เหนืออิทธิผลครอบงำดับสิ้นพันธนาการแห่งกรรม

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย datedoctor, 24 มิถุนายน 2010.

  1. datedoctor

    datedoctor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +678
    วันนี้ข้าพเจ้าอยากจะพูดถึงเรื่องกรรม แน่ล่ะข้าพเจ้าไม่เคยสนใจเรื่องกรรม เพราะข้าพเจ้าเห็นว่ามันไม่จำเป็นที่ต้องไปรู้อะไร? แน่ล่ะท่านอาจจะสงสัยว่า ไหนว่าไม่สนใจแล้วท่านมาพูดถึงเรื่องกรรมทำไม? ท่านกำลังหลอกลวงใคร ท่านบ้าไปแล้วแน่ๆ ซึ่งถ้าท่านจะคิดเช่นนั้นก็ถูกต้องทีเดียว ท่านไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนี้ เพราะยิ่งที่รู้ มันก็ยิ่งเป็นโซ่ตรวนไปเหนี่ยวรั้งท่านเสียเปล่าๆ ยิ่งทำให้ท่านถูกครอบงำมากขึ้น แต่ท่านต้องเข้าใจ ตรงจุดหนึ่งว่าเรื่องพวกนี้ท่านรู้กันอยู่แล้ว ตราบใดก็ตามที่ท่านยังอยู่ในสังคมชาวพุทธ ท่านก็ยังคงต้องถูกครอบงำด้วยความคิดพวกนี้ ข้าพเจ้าไม่ได้พยายามที่จะอธิบายว่าเรื่องกรรมนั้นเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดี นั้นเป็นสิ่งไร้ความหมาย มันเป็นเพียงการแบ่งแยกสิ่งต่าง ท่านเป็นตัวบัดซบอันใดกันจึ่งจะมาฉีกสิ่งต่างออกจากกัน ถ้าท่านทำเช่นนี้ยังคงแบ่งแยกสิ่งต่างๆออกจากกันท่านก็ช่างโง่เขลาเสียนี่กระไร ท่านคิดดูสิถ้าท่านเป็นหมอ ท่านก็จะต้องยึดมั่นในความรู้เกี่ยวกับวิชาชีพของท่าน เช่นท่านเคยเรีบนรู้มาว่าโรคนี้ไม่มีวิธีรักษาได้ไม่ว่าจะตัด จะฉายรังสี จะใช้วิธีอะไรก็ตาม แต่แล้ววันหนึ่งก็มีคนมาบอกท่านว่าแค่ท่านกินสิ่งนี้เท่านั้นท่านก็จะหาย ท่านก็คงจะไม่ยอมรับทีว่าเขาพูดถูก ท่านก็ได้แต่สงสัย และอาจจะไม่สนใจมันด้วยซ้ำ บางทีตลอดชีวิตท่านอาจจะไม่ยอมรับมันเลยก็ได้ นี่คือพันธนาการ ยิ่งเรารู้เราก็ยิ่งยึดมั่น ทั้งนี้เพราะเราชอบอะไรที่มั่นคง การแสวงหาสิ่งใหม่นั้นอันตรายเกินไป เพราะงั้นท่านจึ่งยังคงเป็นเช่นนี้ยังคงทุกข์ ระทม มีชีวิตบัดซบ แม้ท่านจะบอกว่าชีวิตท่านสวยงามก็ตามแต่ลึกๆในใจท่านก็รู้ดีอยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ตราบใดที่ท่านยังเป็นเช่นนี้

    [​IMG]

    ข้าพเจ้ามักพูดซ้ำว่า กรรมไม่เคยพันธนาการใครยกเว้นว่า ท่านจะโง่เขลาไปให้มันพันธนาการ ซึ่งดูเหมือนว่า ท่านทั้งหลายจะชอบซะจริงๆกลับการเป็นเช่นนี้ การเอาตัวเองไปตรึงกางเขนแล้วห้อยหัวลง ท่านช่างสนุกกันจริงๆ ถ้าท่านเชื่อในเรื่องกรรมนั้นก็ไม่ผิดอะไร มันเป็นความเชื่อของท่านนี่ใครจะไปทำอะไรได้ ไม่มีสิ่งใดหรอกที่ภายนอกที่จะมาบงการท่าน ยกเว้นสิ่งที่อยู่ภายในของท่านเองต่างหาก ไม่มีใครอยุ่ที่นั้นเพื่อสั่งให้ท่านเป็นนั้นเป็นนี่ นอกจากตัวท่านเองเพราะท่านนั้นมีเจตจำนงเสรีอยู่แล้วนี่

    [​IMG]

