แจก พระผงเจดีย์ี ครูบาศรีวิชัย มวลสารพระผงเก่าครูบาศรีวิชัย อิฐ พระธาตุเจดีย์

ในห้อง 'แจกฟรี แต่มีค่าส่ง' ตั้งกระทู้โดย supap2006, 24 พฤศจิกายน 2012.

  1. supap2006

    supap2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +196
    แจก พระผงเจดีย์ี รูปเหมือนครูบาศรีวิชัย หลังใบโพธิ์ รุ่นกำแพงแก้ว (วัดบ้านปาง ซึ่งเป็นวัดถิ่นกำเนิด ที่พำนักของ ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย) มวลสารชนวนพระผงเก่าครูบาศรีวิชัยที่แตกหัก และ อิฐ กว่า 100 ปีที่ีสร้างพระธาตุเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอัญเชิญจากอินเดีย
    ปลุกเสกผ่านหลายพิธี ที่วัดบ้านปาง วัดที่ครูบาศรีวิชัย จำพรรษายาวนาน และ เป็นถิ่นกำเนิด ของท่าน ครับ ถือว่าเป็นแหล่งพลัังงานอันศักดิ์สิทธิ์ ที่
    ในพิธีปลุกเสก ได้อัญเชิญพระิวิญญาณ อันศักดิ์สิทธิ์ของ ครูบาศรีวิชัยมาร่วมเสก ตลอดจน เทพไท้เทวา ทั่วสากลโลก ให้มาอำนวยอวยชัยในการเสก ครั้งนั้นด้วยครับ
    (ครูบาศรีวิไชย วัดบ้านปาง จ ลำพูน)
    ==========================================
    บูชา กุมารทอง รักยม ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี จ เชียงใหม่ และ วัตถุมงคลอื่นๆ ได้ตามลิ้งก์

    http://palungjit.org/posts/6865902

    คัดลอก ลิ้งก์ไปวาง ได้เลยครับ

    ===========================================
    จองแล้วรบกวนโอนเงินภายใน 3 วัน นะครับ เกินจากนั้นขอให้สิทธิ์คนที่จองถัดไปครับ

    ธนาคาร กรุงเทพ ประเภทออมทรัพย์
    หมายเลขบัญชี 587-048-9753
    ชื่อ นางสาว ชวัลลักษณ์ นิธิธาดา


    การโอนเงิน
    เมื่อโอนมาแล้ว ให้แจ้ง เป็นเศษสตางค์ วัน เวลา ที่
    โอนเพื่อง่ายในการตรวจสอบ ที่ Pm
    เช่น โอน วันที่ 10 ตค 2555 เวลา
    09.45 นาที จำนวน 100.19 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2012
  2. supap2006

    supap2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +196
    พระผงเจดีย์ี ครูบาศรีวิชัย มวลสารชนวนพระผงเก่าครูบาศรีวิชัยที่แตกหัก และ อิฐ กว่า 100 ปีที่ีสร้างพระธาตุเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอัญเชิญจากอินเดีย
    ปลุกเสกผ่านหลายพิธี ที่วัดบ้านปาง วัดที่ครูบาศรีวิชัย จำพรรษายาวนาน และ เป็นถิ่นกำเนิด ของท่าน

    ------- ค่าจัดส่ง 100 บาท ครับ ------

    ---------- แจกจนกว่า ของ หมด ครับ--------


    ------ รับประกันแท้ตลอดไป ครับ กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ -----

    ช่วงที่บูรณะ ในปี 2554 อิฐที่พระธาตุเจดีย์ แตก เสียหายเป็นจำนวนมาก
    ทางคณะกรรมการวัด จึง ได้นำมาเป็นส่วนผสมในการจัดสร้างพระ


    ภาพด้านล่้าง ภาพพระธาตุเจดีย์ ที่ครูบาศรีวิชัย สร้างเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่รับจาก อินเดียเมือปี พ.ศ. 2452 ( กว่า 100 ปี ผ่านมาครับ )วัดบ้านปาง อ ลี้ จ ลำพูน


    #####
    #####
    #####
    #####
    #####
    #####
    #######
    #####
    ####
    ###
    ##

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2012
  3. supap2006

    supap2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +196
    ทึ่งปาฏิหาริย์ครูบาศรีวิชัยช่วยรอดตาย
    ทึ่งปาฏิหาริย์ครูบาศรีวิชัยช่วยรอดตาย
    ครอบครัวนายแบงก์เผยรถคว่ำ2ครั้งแต่ไม่เป็นไร

    ฮือฮาพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย

    สร้างปฏิหาริย์ช่วยเหลือครอบครัว ศุภกิจ พนักงานแบงก์ รอดเงื้อมมือ

    มัจจุราช ถึง 2 ครั้ง หลังไปงานบวชน้องชาย เจอทั้งรถชน-รถคว่ำ แต่รอด

    มาได้อย่างหวุดหวิด

    เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 21 สิงหาคม 2549 ที่โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่

    ถนนราชดำเนินนอก ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายกษิดิศ ศุภกิจ อายุ

    32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/2 หมู่บ้านฉบาบดี ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่

    พร้อมด้วย นางณัฐชา ศุภกิจ อายุ 32 ปี ภรรยา ทั้งสองคนเป็นพนักงาน

    แบงก์กสิกรไทย สาขาท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการแถลงข่าวต่อสื่อ

    มวลชน กรณีเกิดปฏิหาริย์พระพุทธรูปหน้าตักขนาด 5 นิ้ว รุ่นปกไหล่ ของ

    ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย ได้ช่วยเหลือครอบครัวของ นายกษิดิศ

    หลังจากรถยนต์เกิดอุบัติเหตุ ขณะเดินทางกลับบ้านที่ภาคใต้ ทั้งขาไปและ

    ขากลับจนรถพังเสียหาย แต่คนในรถกลับไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

    นางณัฐชา ผู้รอดชีวิตราวปฏิหาริย์ เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญว่า เมื่อ

    วันที่ 6 ก.ค.49 ตนได้รับข่าวว่าทางบ้านจะจัดงานบวชให้กับน้องชาย ซึ่งย่าง

    เข้าวัยเบญจเพสพอดี ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องไปงานดังกล่าว จึงได้วางแผน

