เรื่องราว

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย รสมน, 18 ธันวาคม 2011.

  1. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    คุณของการฉันอาหารน้อย
    ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้.
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเที่ยวจาริกไปในกาสีชนบท พร้อม
    ด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย
    มาว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราฉันโภชนะ เว้นการฉันในราตรีเสียทีเดียว และ
    เมื่อเราฉันโภชนะเว้นการฉันในราตรีเสีย ย่อมรู้คุณคือความเป็นผู้มีอาพาธน้อย
    มีโรคเบาบาง กระปรี้กระเปร่า มีกำลังและอยู่สำราญ แม้ท่านทั้งหลายก็จงมา
    ฉันโภชนะ เว้นการฉันในราตรีเสียเถิด ก็เมื่อเธอทั้งหลายฉันโภชนะ เว้นการ
    ฉันในราตรีเสีย จักรู้คุณคือความเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคเบาบาง กระปรี้-
    กระเปร่า มีกำลัง และอยู่สำราญ ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
    อย่างนั้น พระเจ้าข้า.​


    วิญญาณ คือ สภาพธรรมที่เป็นจิต วิญญาณ ก็คือ จิต เมื่อเป็นจิต วิญญาณ จึงเป็น
    สภาพรู้ และวิญญาณเกิดขึ้นและดับไป เพราะเป็นสภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งครับ
    โดยทั่วไป ความเข้าใจทั่วไปย่อมเข้าใจว่า เมื่อสัตว์ตายไป วิญญาณย่อมออกจากร่าง
    ไป นี่แสดงให้เห็นครับว่า การเข้าใจคำว่า วิญญาณไม่ถูกต้องและไม่ตรงตามสัจจะความ
    จริง เพราะวิญญาณที่เข้าใจนั้น เหมือนสิ่งที่เป็นรูปธรรมที่เคลื่อนย้าย ถ่ายเทออกไปจาก
    ร่างกายได้ครับ แต่ในความเป็นจริง วิญญาณ คือ สภาพธรรมที่ เป็นจิต จิตไม่สามารถ
    เคลื่อนไหว ออกจากร่างได้ เพราะอะไรครับ เพราะจิตเกิดขึ้นและดับไป เกิดขึ้นที่วัตถุ
    รูป คือ เกิดที่ ตา หู จมูก ลิ้น กายและหทยรูป เกิดขึ้นที่ไหน ก็ดับที่นั่น จิตจึงไม่มีการ
    เดินทาง ไม่มีการเคลื่อนไหวได้เลยครับ เมื่อเราเข้าใจตรงนี้ วิญญาณ หรือ จิต จึงไม่
    ได้ออกจากร่างเมื่อสัตว์นั้นตาย เพียงแต่ คำว่า สัตว์นั้นตาย คือ จุติจิตเกิดขึ้น ทำหน้า
    ที่เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้(ตาย) เมื่อยังมีกิเลสอยู่ จุตินั้นดับไป เป็นปัจจัยให้เกิด
    ปฏิสนธิจิต(การเกิด) เกิดต่อทันที จึงไม่มีจิต หรือ วิญญาณออกจากร่างกาย แต่สำหรับ
    ร่างกายนั้น ก็ไม่มีจิตเกิดขึ้นอีกครับ ดังนั้น คำว่า จิต หรือ วิญญาณออกจากร่าง กับ ไม่มี
    จิตเกิดขึ้นอีกที่รูปร่างกายนั้น จึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะ สัจจะ ความจริง ก็คือ
    ไม่มี จิต หรือ วิญญาณ เกิดขึ้นที่รูปร่างกายนั้นอีก แต่ไม่ใช่ มีจิต หรือ วิญญาณ เคลื่อน
    ย้าย เป็นรูปร่างที่เป็นรูปธรรมออกจากร่างไปครับ เพราะ จิต หรือ วิญญาณเป็นนามธรรม
    ไม่มีรูปร่าง ไม่มีการเคลื่อนไหว ย้ายจากร่างเลยครับ จิตเกิดขึ้นที่ไหน ก็ดับที่นั่นครับ
    สมดังพระพุทธพจน์ที่ว่า
    พระศาสดาประทับยืน ณ ที่เหนือศีรษะของเธอ ตรัสว่า" ภิกษุ กายของเธอนี้ มี
    วิญญาณไปปราศแล้ว หาอุปการะมิได้ จักนอนบนแผ่นดิน เหมือนท่อนไม้" ดังนี้
    แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า
    "ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน. กายนี้
    มีวิญญาณไปปราศ อันบุคคลทิ้งแล้ว, ราวกับ
    ท่อนไม้ไม่มีประโยชน์ฉะนั้น."