    ท่านจะต้องไม่ยึดมั่นในเรื่องของกรรม ท่านจะต้องไม่ให้กรรมมาเป็นปลอกคอตีตราให้ท่านเป็นสุนัขมีเจ้าของ ท่านจะต้องไม่ให้ภายในของท่านปล่อยให้สิ่งที่อยู่ภายนอกท่านอย่างเรื่องกรรม มามีอิทธิผลครอบงำท่าน ก็แค่นั้น ท่านอาจจะเคยได้ยินว่ากรรมมี2แบบคือ กรรมดี กับ กรรมชั่ว นั้นก็ถูกต้องทีเดียว แต่ถ้าท่านบอกว่า พระพุทธเจ้ากล่าวถึงกรรมดีและกรรมชั่ว ท่านก็โง่บัดซบ แอบอ้างอย่างร้ายกาจ ท่านช่างมีลิ้นสองแฉก แล้วมาโยนขยะโสมมของท่านให้กลับ พระพุทธเจ้า ปากท่านเรียกครูของฉัน พุทธผู้ตื่นแต่ในใจท่านก็คิดว่าท่านจะให้พระพุทธเจ้ามาเป็นทาสของท่าน มาคอยรับใช้ท่านคอยเชื่อฟัง คอยแสดงความถูกต้องในสิ่งที่ท่านคิดท่านทำ แต่ท่านไม่แน่ใจ ให้กลับท่าน ดูนี่สิฉันพูดถูกต้อง ฉันรอบรู้ ดูนี่พระพุทธเจ้าเคยพุดเช่นนี้ เคยเห็นด้วยกลับฉัน ในพระไตรปิฏกเล่มนี้ เล่นนั้นฉบับบ้าบอคอแตกทั้งหลาย ท่านเอาพระพุทธเจ้ามาแอบอ้างหากกินท่านช่างไม่ต่างอะไรกับนักต้มตุ้น พวกพระ พวกนักการเมืองที่ชอบทำเช่นนี้จริงๆ พระพุทธเจ้าสอนให้ท่านทำกรรมที่ทำให้ท่านหลุดพ้นไปจากอิทธิผลของกรรมดีและกรรมชั่ว ทำไมจึ่งต้องทำเช่นนั้น เพราะแก่นแท้ของคำสอนของพระพุทธเจ้าคืออิสรภาพ ซึ่งถ้าจะพูดกันจริงๆแล้วนั้นคนในสมัยนั้นก็เหมือนกับท่านพวกเขารู้เรื่องกรรมมาก่อน ก่อนหน้านี้ก็มีพวกลัทธิที่สอนเรื่องกรรมแบบนี้ มันสอนมาก่อนพระพุทธเจ้าเกิดเสียอีก แน่ละพวกเขาก็เหมือนท่านยังคงยึดมั่นถือมั่น ยังคงไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แล้วพระพุทธเจ้าจะไปทำอะไรได้ล่ะ พระองค์จะไปบอกว่าๆไม่มีสิ่งที่เรียกว่ากรรมอย่างนั้นหรือ แน่นอนว่าทุกคนคงคิดว่าพระองค์นั้นบ้าที่พูดเช่นนี้ พระองค์คงรู้ว่าถ้าไปค้านก็คงจะได้ไม้กางเขนแน่ๆ ไม่มีประโยชน์อะไร คิดดูสิอัตตานั้นน่ากลัวเพียงใด มันทำให้ท่านฆ่าใครก็ได้ พระพุทธเจ้าช่างฉลาดจริงๆที่จะไม่ลองของ ถ้าพระเยซูรู้เรื่องเกี่ยวกลับพระพุทธเจ้าและใช้วิธีเดียวกันในการสอน ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระองค์คงไม่โดนไม้กางเขนแน่ๆ พระองค์ไม่มีความผิดอะไร? ใช่ชาวยิวหาความผิดให้พระองค์ไม่ได้ แต่พวกเขารู้ดีว่าแน่ล่ะเยซุ นาซาเร็ธ เจ้ามีความผิดแค่อย่างเดียวเท่านั้น คือบังอาจสอนสิ่งที่เป็นอันตรายต่ออัตตาของพวกเรา แล้วพระพุทธเจ้าสอนเรื่องกรรมอย่างไร? ก่อนที่จะรู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนเรื่องกรรมอย่างไร? ข้าพเจ้าคิดว่าท่านต้องรู้ก่อนว่ากรรมคืออะไร? ไม่ว่าท่านจะไปเปิดตำราเล่มไหน มันก็เขียนเหมือนๆกันว่า กรรมคือการกระทำ แต่ก็ไม่ใช่เหมารวมกันไปซะหมดว่า กรรมคือการกระทำทุกอย่าง เพราะมันต้องมีเจตนาที่จะทำเข้ามาร่วมด้วยนี่คือสิ่งที่สำคัญมากมัน การเดิน การกิน การดำรงชีวิต การหายใจ ไม่ถือว่าเป็นกรรมมันมาจากสัญชาติญาณของท่านเท่านั้น ท่านก็แค่ทำไป การลักขโมยถือว่าเป็นกรรม เพราะมีเจตนาว่าท่านจะขโมย มันมาจากความคิดว่าท่านจะขโมย ท่านไม่อาจจะแสวงหาสิ่งนั้นได้ด้วยวิธีธรรมดาเพราะงั้น ท่านต้องหามันมาโดยการขโมย ขโมยอย่างไรและทำไม ?มันมาจาก ปรีชาญาณของท่าน ซึ่งปรีชาญาณมีแต่ในคนเท่านั้น มันคือความนึกคิดที่ซับซ้อน และเป็นบ่อเกิดของความรุ้ ถ้อยคำ การสะสม จนหลอมรวมเป็นอัตตา ดังนั้นสัตว์จึ่งไม่มีกรรมเพราะ พวกมันไม่มีปรีชาญาณ มันไม่รู้สึกผิดชอบ ชั่วดี มันไม่เคยมีความนึกคิดขึ้นมาแบ่งแยก นี่เองที่ในศาสนาพุทธกล่าวว่าสัตว์นั้นมีสภาวะพุทธะในตัว คนก็เช่นกันเพียงแต่ปรีชาญาณนั้นทำให้ท่านไม่อาจจะตระหนักรุ้ตรงจุดนี้ ท่านกลายเป็นนั้นเป็นนี่ เป็นคนนั้นคนนี้ เป็นบ้าเป็นบอ ท่านแบ่งแยก ท่านช่างอยากเป็นสิ่งต่างๆเสียนี่กระไร ทำไมท่านไม่อยากเป็นคนธรรมดาบ้างล่ะ และนี่แหละความหมายของมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เพราะท่านเป็นคน ดังนั้นท่านจึ่งมีปรีชาญาณพอที่จะรู้ว่าอะไร คือความดีความชั่ว ที่จะแบ่งแยกสิ่งต่างๆ การกระทำบางอย่างของท่านจึ่งถือเป็นกรรม เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากสัญชาติญาณไปซะทั้งหมด

