ขอค้าน หลวงพ่อเกษม อาจิณสีโล

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 27 กุมภาพันธ์ 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เพิ่งรู้นะ ว่า ที่คุณไฟสถิตย์ยกมา คือ ธรรมของหลวงปู่ดุล อตุโล
    นั่นแหละ หลวงปู่ดุลย์ ก็ ท่านเป็น ที่สุดแล้วเหมือนกัน ผมห่างชั้นกับท่านมาก ไม่มีอะไรต้องพูดเกี่ยวกับธรรมของท่าน ก็อ่านของท่านแล้วตีความให้ดี ก็จะรู้เอง
     
  2. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    การโอนบุญ กับการอุทิศบุญ เหมือนกันไหมค่ะ ช่วยอธิบายด้วยค่ะ
     
  3. khajonsak9999

    khajonsak9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,536
    คุณ jaya ครับ โอนบุญ อุทิศบุญ เบิกบุญ แผ่บุญ ...
    เจตนา อันเดียวกันครับ......สรุป ก็เหมือนกันครับ
    .....................
    แต่วิธิการ เท่านั้น ที่ไม่เหมือนกัน แต่จริงๆ ก็เหมือนกันครับ
    ....................
    แค่อธิบาย และไม่อธิบาย ....สรุป อยู่ที่ปัญญาของคน ที่จะเข้าใจไม่เข้าใจครับ......จะเรื่องมาก หรือไม่เรื่องมาก จะคิดมากหรือไม่คิดมาก
    ......
     
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กล่าวถึง องคุลิมาล ก็ขอบรรยายเสียหน่อย เพราะชื่อที่พ้องเสียง มาร จึงทำ
    ให้ลืมสาระแท้ๆของเรื่องไป เอาสัญญาเดิมจับ ทำให้เห็นว่า ท่านเป็น มารกลับใจ

    แต่โดยข้อเท็จจริงตามท้องเรื่องนั้น ไม่ใช่เลย

    มันเกิดจาก กัลยณมิตร ที่ไม่ดีต่างหาก ที่พาหลงผิด เหมือน เทวทัต พา พระ
    เจ้าอชาติศัตรูทำลายพุทธศาสนา ทำร้ายพระพุทธองค์ ก่อนรู้สึกตัว ก็ได้ทำ
    ปิตุฆาติไปแล้ว ทำให้เกิดกรรมหนัก แม้จิตเดิมพร้อมจะบรรลุอรหันต์ก็ต้องติด
    กรรมระงับไปอย่างน่าเสียดาย

    กลับมาเรื่อง องคุลิมาล

    ท่าเป็นศิษย์ที่ฉลาดปราดเปลื่อง ทำให้เกิด ศิษย์รุ่นพี่ อิจฉาในความสามารถ
    ขององคุลิมาล ก็เลยไปเป่าหูอาจารย์ให้กำหราบให้พ้นสำนักไปเสีย ไม่เช่น
    นั้นผู้เป็นอาจารย์ก็แย่ไปด้วย ผู้เป็นอาจารย์จึงใช้ฐานะความเป็นอาจารย์บอก
    องคุลิมาล ว่า เธอจะสำเร็จวิชาเอกอุ อันเป็นความลับ เปิดเผยต่อใครมิได้
    วิชานี้ จะต้องใช้นิ้วมือคนพันคน โดยจะต้องไม่เลือกที่มาของนิ้วมือนั้น ขอ
    ให้พบใครก็ให้เอามาโดยไม่ลังเล ถึงจะสำเร็จวิชานี้

    จะว่าไป องคุลีมาล นั้นเจตนาเข่นฆ่าเพื่อเล่นๆ ก็เปล่า เพื่อเอาทรัพย์ก็เปล่า
    เพื่อย่ำยีเหยื่อก็เปล่า เพื่อเจตนาที่เคียดแค้นไฟสุมในดวงตาก็เปล่า หากแต่
    เกิดจากความเพียงที่จงใจ ที่เพ่งลงไปในกิจจนถลำลงไปเกาะแน่นกับทิฏฐินั้น

    แต่เนื่องจากคนที่พันนั้น เผอิญท่านแม่ขององคุลีมาลจะไปตามหาท่าน พระ
    พุทธองค์ตรวจญาณมาพบ และเห็นว่า องคุลีมาล อยู่ในฐานะสำเร็จอริยะได้
    แต่การณ์จะเสียเหมือนดั่งพระเจ้าอชาติศัตรู พระพุทธองค์จึงทรงดำเนินมาโปรด

