เรื่องเด่น เรื่องรู้เลยตาย : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 19 มีนาคม 2017.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    17264653_1993123964248522_4729771116107046817_n.jpg


    ความจริงเรื่องรู้เลยตายหรือรู้ก่อนเกิดนี่ ฉันเองก็ไม่ค่อยอยากจะพูด และไม่อยากจะเชื่อถือนัก เพราะดูแล้วมันเลยธงไม่น้อยเลย แต่มาอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง คนเขียน ๆ เรื่องรู้เลยตายและรู้ก่อนเกิดไว้มากมาย เช่นรู้ว่าเมื่อสิ้นศาสนานี้แล้ว ไฟบรรลัยกัลป์จะไหม้ถึงภควพรหม ดูเรื่องมันมากมายนัก ฉันสงสัยว่ามันไฟอะไรจะดันไปไหม้แม้แต่เทวดาและพรหม ดูมันพิลึกพิลั่นเกินพอดี เมื่ออารมณ์สงสัยเกิดขึ้น ฉันก็อดที่จะอยากรู้ตามเป็นจริงไม่ได้ ในที่สุดคืนวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ ฉันนั่งคุมกรรมฐาน ความสงสัยเรื่องรู้เลยธงเกิดขึ้นมาขวางจิต จึงถามท่านผู้รู้ที่เป็นสัพพัญญูวิสัย ท่านทรงพยากรณ์ให้ทราบดังนี้

    ไฟล้างโลก และสิ้นศาสนา

    หลังจากกึ่งพุทธกาลไปแล้ว ๔,๐๐๐ ปี จะมีไฟล้างโลก ล้างแต่โลกมนุษย์เท่านั้น ไม่ลุกลามไปถึงเทวดา ท่านบอกว่า ความชั่วที่จะเป็นเหตุให้ไฟล้างนั้น เป็นผลของสัตว์ที่สร้างอกุศลกรรมมาก มารวมตัวกันอยู่ เป็นสมัยสัตว์นรกครองโลก มีแต่ความเร่าร้อน หาความสงบสุขไม่ได้ ความจริงแล้วมันเริ่มมีความเร่าร้อนตั้งแต่ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปีแล้ว จากนั้นไปพวกอธรรมเกิดมาก มีอำนาจวาสนามาก ทำให้ความสงบสุขไม่มี เพราะพวกอธรรมเป็นพวกเห็นแก่ตัว มากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม โลกจะร้าง ไม่มีต้นหญ้ากอไม้ แม้แต่น้ำในมหาสมุทรก็ไม่มี เมื่อครบ ๑,๐๐๐ ปี หลังจากนั้นแล้ว จะมีฝนใหญ่ตกลงในมนุษยโลก แม่น้ำและมหาสมุทรจะเต็มไปด้วยน้ำ พื้นโลกจะชุ่มชื้น ต้นหญ้าต้นไม้จะเริ่มงอกงามขึ้นเป็นลำดับ จนโลกทั้งโลกกลายเป็นป่าไม้

    เกิดแบบโอปปาติกะ

    หลังจากโลกที่เขียวชอุ่มไปด้วยต้นหญ้าใบไม้นั้น ทิ้งระยะนาน ๑ หมื่นปี สัตว์โลกเริ่มเกิด สัตว์และคนที่มาเกิดยุคต้นนั้นไม่ได้อาศัยบิดามารดาเป็นแดนเกิด มาเกิดแบบโอปปาติกะ คือมาเกิดด้วยอำนาจกรรม คือเป็นตัวตนขึ้น จะยังไม่มีพระอาทิตย์พระจันทร์ส่องแสง มีแสงสว่างเกิดจากอำนาจบุญของแต่ละบุคคล คือมีแสงสว่างออกจากตัวเองเป็นสำคัญ เรื่องอาหารนั้นในระยะแรก ยังไม่ต้องการอาหาร มีความอิ่มด้วยธรรมปีติ

    เพราะแต่ละคนที่มาเกิด ล้วนแล้วแต่มาจากเทวดาหรือพรหมเท่านั้น ไม่มีสัตว์นรกหรือเปรตเจือปน โลกจึงเต็มไปด้วยความสุข หาความทุกข์ไม่ได้ นอกจากกฎธรรมดา คือความเสื่อมของสังขาร เรื่องการทะเลาะยื้อแย่งไม่มี คนทุกคนเป็นคนสวยหมด มีผิวขาวเหลือง เนื้อละเอียดทั้งหญิงและชาย มีแต่คนรวย ไม่มีใครจน มีแต่คนใจบุญ ไม่มีใครใจบาป

