เรื่องเด่น เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน แร่ข้าวตอกพระร่วงแร่ศักดิ์สิทธิ์แห่งสุโขทัย

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 27 พฤษภาคม 2017.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    18664284_10213178545807920_3046448943896105968_n.jpg
    "ข้าวตอกพระร่วง" หรือ "หินข้าวตอกพระร่วง" คือหินมีมีลักษณะสี่เหลี่ยมมีความแกร่ง พบมากบริเวณเขา พระบาทใหญ่ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย ตำนานของสุโทัยมีกล่าวไว้ว่า ข้าวพระร่วง ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวเมืองสุโขทัยมาแต่ช้านาน ลักษณะรูปร่างสี่เหลี่ยมตามธรรมชาติ มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ตามตำนานเล่าขานต่อกันมาว่าเกิดจากวาจาสิทธิ์ของพระร่วงเจ้า ผู้ครองแคว้นสุโขทัยในสมัยก่อน ขณะทรงออกผนวชอยู่ที่วัดเขาพระบาทใหญ่ในวันตักบาตรเทโว เมื่อได้ฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ข้าวที่เหลือก้นบาตรท่านได้โปรยลงบนลานวัด และทรงอธิษฐานขอให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่ง พร้อมทั้งมีอายุยั่งยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน ด้วยอำนาจและอิทธิ์ฤทธิ์ของพระองค์ท่าน ข้าวนั้นก็กลายเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ และท่านคงอธิษฐานให้ผู้ที่วาสนากับท่านได้มีไว้ครอบครอง ในภายภาคหน้า

    ภายหลังมีการขุดค้นพบ และชาวบ้านต่างก็นำไปบูชา ต่างมีประสบการณ์กันมากในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิคุณโดดเด่นทางด้านถอนแก้พิษได้สารพัด ใช้พกตัวสามารถคุ้มครองป้องกันภัย แคล้วคลาดจากภยันตราย และยังเป็นเมตตามหานิยม อย่างเอกอุอีกด้วย

    ข้าวตอกพระร่วงนี้นอกจากตำนานทางสุโขทัยแล้ว ทางภาคเหนือก็มีตำนานกล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน โดยเรียกว่า "เป็ก" ซึ่งทางเหนือซือเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้มีไว้ครอบครองจะหวงแหนกันยิ่งนัก สรรพคุณเท่าที่ผู้เฒ่าผู้แก่บอกเล่ากันมา คือสามารถดับพิษและกันไฟ และเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่นิยมมีไว้ติดตัว เมื่อเดินทาง หรือเข้าป่า

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ท่านได้แจกแร่ข้าวตอกพระร่วงนี้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๘ และได้มีประกาศไว้ดังนี้ แร่นี้มีคุณสมบัติเท่าที่ทราบจากพระธุดงค์ที่เคยประสบมาคือ
    1.เมื่อจะใช้ท่านให้อาราธนาแล้วอมไว้ เดินทางตลอดวันไม่กระหายน้ำ
    2.พระธุดงค์อีกคณะหนึ่งแจ้งว่า เมื่อเดินธุดงค์เพื่อนเกิดท้องร่วง ไม่มียาจึงเสี่ยงเอาแร่พระร่วงใส่กาต้มน้ำแล้วเอาน้ำให้ฉัน พระองค์ที่ป่วยหายจากอาการท้องร่วงทันที
    3.เมื่อปี 2516 พระปลัดฉ่อง แห่งอำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท ได้ทำเป็นแหวนแจก ผู้รับไปจำชื่อไม่ได้ มีโจรเข้าปล้นควายโจรมีปืน เจ้าของคนเดียวมีมีดด้วยความเสียดายควายแม้จะเป็นคนเดียวและอาวุธไม่ดีก็ยอมเสี่ยงเข้าไล่โจร โจรยิงด้วยปืนพกและลูกซอง ปรากฏว่าไม่มีแผล เจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีอะไรอื่นเลยมีเพียงแร่พระร่วงเท่านั้น

    ตามตำนานเมืองสุโขทัยยังกล่าวว่า พระร่วงเจ้าวาจาสิทธิ์ได้ทำพิธีปลุกเสกข้าวตอกพระร่วงแล้ว หลังจากนั้นได้นำไปโปรยรอบๆ กำแพงเมืองสุโขทัยเพื่อความเป็นสิริมงคล หรืออย่างในสมัยพระนางจามเทวีก็ได้นำเอาแร่ชนิดนี้มาสร้างเป็น พระรอด พระคง พระเลื่อง พระลือ อันเป็นพระที่ดีทางคงกระพันด้วยกันทั้งสิ้น ในสมัยต่อมามีครูบาร์อาจารย์และผู้ทรงวิชาอีกหลายท่านนำเอาแร่เหล็กกายสิทธิ์นี้ นักรบสมัยก่อนยังนิยมแสวงหาข้าวตอกพระร่วงเพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องรางสำหรับพกติดตัวกันทั้งนั้น