    ดังนั้น ใครก็ตามที่ยก มาร กลับ ใจ โดยยกพระสูตร องคุลีมาล ก็คือ ผิดถนัด

    สิ่งที่ได้จากเรื่องนี้มีหลักคือ

    1.กัลยณมิตรที่ชี้ทางถูกต้อง ซึ่งจะชี้ได้ก็ต้องมีสัมมาทิฏฐิ อย่าลืม อาจารย์ที่ชี้
    ให้องคุลิมาลนั้นอยู่ในฐานะ เจ้าสำนัก และสอนไตรเวท วิชาที่ยกว่าเอกอุนั้นก็
    อ้างจากความรู้ที่มียิ่งแล้วในทิฏฐินั้น แต่กลับยกสิ่งอื่นที่ยิ่งกว่าให้กับศิษย์ โดย
    สิ่งยิ่งกว่าคือ โลกันตมหานรก

    2.กรรมหนัก ที่พระพุทธองค์ตรัสยกไว้แล้วนั้น สำคัญยิ่ง จริงอย่างยิ่ง

    3.สำหรับคนที่ติดเพ่ง จะแก้ ก็แค่หยุด! สิ่งง่ายๆแต่ทำยากยิ่ง ปาฏิหารย์เท่านั้น
    ที่จะก่อให้เกิด ไม่เช่นนั้น คนติดเพ่ง จะไม่มีทางแก้ หรือ ยอมแก้

    4.ในพระสูตรองคุลิมาล ไม่มีเรื่องโอนบุญ มีแต่ ธรรมทาน สุดยอดแห่งบุญ
    วิชาธรรมทานนี้ เป็นวิชาเก่าแก่ยิ่งกว่า จริงแท้ยิ่งกว่า แม้แต่คนที่มุ่งมั่นจะฆ่า
    ก็เปิดบุญตัวเองได้
     
  5. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    คุณไฟคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "ดูกายเห็นจิต ดูความคิดเห็นธรรม" นะครับ

    อานาปานสติก็คือดูกายนี่เอง การดูกาย จะดูที่ลมก็ได้ ดูที่ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งก็ได้ หรือดูทั้งหมดทีเดียวแบบรู้ตัวทั่วพร้อมเลยก็ได้ สำหรับผู้เริ่มต้น ดูกายส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือ ดูที่ลม ไปก่อนก็ดี แบบท่านฐาณัฏฐ์ ที่ดูตามลม ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน ส่วนผม ไม่ชอบดูลมอย่างเดียว ผมดูแบบทั่วพร้อมหมดเลย รู้สึกเห็นอะไรได้ทั่วถึงดี แต่ตอนแรกก็ทำไม่ได้นะ ต้องตามดูทีละส่วนไปก่อน

    พอดูกายจนชำนาญ จะเริ่มเห็นจิต ดั่งคำพูดด้านบน "ดูกายเห็นจิต" เดิมที่ จะกำหนดดูที่จิตไปเลย ผมเห็นว่า ยังไม่สามารถเห็นได้โดยตรง การที่เราทราบว่า จิตเรามี โมหะ โทสะ หรือ โลภะ หรืออะไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงการอนุมานเอาเอง หาใช่เห็นได้ตรงๆไม่ จะเห็นจิตได้ ก็ต่อเมื่อ มีสติแก่กล้าพอสมควรแล้ว หลังจากที่ฝึกดูกายมาได้สักระยะหนึ่ง เวทนา จิต จะเริ่มเห็นได้เองโดยอัตโนมัติ

    ความชำนาญใดๆ ก็ตาม ต้องผ่านการฝึกฝนมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความชำนาญด้านภาษา วิชาการ กีฬา เป็นต้น ก็ต้องฝึก การดูจิตก็เช่นกัน มันก็ต้องฝึก แต่การฝึกดูจิตนี้ ต่างจากการฝึกอย่างอื่นคือ ฝึกสำเร็จ ตัดภพตัดชาติได้ ดังนั้น จึงสมควรแล้วที่จะทุ่มเทกำลังและสติปัญญาอย่างเต็มความสามารถ และเมื่อสติมีกำลังดีแล้ว เราแทบไม่ต้องไปบังคับมันเลย เวลาอารมณ์อะไรผ่านมา สติมันวิ่งไปตามรู้เองโดยอัตโนมัติทันที ตามรู้ได้นานขึ้น บ่อยขึ้น เหมือนมีพลังจากข้างในเต็มเปี่ยม ส่วนอารมณ์นั้นจะตั้งอยู่นานแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับกำลังของมันและกำลังของเรา ว่าใครจะมีกำลังมากกว่ากัน