    [​IMG]

    นี่แหละความหมายจริงๆ ไม่ใช่เพราะกรรมนั้นแหละที่เป้นแรงกระตุ้นให้ท่านกำเนิด มาเป็นแบบนี้ แบบที่เชื่อๆกัน พระพุทธเจ้าไม่ได้ตัดกรรมทิ้งหรืออยู่เหนือกรรม พระองค์เพียงแต่ปลดปล่อยตัวเองไม่ให้กรรมครอบงำเท่านั้น นั้นเป็นสิ่งที่ผู้มีเชาว์ปัญญาที่ไม่มืดบอดทำ ไอ้แบบที่สอนๆกัน ที่ท่านเชื่อตามๆกันมา จนบางคนนำไปหากินตั้งตัวเป็นเจ้าลัทธิแก้กรรม ติดต่อเจ้ากรรมนายเวร ช่างโง่เขลาเสียนี่กระไร ไม่มีใครแก้กรรมตัดกรรมให้ท่านได้นอกจากตัวท่านเอง ลืมคนเหล่านั้นซะหันมามองที่ภายใน ที่เชาว์ปัญญาของท่าน พระพุทธเจ้าทำกรรม ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด กรรมที่กระทำเพื่อให้ตัวเองอยู่เหนือกรรมดีและกรรมชั่ว
    กรรมที่นำปีกแห่งอิสรภาพมาให้ตัวเอง ไม่ใช่ไม้กางเขนกรรมดีและกรรมชั่วนั้นทำให้เกิดทุกข์ทั้งคู่มันบัดซบพอๆกัน ยังเป็นกรรมที่อยู่ใต้ผลของกรรม ไม่ได้หลุดพ้นผลของกรรม ยังคงขลาดเขลาและทำให้ท่านนั้นอยู่ใต้พันธนาการ เป็นกรรมที่ตรึงกางเขนท่าน ท่านควรจะบอกกลับมันได้แล้วว่าพอเสียที ไสหัวไปซะข้าไม่สนใจแกแล้ว ตรงจุดนี้ท่านอาจจะแย้งว่ากรรมดีจะทำให้เกิดทุกข์ได้อย่างไร? คิดดูเถิดว่าคนดีก็มีความทุกข์อย่างแบบคนด. เป็นคนดีในโลกนี้ ก็ยังมีความทุกข์อีกแบบหนึ่ง ตามแบบของคนดี เช่นปัญหาที่เกิดเนื่องมาจากความดี เกี่ยวกับความดีนี้ก็ยังมีอยู่อีกมาก มีคนเยอะแยะฆ่าตัวตาย แขวนคอตาย ทั้งๆที่มีชื่อเสียง มีความดี มีความร่ำรวย ดุ มหาตมะคานธีสิท่านว่า เขามีความสุขหรือ ชีวิตส่วนตัวของเขานั้นพังพินาจไม่มีชิ้นดี ลูกของเขาเกลียดเขา ครอบครัวของเขาเกลียดเขา ในขณะที่มีคนกลุ่มหนึ่งเกลียดเขาทั้งที่ทั่วโลกรักเขา แต่นี่อะไร คนใกล้ตัวที่สุดเกลียดเขา เขาทำหน้าที่มหาตมะได้ดี แต่หน้าที่พ่อล่ะ....นี่ไงผลของความดี
    ไปดูเทพ เทวาสิถ้ามีจริง พวกเขาก็ยังไม่หลุดพ้นจากความทุกข์เลย
    กรรมที่ทำให้หลุดพ้นจากกรรมทางโลก พระพุทธเจ้าเรียกของท่านว่าเป็นกรรมขั้นปรมัตถ์ ขั้นเหนือไปจากโลก ความนึกคิด นี่แหละคือผลผลิตของเชาว์ปัญญาล่ะ กรรมดี กรรมชั่ว เรียกง่ายๆว่ากรรมทางโลก นั้นเป็นพันธนาการมันครอบงำท่านให้ท่านหนีจากสิ่งหนึ่งไปหาสิ่งหนึ่งท่านไม่จำเป็นต้องตัดสินว่าดีหรือไม่ดี ท่านแค่ต้องมองให้เห็นว่า ท่านหนีจากกรรมชั่วเพราะกลัวบาป ท่านหนีไปหากรรมดี ท่านแสวงหาขั่วตรงข้าม ที่ใดมีขั่วตรงข้ามที่นั้นมีความขัดแย้ง มีความทุกข์ระทม ท่านเป็นคนเห็นแก่ตัวท่านอาจจะทำทาน เพื่อบอกว่าท่านไม่ใช่ท่านทำแล้วทำอีก ท่านส่งมันไปยังทานเพื่อให้ลืมว่าท่านเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่มันก็ไม่เคยหายไปจริงๆนั้นแหละคือปัญหา หากข้าพเจ้ากลัว ข้าพเจ้าก็ต้องแสวงหาความกล้าหาญ กระนั้นความกลัวก็ยังติดตามข้าพเจ้าอยู่ เหมือนเงาตามตัว เชือกที่ชักใยยังไม่ถูกตัด ข้าพเจ้ายังเป็นหุ่นเชิดที่ถูกพันธนาการ ข้าพเจ้าเพียงแต่หนีจากความกลัวอย่างหนึ่งไปอีกอย่างหนึ่งเท่านั้น
    ขณะเดียวกัน หากข้าพเจ้าตัดเชือกทิ้งและแสดงบทบาทเอง ปลดเปลื้องตัวเองให้เป็นอิสระจากความกลัว ข้าพเจ้าก็จะไม่รู้จักทั้งความกล้าและความกลัว ในสิ่งต่างๆที่ตรงกันข้ามก็เป็นเช่นนี้ ถ้าท่านแสวงหาความดีท่านก็จะถูกพันธนาการ ถ้าท่านแสวงหาความสมบรูณ์แบบท่านก็จะถุกพันธนาการ คนเรามักชอบยึดติดกับสำนวนหรือคัมภีร์ใดๆ พวกเขามักจะไม่แสวงหาเส้นทางของตน พวกเขามักดีแต่เดินตามฝูงชน เพราะงั้นท่านจึ่งเห็นว่าพวกเขามักทำสิ่งที่โง่เขลาเช่น กราบไหว้ต้นไม้ คัมภีร์ หิน สิ่งก่อสร้างอะไร ก็ตามที่พวกเขาคิดว่าศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจึ่งไม่โตเสียทีนี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าเน้นย้ำบ่อยๆ การปลดพันธนาการคือ สิ่งที่เรียกว่าวุฒิภาวะ มันไม่ใช่อะไรอื่นมันคือการย้ำเตือนให้ท่านหยุดแสวงหาและเหลียวกลับมามองที่ข้างใน