    เดินทาง ซึ่งวันแรกก็พาครอบครัวไปด้วย มีลูกชาย วัย 6 ขวบ 1 คน ลูกสาว

    วัย 3 ขวบอีก 1 คน พร้อมทั้งญาติๆ ที่ทำงานทางเหนือลงไปด้วยรวม 7 คน

    และการเดินทางก็ได้เริ่มขึ้นโดยมี นายกษิดิศ เป็นคนขับเพียงคนเดียวและ

    ก่อนเกิดเหตุได้แวะส่งเพื่อนที่ จ.พิจิตร จำนวน 2 คน คงเหลือตนกับญาติ

    เดินทางกลับบ้านที่ จ.สงขลา แต่แล้วเมื่อเดินทางมาถึงก่อนขึ้นสะพานเวลา

    ก็ปาเข้าไปประมาณ 22.00 น. เรื่องราวไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อมีรถ

    สิบล้อขับสวนทางมา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่ นายกษิดิศ หลับในพอดี ตน

    จึงร้องว่าระวัง คำเดียวนาย กษิดิศ จึงได้หักรถหลบลงข้างทางรถเสียหลักชน

    ราวสะพานด้วยความเร็วสูง แรงกระแทกจึงแรงตามมาด้วยเช่นกันทำให้คน

    ในรถกระเด็นกระดอนไปคนละทิศคนละทางแต่ยังไม่ออกจากตัวรถ ซึ่ง

    จังหวะเดียวกันนั้นคิดว่าคงจะตายกันหมดแล้ว แต่ก็มีพระพุทธรูปครูบาเจ้า

    ศรีวิชัยกระเด็นตกลงมาจากหน้ารถแล้วหยุดอยู่ที่หน้าตักตน ขณะนั้นเห็น

    เลือนลางว่ามีงานใหญ่โตมีคนนุ่งขาวห่มขาวทำพิธีอะไรสักอย่าง จากนั้นก็ตั้ง

    สติได้พากันออกมาจากรถ เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ เมื่อทุกคนไม่เป็นอะไรเลยมี

    แต่รถเท่านั้นที่เสียหาย จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงพาไปส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง

    เพื่อตรวจร่างกาย ซึ่งทุกคนแปลกใจมากว่าไม่น่าจะมีใครรอดชีวิต เรื่องราว

    เหตุการณ์วันแรกก็ผ่านพ้นไปด้วยดีสามารถพากันกลับไปร่วมงานได้ครบทุก

    คนและได้เล่าเรื่องราวให้ทางบ้านฟังทุกคนไม่น่าเชื่อ

    จนกระทั่งเสร็จงานบวชแล้วก็พากันกลับในวันที่ 11 ก.ค.49 ก่อนกลับได้

    เข้าไปขอพรจากพระพุทธรูปเหมือนของครูบาเจ้าศรีวิชัย องค์ที่เกิดปฏิหาริย์

    ว่าขอให้คุ้มครองลูกด้วย เพื่อจะเดินทางกลับขึ้นไปทำงานที่ จ.เชียงใหม่ แต่

    เหตุการณ์เหมือนกับนิยายเมื่อมาถึงบริเวณ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ รถ

    เกิดเสียหลักพุ่งลงข้างทางจนตกน้ำ ซึ่งมีความลึกมาก ไม่ทราบว่าลึกเท่าไหร่

    เหตุเกิดประมาณ ตี 5 เมื่อรถตกลงไปก็นึกถึงคุณพระ คุณพ่อคุณแม่ จากนั้น

    จึงช่วยกันออกจากรถ ประกอบกับมีเจ้าหน้าที่ ทั้งตำรวจและกู้ภัย ช่วยกันพา

    ออกจากรถ ซึ่งมีลูกน้อยวัย 3 ขวบและ 6 ขวบ ออกจากรถด้วยและสุดท้ายก็

    สามารถออกมาได้ทุกคนไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตนมาคิดดูว่าทำไม

    เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำซ้อนถึง 2 ครั้ง ทั้งขาไปและขากลับ ซึ่งทุกวันนี้ยังหาคำ

    ตอบไม่ได้และที่สำคัญทำไมถึงรอดชีวิตมาได้ รอดเพราะอะไร เหตุการณ์

    ครั้งนั้นรถพังเสียหายซ่อมหมดไป 70,000 บาท ซึ่งอย่างไรก็ตามคนเชื่อว่า

    รอดตายครั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะขอพรจากครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้าน

    นาไทย แน่นอน


    ตำนานปาฏิหาริย์เมืองล้านนาตอน..."ภาพครูบาเจ้าศรีวิชัย พ้นภัยเปลวไฟ

    นรก"
    ตำนานปาฏิหาริย์เมืองล้านนาตอน..."ภาพครูบาเจ้าศรีวิชัย พ้นภัยเปลวไฟนรก"

    วันที่ 20 กันยายน 2555 นับเป็นวันประวัติศาสตร์แห่งวัดพระนอนขอน

    ม่วง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่ไฟฟ้าลัดวงจรเกิดเพลิงไหม้กุฏิพระ

    สงฆ์วอดไปทั้งหลังเสียหายนับห้าล้านกว่าบาท แต่ภาพของครูบาเจ้าศรีวิชัย

    ยังปลอดภัย เปลวไฟไม่ไหม้ เหลือซากเป็นแผ่นกระดาษให้เห็นคงเดิม ..

    น่าอัศจรรย์แท้

    วัดพระนอนขอนม่วงเป็นวัดของเจ้าเมืองเชียงใหม่องค์นามว่าเจ้าชีวิตอ้าว

    หรือพระเจ้ากาวิโรรสสุริยวงศ์เป็นผู้ฟื้นฟูวัดร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2406 เป็น

    วัดที่ใหญ่ในอำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหัววัดตามระบบปกครอง

    แบบล้านนา

    เจ้าอาวาสวัดพระนอนขอนม่วงองค์ปัจจุบันท่านได้เอาใจใส่ในการศาสนา

    อย่างยิ่ง พร้อมดูแลสถานที่อย่างจริงจัง โดยได้ติดต่อช่างไฟฟ้ามาเปลี่ยน

    สายไฟเก่าออกให้หมดเพื่อความปลอดภัย

    ช่างไฟได้เปลี่ยนสายไฟด้านล่างกุฏิเรียบร้อยในวันที่ 19 กันยายน 2555

    รอวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 20 กันยายน2555จะเปลี่ยนสายไฟเก่าด้านบนกุฏิให้