    การดูกายของคุณ ดูเหมือนจะเป็นการเพ่งไปที่กาย ทำให้ขาดสติสัมปชันยะ มันเป็นสมถะหน่ะ ไม่ใช่วิปัสสนา ดังที่ท่านเอกวีร์อธิบายไว้แล้ว ถ้าตามดูกายถูก การขับรถจะยิ่งมีคุณภาพ คุณไฟคงต้องปรับอีกนิดหน่อย ต้องลองๆ ปฏิบัติดู ลองผิดลองถูกเอาเอง เพราะมันเป็นสภาวะนามธรรม ผู้อื่นทำได้เพียงชี้ทางเท่านั้น เมื่อคุณพบทาง ปัญญาจะบอกเองว่า เรามาถูกทางแล้ว

    เรื่องดูจิต ก็ดูตาม แต่ไม่คล้อยตามและไม่ข่มอารมณ์ เพราะไม่เกิดประโยชน์มากนัก ตามรู้ไปเนืองๆ แล้วระลึกไว้ว่า เดี๋ยวมันก็ดับเอง หรืออาจจะบอกตัวเองก็ได้ว่า "ดูสิ จะอยู่อีกนานไหม ใครมันจะแน่กว่ากัน" ไม่นาน อารมณ์นั้นก็ดับไป

    ตอนนี้กลับมาดูลม ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่คงไม่เรียกว่าเริ่มใหม่หรอก เพราะตอนนี้ก็รู้ว่า ที่ทำหน่ะ ยังไม่ใช่ ควรมองว่า ก้าวหน้าไปอีกนิดดีกว่า ได้กำลังใจดี ถ้าปฏิบัติตรงทาง ท่านว่า บารมีน้อย 7 ปี บารมีกลาง 7 เดือน บารมีมาก 7 วัน ตามความเห็นผม ไม่เกิน 3 ปี ต้องเห็นผลบางอย่างแน่นอน นี่เผื่อเหลือไว้เยอะแล้วนะ

    เป็นทัศนะส่วนตัวนะครับ ผิดถูกผมขอรับไว้เอง แล้วแต่คุณจะพิจารณา...

     
  6. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +39,008
    เอาชนะอะไร ไม่เท่าชนะใจตนเอง
    รู้อะไร ไม่เท่ารู้ใจตนเอง
    ขออนุโมทนากับผู้ใฝ่ธรรมทุกท่าน
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ข้อนี้ คุณ จร เขียนได้ดีนะครับ ไม่รู้ว่า มันจะต้องทำให้ผิดแปลกแหวกแนว เรื่องมากทำไม พูดคำเดิมคนเขาก็เข้าใจอยู่แล้ว ต้องแหกคอกมาพูดว่า โอนบุญ ต้องคิดมาก ต้องเรื่องมากว่า จะต้องเบิกอย่างนั้น จะต้องโอนแบบนี้ จะต้อง จ้างคนนั้นจ้างคนนี้ คนมันเรื่องมาก มันมากด้วยตัณหา มันก็สร้างเรื่องนั่นแหละครับ