    [​IMG]

    กรรมทางโลกจัดเป็นสมุทัยวาร เพราะเป็นต้นเหตุของการเกิดทุกข์ แต่กรรมแบบของ พระพุทธเจ้าสอน จัดเป็นนิโรธวาร เพราะเป็นการดับทุกข์ เหนือชั่ว เหนือดี ไม่ยึดมั่นถือมั่นสิ่งใดโดยความเป็นตัวเรา หรือของเรา
    ท่านอาจจะสงสัยว่ากรรมกันว่า มันเกิดมาจากไหน? และส่งผลอย่างไร บ้าง
    กรรมชั่วมีเหตุชั่ว คือกิเลสแล้วผลก็คือ ความทุกข์ กรรมดีก็มาจากเหตุที่ดีคือ ปัญญา ความดีแล้วก็ได้ผลเป็นความสุขสบายตามที่ตนพอใจ แต่ยังคงที่จะทำให้ท่านยังคงเวียนว่าย ท่านอาจจะเคยได้ยินว่า เหตุและผลของกรรม อันมาจากชาตินี้ ชาติหน้า ชาติถัดๆไป ชาติที่แล้วทำเช่นนี้ชาตินี้จึ่งเป็นแบบนี้ และยังจะส่งผลต่อชาติถัดๆไป จุดนี้เองก็เลยทำให้เกิดแนวคิดเกี่ยวกับ เทพ เทวา นรกสวรรค์ การเวียนว่ายตายเกิดแบบไม่ตรงกับประเด็นที่พระพุทธเจ้าสอนขึ้นมาในความหมายของท่าน พวกท่านมักที่จะหนีจากปัจจุบันและปล่อยให้เวลาพันธนาการ ท่านเกลียดกลัวความตาย ท่านมักเห็นว่าความตายคือศัตรูที่สำคัญทึ่สุดของท่าน ท่านมักใช้ชีวิตหมดไปกับอะไรบางอย่างโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมองมาที่ความตาย การสูญสิ้นร่างกาย สูญเสียทุกอย่าง แม้แต่ความทรงจำ สูญสิ้นอัตตาจอมปลอมทั้งหลาย ที่ทำให้ท่านรู้สึกถึงการดำรงอยู่ของท่าน และท่านก็ทำตัวน่าสมเพสด้วยการหวังและเชื่อว่า จะมีความสืบเนื่องต่อไปหลังการตาย ตัวตนของท่านไม่ได้หายไปไหน ท่านยังคงมีชีวิตนิรันดริ์ อะไรบางอย่างที่เรียกว่าตัวตนของท่านยังคงดำรงอยู่ไม่ได้ไปไหน(วิณญาณ)แต่ท่านเคยคิดหรือไม่ว่า บางทีมันก็แค่การที่มีอะไรบางอย่างที่หายไปจากตรงนี้ อะไรบางอย่างที่เรียกว่าอัตตาตัวตน อะไรบางอย่างที่กลับไปยังที่ที่มันจากมา อัตตาของท่านที่ถูกสร้างขึ้นมาจากสิ่งพวกนี้ ทำให้ท่านรู้สึกถึงการดำรงอยู่เพราะท่านได้ถูกจองจำในเวลาเสียแล้ว เวลาทำให้เกิดการสะสมปรีชาญาร ทั้งวิชชาและอวิชชา และ ท่านก็แสวงหาอะไรบางอย่างมาเติมเต็มท่านเปรียบเสมือนคนบ้า ท่านเหยียบได้แม้แต่หัวของพระเจ้าหรือศาสดาของท่าน ท่านทำได้แม้แต่กระทั้งขู่เข็นบังคับอะไรก็ตามเพื่อตอบสนองท่าน เมื่อท่านสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า พระพุทธรูปหรืออะไรบางอย่าง ท่านก็เอาเศษเดนของท่านมาติดสินบนสิ่งต่างๆเหล่านี้ พร้อมทั้ง กดขี่พวกเขาลงมาเป็นทาสรับใช้ของท่าน ท่านทำในสิ่งที่น่าเนื้อใจเสือ ปากท่านพร่ำร้องว่าท่านอาจารยน์ผู้ยิ่งใหญ่ พระบิดา แต่ลึกในใจท่านท่านคิดว่า ถ้ามีอะไรก็ตาม สามารถให้พรท่าน ให้เอาอะไรก็ได้1อย่าง ท่านก็จะพูดว่า เอาทุกอย่าง ถ้าแกให้ข้าไม่ได้ข้าจะฆ่าแกทิ้งซะแล้วเป็นพระเจ้า เป็นพระพุทธเจ้า แทนแกเอง นี่คือเหตุผลที่นำมาซึ่งความทุกข์ระทม อัตตาทำให้เกิดภพชาติ ดังนั้นท่านความตายจึ่งเริ่มขึ้นตรงนี้