    ในทางธรรมแล้ว เมื่อจุติจิตเกิดขึ้นและดับไป สำหรับผู้ที่มีกิเลส ปฏิสนธิจิตก็เกิดต่อ
    ซึ่ง อาจจะสงสัยว่า ปฏิสนธิจิต หรือ วิญญาณจะเข้ามาในร่างหรืออย่างไร คือ เข้ามาใน
    ครรภ์ หรือ ขณะที่กำลังผสมพันธุ์ที่ทำโคลนนิ่ง วิญญาณก็วิ่งเข้ามา
    ตามที่กล่าวแล้วครับ วิญญาณ คือ จิต ซึ่ง จิตเกิดขึ้นและดับไป เกิดที่ไหน ดับที่นั่น
    จิต จึงไม่มีการเดินทางไม่มีการเคลื่อนไหว จิต หรือ วิญญาณ จึงไม่มีการออกจากร่าง
    เมื่อตาย ตามที่ได้อธิบายในข้อ1 ครับ และ จิต หรือ วิญญาณ ก็ไม่มีการเข้าร่าง หรือ
    วิ่งเข้ามาในครรภ์มารดา เพียงแต่ อาศัย ครรภ์มารดา เป็น ปัจจัย โดยเป็นอุตุ ทำให้
    เป็นปัจจัยให้รูปอื่นๆที่เกิดในครรภ์นั้น ค่อยๆเจริญขึ้นครับ แต่ปฏิสนธิจิตที่เกิดขึ้น ก็
    ไม่ได้วิ่งเข้ามา แต่เกิดแล้วในขณะนั้น ก็ต้องเข้าใจครับว่า วิญญาณ หรือ ปฏิสนธิจิต
    เป็นนามธรรม จึงมองไม่เห็นและเกิดขึ้นและดับไป แต่เมื่อปฏิสนธิจิตเกิด ก็มีรูป ทีเกิด
    จากกรรม เกิดขึ้นด้วย เช่น ภาวรูป กายปสาทรูปและหทัยรูป เกิดขึ้นและก็เจริญเติบโต
    รูปอื่นๆก็อาศัย ครรภ์มารดา หรือ อาศัย สารเคมีในการทำโคลนนิ่ง เจริญเติบโตต่อไป
    ครับ ดังนั้น จึงใช้คำว่า วิญญาณ หรือ ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นและดับไป แต่ไม่ใช่ ปฏิสนธิ
    จิต หรือ วิญญาณ วิ่งเข้ามาในครรภ์มารดาครับ เพราะ จิต เคลื่อนไหวไม่ได้ครับ
    ยกตัวอย่างในเรื่องประเด็นที่คิดว่า มีวิญญาณ วิ่งเข้าในร่างกาย ในครรภ์ หาก ลอง
    ถามดูครับว่า หากเราใส่เหรียญลงไปในกล่องทึบ ปิดฝา แล้ว ให้คิดถึง หรือ ส่งใจไปใน
    เหรียญนั้น ถามว่า นึกได้ไหมครับ นึกได้ อะไรทำให้นึก ก็เพราะจิตคิดนึกของเรา ที่จำ
    เอาไว้ว่ามีเหรียญอยู่ข้างในใช่ไหมครับ แล้วถามว่า จิตของเราที่คิดนึก เข้าไปทางไหน
    ของกล่อง คำตอบคือ ไมได้เข้าไปในกล่อง หรือเป็นวิญญาณที่เป็นรูปร่าง วิ่งเข้าไปใน
    กล่อง จึงเห็น แต่เพราะอาศัยการคิดนึก ตรึกในสิ่งที่จำ จิตเกิดขึ้น ก็นึกได้ว่ามีเหรียญ
    ในกล่อง ทั้งๆที่ จิต หรือ วิญญาณก็ไมได้วิ่งเข้าไปในกล่องเลยครับ ฉันใด วิญญาณ
    หรือ จิต ก็ไมได้มีวิ่งเข้าไปในครรภ์ ในร่างกายเมื่อเกิด แต่ ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น โดยอาศัย
    เหตุปัจจัยต่างๆ จึงมีการเกิดขึ้นของปฏิสนธิจิต โดยปฏิสนธิจิต หรือ วิญญาณไมได้วิ่ง
    เข้าไปสู่ครรภ์เลยครับ ดั่งพระนาคเสนและพระยามิลินท์ สนทนากันในประเด็นเรื่องนี้
    พระเจ้ามิลินท์ ตรัสถามว่า
    ดูก่อน พระนาคเสน สัตว์-บุคคล เมื่อจะเข้าถือปฏิสนธิในครรภ์มารดา...เข้าทางไหน.?
    พระนาคเสน ทูลตอบว่า ขอถวายพระพรหาเป็นเช่นที่พระองค์ตรัสถามไม่.
    ม. ถ้าเช่นนั้น...พระคุณเจ้าจงยกตัวอย่างมาเปรียบเทียบ.
    น. ขอพระองค์ จงทรงส่งพระราชหฤทัยเข้าไปนึกถึงแก้วแหวนเงินทอง ที่อยู่ในหีบนั้น.
    ม.ส่งเข้าไปแล้ว.
    น.ขอถวายพระพร พระองค์ทรงส่งเข้าไปทางไหน.?
    ม.หามีช่องทางให้ส่ง "จิต" เข้าไปไม่.!แต่เป็น จิตคิดนึกถึงแก้วแหวนเงินทองในหีบนั้น
    ก็เพราะว่า จิตหมายรู้ตามที่ได้ประจักษ์ (เคยเห็น-จำได้) มาก่อน.
    น. ฉันใด ก็ฉันนั้นสัตว์-บุคคล เมื่อจะเกิดในครรภ์ของมารดานั้น มีแต่ "จิต" ที่เรียกว่า
    "ปฏิสนธิจิต" หรือ "ปฏิสนธิวิญญาณ"ซึ่งพร้อมด้วย ปัจจัยต่าง ๆ ในขณะที่เกิดในครรภ์
    มารดาเช่นเดียวกับ อาการที่พระองค์ทรงคิดถึงแก้วแหวนเงินทองในหีบนั้นซึ่งขณะ
    นั้น......หาได้มีช่องทางหนึ่งช่องทางใดสำหรับการถือ "ปฏิสนธิจิต" ในครรภ์มารดาไม่.