    ขอบคุณ คุณ จรนะ ที่ออกมาพูด เสียแจ่มแจ้งเลย
     
  8. khajonsak9999

    khajonsak9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,536
    คุณขันธ์ที่รักครับ....ผมพูดแจ่มแจ้ง เพราะผมเข้าใจ
    .................................
    คุณขันธ์ทำไม ไม่ยอมเข้าใจหล่ะครับ
    .................................
    ในเมื่อการทำบุญ เราไม่ได้ต้องการ รู้ว่า ของที่ทำบุญ เอามาจากไหน
    .................................
    เราไม่ต้องการรู้ว่า เนื้อไก่ที่แกง ซื้อมาจากตลาด แต่ เขาฆ่ามานะ
    เราไม่ต้องการรู้ว่า เนื้อวัวที่ย่าง ซื้อมาจากตลาด แต่ เขาฆ่ามานะ
    ขนมจีนที่เอาไปทำบุญ น้ำขนมจีน ทำจากปลาทูที่คนไปจับมันมา แล้วฆ่ามัน
    ................................
    อันที่จริงเราก็รู้แล้วว่ามันไม่ได้ตายเองแน่นอน ถ้ามีคนพูดถึงมันว่า มันถูกฆ่ามา คุณขันธ์ไม่ชอบ ไม่พอใจ โกรธ....แล้วได้อะไรครับ
    ...................
    คุณขันธ์ครับ
    เวลาหิว เข้าไปในร้าน แล้วสั่งว่า......
    เส้นเล็ก ไส่น้ำ ถั่วงอก เนื้อสด ลูกชิ้น กระเทียมเจียว ถั่วลิสงบด ไส่หอม ไส่ผักบุ้ง ไส่ผงชูรส ไส่ถ้วย.1 ถ้วย............ถ้าสั่งแบบนี้
    .......................
    กับคุณขันธ์ สั่ง ก๋วยเตี๋ยว 1 ถ้วย........
    ........................
    อยากถามคุณขันธ์ ที่เข้าใจยากว่า...มันต่างกันตรงไหนครับ
    .......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2008
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็ต่างสิครับ ถ้าผมเป็นคนขายของ ผมจะบอกว่า มึงไปสั่งที่อื่น ที่นี่ไม่ขายให้คนเรื่องมาก
    ไม่เชื่อลองไปสั่งแม่ค้า ตอนยุ่งๆสิ คุณไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวแต่จะได้กินอย่างอื่นแทน
    ก็ใช่นะสิครับ ผมเข้าใจ ว่ามันไม่ต้องไปรู้อะไรว่า มาจากไหน ก็ถูกต้องแล้วนี่ ผมบอกหรือครับว่า จะต้องรู้ ต้องโอน จากตรงนั้น จากตรงนี้ หรือ ผมบอกหรือครับว่า เราต้องรีบโอนภายในกี่วินาที
    ผมสิต้องเป็นฝ่ายถามคุณนะครับ คุณ จรที่รัก
     
  10. khajonsak9999

    khajonsak9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,536
    ก็ต่างสิครับ ถ้าผมเป็นคนขายของ ผมจะบอกว่า มึงไปสั่งที่อื่น ที่นี่ไม่ขายให้คนเรื่องมาก
    ไม่เชื่อลองไปสั่งแม่ค้า ตอนยุ่งๆสิ คุณไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวแต่จะได้กินอย่างอื่นแทน
    .........................................................
    คุณขันธ์ตอบเองนะ...ผมจะชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงที่อาจเป็นไปได้ นะ...
    ว่าทำไมต้องสั่งแบบสาธยาย รายละเอียดกัน มองได้ว่า...
    1.คนกินเรื่องมาก อยากได้ตามที่ตัวเองชอบ
    2.คนขายมันโง่ สั่งอย่าง ได้อย่าง ต้องแจงรายละเอียด
    3.เป็นเรื่องปกติ เพราะ คนขายจะรู้ใจลูกค้าได้ทุกคน เป็นไปไม่ได้
    4.เป็นเรื่องปกติที่คนกิน เขาชอบสั่งแบบนี้
    5.ลูกค้าที่เรื่องมาก ซักนั่น ถามนี่ สงสัยนั่น สงสัยนี่ เนื้ออะไร
    6.ลูกค้าที่ไม่เรื่องมาก กินกินให้อิ่มก่อน เรื่องอื่นทีหลัง
    ...........................
    แล้วถ้าคนขายเรื่องมาก หงุดหงิด กับคนซื้อเรื่องมาก อารมณ์เสียมาเจอกัน
    ......อะไรจะเกิดขึ้นครับ อาจเป็นพาดหัวข่าวได้เลย
    แล้วคุณขันธ์ จะเป็นลูกค้า แบบไหนครับ
    ..............
    อยากถามคุณขันธ์ที่รักว่า.......ใจจริง ยังไม่หายเคืองผมหรือครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2008
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ จร คุณเรื่อยเปื่อยแล้ว คุณกำลังจะเอา สมมติมาเถียงสมมติ และต่อความยาวสาวความยืดไปเรื่อย