    ดังนั้น สำหรับผู้ที่ปราศจากตัณหาความทะยานอยาก จึ่งไม่มีความตาย เพราะอัตตาที่ขาดน้ำหล่อเลี้ยงจะหายไป การดำรงอยู่ของท่านจึ่งไม่มีทั้งการเริ่มต้นและสิ้นสุด ไม่มีทั้งความรัก และความโศกเศร้า ข้าพเจ้าอยากที่จะกล่าวว่าการพยายามไขว่คว้าหาสิ่งตรงข้ามย่อมก่อให้เกิดการต่อต้านขึ้น ย่อมทำให้เกิดความทุกข์ระทมขึ้น
    เมื่อท่านตายท่านก็มักจะสงสัยว่า โลกหน้ามีจริงหรือไม่เป็นอย่างไร? ข้าพเจ้าไม่เคยสนใจว่านรกสวรรค์ การเวียนว่ายตายเกิด มีจริง หรือไม่ พระพุทธเจ้าเองก็ไม่เคยตอบคำถามทำนองนี้ท่านจะรุ้ไปทำ มันไร้สาระท่านตายไปก็ได้รุ้เองสนใจเรื่องของตัวเองไปเถอะ ถ้าท่านมีเวลามากพอจะมาสนใจเรื่องทำนองนี้
    ท่านคิดว่าโลกหน้ามีจริงแต่ความจริงมันก็ยังคงเป็นโลกเดิมๆมีแต่สิ่งเดิมมันอาจจะสวยงามขึ้น หรือทุกข์
    ระทมแต่ลึกๆมันก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไร แล้วท่านจะไปคิดถึงโลกใหม่ได้อย่างไรในเมื่อท่านรุ้จักแต่โลกใบนี้ นี่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ดีแต่ต้องเข้าใจว่า
    เป้าหมาย ของคนสอนเขาก็ต้องการให้ท่านไม่ทำกรรมชั่วอย่างนั้นๆมันก็ได้ ประโยชน์รวมถึงพวกที่อยู่ในรุปความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ ด้วย แต่ให้รู้ไว้ว่ามันก็ยังมีตัวตนสวรรค์นรกให้ยึดมั่นถือมั่น ยังเป็นบ่วง เป็นปลอกคอสวมคอท่านให้ท่านเป็นสุนัขมีเจ้าของจงมองที่นี่และเดี๋ยวนี้ เหตุและผลของกรรมมันเกิดที่ตรงนี้แหละชาตินี่แหละแต่แล้วแต่ว่าจะให้ผล เดี๋ยวนี้เลย หรือต้องรอสักหน่อย หรือต้องรอนานเท่านั้นเองมันเป็นของมันเช่นนั้นเอง
    ท่านจะไปสนใจทำไมโลกใหม่ ท่านจะไปถามใครคนที่ไปถึงล้วนไม่เคยกลับมาบอกท่าน มีแต่พวกแอบอ้างเท่านั้น คนเหล่านี้เคยตาย เคยมีประสบการณ์กลับมันหรืออย่างไรท่านจึ่งไปเชื่อเขาท่านช่างโง่จริงๆ ทำตัวไม่รู้จักโต ไม่ต่างอะไรกับทารกที่ต้องพึ่งพาคนรอบข้าง กรรมนั้นส่งผลในทางที่ดีและชั่วต่อท่าน ในทางกลับกันมันก็จะไปผอกพูนของเดิมเพราะกรรมใหม่ ไม่ก็ทำให้ลงจากเดิม มาจุดนี้คนที่ชอบ สะเดาะห์เคาระห์ ทำบุญ ไถ่บาปติดสินบนกรรมเพื่อจะได้รับกรรมให้น้อยลง ถ้าเจ้ากรรมนายเวรมีจริงท่านคิดว่าเขาจะเห็นแก่สินบนหรือ เป็นข้าพเจ้าน่าจะยิ่งเพิ่มโทษให้อีกด้วย เพราะท่านไม่สงควรได้รับการให้อภัย ท่านไม่ได้ทำด้วยจิตสำนึกนี่ ท่านดูถูกข้าพเจ้าด้วย กากเดน ที่ท่านเอามาติดสินบนข้าพเจ้า