    เสร็จ แต่วันที่ 20นั้นเองช่างไฟติดธุระด่วนต้องไปทำงานที่อื่นหยุดการต่อ

    สายไฟที่วัดพระนอนขอนม่วงไว้ก่อน

    เวลาราว 11.20 น.ของวันที่ 20 กันยายน 2555 นี้เอง ขณะที่เจ้า

    อาวาสกับศรัทธาธรรมกำลังช่วยกันเปลี่ยขนย้ายเครื่องครัววัดไปเก็บไว้อีก

    ศาลาหนึ่ง มีเณรเห็นควันไฟพวยพุ่งขึ้นที่กุฏิด้านบนที่เป็นไม้สักทั้งหลัง จึง

    ตะโกนร้องขึ้น ผู้คนแตกตื่นช่วยกันดับไฟ บางคนโทร.แจ้งไปยังหน่วยงาน

    ที่เกี่ยวข้อง รถดับเพลิงมาช่วยถึงเจ็ดแปดคันช่วยกันดับเพลิงนานนับ

    ชั่วโมงจึงดับลง เจ้าหน้าที่ประเมินความเสียหายนับกว่าห้าล้านบาท

    เมื่อเจ้าหน้าที่สำรวจความเสียหายไปถึงสถานที่ตั้งโต๊ะหมู่บูชาเห็นพระพุทธ

    รูปปางต่างๆที่หล่อด้วยโลหะมอดไหม้ จากร่างพระพุทธรูปกลายเป็นก้อน

    โลหะทองเหลืองบ้าง โลหะทองแดงบ้าง พระพุทธรูปที่ปั้นด้วยดินแตก

    ระแหงเป็นเสี่ยง พร้อมกับขี้เถ้าของซากโต๊ะหมู่บูชาฝังมุกค่านับแปดหมื่น

    กว่าบาทกองอยู่กับพื้นซากไฟ แต่อัศจรรย์ยิ่งนักทั้งๆที่กรอบรูปไม้สักที่

    กรอบภาพครูบามอดไหม้ แต่ภาพของครูบาเจ้าศรีวิชัยในแผ่นกระดาษยัง

    คงอยู่สภาพเดิม วางในกองไฟที่กำลังกรุ่นควัน

    ผู้คนทั้งหลายเห็นความอัศจรรย์จึงยกมือไหว้สาธุ เจ้าอาวาสจึงเก็บเศษ

    โลหะที่เคยประดิษฐานบนโต๊ะหมู่บูชาชุดนั้นพร้อมรูปเหมือนครูบาเจ้าศรี

    วิชัยที่รอดพ้นจากไฟนรกมารวมกันไว้เพื่อให้คนได้เห็นและกราบไหว้ ไว้ที่

    วัดพระนอนขอนม่วงเพื่อให้ผู้คนศรัทธาไปกราบไหว้บูชาตลอดวัน...

    ทำไม?...ไฟฟ้าไหม้กุฏิทั้งหลัง โลหะถูกไหม้หลอมละลาย แต่รูปครูบาเจ้า

    ศรีวิชัยในแผ่นกระดาษเปลวไฟนรกกลับหลีกเว้น..หลายๆคนกล่าวเป็นเสียง

    เดียวกันว่า คนดีแม้มีเพียงแต่รูปภาพไฟนรกก็ยังหลีกเว้น..ทำความดีกัน

    เถอะเรา






    รอดปาฏิหาริย์!ครอบครัวชาวอินเดียถอยรถลงเหวดอยสุเทพ
    รอดปาฏิหาริย์!ครอบครัวชาวอินเดียถอยรถลงเหวดอยสุเทพ

    rakpratat.com

    lay=show&ac=article&Id=79485

    ปาฏิหาริย์เกศาครูบาศรีวิชัย
     
  4. supap2006

    supap2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +196
    ครูบาศรีวิชัย เป็นที่รู้จักกันทั่วไปโดยเฉพาะในเขตภาคเหนือของประเทศไทย (ล้านนา)

    ว่าเป็น "ตนบุญ" หรือ "นักบุญ" อันมีความหมายเชิงยกย่องว่าเป็นนักบวชที่มีคุณสมบัติ

    พิเศษ อาจพบว่ามีการเรียกอีกว่า ครูบาเจ้าศรีวิชัย พระครูบาศรีวิชัย ครูบาศีลธรรม หรือ

    ตุ๊เจ้าสิลิ

    ครูบาศรีวิชัย เดิมชื่อ เฟือน หรืออินท์เฟือน บ้างก็ว่าอ้ายฟ้าร้อง เนื่องจากในขณะที่

    ท่านถือกำเนิดนั้นปรากฏฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก ส่วนอินท์เฟือนนั้น หมายถึง การเกิด

    กัมปนาทหวั่นไหวถึงสวรรค์หรือเมืองของพระอินทร์ ท่านเกิดในปีขาล เดือน 9 เหนือ (

    เดือน 7 ของภาคกลาง) ขึ้น 11 ค่ำ จ.ศ. 1240 เวลาพลบค่ำ ตรงกับวันอังคารที่ 11

    มิถุนายน พ.ศ. 2421 ที่หมู่บ้านชื่อ "บ้านปาง" ตำบลแม่ตืน (ปัจจุบันคือตำบลศรีวิชัย)

    อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ท่านเป็นบุตรคนที่ 3 ของนายควาย นางอุสา

    ในสมัยที่ครูบาศรีวิชัยหรือนายอินท์เฟือนยังเป็นเด็กอยู่นั้น หมู่บ้านดังกล่าวยังกันดาร

    มาก มีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่มากโดยเฉพาะชาวกะเหรี่ยง ในช่วงนั้นบ้านปางยังไม่มีวัด

    ประจำหมู่บ้าน จนกระทั่งเมื่อนายอินท์เฟือนมีอายุได้ 17 ปีได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ ครู

    บาขัตติยะ เดินธุดงค์จากบ้านป่าซางผ่านมาถึงหมู่บ้านนั้น ชาวบ้านจึงนิมนต์ท่านให้อยู่

    ประจำที่บ้านปาง แล้วชาวบ้านก็ช่วยกันสร้างกุฏิชั่วคราวให้ท่านจำพรรษา ในช่วงนั้น

    เด็กชายอินท์เฟือนได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเมื่ออายุได้ 18 ปีก็ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่

