เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 12 พฤษภาคม 2025 at 18:00.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,775
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +26,609
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,775
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +26,609
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตั้งแต่เช้ามืด กระผม/อาตมภาพได้แจกทุนการศึกษาประจำปีนี้ ให้กับเด็กนักเรียนจำนวน ๓๐ กว่าโรงเรียนในอำเภอทองผาภูมิ เป็นทุนระดับประถมศึกษาจำนวน ๖๐๐ ทุน รวมเป็นเงิน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท

    ทุนมัธยมศึกษา จำนวน ๑๓๐ ทุน รวมเป็นเงิน ๓๙๐,๐๐๐ บาท

    ทุนระดับอุดมศึกษา ๑๑ ทุน รวมเป็นเงิน ๓๓๐,๐๐๐ บาท

    แล้วยังมีทุนสามเณรภาคฤดูร้อน ๙๐ ทุน รวมเป็นเงิน ๑๘๐,๐๐๐ บาท

    ทุนพระภิกษุระดับปริญญาเอก ๑ ทุน จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท

    รวมทั้งสิ้นอยู่ที่ ๒,๐๗๐,๐๐๐ บาทถ้วน

    ญาติโยมทั้งหลายช่วยกันทำบุญมา ๑,๑๐๑,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือกระผม/อาตมภาพควักกระเป๋าเองตามอัธยาศัย นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงทุนปริญญาตรีและทุนปริญญาโทของพระภิกษุสามเณรอีกหลายทุน เนื่องเพราะว่าต้องรอทำเอกสารภายหลัง

    ในเรื่องของทุนการศึกษานั้น บางท่านถามว่ามีการติดตามผลบ้างหรือไม่ ? กระผม/อาตมภาพตอบไปว่าไม่มีการติดตามผลใด ๆ ทั้งสิ้น เนื่องเพราะว่าตั้งใจให้ไปเป็นทุนการศึกษา ทั้งที่รู้ว่าบางคน ยังไม่ทันจะออกจากวัด พ่อแม่ก็ยึดเงินไปเล่นหวยหมดแล้ว..! บางคนเอาไปเล่นเกมจนหมด..! บางโรงเรียนที่มีระบบการจัดการที่ดี ก็นำเงินที่ได้ส่วนนี้เข้าไปในร้านค้าสวัสดิการของโรงเรียน เรียนจบเมื่อไรก็เบิกเงินต้นพร้อมกับปันผลไปได้ ส่วนที่เหลือก็แล้วแต่เวรแต่กรรม..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,775
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +26,609
    เนื่องเพราะกระผม/อาตมภาพทำทานแบบคนที่ทำเป็น ก็คือให้โดยอุเบกขาด้วยประการทั้งปวง ตั้งใจว่าให้เพื่ออะไร ส่วนคนรับจะไปใช้ถูกต้องหรือผิดวัตถุประสงค์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องของเขา เราไม่เสียเวลาไปตามดูตามรู้ตรงนั้น เพราะว่าถ้าใครไปตามดูตามรู้ตรงนั้น แล้วเกิดกำลังใจตก ผลบุญก็อาจจะน้อยลงไปด้วย..!

    การให้ทานของพวกเราควรที่จะฝึกหัดให้ถึงตรงจุดนี้ให้ได้ หลายต่อหลายคนต้องประเคนให้หลวงพ่อรับกับมือเท่านั้น ไม่อย่างนั้นรู้สึกว่าไม่ได้บุญ..! ทั้ง ๆ ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วว่า "เจตนาหัง ภิกขเว ปุญญัง วทามิ..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เจตนาก็เป็นบุญแล้ว"


    ในเมื่อเรายังวางอุเบกขาไม่ได้ หรือว่าวางได้ไม่หมด บางทีก็ก่อปัญหาให้เกิดกับพระ มีวัดใหญ่แห่งหนึ่งติดต่อให้กระผม/อาตมภาพไปเป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่เกือบ ๓๐ ปีที่แล้ว มีเนื้อที่ถึง ๒๗๐ กว่าไร่ เจ้าภาพปวารณาสร้างทุกอย่างให้หมด ขอให้ไปเป็นเจ้าอาวาสเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องกราบเรียนถามครูบาอาจารย์ ซึ่งพวกเราก็รู้อยู่แล้วว่าการถามพระ ถามพรหมเทวดา หรือถามครูบาอาจารย์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อถามแล้ว ท่านบอกว่า "อย่าไปให้เสียเวลา" กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ไป

    หลังจากนั้นไม่นาน บุคคลที่กระผม/อาตมภาพรู้จักมักคุ้นก็ไปเป็นเจ้าอาวาสที่นั่น ปรากฏว่า ๒ ปีเปลี่ยนเจ้าอาวาสไป ๓ รูป..! ก็แปลว่าแต่ละรูปอยู่ไม่ถึงปี เมื่อมีโอกาสจึงเรียนถามพรรคพวกเพื่อนฝูง ที่ไปเป็นเจ้าอาวาสแล้วก็หลุดกระเด็นออกมาว่า "เป็นเพราะอะไร ๒ ปีเปลี่ยนเจ้าอาวาสถึง ๓ รูป..!"

    เขาบอกว่าโยมท่านนั้นถวายที่ดินให้เป็นวัด แต่ก็เหมือนกับไม่ได้ถวาย เพราะว่าเข้ามาชี้นิ้วบงการ ให้เจ้าอาวาสเป็นไปตามที่ตนเองต้องการทุกอย่าง ประมาณว่าถวายแล้วยังไม่ขาด "ที่ดินของกู กูต้องมีอำนาจ" ในเมื่อเจ้าอาวาสท่านทนไม่ไหว ท่านก็เลยลาออกบ้าง โดนให้ออกบ้าง เพราะว่าโยมผู้นี้รู้จักเจ้าคณะใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดของการปกครองคณะสงฆ์ เมื่อถึงเวลาก็ไปแจ้งหลวงพ่อเจ้าคณะใหญ่ท่านว่า "พระรูปนี้ดื้อดึง ไม่เชื่อฟัง ขอให้เปลี่ยนตัวเจ้าอาวาสใหม่..!"

    กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่รู้สึกว่า "โชคดีที่กูไม่ไป เพราะว่าถ้ากูไป กูจะเป็นคนแรกที่โดนไล่ออกมา..!" นี่คือลักษณะของการให้ทานที่ขาดอุเบกขา
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,775
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +26,609
    ญาติโยมหลายท่านถวายสิ่งของให้กับทางวัด แล้วก็ตามไปเช็ค ตามไปตรวจสอบว่า พระท่านได้ฉันได้ใช้สิ่งที่ตนเองถวายไปหรือเปล่า ? แม้แต่กระผม/อาตมภาพเองก็โดน ประมาณว่าผ่านไปหลายปี มาถามว่า "ของชนิดนั้นท่านยังใช้อยู่หรือเปล่า ?" พอดีกระผม/อาตมภาพไม่ใช่คนที่รักษากำลังใจคน ก็เลยบอกไปตรง ๆ ว่า "ให้คนอื่นไปนานแล้ว" ส่วนเขาจะโกรธหรือไม่โกรธ จะมาทำบุญอีกหรือไม่มา นั่นเป็นเรื่องของเขา..!

    แม้แต่เรื่องของรถยนต์ที่มีญาติโยมปวารณาถวาย ข้อแรกที่กระผม/อาตมภาพขอกับผู้ถวายเลยก็คือ "ถ้าให้คนอื่นแล้วห้ามโกรธกัน" ดังนั้น..อาตมาก็เลยถวายรถให้กับวัดอื่นไปจนถึงปัจจุบันนี้ ๘ คันเข้าไปแล้ว..! ตัวเองเหลือเอาไว้คันเดียวแค่ที่ใช้งาน ของดีเกินไปประมาณรถเบ๊นซ์ บางท่านปวารณาถวาย กระผม/อาตมภาพบอกคืนเดี๋ยวนั้นเลย เนื่องเพราะว่าเถ้าแก่ใหญ่ท่านนั้น จะถวายรถเบ๊นซ์ S 500 กระผม/อาตมภาพถามว่ากินน้ำมันเท่าไร ? เถ้าแก่ตอบว่า "๓ กิโล/ลิตร" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "เอากลับไปเดี๋ยวนี้เลย อาตมาเลี้ยงไม่ไหว..!"

    ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ถ้าไม่คุยกันให้รู้เรื่อง บรรดาญาติโยมที่ขาดอุเบกขาในทานก็จะไปรบกวนพระอยู่เสมอ ไปตามจิก ตามกัด ตามคุ้ย ตามแคะว่า ข้าวของที่ตนเองถวายไปเมื่อชาติที่แล้วยังอยู่หรือเปล่า ? อาตมภาพรำคาญ ดังนั้น..บางคนให้มาต่อหน้า ก็ส่งต่อให้คนอื่นไปเดี๋ยวนั้นเลย..! ฝึกให้เขาทำใจเสียบ้าง

    หลายต่อหลายท่านที่เคยไปถวายข้าวของถึงกุฏิ ท่านก็คงไม่รู้สึกอะไร แต่บรรดาแม่ชีที่ไปทำความสะอาดกุฏิจะบ่นอยู่เสมอ เพราะว่าของถวายอยู่ตรงไหนก็กองอยู่ตรงนั้น หลายอย่างก็เน่าเสียหายหมด..! เมื่อแม่ชีบ่นมาก ๆ กระผม/อาตมภาพก็บอกว่า "ก็รับไว้ให้แล้ว บุญเขาได้แล้ว ส่วนเราจะกินจะใช้หรือไม่อยู่ที่เรา" แล้วอะไรที่อาตมภาพไม่ได้เป็นคนหามาเอง จะไม่จดจำอยู่ในหัวเลย

    ดังนั้น..การทำความสะอาดกุฏิแต่ละครั้ง
    กระผม/อาตมภาพจะรู้สึกดีใจมาก เพราะได้เงินหลายหมื่นบาททุกครั้ง..! เนื่องจากว่าปัจจัยที่รับมาจากการออกกิจนิมนต์ กระผม/อาตมภาพก็โยนกองเอาไว้แถวนั้นแหละ..! จนกว่าจะมีคนมาคุ้ยแคะแกะเกาให้ ค่อยเอามาลงบัญชีกันทีหนึ่ง รู้สึกรวยอยู่เหมือนกัน เพราะว่าถ้าได้มา ๑๐๐ บาท ๕๐๐ บาท หรือ ๑,๐๐๐ บาท ก็ไม่รู้สึกว่าเยอะ แต่ว่าถ้าได้มาหลายหมื่นบาทก็รู้สึกว่ามาก..!

    ดังนั้น..สิ่งที่ญาติโยมทั้งหลายถวายอาตมภาพมา ขอให้วางอุเบกขาแต่เนิ่น ๆ นอกจากตัวเองจะให้คนอื่นโดยวางอุเบกขาแล้ว ของที่รับจากคนอื่นก็ต้องทำใจอุเบกขาเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นแล้ว ถ้าของแค่นี้ยังคาใจของเราอยู่ ถึงเวลาเกิดแรงกระทบ ไปไม่พอใจหรือว่าโกรธพระภิกษุสามเณร เท่ากับว่าท่านหาเรื่องลงนรกเอง..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...