    ในความเป็นจริงนั้น ทุกขณะที่มีการปรุงแต่งจิตก็จะมี การเวียนว่ายตายเกิด เป็น สัตว์นรก สัตว์เดียรฉาน เปตร มนุษย์ เทวา(ทั้งกามมาวจร รูปพรหม อรูปพรหม) นับครั้งไม่ถ้วนในชาตินี้ อยู่แล้ว ท่านยังจะไปแสวงหานรกสวรรค์ที่ไหนอีกมันก็อยู่ที่ตรงหน้าท่านที่การใช้ชีวิตของท่านนี่แหละถ้าท่านยังคงเป็นแบบนี้
    เมื่อ ผัสสะ(ท่านจะเรียกอยาตนะ6 ตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจก็ได้ไม่ว่ากัน ) กระทบกับรูปของสิ่งอื่น มันก็จะเกิดเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณขึ้น หลังจากนั้นถ้าไม่มีความนึกคิด ที่เกิดจากความรู้หรือไม่รู้ หรือท่านเรียกรวมกันว่าปรีชาญาณ เข้ามายุ่งปรุงแต่งจิตให้เกิดกิเลสก็จะไม่เกิดกรรมแต่จะเกิด กริยาเช่น มองเห็น ได้ยินเป็นต้นนี่คือสัญชาติญาณ แต่ถ้ามีมันก็จะเหนี่ยวนำให้เกิดกรรม เช่นตาท่านเห็นสาวสวย แต่ท่านไม่คิดไม่สนนี่ก็เป็นเพียงกริยาเท่านั้นเพราะปรีชาญาณไม่ได้เข้ามาปรุงแต่งจิต แต่หากปรีชาญาณเข้ามา ท่านมีข้อมูลว่าสาวสวยเป็นอย่างไร นี่คือแบบที่ท่านนึกคิดไว้ จนท่านอยากได้อยากนอนกับหล่อนหรืออีกมากมายกับเธอ ท่านแสดงกริยาออกไปทั้ง3ทางนี่แหละคือกรรม เพราะกรรมแสดงออกได้3ทาง ทางวาจา ทางใจ ทางกาย

    [​IMG]

    ลองฟังเรื่องนี้ดู กาลครั้งหนึ่งมีพราหญ์ถามพระพุทธเจ้าว่าทำดีได้ไปสวรรค์ ทำชั่วได้ไปนรกนี่จริงหรือไม่ พระพุทธเจ้าว่าจริง
    งั้นหากสรุปว่าคนทำดีได้ไปสวรรค์ คนทำชั่วได้ไปนรกทั้งหมด จริงไหม
    พระพุทธเจ้าว่า
    ทั้งนี้ขึ้นกับทิฐธิเมื่อจะดับจิตลงว่าเป็นสัมมาหรือมิจฉาด้วย แม้ทำดีมาชั่วชีวิตแต่หากก่อนตายจิตเป็นมิจฉาก็ไปนรกได้ แม้ทำชั่วมาชั่วชีวิตแต่หากก่อนตายจิตเป็นสัมมาก็ไปสวรรค์ได้
    พราหญ์ได้ยินก็ตกใจ งั้นไอ้ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว นรกสวรรค์นี่ไม่จริงนะสิ
    พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่าดูกร ท่านหากท่านทำดีไม่ว่านรกสวรรค์มีหรือไม่ก็ไม่สำคัญเพราะหากมีท่านก็ไม่ต้องกลัวอะไร หากไม่มีท่านก็ได้กำไรตั้งแต่ตอนมีชีวิตอยู่แล้ว ผลเองก็เช่นกันกรรมจะมีผลหรือไม่
    ไม่สำคัญหากท่านทำดี ท่านก็ไม่ต้องกลัวว่า ก่อนตายจิตท่านจะเป็นทิฐธิไหน เพราะท่านก็จะได้ปัญญาที่เห็นชอบตามที่เป็นจริงอยู่แล้วจากการรักษาจิตรักษาใจ นี่ก็หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านจะไปปรุงแต่งมันจนเป็นมิจฉา