    อารามแห่งนี้โดยมีครูบาขัตติยะเป็นพระอุปัชฌาย์

    3 ปีต่อมา (พ.ศ. 2442) เมื่อสามเณรอินท์เฟือนมีอายุย่างเข้า 21 ปี ก็ได้เข้าอุปสมบท

    ในอุโบสถวัดบ้านโฮ่งหลวง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน โดยมีครูบาสมณะ วัดบ้าน

    โฮ่งหลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับนามฉายาในการอุปสมบทว่า สิริวิชโยภิกฺขุ มีนาม

    บัญญัติว่า พระศรีวิชัย

    เมื่ออุปสมบทแล้ว สิริวิชโยภิกขุก็กลับมาจำพรรษาที่อารามบ้านปางอีก 1 พรรษา จาก

    นั้นได้ไปศึกษากัมมัฏฐานและวิชาอาคมกับครูบาอุปละ วัดดอยแต อำเภอแม่ทา

    จังหวัดลำพูน ต่อมาได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของครูบาวัดดอยคำอีกด้วย และอีกท่านหนึ่งที่

    ถือว่าเป็นครูของครูบาศรีวิชัยคือ ครูบาสมณะ วัดบ้านโฮ่งหลวง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์

    ของท่าน

    ครูบาศรีวิชัยเป็นผู้มีศีลาจารวัตรที่งดงามและเคร่งครัด โดยที่ท่านงดการเสพ หมาก

    เมี่ยง บุหรี่ โดยสิ้นเชิง ท่านงดฉันเนื้อสัตว์ตั้งแต่เมื่ออายุได้ 26 ปี และฉันอาหารเพียง

    มื้อเดียว ซึ่งมักเป็นผักต้มใส่เกลือกับพริกไทเล็กน้อย บางทีก็ไม่ฉันข้าวทั้ง 5 เดือน คง

    ฉันเฉพาะลูกไม้หัวมันเท่านั้น นอกจากนี้ท่านยังงดฉันผักตามวันทั้ง 7 คือ

    ■วันอาทิตย์ ไม่ฉันฟักแฟง,
    ■วันจันทร์ ไม่ฉันแตงโมและแตงกวา,
    ■วันอังคาร ไม่ฉันมะเขือ,
    ■วันพุธ ไม่ฉันใบแมงลัก,
    ■วันพฤหัสบดี ไม่ฉันกล้วย,
    ■วันศุกร์ ไม่ฉันเทา (อ่าน "เตา"-สาหร่ายน้ำจืดคล้ายเส้นผมสีเขียวชนิดหนึ่ง),
    ■วันเสาร์ ไม่ฉันบอน


    นอกจากนี้ผักที่ท่านจะไม่ฉันเลยคือ ผักบุ้ง ผักปลอด ผักเปลว ผักหมากขี้กา ผักจิกและผัก

    เฮือด-ผักฮี้ (ใบไม้เลียบอ่อน) โดยท่านให้เหตุผลว่า ถ้าพระภิกษุสามเณรรูปใดงดได้

    การบำเพ็ญกัมมัฏฐานจะเจริญก้าวหน้า ผิวพรรณจะเปล่งปลั่ง ธาตุทั้ง 4 จะเป็นปกติ ถ้า

    ชาวบ้านงดเว้นแล้วจะทำให้การถือคาถาอาคมดีนัก

    คำสอนที่สำคัญ

    ครูบาศรีวิชัยมีความปรารถนาที่จะบรรลุธรรมะอันสูงสุดดังปรากฏจากคำอธิษฐานบารมี

    ที่ท่านอธิษฐานไว้ว่า "...ตั้งปรารถนาขอหื้อได้ถึงธรรมะ ยึดเหนี่ยวเอาพระนิพพานสิ่ง

    เดียว..." และมักจะปรากฏความปรารถนาดังกล่าว ในตอนท้ายของคัมภีร์ใบลานที่ท่าน

    สร้างไว้ทุกเรื่อง

    อีกประการหนึ่งที่ทำให้ครูบาศรีวิชัยเป็นที่รู้จักและอยู่ในความทรงจำของชาวล้านนา คือ

    การที่ท่านเป็นผู้นำในการสร้างทางขึ้นสู่ วัดพระธาตุดอยสุเทพโดยพลังศรัทธา

    ประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ ซึ่งใช้เวลาสร้างเพียง 5 เดือน

    เศษ โดยไม่ใช้งบประมาณของรัฐ

    บูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถานแผ่นดินล้านนา

    ครูบาเจ้าศรีวิชัย ท่านเดินทางไปหนแห่งใดก็มีศรัทธาสาธุชนเคารพศรัทธา จากที่ได้

    ธุดงธ์ไปทั่วแผ่นดินล้านนาได้พบเห็นโบราณสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแผ่นดิน

    ล้านนาเก่าแก่ทรุดโทรมลงเป็นอันมาก จึงได้ร่วมกับศรัทธาสาธุชนบูรณะปฏิสังขรณ์

    ซ่อมแซมวัดวาอารามโบราณสถานทั่วแผ่นดินล้านนาไม่อาจจะนับได้

    หลังจากกลับจากกรุงเทพฯ แล้วไปบูรณะพระเจดีย์ พระธาตุดอยเกิ้ง อำเภอฮอด (พ.ศ.

    2464) สร้างวิหารวัดศรีโคมคำพระเจ้าตนหลวง จังหวัดพะเยา (พ.ศ. 2465)บูรณะ

    พระธาตุดอยตุง จังหวัดเชียงรายบูรณะพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ (พ.ศ. 2466) วัด

    พระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. 2467) สร้างธาตุและบันไดนาค วัดบ้านปางพระธาตุ

    เกตุสร้อยแก่งน้ำปิง (พ.ศ. 2468) รวบรวมพระไตรปิฏกฉบับอักษรล้านนาจำนวน

    5,408 ผูก (พ.ศ. 2469-2471) บูรณะวัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. 2474)

    และผลงานชิ้นอมตะคือ การสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ศรัทธาสานุชน

    มาร่วมกันสร้างถนนวันละไม่ต่ำกว่า 5,000 คน แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน ตามสัจจะ

