เรื่องเด่น เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน พระพหุปุตติกาเถรีผู้ถูกบุตรธิดาทอดทิ้ง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 16 ตุลาคม 2017.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน พระพหุปุตติกาเถรีผู้ถูกบุตรธิดาทอดทิ้ง
    22519860_506797786343339_1132325757481188006_o.jpg
    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระพหุปุตติกาเถรี ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 115 นี้

    ครั้งหนึ่ง ในนครสาวัตถี มีตระกูลหนึ่ง มีบุตรชาย 7 คนและบุตรสาว 7 คน บุตรชายและบุตรสาวทั้ง 14 คนเมื่อเจริญวัยแล้ว ก็ได้แต่งงานและดำรงครอบครัวมีความสุขตามอัตภาพ ต่อมา บิดาของคนเหล่านั้นได้เสียชีวิตลง มารดาก็ยังเก็บสมบัติทั้งหมดเอาไว้โดยที่มิได้แบ่งให้แก่บุตรชายและบุตรสาวแต่อย่างใด บุตรชายและบุตรสาวทั้งหลายต่างต้องการมรดกจึงได้กล่าวกับมารดาว่า “จะมีประโยชน์อะไรที่แม่ต้องเก็บมรดกนี้ไว้ แม่ควรแบ่งมรดกให้แก่พวกเรา พวกเราก็จะช่วยกันคอยดูแลแม่” พวกบุตรชายและบุตรหญิงต่างช่วยกันพูดกรอกหูมารดาอยู่ทุกวัน จนฝ่ายมารดาเชื่อว่าพวกเขาจะเลี้ยงดูตน นางจึงตัดสินใจแบ่งมรดกทั้งหมดให้แก่บุตรและธิดา โดยที่มิได้เก็บส่วนใดไว้สำหรับตนเองเลย

    หลังจากที่ได้แบ่งมรดกกันไปเรียบร้อยแล้ว นางผู้มารดาก็ได้ไปอยู่กับบุตรชายคนหัวปีเป็นคนแรก ลูกสะใภ้คนโตได้บ่นว่า “คุณแม่มาอยู่กับพวกเราที่นี่ ราวกับว่าแบ่งมรดกให้เรา 2 ส่วน กระนั้นแหละ” เมื่อได้ยินลูกสะใภ้คนโตพูดกระแนะกะแหนอย่างนั้น นางก็ได้ออกจากบ้านบุตรชายคนโตไปอยู่ที่บ้านของบุตรชายคนรอง แต่ก็ต้องพบกับคำบ่นว่ากระแนะกระแหนแบบเดียวกันนั้น ไม่ว่าจะไปที่บ้านใคร จะเป็นบ้านบุตรชายและบุตรสาวคนไหน ทุกคนล้วนมีปฏิกิริยาแบบเดียวกันหมดคือไม่ประสงค์จะเลี้ยงดูนาง

    เมื่อนางถูกดูหมิ่นเช่นนี้ คิดว่า “เรื่องอะไรเราถึงจะไปอยู่ตามบ้านของพวกลูกๆเหล่านี้ เราควรออกบวชเป็นภิกษุณี” แล้วไปสู่สำนักของนางภิกษุณีขอบรรพชา ซึ่งนางภิกษุณีเหล่านั้นก็ไม่ขัดข้องได้ให้นางบรรพชาตามความปรารถนา เมื่อนางได้อุปสมบทเป็นภิกษุณีแล้ว จึงมีชื่อว่า “พหุปุตติกาเถรี(พระเถรีผู้มีบุตรมาก) นางมีความคิดว่า “เรามาบวชตอนแก่ เราไม่ควรประมาท” จึงใช้ความบากบั่นบำเพ็ญสมณธรรมตลอดคืนยังรุ่ง โดยนึกอยู่เสมอว่า “จักทำตามธรรมที่พระศาสดาทรงแสดง”

    พระศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎี ทรงแผ่พระรัศมีไปดังประทับนั่งตรงหน้า ตรัสกับนางว่า “พหุปุตติกา ความเป็นอยู่แม้ครู่เดียว ของผู้เห็นธรรมที่เราแสดง ประเสริฐกว่าความเป็นอยู่ 100 ปี ของผู้ไม่นึกถึง ไม่เห็นธรรมที่เราแสดง”

    จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 115 ว่า

    โย จ วสฺสสตํ ชีเว
    อปสฺสํ ธมฺมมุตฺตมํ
    เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย
    ปสฺสโต ธมฺมมุตตมํฯ

    ผู้ไม่เห็นธรรมอันสูงสุด
    ถึงมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี
    สู้ผู้เห็นธรรมอันสูงสุด
    มีชีวิตอยู่แค่วันเดียว ไม่ได้.


    เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง พระพหุปุตติกาเถรี ได้บรรลุพระอรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย.
     

แชร์หน้านี้

Loading...