    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ




    ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างฐานพระทันใจ วัดผาเด็ง ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
    <!-- google_ad_section_end --><?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    เชิญร่วมบุญครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าออกกรรมฐาน จิตตวิสุทธิกรรมส่งท้ายปีเก่า
    <!-- google_ad_section_end -->081-822-2500
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอเรียนเชิญท่านที่สนใจเข้า<WBR>ร่วมอบรมพลังแม่เหล็ก รุ่นที่ 48

    (
    ไปเช้า-เย็นกลับ, ไม่เสียค่าใช้จ่าย)

    กำหนดการอบรม

    วันเสาร์ที่ 24 ธ.ค. 2554

    เวลา 08.00 น. - 17.00 น. (มีอาหารกลางวันเลี้ยง)

    ณ. บ้านภูกฤษณ์ มีนบุรี

    ประโยชน์ที่จะได้รับจากการอ<WBR>บรม คือ สามารถใช้ในการรักษาโรคให้ก<WBR>ับตัวเองและผู้อื่นได้

    ผู้สนใจกรุณาสำรองที่นั่งแล<WBR>ะสอบถามเส้นทางได้ที่

    1.
    คุณพร Mobile. 086-8196145
    2.
    คุณกร Mobile. 087-0168331

    ***
    ด่วน !!! รับจำนวนจำกัด ***

    สิ่งที่ต้องเตรียมมา

    1.
    พวงมาลัยมะลิ พวงใหญ่ จำนวน 1 พวง
    2.
    พวงมาลัยดาวเรือง พวงใหญ่ จำนวน 1 พวง

    หมายเหตุ : เส้นทางไปสถานที่อบรมคร่าวๆ<WBR> คือ จาก ถ.สุขาภิบาล 3 วิ่งตรงไปจนสุดถนน ถึงไฟแดงแยกมีนบุรี
    เลี้ยวขวา ประมาณ 150 เมตร ถึงไฟแดงเลี้ยวซ้ายแยกที่เข<WBR>้าไปหนองจอก ประมาณ 50 เมตร ทางขวามือ
    จะมี ซอยราษฎร์อุทิศ 2 เลี้ยวเข้าซอย ตรงเข้าไปก็ถึงครับ
    <o:p> </o:p>
    พระไตรปิฎก Download พระไตรปิฏก<o:p></o:p>
    <HR style="COLOR: white" align=center SIZE=1 width="100%" noShade>
    <INS><SCRIPT language=JavaScript src="http://a.admaxserver.com/servlet/ajrotator/818517/0/vj?z=admaxasia2&dim=280733&pid=f9495e6b-a541-414e-932e-d0ad5d5e6065&asid=b2a78f01-1304-47c3-8524-8df944047e53"></SCRIPT></INS><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625";/* 300x250, created 21/07/09 */google_ad_slot = "6922411748";google_ad_width = 300;google_ad_height = 250;//--></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></SCRIPT><INS>Download
     

แชร์หน้านี้

Loading...