    เห็นไหมว่านรกสวรรค์ไม่สำคัญเลย จะมีไม่มี ก็ช่างมันการดับทุกข์ เหนือชั่ว เหนือดี คือไม่ยึดมั่นถือมั่นสิ่งใดโดยความเป็นตัวเรา หรือของเรานั้นแหละที่จะปลดพันธนาการให้ท่านได้ เมื่อท่านมองเห็นความเป็นเช่นนั้นเอง ถ้าท่านอยากหลุดพ้นจากกรรมจงลืมเรื่องกรรม จงไม่ทำมันทั้ง2อย่าง นิ่งเฉยนั้นแหละ ดีแล้ว ถ้าท่านอยากทำดีก็จงทำเมื่อท่านอยากทำเมื่อโอกาศมา แต่ถ้าท่านทำชั่วท่านคงจะไม่ปกตินักท่านจะทำสิ่งไร้สาระไปเพื่ออะไร ท่านไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำเลย จงใช้ชีวิตไปเช่นนนั้น นี่คือการดับที่เหตุ พระพุทธเจ้าให้ดับที่ดับผัสสะ ประเภทที่เจือด้วยปรีชาญาณ ปรีชาญาณเป็นเพียงสิ่งปรุงแต่งให้เกิด กิเลส(โลภ โกธร หลง) กรรมชั่ว ปรุงแต่ให้เกิดปัญญาทางโลก(ไม่โลภ ไม่โกธร ไม่หลง) จึ่งเกิดกรรมดี จงละทิ้งการแบ่งแยกไม่มีสิ่งที่เรียกว่ากรรม แล้วท่านจะไม่ถูกพันธนาการ ข้าพเจ้าไม่ได้บอกให้ท่านล่ะทิ้งปรีชาญาณแต่ให้อยู่เหนือ หัวไม่ใช่นายท่าน ท่านต่างหากที่เป็นนายของมัน นี่เป็นการลืมตามองความจริง หรือที่เซ็นเรียกว่าการมีสติ การตื่น ไม่พยายามที่จะไขว่คว้า และเป็นอิสระจากแรงจูงใจที่ชักจูงทำให้เกิดการกระทำนั้นขึ้น ท่านก็จะหลุดรอดออกจากพันธนาการไปได้
    การแสวงหาที่ภายนอกแต่หลงลืมภายใน ไม่สามารถเติมเต็มการมีชีวิตให้ท่านได้หรอก หากท่านเต็มไปด้วยความหวาดกลัว จงเฝ้าดูมัน อย่าสร้างแรงจูงใจใดๆ ที่จะทำให้ท่านกระทำสิ่งที่กล้าหาญ แต่จงเฝ้าดูต่อไปดูให้เห็นว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แล้วปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระจากความกลัว นั่นเป็นการกระทำที่ปราศจากแรงจูงใจ เป็นการกระทำที่ข้าพเจ้ามักพูดเสมอๆว่า ทุกการกระทำล้วนปราศจากเป้าหมาย จงเฝ้าดูความคิด แล้วโยนทิ้ง
    นี่แหละทางสายกลางนี่แหละปัญญาแบบพระพุทธเจ้า เชาว์ปัญญาที่แท้จริงแล้วท่านจะไม่เป็นของปลอม ท่านจะเป็นนายของกรรม นี่เป็นเรื่องของความว่าง เป็นเรื่องที่เป็นไปในทางนิพพาน<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 มิถุนายน 2010
  2. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    ปากท่านเรียกครูของฉัน พุทธผู้ตื่นแต่ในใจท่านก็คิดว่าท่านจะให้พระพุทธเจ้ามาเป็นทาสของท่าน มาคอยรับใช้ท่านคอยเชื่อฟัง คอยแสดงความถูกต้องในสิ่งที่ท่านคิดท่านทำ แต่ท่านไม่แน่ใจ ให้กลับท่าน ดูนี่สิฉันพูดถูกต้อง ฉันรอบรู้ ดูนี่พระพุทธเจ้าเคยพุดเช่นนี้ เคยเห็นด้วยกลับฉัน ในพระไตรปิฏกเล่มนี้ เล่นนั้นฉบับบ้าบอคอแตกทั้งหลาย ท่านเอาพระพุทธเจ้ามาแอบอ้างหากกินท่านช่างไม่ต่างอะไรกลับนักต้มตุ้น พวกท่านช่างไม่ต่างอะไรกลับพวกพระ พวกนักการเมืองที่ชอบทำเช่นนี้จริงๆ