    สำหรับ คนที่บอกว่า ทำไมผมต้องว่า หลวงพ่อเกษม และให้ผมลดอัตตา
    ผมต้องบอกว่า คุณ ลองไปดูหลวงพ่อเกษม ตอนที่ด่า พระลูกวัดว่า ใครอยากเป็น พระอริยะวะ พระอริยะฮุกkuay พระอริยะ หวั kuay ผมนี่ยังโหลด mp3 มาเลย นี่ผมลบทิ้งไปแล้ว ตอนแรกว่า จะส่งไปให้ มหาเถรสมาคม แต่ไม่อยากจะทำลายใคร
    นี่ผมออกมาพูดความจริง ไม่ได้ด่าอะไรใคร ผมบอกว่า พระเกษม หมดจากความเป็นพระ
    ผมบอกว่า พระเกษมเป็น มาร คุณก็ไปดูความหมายของคำว่ามารก่อน
    คนเขาทำผิด ผมพูดอะไรไป มันก็ตรงหมดแหละ ไม่ได้ด่าอะไรเลยสักคำ

    จะต้องยกยอปอปั้น กันหรือไง ครับ จะต้องอ้อมค้อมกันหรือ
     
  12. khajonsak9999

    khajonsak9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,536
    คุณขันธ์ที่รักครับ........เรื่องของคนอื่นนี่ เอามาถกกันอยู่ได้ หลวงพ่อเกษมท่านจะเป็นอะไรก็ช่าง เรื่องของท่านไม่เกี่ยวกับเรา ถ้าจะเกี่ยวก็เกี่ยวแต่เรื่องดีดี เป็นพอ เรื่องไม่ดีที่เราเห็นมา รู้มา คุณจะเก็บเอามาให้มันหนักหัวทำไมครับ.
    ...............
    เวลาหมามันกินขี้ ก็บอกว่า มันต่ำ สกปรก ........
    เวลาหมามันกัดโจร เฝ้าบ้าน ก็ยกย่องชมเชยว่ามันดี
    เวลาหมามันขี้ เยี่ยวใส่บ้าน ก็บ่นว่ามันไม่รู้จักดีชั่ว
    เวลาหมาตัวเมีย มันคลอดลูก มันกิน รก กินขี้ กินเยี่ยวลูก ก็สรรเสริญว่าประเสริฐแท้.....
    ..................................
    ตกลงเมื่อไหร่คุณขันธ์จะเลิก หน้ามืด ตามัว ซักทีครับ
    ..................................
    ท่านเอกวีร์คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ.......
    ท่านวิมุตติคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ............
    ..................................
    มาดูแลเพื่อนท่านหน่อยครับ...ผมเหนื่อยแล้ว
    ..................................
    ที่ผมถามว่า คุณขันธ์ยังเคืองผมไม่หายหรือคร้าบบบบบบบบบบบ.
    ..................................
    ช่วยตอบให้ชื่นใจหน่อยสิครับ คุณขันธ์ที่รัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2008
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อ้าว

    ก็อย่ายึดมั่นสิ คุณขจรลองทิ้งดูก่อนสิ จะเป็นอะไรไป
    คุณขันท์เขาจะว่าใครนี่ คุณขจรลองเอาออกจากอกดูก่อน
    ปล่อยเขาว่าของเขาไป นี่แค่หลวงพ่อนะ ยังมีชาวเว็บอีก
    แต่ไม่รู้สินะ ผมว่า คนที่โดนคุณขันท์ว่าแล้วได้ดีมีเยอะไป

    ผมนี้แหละ 1 คน ปวารณาไว้แล้ว ถ้าทำผิดเมื่อไหร่ก็จะมาสารภาพ
    กับคุณขันท์ ท่านจะช่วยชี้ ถ้าคิดว่าได้ดี ท่านก็ช่วยชี้อีกถ้ามันผิด

    แต่ไม่แปลกใจหลอกนะ ถ้าคุณขจรจะเคืองคุณขันท์

    แต่ผมคนหนึ่งละที่จะไม่เคืองคุณขันท์ เพราะผมศรัทธาว่าคุณขันท์
    ท่านชี้ทางได้จริง

    :)
     
