวดมนต์ หรือ ทำบุญ ผมไม่ต้องยุ่งยากให้กับชีวิต ด้วยการต้องเปลี่ยนบุญเป็น ข้าวให้เปรต หรือ เปลี่ยน บุญเป็น อาหาร ผมถามหน่อยสิ ว่า คุณเปลี่ยนกันอย่างไร
    หรือ คุณรู้ได้อย่างไรว่า เปรต หรือ วิญญาณมันกินอะไรกัน

    ผมทำบุญ ผมแผ่เมตตา ไม่ต้องไปถึงใครหรอก ผมให้คนรอบข้างผมมีความสุข ด้วยการที่ไม่สร้างเงื่อนไขอันไม่จำเป็นให้กับชีวิต และ เขาก็จะอยุ่กับเราอย่างอบอุ่น นั่นแหละ ความง่ายของผม
     
  18. khajonsak9999

    khajonsak9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,536
    คุณเอกวีร์ครับ...ผมเบิกให้พวกคุณ เบิกให้มนุษย์ทุกคนในโลก และนอกโลก
    เบิกให้ทุก ชีวิต ทุกวิญญาณ ในจักวาล อนันตจักรวาล ทั้งเจาะจง และไม่เจาะจง....เบิกให้เทวดา เบิกให้พรหม เบิกให้ เชื้อโรค จุลินทรีย์ เชื้อโรค ภูตผีปีศาจ ทุกอย่างที่ผมคิดได้..........และผมก็ไม่ให้ใครมาเชื่อ เพราะผมทำของผม ผมรู้ของผม และผมก็ไหว้พระ กราบพระ เหมือนเดิม .....
    เวลาเราไปวัดทำบุญ....พระยังให้พร....หรือมีใครไม่เอาครับ
    ..............อย่าโกหกตัวเองครับ
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เออ ผมถามหน่อยสิครับว่า คุณนึกปั๊บ บุญก็เปลี่ยนปุ๊บ หรือ แบบนี้ ทำไมคุณไม่มองว่า นี่คือ หมวดธรรมที่ชื่อว่า อุทธัจจะกุกุจจะหละครับ แปลว่า ความฟุ้งซ่าน

    หมวดธรรม พระพุทธองค์ท่านก็แยก ว่าอะไรคืออะไร ก็ไปดูกันหน่อยสิครับ ทำไมคุณไม่มองว่า ที่ หลวงพ่อเกษมพูดมา นี้คือ ข้อที่ว่า ขันธมาร ทำไมคุณไม่ไตร่ตรองอะไรกันเลย

    ธรรมข้อใดที่คุณเอามาพิสูจน์ ธรรมของหลวงพ่อเกษมว่า ตรงกับพระพุทธองค์สอน
    นี่เรื่องง่ายแบบนี้ ทำไมคุณไม่มองกัน
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ จร ครับ เวลานึก นั้น มันไม่ใช่จริงเสมอนะครับ บุญไม่ได้สำเร็จด้วยการคิดนึก แต่มันต้องภาวนา อบรมจิตใจ
    ไม่ใช่นึกว่าให้ก็ให้ แบบนี้เป็น การนึกเอาเอง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...