    วาจา (พ.ศ. 2478) สร้างวิหารวัดบ้านปาง (พ.ศ. 2478 เสร็จปี พ.ศ. 2482) วัดจาม

    เทวี (พ.ศ. 2479) สุดท้าย คือ สะพานศรีวิชัย เชื่อมระหว่างลำพูน (ริมปิง) -

    เชียงใหม่(พ.ศ. 2481) ที่มาสร้างเสร็จภายหลังจากที่ครูบาศรีวิชัยมรณภาพ (รวมวัด

    ต่างๆที่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยไปบูรณะปฏิสังขรณ์รวม 108 วัด)ต่อมามีผู้เรียกท่านว่า

    พระศรีวิชัย ชาวบ้านจึงเรียกท่านว่า ครูบาศรีวิชัยบ้าง ครูบาวัดบ้านปางบ้าง ครูบา

    ศีลธรรมบ้างซึ่งเป็นนามที่ชาวบ้านตั้งให้ ด้วยความนับถือ

    ผลงานที่เด่นมากของครูบาศรีวิชัยก็คือ การสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่

    ซึ่งครูบาศรีวิชัยได้รับคำเรียกร้องจากศรัทธาประชาชน ให้ช่วยดำริและจัดการเรื่องนี้

    จึงเริ่มลงมือสร้างเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2477 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ เชิง

    ดอยสุเทพด้านห้วยแก้ว โดยมี พลตรี เจ้าแก้วเนาวรัตน์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เป็นผู้

    ขุดจอบเป็นปฐมฤกษ์ การสร้างถนนสายนี้ใช้แรงงานเป็นจำนวนมากวันหนึ่งๆ จะมีผู้

    คนช่วยทำงานประมาณวันละไม่ต่ำกว่า 5,000 คน ถ้าคิดมูลค่าแรงงานเป็นเงินก็คง

    มากมายมหาศาลทีเดียว การสร้างทางสายนี้ใช้เวลา 5 เดือน กับ 22 วัน จึงแล้วเสร็จ

    และเปิดให้รถขึ้นลงได้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2478

    เกิดขึ้นในช่วงที่ครูบาศรีวิชัยได้สร้างถนนขึ้นสู่พระธาตุดอยสุเทพ ขณะก่อสร้างทางอยู่

    นั้นเอง ปรากฏว่า มีพระสงฆ์ในจังหวัดเชียงใหม่รวม 10 แขวง 50 วัด ขอลาออกจาก

    การปกครองคณะสงฆ์ ไปขึ้นอยู่ในปกครองของครูบาศรีวิชัยแทน เหตุการณ์ครั้งนี้ได้

    ลุกลามไปทั่วทุกหัวเมือง รวมวัดต่าง ๆ ที่แยกตัวออกไปถึง 90 วัด พระสงฆ์ในจังหวัด

    ต่าง ๆ ก็เริ่มที่จะเคลื่อนไหวที่จะขอแยกตัว ทำให้ครูบาเจ้าศรีวิชัยถูกส่งตัวไปยังกรุงเทพฯ

    เพื่อระงับเหตุที่จะบานปลาย ขณะเดียวกันนั้น กลุ่มพระสงฆ์วัดที่ขอแยกตัว ถูกสั่งให้

    มอบตัวและพระที่ถูกบวชโดยครูบาเจ้าศรีวิชัยก็โดยคำสั่งให้สึก เมื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยถูก

    ควบคุมตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ ก่อให้เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งในหมู่พระสงฆ์และ

    ฆราวาสในหมู่หัวเมืองที่รักและเคารพในตัวท่าน ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับครูบาเจ้าศรีวิชัย

    จึงถูกโยงเข้าไปสู่ปัญหาการเมืองในขณะนั้นไปด้วย

    ในขณะนั้น ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ได้แปรสภาพจากปัญหาเล็ก ๆ ระหว่างสงฆ์

    ล้านนารูปหนึ่งกับคณะสงฆ์ในส่วนกลาง มาเป็นปัญหาระหว่างชาวล้านนากับอำนาจจาก

    ส่วนกลาง

    จากการที่ครูบาเจ้าศรีวิชัย ยังคงปฏิบัติตามจารีตของล้านนาโดยไม่โอนอ่อนผ่อน

    ตามนโยบายของส่วนกลาง เป็นเหมือนการปลุกจิตสำนึกของชาวล้านนา สะท้อนให้เห็น

    ว่า ถึงแม้ว่าท่านจะยอมรับระเบียบธรรมเนียมสงฆ์ของส่วนกลางในตอนท้ายที่สุด ก็ไม่

    ได้หมายความว่าจิตวิญญาณของล้านนานั้นได้ถูกทำลายไปด้วย กลับทว่าจิตวิญญาณของ

    ล้านนาได้แสดงให้เห็นปรากฏชัดต่อชาวล้านนาและคนทั่วไป จากที่มีอยู่แล้วยิ่งชัดเจน

    เพิ่มมากขึ้น จากความขัดแย้งของท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย กับรัฐ ในขณะนั้นการตั้งอยู่บน

    พื้นฐานความพยายามที่จะสลายจิตวิญญาณล้านนา เพื่อที่จะรวมแว่นแคว้นต่าง ๆ ให้

    เป็นปึกแผ่นเป็นเอกภาพกับส่วนกลาง เพื่อที่จะต่อสู้กับลัทธิล่าอาณานิคม แต่ในปัจจุบัน

    รัฐให้การสนับสนุนทุกวิถีทางที่จะปลุกกระแสความเป็นล้านนา เพื่อใช้เป็นแหล่ง

    อุตสาหกรรมท่องเที่ยวแหล่งหนึ่งเมื่อเทียบกับครั้งที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยปลุกกระแสการสืบ

    สานจิตวิญญาณล้านนา ไม่อาจนำมาเทียบได้เลย

    สิ้นแห่งตนบุญล้านนา

    เมื่อครูบาเจ้าโดนขับออกจากเมืองเชียงใหม่ ครูบาเจ้าได้ปวารณาตนว่าจะไม่กลับไป

    เหยียบแผ่นดินเชียงใหม่อีก เว้นแต่แม่น้ำปิงจะไหลย้อนกลับ ครูบาเจ้าศรีวิชัยมรณภาพ

    เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2481 ที่วัดบ้างปาง ขณะมี อายุได้ 59 ปี ตั้งศพไว้ที่วัดบ้าน

    ปางนั้นเวลา 1 ปี จึงได้เคลื่อนศพมาตั้งไว้ ณ วัดจามเทวี จนถึงวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.