    พระศรีอาริย์มาตรัส

    เมื่อโลกมีมนุษย์และสัตว์บริบูรณ์ มีดวงจันทร์ดวงอาทิตย์แล้ว ระยะเวลานับแต่มีสัตว์โลกเกิดในโลก เวลาล่วงมาได้ล้านปี คนสมัยนั้นมีอายุครองตนเองได้ ๔ หมื่นปีเป็นอายุขัย ท่านว่าตอนนั้นพระศรีอาริย์จะมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้า เขตที่ท่านลงมาตรัส สมัยปัจจุบันเรียกว่าเขตเมืองพม่า

    คณะคอยพระศรีอาริย์

    คนกลุ่มหนึ่งที่บำเพ็ญบารมีคอยพระศรีอาริย์ตามปฏิญญาที่ให้ไว้หลายพุทธสมัยนั้น ท่านหัวหน้าทรงพระนามว่า "โกสีห์" จะสร้างเมืองแถวด้านเหนือของเมืองพม่า เรียกว่า "เชียงตุง" ในปัจจุบัน ให้ชื่อเมืองว่า "สีหนคร" รวบรวมลูกหลานทั้งหมดมาร่วมบำเพ็ญกุศล และเป็นอุปัฏฐากใหญ่ของพระศาสนา ในที่สุดก็นิพพานหมด

    คนเกิดสมัยนั้น

    ท่านว่าศาสนาของท่านนั้นมีผลดังนี้
    ๑. คนสวยทุกคน มีผิวเหลือง เนื้อละเอียด คนแก่ที่สุดมีทรวดทรงเท่ากับคนอายุประมาณ ๒๐ ปีเศษสมัยนี้เท่านั้นเอง อายุคนสมัยนั้นท่านว่ามีอายุถึง ๔ หมื่นปีเป็นอายุขัย
    ๒. สมัยของท่าน ไม่มีคนจน มีแต่คนรวย มีต้นไม้สารพัดนึกอยู่ในที่ทุกสถาน สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ที่มีจิตใจชั่วร้าย ยังไม่มีโอกาสเกิดในสมัยของพระองค์ ท่านที่จะไปเกิดนั้น ต้องเป็นเทวดาหรือพรหมเท่านั้น โลกจึงมีแต่ความสุข ไม่มีตำรวจทหาร มีแต่พ่อบ้านแม่เรือน
    ๓. การสัญจรไปมาก็สะดวกสบาย ไปทางไหนก็พายตามน้ำ
    ๔. คนเข้าถึงธรรมทุกคน ท่านว่าคนที่เจริญสมถะมีฌานหรือมีวิปัสสนาญาณบ้างพอสมควร จะเข้าถึงธรรมาภิสมัยได้โดยฉับพลัน คือเป็นพระอริยเจ้า

    คนที่ได้อริยะต้นแล้ว จะเข้าถึงอรหัตผลได้โดยฉับพลัน คนที่ทำบุญไว้น้อย คือฟังคาถาพัน และปฏิบัติตามแต่ไม่สมบูรณ์ อย่างต่ำก็เข้าถึงไตรสรณาคมน์ อย่างสูงก็ได้อริยะ ที่เป็นอย่างนี้เป็นเพราะท่านบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขย กำไรแสนกัป ท่านบำเพ็ญบารมีมาก คนเลวจึงเข้าแทรกแซงในศาสนาของพระองค์ไม่ได้ น่าเกิดจริงนะ

    เรื่องกระจุ๋มกระจิ๋มอย่างนี้ เขียนไว้ให้อ่านเล่น จริงหรือไม่จริง ไม่มีผลที่จะพิสูจน์ได้ด้วยตำรา ต้องอาศัยฌานและญาณช่วยจึงจะทราบผลแน่นอน ถ้ามีวิริยะอุตสาหะแล้ว ไม่ช้าก็พากันมีความรู้ที่จะพิสูจน์ได้ ฟังแต่อย่าเชื่อและอย่าเพิ่งปฏิเสธ จนกว่าเราจะมีฌานและญาณพอจะพิสูจน์ได้

    หลวงพ่อพระราชพรหมยานมหาเถระ วัดท่าซุง อุทัยธานี
    พิมพ์โดยThamma Sukkho จากหนังสือ "ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑๒" หน้าที่ ๓๔ - ๓๘
    https://www.facebook.com/groups/146338939112916
     
  2. jikkiijang

    jikkiijang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    215
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +335
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. kedkaew

    kedkaew สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +5

แชร์หน้านี้

Loading...