    หินข้าวตอกพระร่วงที่นำมาให้บูชานี้ มาจากจังหวัดสุโขทัยโดยตรง และนำเข้าพิธีอีกครั้งหนึ่งโดยเกจิอาจารย์ เพื่อบอกกล่าวและเชิญเทพเทวดามาอำนวยความศักดิ์สิทธิ์และเพิ่มฤทธิ์ให้ เพราะวัตถุมงคลหรือธาตุกายสิทธิ์ก็ดี เมื่อครั้นจะนำมาบูชา ต้องทำพิธีบอกกล่าวหรือ บอกให้เจ้าของหรือเทวดารับรู้รับทราบเพื่อให้ท่านรับรู้และรักษาคุ้มครอง

    หินข้าวตอกพระร่วงนี้บูชาติดตัวเป็นยอดวัตถุมงคล ดีทางด้านคุ้มครอง ป้องกัน แคล้วคลาด กันแก้สิ่งไม่ดี คุณไสย์ มนต์ดำ ป้องกันถ่ายถอนพิษไข้ เสริมบารมีอำนาจ เป็นเมตตามหานิยม เป็นศิริมงคลยิ่งนัก
    ผู้เชี่ยวชาญทางด้านธรณีวิทยา ได้ตรวจสอบแล้วสรุปว่า แร่ที่ชาวบ้าน เรียกว่าข้าวตอก พระร่วงนี้ คือ แร่โลหะชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า "แร่ไพไรต์" นั่นเอง อีกชนิดหนึ่งมีลักษณะ คล้ายเม็ดข้าวสารฝังจม ปนอยู่ในหินแร่เหล่านี้ด้วย ชาวบ้าน เรียกว่า ข้าวสารพระร่วง ทั้งสอง ชนิดนี้เป็นที่นิยมกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดมีไว้ถือว่าเป็นสิริมงคล มีความสุขความเจริญด้วย โภคทรัพย์ต่าง ๆ นอกจากนั้นยังนิยม นำมาฝนกับ แผ่นกระเบื้องบดยาหยดน้ำลงไปด้วย ขณะที่ฝนแล้วนำน้ำนั้นมาทาบริเวณที่ถูกพิษแมลงสัตว์กัดต่อย เป็นต้นว่า ตะขาบ มด แมลงป่อง ก็จะหายจากอาการเจ็บปวดอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง ชาวบ้านนิยมนำมาดับพิษแมลงเวลาถูกต่อย จะใช้กันอย่าง แพร่หลายด้วยความศรัทราส่วนคนเฒ่าคนแก่ที่กินหมากนั้น จะนิยมนำข้าวตอก พระร่วงมาใส่ปนกับสีผึ้งทาปากตลับละหนึ่งถึงสองเม็ด เหตุที่ทำเช่นนี้เพราะเชื่อว่ามีเมตตา มหานิยมดี โดยเฉพาะเม็ดที่ติดกันชาวบ้านเรียกว่า "อมกัน" นิยมกันมากว่ามีเมตตามหานิยมมากยิ่งขึ้น
    และจากประสบการณ์ของผู้ที่ได้นำแร่นี้ไปบูชา จะพบกับความโชคดี มีโชคลาภ เมตามหานิยม แคล้วคลาด และยังสามารถนำไปฝนกับน้ำมะนาวใช้แก้พิษสัตว์กัดต่อยได้อย่างดีอีกด้วย

    ประสบการณ์ยังเกิดกับตัวผู้ที่บูชาอีกมามาย

    แล้วแต่เราจะอธิษฐาน

    คำบูชาข้าวตอกพระร่วง (ตั่งนะโม 3 จบ)

    สวด พะยะเก มะพะยะ

    หลังจากอธิษฐานจิตและได้สิ่งสมปรารถนาแล้ว ขอให้ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้ถึงพระร่วงเจ้าและข้าวตอกพระร่วง จะเจริญยิ่งขึ้นเป็นมงคลแก่ชีวิตตลอดไปขอสรรพศิริสุขสวัสดิ์ เจริญด้วยโภคา ธนาทรัพย์ ทุกท่านเทอญ

    ที่มาข้อมูล ศุนย์ท่องเที่ยว สวรรคโลก
     

แชร์หน้านี้

Loading...