  14. khajonsak9999

    khajonsak9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,536
    ผมก็ไม่ได้เคืองคุณขันธ์นะครับ
    ผมเข้าใจว่าคุณขันธ์ต่างหากที่เคืองผม
    ..............................................................
    คุณเอกวีร์ให้ผมทิ้ง ...แล้วคุณขันธ์ ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจ ว่าคุณทิ้งแล้วสิครับ อันนี้ผมเข้าใจว่า คุณขันธ์ยังไม่ทิ้ง ผมเข้าใจผิดหรือเข้าใจถูกล่ะ
    ................................
    คุณขันธ์ช่วยอธิบายครับ
    ................................
    แต่ผมเชื่อว่า คุณวิมุตติ ทิ้งแล้ว........
    ผมก็ทิ้งแล้ว แต่คุณขันธ์ ยังบอกให้ผมเก็บ.....เก็บมาทำไม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2008
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ทิ้งอะไร หละ แล้วมารู้ได้อย่างไรว่าผมเคือง
    ผมไม่ทิ้งหรอก ทิ้งทำไม คนที่ทิ้งคือ คนที่ไม่เอาถ่าน ไม่เอาอะไรนั่นแหละ ทิ้ง
    ตามธรรมดา ของเสียนี่ถึงทิ้ง แต่ของมันก็มีทั้งดี ทั้งไม่ดีในใจ จะไปทิ้งมันหมด ได้อย่างไร
    พระพุทธองค์ ท่านก็ไม่ทิ้ง ไม่มีพระอรหันต์ ท่านใดทิ้งเลย ท่านมีแต่คอยช่วยเหลือคน
     
  16. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ครูที่ไหนจะทิ้งลูกศิษย์ คุณปวารณาด้วยความจริงใจหรือเปล่า
    ถ้าใช่ คุณ จะรู้เองว่าอย่างไรคือสิ่งที่ควร

    แล้วคุณเคยเห็นคุณขันท์ไม่เคยกล่าวให้ชนทั้งหลายลองติเตียน
    เขาเองหรือเปล่า

    เราไม่เห็นกริยาใดที่คุณขันท์จะปัดภาระในการพิสูจน์ตน

    คุณถือคุณขันท์เป็นครู แต่ครูคนนี้ก็ถือคุณเสมอเขาเหมือนกัน

    แต่ต้องแยกธรรมออกจากบริบทของคำพูด ต้องดูอรรถ และพยัญชนะ
    ที่เป็นธรรมแท้ๆ คุณขจรก็เก่งอยู่แล้ว เห็นไม่ยากหรอก ส่วนอื่นๆ
    ก็ทิ้งๆไป

    เหมือนในสมัยพุทธการ พระสารีบุตร เถระ ท่านชอบกระโดด ท่านทำอะไร
    ก็กระโดดไปกระโดดมา ไม่เป็นที่สำรวม แต่ถามว่าผิดไหม ท่านถูกชี้ก็ยอมรับ
    เพราะอย่างไร วินัย ก็มาก่อน

    เหมือนดังพระสูตรนี้
    แม้พระอรหันต์ก็มีความเห็นที่แตกต่างกันได้ในบางเรื่อง
    http://palungjit.org/showthread.php?t=116686

    เหตุนี้เพราะอะไร เพราะสาวกยังมีอาสวะ หรือ มีอาสวะที่แตกต่างกัน
    พระพุทธองค์จึงตัดสินให้ว่า ป่าจะงามก็ต่อเมื่อเราไมเอาอาสวะของแต่
    ละท่านเที่ยววิจารณ์แต่มุมของตน

    เหตุนั้นจึงไม่ควรมองว่า อาสวะ จะเป็นเรื่องปรากฏไม่ได้ อรหันต์สาวกก็
    มีอาสวะที่ต่างกัน แย้งกัน ไม่เหมือนกัน แตกแยกกันจนสรุปไม่ได้ ต้องพึ่ง
    พระบารมีของพระพุทธองค์กำหนดเป็นข้อวินัย

    * * * * *

    ผมโพสช้า แต่เห็นเหมือนที่ผมเห็นไหม ว่าทำไมคุณขันท์ท่านไม่ทิ้งคุณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2008
  17. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เจตนายังเหมือนเดิม คือ ลบสีลพตรปรามาส

    น้าจอน ต้องเข้าใจคำนี้ก่อนครับ
    ก็แนะให้ถามอาจารย์ขันธ์


    ครั้งหนึ่ง เราเชื่อว่าโลกแบน
    อยู่ดีๆมีคนออกมาชี้ว่าโลกกลม ก็ไม่เชื่อกัน
    เหตุเพราะ เชื่อแบบนั้นกันมานาน
    อันนี้ก็ต้องพิสูจน์เอง ว่าจริงตามนั้นหรือไม่.