    2489 จึงได้รับพระราชทานเพลิงศพ โดยมีประชาชนมาถวายพระเพลิงศพเป็น

    จำนวนมาก

    "ตราบใดสายน้ำปิงไม่ไหลคืน จะไม่เหยียบแผ่นดินเชียงใหม่ตราบนั้น"...

    นี่เป็นคำวาจาสิทธิ์ที่"ครูบาศรีวิชัย"ได้กล่าวไว้กับหลวงศรีประกาศ หลังจากที่ท่านพ้นข้อ

    กล่าวที่ถูกทางคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่กล่าวร้าย นับว่าเป็นวาจาสิทธิ์ที่ออกมาจากปาก

    นักบุญแห่งล้านนาไทย ก่อนที่ครูบาศรีวิชัยจะกลับสู่เมืองลำพูนจนกระทั่งวาระสุดท้าย

    ของท่าน...

    กาลต่อมา เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของครูบาศรีวิชัย ผู้ช่วยพัฒนาศาสนสถานที่

    ชำรุดทรุดโทรม กลับคืนสู่อดีตที่เจริญรุ่งเรือง บรรดาเจ้านายฝ่ายเหนือ พระสงฆ์ พ่อค้า

    ข้าราชการและประชาชน จึงมีการลงประชามติจัดสร้าง “อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย”...ขึ้น

    อนุสาวรีย์นี้สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ หล่อเท่าองค์จริงในท่ายืน จัดสร้างและออกแบบโดย

    ช่างของกรมศิลปากร...การสร้างดำเนินการสร้างเสร็จเรียบร้อย แต่คณะกรรมการไม่

    สามารถนำเอาขึ้นไปประดิษฐานที่เชียงใหม่ได้ เล่ากันว่าเมื่อจะเอาขึ้นไปคราวใด มักจะ

    เกิดอุปสรรคและปัญหาเสมอ...

    จนเวลาได้ล่วงเลยไปนานหลายปี “หลวงศรีประกาศ” ทนรอต่อไปไม่ไหว จึงได้นำเอา

    ดอกไม้ไปบูชา นัยว่าเพื่อเป็นการบอกกล่าวอัญเชิญ และตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่า...

    “แม้จะมีเหตุขัดข้องอย่างไร ก็จะต้องจัดการเอาขึ้นไปให้ได้...”
    ซึ่งก่อนจะนำขึ้นไปหลวงศรีประกาศ ได้โทรเลขสั่งชาวเชียงใหม่เตรียมขบวนแห่มารอ

    รับที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ เมื่อได้เวลาจึงอัญเชิญรูปหล่อครูบาศรีวิชัยขึ้นรถด่วน

    เชียงใหม่ บรรดาคณะสงฆ์ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนและเจ้านายฝ่ายเหนือได้ร่วม

    กันจัดขบวนแห่มารอรับอย่างคับคั่งและทำการเฉลิมฉลองสมโภชอย่างยิ่งใหญ่...

    และในวันที่รูปหล่อครูบาศรีวิชัยถูกอัญเชิญถึงจังหวัดเชียงใหม่นั่นเอง... “ได้เกิด

    เหตุการณ์สำคัญที่ประชาชนซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับแม่น้ำแม่ปิงต้องจดจำได้อย่างไม่มีวันลืม

    เลือน”....คือ....

    “กระแสน้ำปิงได้ไหลบ่า หวนย้อนกลับคืนขึ้นเหนือ กระแสน้ำได้นองท่วมท้นจนเต็ม

    เขื่อนภูมิพล ท่วมถึงเขตอำเภอฮอด.....”

    สัจจวาจาของ “ครูบาศรีวิชัย” ที่ได้กล่าวไว้... "แม้แต่ธรรมชาติก็ยังไม่สามารถขัดขวาง

    ได้..."

    การที่กระแสน้ำปิงได้ไหลย้อนกลับขึ้นไปนั้น เนื่องจากทางการสั่งปิดเขื่อนเพื่อใช้งาน

    เป็นครั้งแรก ในการกักเก็บน้ำสำหรับผลิตพลังงานไฟฟ้าและเก็บน้ำไว้ให้เกษตรกรได้

    มีไว้ใช้ในยามหน้าแล้ง..

    ”คำพูดของท่านครูบาศรีวิชัยที่ท่านได้เอ่ยไว้กับหลวงศรีประกาศ...เมื่อครั้งที่ท่านยังมี

    ชีวิตอยู่ และแม้กระทั่งท่านใกล้จะมรณภาพที่ก็ยืนหยัดในวาจาสิทธิ์ของท่าน...ที่เป็น

    ปริศนาซึ่งไม่มีผู้ใดจะคาดคิด….”

    จะว่าเป็นเหตุบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่จะคิดกันไป....แต่มันก็เป็นเหตุการณ์ที่คนทั่ว

    ไปกล่าวกันว่าอัศจรรย์ยิ่งนัก....

    “เขื่อนภูมิพลเปิดใช้ น้ำปิงไหลคืนขึ้นเหนือ.. สมดั่งคำวาจาสิทธิ์ของครูบาศรีวิชัยและ

    ท่านครูบาฯก็ได้ขึ้นมาที่เชียงใหม่จริง ๆ…”



    “อะยัง วุจจะติ สิริวิชะโย นามะ มหาเถโร อุตตะมะสีโล นะระเทเวหิ ปูชิโต โส ระโห ปัจ

    จะยาทีนัง มะหะลาภา ภะวันตุ เม อะหัง วันทามิ สัพพะทา อะหัง วันทามิ สิระสา อะหัง

    วันทามิ สัพพะโส สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ…”อธิบายความตามข้างบนว่า...”พระมหา

    เถระรูปนี้..” ซึ่งพุทธศาสนิกชนพากันเรียกขานว่า “พระมหาเถระศรีวิชัย” ผู้มีศีลอันอุดม

    ผู้อันเหล่านรชนและเทวดาพากันบูชา ท่านเป็นผู้สมควรแก่เครื่องสักการะบูชาอันมี

    ปัจจัยสี่เป็นต้น ขอให้ลาภเป็นอันมากจงเกิดมีแก่ข้าพเจ้า...