    แทงใจดำ พรานใหญ่จริงๆท่าน ชอบมากอ่านแล้วจี๊ดเลย ^^
    เอ.. ผมติดตามอ่าน เทศน์ไปบ่นไป ของท่านมาหลายโพสละ ชักเคลิ้มตามนะเนี่ยเห็นตรงเห็นชอบด้วยในหลายประเด็น แต่ยังหาบทสรุปไม่เจอ ตกลงท่านแนะนำว่างัยนะ ให้ยึดมั่นในตนเองเป็นที่ตั้ง ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างชี้นำทาง มิใช่คำบอกเล่าจากใบลาน ประมาณนี้หรือเปล่า พรานใหญ่โตมากับระบบการศึกษาแบบสำเร็จรูปน่ะท่าน ต้องมีการสรุป และคุณครูมักจะ ฟันธง ชี้ชัด ถึงจะได้ใจความถึงจะจบ ถึงจะเข้าใจ
    เจอแบบ ART ๆ ปล่อยให้คิดเองเดี๋ยว งงไปใหญ่ รั่วไปใครจะมารับเลี้ยง
     
  3. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    "โลกหน้ามีจริงหรือไม่เป็นอย่างไร? ข้าพเจ้าไม่เคยสนใจว่านรก สวรรค์ การเวียนว่าย ตายเกิด มีจริงหรือไม่? มันไร้สาระ ท่านตายไปก็ได้รู้เอง สนใจเรื่องของตัวเองไปเถอะ ถ้าท่านมีเวลามากพอจะมาสนใจเรื่องทำนองนี้" ท่านเจ้าของกระทู้พูดได้ประทับใจมาก น่าชื่นชมจริงๆ ขออนุโมทนา
     
  4. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พรานใหญ่<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3464898", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เจอแบบ ART ๆ ปล่อยให้คิดเองเดี๋ยว งงไปใหญ่ รั่วไปใครจะมารับเลี้ยง



    ว่ากระทบกันป่าวเนี่ย...

    ขอ in trend นิสนึง... Trend "ร้อนตัว"กำลังมาแรงอ่ะ
     
  5. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=pVKnF26qFFM"]YouTube- The Great Office War[/ame]

    นี่คือตัวอย่างของ ความแตกต่างไม่แตกแยก ดูเอาเอง

    หง่ะ...เหงมั๊ยละนั่น
    สงสัยต้องพ่วงต่อท้ายด้วยคำว่าไม่ได้หมายถึงใครด้วยกระมังนี่
    ท่านอย่าเริ่มดิ เก็บกดต่อมเกรียนไม่ได้แตกมาหลายวันละเนี่ย กลัวข้อหา....
    เอ.....เอาของเค้ามาเล่นบ่อยๆ ถ้าเจ้าของเค้าไม่ขำด้วยนี่จะบาปมั๊ยท่าน
    สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 มิถุนายน 2010
  6. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พรานใหญ่<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3465518", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    หง่ะ...เหงมั๊ยละนั่น
    สงสัยต้องพ่วงต่อท้ายด้วยคำว่าไม่ได้หมายถึงใครด้วยกระมังนี่
    ท่านอย่าเริ่มดิ เก็บกดต่อมเกรียนไม่ได้แตกมาหลายวันละเนี่ย กลัวข้อหา....
    เอ.....เอาของเค้ามาเล่นบ่อยๆ ถ้าเจ้าของเค้าไม่ขำด้วยนี่จะบาปมั๊ยท่าน
    สาธุ สาธุ



    บาป หมายถึง ความคิด คำพูด การกระทำ... ที่ทำให้การเดินทางไปสู่ที่สุดของปัญญาช้าลง ทั้งที่ทำให้ตนเองช้าลงและหรือทำให้คนอื่นช้าลง


    ถ้าจะบาปก็อย่า "บาปกำ" แระกาน... เอา "บาปแบ" ดีฝ่านะ จะได้วางไป เลยไปง่ายหน่อยอ่ะ
     
  7. datedoctor

    datedoctor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +678
    ง่ายมากอะไรก็ตามในโลกนี้ อย่าไปยึดมั่นถือมั้นนั้นแหละทั้งหมดที่พูดมา
     
  8. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    อ้าว...งั้นท่านหนุมานไม่งอนเอารึท่าน
    สัจจะ สัจจะ สัจจะทำ จะทำ จะทำ ยังไม่ได้ทำ
     
  9. rnuir

    rnuir เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +218
    คนด่าก้อนหินเรียกว่าคนบ้า
    คนด่าคนเรียกว่าคนเลว
    คนเลวด่าคนเลวเรียกว่าคนเลว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2010
  10. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    ครับท่านเทพ...
    สุดแล้วแต่ท่านผู้บรรลุ...
    ดีแล้วถูกแล้ว ชอบแล้วก็แล้วแต่ท่านเถิด เป็นธรรมดา คนเลว วันๆก็คิดได้แต่เรื่องเลวๆตามวิสัย
    ใครเขาจะชั่วจะเลว เมื่อเห็นว่าเลวว่าชั่ว แล้วจะเอาตัว เอาความประเสริฐของท่านมาเกลือกกลั้วให้มัวหมองใย
     

แชร์หน้านี้

Loading...