    สำคัญตรงไหนรู้ไหม ครับ
    ตัวต้นตอความคิดว่าโลกแบน แล้วพร่ำสอนสาวกให้เชื่อว่าโลกแบนนี่แหละ
    วันนึงพอรู้ว่าโลกกลมจะรับไม่ได้
    เพราะเกรงว่าฝูงชนจะเสื่อมศร้ทรา
    อำนาจจะสั่นคลอน ความดังดับ.
     
  18. khajonsak9999

    khajonsak9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,536
    เอาอย่างนี้ก็แล้วกันครับ........
    .................................
    ช่วยชี้ทีว่า ผมไม่ทิ้ง อย่างไร
    ผมควรทิ้งอะไร......
    คุณจะช่วยผมได้อย่างไร
    .........................
    อะไรที่ผมไม่เข้าใจ...........
    อะไรที่ควรแนะนำผม.........
    แล้วอธิบาย ลบสีลพตรปรามาส หมายถึงอะไร
    ........................
    และอย่าเพ่งผม ผมเวียนหัวครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2008
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คือ แบบนี้ เรื่องพูดดี ผมพูดได้ ตัวจริงผมพูดเพราะจะตาย
    แต่ ว่าคำพูดดี มีผลเสียคือ
    1 ท่านจะเกิดศรัทธา กับผม โดยที่ ไม่ได้พิจารณาอะไร
    2 ท่านจะไม่ได้เห็นธรรม นอกจากเอออตามกันไป

    แต่ทีนี้ ถ้าท่านเห็นว่า ผมเป็น คนที่พูดจา ไม่ได้เรื่อง แต่ว่า มีธรรม ท่านก็จะใช้ปัญญาพิสูจน์ธรรม จริงไหม
    แล้วท่านจะบอกว่า ไอ้นี่มัน มีธรรม แต่ทำไมมันพูดจาทุเรสอย่างนี ้ ธรรมะของมันจะดีจริงหรือ ต้องพิสูจน์เสียหน่อย

    แล้ว ท่านก็มาพิสูจน์ แล้วท่านก็จะเห็นอะไรมากขึ้น
    แต่ถ้าผมพูด ตรงใจท่าน ท่านก็มีปัญญาอยุ่เท่าเดิมนั่นแหละ

    ผมจะแสดงให้เห็นว่า ธรรม ที่แท้จริงนั้น เป็นอย่างไร โดยไม่ให้ท่านอิงกับ ภาพลักษณ์ ไม่ท่านอิงกับความเชื่อ
    ไม่ให้ท่านอิงกับ ความรู้สึกของท่านเอง

    ก็เชิญมาพิสูจน์

    ถามว่าผลเสียมีไหม คนทั่วไปอาจจะคิดว่า มี คำพูดไม่ดี ทำให้คนโกรธกัน เกลียดกัน แต่ผมจะบอกให้ว่า
    ไปดุว่า คนที่ได้อ่านข้อความที่ ค่อนข้างรุนแรง ของผมนั้น อย่างน้อยเขาจะได้อะไรไปบ้าง เกลียดก้เกลียดไปเถิด แต่อย่าหลง โทสะ นั้นคือ สังโยชน์ ตัวสูงกว่า สักกายทิฎฐิ หรือ สีลพตรปรามาส ถูกไหม
    ท่านจะเอาอะไร ระหว่าง โทสะ กับ โง่

    ไม่ได้จะพูดให้ตนเองเป็นคนดีหรอก แต่มันคือความจริง
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ จร คุณ ต้อง มองอะไรต่างๆ แบบเด็กๆ คือ ไม่ใช้สัญญา หรือ การวิพากษ์ไปก่อน
    มองแบบ ตรงๆ กินก็คือกิน นอนก็คือนอน คนเขาพิมพ์อะไรมา คุณก็อ่านเท่านั้น อ่านแบบตรงๆ ไป ไม่มองไปถึงเจตนาเขา เพราะถ้าคุณมองไปถึงเจตนา คุณ จะเอาจิตของคุณมาปรุง แต่ถ้าคุณอ่านแค่คำพูด ไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ

    ทำอะไร แบบขั้นตอนเดียว มีอะไรต้องทำก็ทำไปทีละอย่าง อย่าทำไป คิดไป ทำเรื่องนี้คิดเรื่องนั้น
    นี่คือย่างแรก ที่คุณจร ต้องฝึก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2008
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...