    ข้าพเจ้าขออภิวาทซึ่งพระเถระเจ้ารูปนั้นตลอดเวลา ขอกราบไหว้ด้วยเศียรเกล้า

    ขอกราบไหว้ด้วยอาการทั้งปวง ขอให้สำเร็จประโยชน์ ขอให้สำเร็จประโยชน์ ขอให้

    สำเร็จประโยชน์ ข้าพเจ้าขออนุโมทนาฯ…
    ***********************************************************
    พระอาจารย์มั่น กับ ครูบาเจ้าศรีวิชัย

    ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านพระอาจารย์ใหญ่แห่งสายวิปัสนากัมมัฏฐาน ได้เคยพำนักอยู่

    วัดเจดีย์หลวงร่วมสมัยกับกับพระเดชพระคุณพระอุบาลี (จันทร์) ระหว่าง 2472-2474

    ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ครูบาศรีวิชัย พระนักบุญแห่งล้านนาไทยขึ้นมาพำนักอยู่ที่วัด

    สวนดอก เมืองเชียงใหม่เพื่อฟื้นฟู บูรณะวัดวาอารามพระธาตุเจดีย์ ปูชนียสถานต่างๆ

    ในเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพด้วย พระครูบาศรีวิชัยแม้องค์ท่านจะ

    ไม่มีฐานันดรสมนศักดิ์ แต่ท่านก็เป็นพระมหาเถระสมบูรณ์พร้อมด้วยคุณธรรม และ

    วัตรปฏิบัติอันประเสริฐยิ่ง มีบารมีสูงสุด จนคนเหนือยกย่องให้เป็น "ตนบุญ" หรือ "นัก

    บุญแห่งล้านนาไทย" พระครูบาศรีวิชัยได้เข้ามากราบนมัสการท่านเจ้าคุณอุบาลี วัด

    เจดีย์หลวงถึง 2 ครั้ง และพระเดชพระคุณก็มีโอกาสไปเยี่ยมพระครูบาศรีวิชัยเป็นการ

    ตอบแทน ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับกรุงเทพ

    ส่วนพระอาจารย์มั่นนั้น เคยพบและสนทนาธรรมกับพระครูบาศรีวิชัย หลังจากที่พระ

    ครูบาศรีวิชัยถูกอธิกรณ์แล้ว ท่านอาจารย์มั่น เคยออกปากชวนพระครูบาศรีวิชัยออกมา

    ปฏิบัติกัมมัฏฐานด้วยกัน แต่พระครูบาศรีวิชัยปฏิเสธโดยกล่าวว่า ท่านได้บำเพ็ญบารมี

    มาทางพระโพธิสัตว์ และได้รับการพยากรณ์แล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้

    ต่อมาพระเดชพระคุณพระคุณพระอุบาลี สนใจใคร่รู้ถึงภูมิธรรมและปฏิปทาตามวิถีทาง

    ที่พระครูบาศรีวิชัยดำเนินอยู่ จึงได้สอบถามพระอาจารย์มั่น ซึ่งท่านได้กราบเรียนพระ

    เดชพระคุณให้ทราบว่า "พระศรีวิชัยองค์นี้เป็นพระโพธสัตว์ ปรารถนาพระโพธิญาณ

    ขณะนี้กำลังบำเพ็ญเพียรสร้างสมบารมีอยู่ ซึ่งต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกนาน

    จนกว่าการสั่งสมบารมีธรรมจะบริบูรณ์"


    ท่านเป็น นิตยโพธิสัตว์ นี่เอง พยากรณ์แล้วด้วย สาธุ
    ********************************************************************
    บั้นปลายชีวิต

    ประวัติพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพันหลัง

    การสร้างการบูรณะวัดแห่งนี้ โดยครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย นับว่าเป็น

    ความอุตสาหพยายามของท่านจริงๆ เพราะในเวลาต่อมาใกล้วาระสุดท้ายแห่งสังขาร

    ท่านก็ป่วยด้วยริดสีดวงทวาร เป็นรูทะลุถึง ๓ รู มีน้ำเหลืองไหลซึมตลอดเวลา จนทำให้

    ท่านผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกหมดเรี่ยวแรง

    ท่านได้เคยพูดถึงโรคภัยไข้เจ็บว่า “เราเป็นโรคกรรมแต่อดีตมาตามทัน คือเมื่ออดีตชาติ

    เราก็เคยเป็นพระได้ถือไม้เท้าปลายแหลม ๓ ง่าม ได้ไปแทงใส่ก้นกบตัวหนึ่งเข้า กบได้

    รับเวทนาจึงเป็นเวรแก่กัน วทนาตัวของเราเดี๋ยวนี้ คงไม่ต่างกับอะไรกันกับกบตัวนั้น

    ถึงอย่างไรเราก็ปลงตกแล้วไม่ให้เป็นเวรเป็นภัยแก่กันอีกต่อไป เราหวังใกล้สิ้นภพสิ้น

    ชาติ ขอให้เป็นพระโปรดโลกองค์หนึ่งในวันข้างหน้า เราจะละสังขารไปในเดือนนี้แล้ว

    ขอให้ท่านทั้งหลายจงดูความวิปริตบนท้องฟ้าไว้เป็นสัญญาณเถิด….”

    ครั้นถึงวันอังคารที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๑ นักบุญแห่งล้านนาไทยองค์นี้ ก็ได้จากโลกนี้

    ไปอย่างสงบ ณ วัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน ขณะที่มีอายุได้ ๖๐ ปีเศษ โดยมีท้องฟ้า

    คลาคล่ำไปด้วยเมฆหมอก เหมือนจะบอกเหตุแห่งความเศร้าโศกเสียใจไปด้วยกันฉะนั้น

    แต่ก่อนที่ท่านจะจากโลกนี้ไป ท่านอยากจะฟังพุทธโอวาทเป็นครั้งสุดท้าย ท่านจึงขอให้

    พระภิกษุสามเณรทั้งหลายเทศน์พระธรรม ๔ ผูก อันมี ธรรมมังคละสูตร ธรรมโลกวุฒิ

    ธรรมบารมี และธรรมจักร เป็นต้น

    ขณะที่ท่านข่มโรคาพาธสงบจิตฟังพระธรรมเทศนาอยู่นั้น ท่านมักจะถามด้วยเสียงแหบ

    แห้งแทบจะไม่ได้ยินว่า ถึงเวลา ๑๒ โมงหรือยัง ถามเช่นนี้เป็นระยะๆ นานๆ ครั้งจะได้

    ยินเสียงถอนหายใจและสะอึก อันเป็นการข่มทุกขเวทนาอันแรงกล้าที่บีบคั้นตัวท่าน

    พอท่านถามอีกครั้ง ได้รับคำตอบว่าใกล้เที่ยงเที่ยงคืนแล้ว ท่านครูบาเจ้าจึงโบกมือให้

    หยุดอ่านธรรมเทศนาผูกที่ ๔ ลงแล้วท่านได้สำรวมจิตตั้งมั่นในฌานสมาบัติ ร่างของ

    ท่านก็ได้นิ่งไม่ไหวติง มีแต่ลมหายใจเข้าออกอย่างแผ่วเบา และขาดห้วงเป็นระยะๆ ผล

    สุดท้ายลมปราณของท่านก็ขาดสิ้นไปในที่สุด

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++
    คาถาบารมีเก้าชั้น ครูบาศรีวิชัย
    จักกล่าวถึงตำนานคาถาของครูบาศรีวิชัยเจ้า ต๋นบุญ แห่งล้านนา เพื่อให้ท่านทราบถึงที่

    มาของคาถาบทนี้ ครั้งหนึ่ง......นานมาครูบาศรีวิชัยเจ้าออกเดินธุดงส์ในแถบภาค

    เหนือ.....ในระหว่างเดินทางผ่านโต้งนา (ทุ่งนา) แห่งหนึ่งก็ได้ไปปะ (ไปพบ) เถียงนา

    (ที่พักกลางนา) หลังหนึ่งที่ถูกไฟไหม้ แต่ไฟไหม้ไม่หมดเหลือส่วนหนึ่งตรงใจคา (ชาย

    คา) ด้วยเหตุที่ไฟไหม่ไม่หมดจึงทำให้ครูบาศรีวิชัยเจ้าเดินเข้าไปดู ท่านก็ได้พบ

    กระดาษสาแผ่นหนึ่งซึ่งเขียนเป็นภาษาล้านนา เขียนว่า คาถาบารมีเก้าจั้น....ท่านจึง

    เกิดอัศจรรย์ใจ ท่านจึงนำมาใช้กับตัวท่านตลอดมา คาถาบารมีเก้าชั้นหรือคาถาเรียก

    บารมี 30 ทัสปกปักรักษาเวลากลางคำกลางคืนรวมถึงเรียกคุณพระแม่ธรณีและคุณทั้ง

    ปวงมาปกปักรักษาให้รอดพ้นจากภัยพิบัติอันตรายทั้งหลายทั้งปวง นี่ก็เป็นคาถาอีกบท

    หนึ่งที่นิยมใช้กันทางภาคเหนือ ปัจจุบันค่อยเลือนหายไปน้อยคนนักที่จะรู้จัก ส่วนมาก

    จะพากันไปสวดไปท่อง คาถาบารมี 30 ทัส ซึ่งก็เป็นคาถาประจำตัวท่านครูบาศรีวิชัย

    เจ้าอีกบทหนึ่งเช่นกัน (กลัวสูญหายข้าพเจ้าจึงเอามาเปิดเผยเพื่อเผยต่อไป สาธุ ๆๆ ขอ

    ความโชคดี มี่โชคลาภอยู่เนือง ๆ หมดเคราะห์ โศก โรคภัย ภัยพิบัติทุกชนิดจงอย่ามี

    แก่ท่านผู้อ่านทุกรูปทุกนามตราบเท่าเข้าสู่นิพพานเทอญฯ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.2 KB
      เปิดดู:
      214
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.6 KB
      เปิดดู:
      133
    • 26.jpg
      26.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.2 KB
      เปิดดู:
      89
    • 33.jpg
      33.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.6 KB
      เปิดดู:
      110
    • 599202-topic-ix-1.jpg
      599202-topic-ix-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.6 KB
      เปิดดู:
      126
    • 599202-topic-ix-2.jpg
      599202-topic-ix-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.5 KB
      เปิดดู:
      217
    • 599202-topic-ix-3.jpg
      599202-topic-ix-3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.7 KB
      เปิดดู:
      119
    • 1770-02193.jpg
      1770-02193.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.9 KB
      เปิดดู:
      538
    • _8_131.jpg
      _8_131.jpg
      ขนาดไฟล์:
      112.6 KB
      เปิดดู:
      274
    • 20040628120124.jpg
      20040628120124.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.1 KB
      เปิดดู:
      105
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2012
  5. supap2006

    supap2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +196
    --------- รับทราบการจอง ครับ ----
     
  6. supap2006

    supap2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +196
    -------- รับทราบการจอง ครับท่าน ------
     
  7. supap2006

    supap2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +196
    ติดต่อได้ครับ ของมีจำนวนจำกัด
     
  8. praprut

    praprut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +252
    โอนให้แล้วครับ 100 บาท
    26/11/12 เวลา 16,57 cd 904b028
    bbl direct deposit
    zeer rangsit#3
    record no 1032
    name ms chawan
     
  9. supap2006

    supap2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +196
    --- รับทราบการจอง ครับท่าน ----
     
  10. supap2006

    supap2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +196
    --- รับทราบครับ จะดำเนินการจัดส่งให้ (แต่ผมได้รับเงินเพียง 80 บาทเท่านั้น ) -----
     
  11. praprut

    praprut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +252
    สงสัยฝากจากตู้เงินสดโดยหักเงินมั้งครับไม่เป็นไรเดี๋ยวจะโอนไปให้ใหม่
     
  12. supap2006

    supap2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +196
    RG666040284TH
    -- จัดส่งเรียบร้อยครับ ---
     
  13. praprut

    praprut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +252
    โอนเพิ่มให้แล้ว20บาท
    kbank s1a1078 8693
    date 27/11/12 time 18,38
    orft transfer
    from bank kbank
    to bank bbla a/c 5870489753
    name ms chawanluk
    amout 20,00
    รวม100บาทแล้วนะครับ
     
  14. supap2006

    supap2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +196
    --- พรุ่งนี้จัดส่งให้ครับท่าน ----
     
  15. supap2006

    supap2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +196
    คุณ ntd

    จัดส่งเรียบร้อยครับ
    rg666037299th
    ------- ขอบคุณครับ --------
     

แชร์หน้านี้

Loading...