เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอน พระร่วงโรจนฤธิ์แผ่อำนาจไปเมืองจีน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 10 มิถุนายน 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอน พระร่วงโรจนฤธิ์แผ่อำนาจไปเมืองจีน
    [​IMG]
    จาก หนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน (พิเศษ)

    ต่อมาท่านบอกว่า มีนายพรานป่าไปพบเด็กชายที่เขาหลวงเข้า เกิดชอบใจก็เก็บเอาไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมเพราะท่านไม่มีลูกท่านก็รักเด็กมาก ต่อมาพระอภัยได้อำนาจกลับมาแล้วก็เกณฑ์ชาวบ้านไปสร้างปราสาท พรานคนนี้ก็ถูกเกณฑ์ไปด้วย จึงเอาเด็กน้อยไปด้วย ขณะทำงานก็เอาเด็กไปนอนไว้ในที่ร่มที่ปราสาทยังสร้างไม่เสร็จมีร่มเงา ก็เกิดเหตุอัศจรรย์ปราสาทโอนไปเอียงมาเหมือนมีลมแรงพัดหวั้นไหวไปทั้งหลัง พระยาอภัยจึงรีบสั่งให้เอาตัวนายพรานเข้ามาถามว่า เอาเด็กนี้มาจากไหน พรานตอบว่า ได้มาจากเขาหลวง ท่านถามว่าเด็กชายคนนี้มีอะไรเป็นสัญลักษณ์ พรานก็ตอบว่า มีผ้ากำพลกับแหวน พระยาอภัยเห็นก็จำแหวนกับผ้ากำผลได้ก็ทราบว่าเป็นพระราชโอรส จึงขอนายพรานว่า ขอเด็กชายคนนี้เถิดฉันจะเลี้ยงไว้เป็นลูกบุญธรรมของฉัน นายพรานแกรักเกือบตาย พระราชาขอแกก็ต้องให้ พระราชาก็ประทานบ้านส่วยให้นายพรานร่ำรวยขึ้น ต่อมาพระยาอภัยก็ให้นามเด็กชายว่า “อรุณกุมาร” และมเหสีองค์ใหม่ก็ประสูติราชโอรสมาอีกองค์หนึ่งให้นามว่า “ฤทธิกุมาร” พี่น้อง ๒ คนนี่รักกันมาก ต่อมาอรุณกุมารก็มีนามว่า “พระร่วงโรจน์ฤทธิ์” ฤทธิกุมารมีนามว่า “พระลือ” พระร่วงกับพระลือ ๒ พี่น้องต่อมา พระลือได้มาครองเมืองนครสวรรค์ และพระร่วงโรจน์ฤทธิ์ได้อภิเษกกับราชธิดาเจ้าเมืองศรีสัชนาลัย ก็ครองเมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งเป็นเมืองเดิม แสดงว่าตั้งแต่เหนือจรดใต้มีคนไทยอยู่เต็ม เป็นเมืองย่อย ๆ เขาก็เรียก ละว้าบ้าง ละโว้บ้าง ละเว้บ้าง ตามเรื่องตามราวเป็นอันว่ามาปกครองเมืองศรีสัชนาลัยได้นามว่า พระร่วง ไม่ช้าคงเป็นพระหล่น พระองค์ทรงสร้างมหาวิหาร ๕ ทิศ สร้างพระพุทธรูปหน้าพระมหาธาตุ (พระมหาธาตุคือเจดีย์ใหญ่) คือสร้างพระพุทธรูปไว้หน้าเจดีย์องค์ใหญ่ สร้างพระระเบียง ๒ ชั้น ไปดูที่ศรีสัชนาลัยเวลานี้ แถวใกล้ ๆ วัดเจดีย์ ๗ แถวน่ะ เอาศิลาแลงมาทำเป็นกำแพง มีเสาโคมรอบมหาวิหาร เอาทองแดงมาทำพระขรรค์ยาว ๘ ศอกครึ่ง เอาแก้วประดับที่ยอด ๑๕ ใบ มีบังลังก์แท่นรองด้วยยอดใหญ่ ๙ กำ ทองคำอย่างดี ๑๐ ชั้น หุ้มทองแดงขลิบขนุน ลงมาถึงตีนคูหาสร้างพระอุโบสถ สร้างวิหาร เจดีย์ ที่ต้นรังให้ชื่อว่า “วัดเขารังแร้ง”

    พระร่วงโรจน์ฤทธิ์ทรงอานุภาพยิ่งใหญ่ เขาว่ายังงั้น ประเทศน้อยประเทศใหญ่พากันมาสวามิภักดิ์ เกิดทีไรขยายอาณาเขตทุกทีนะ พออายุได้ ๔๐ ปี ได้ช้างเผือกงาดำ และเขี้ยวงูใหญ่เท่าผลกล้วยเป็นคู่บารมี

    ช้างเผือกงาดำนี่ ท่านผกาพรหมบอกว่า ส่งมาจากพรหม นี่ใครอย่าเอาไปเป็นประวัติศาสตร์นะ เขาเล่าให้ลูกให้หลานฟัง คนอื่นอย่าเสือกนะ อย่าเสือกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าตามโบราณท่านว่ามายังไงก็ว่าไปตามโบราณ

    สมัยพระร่วงโรจน์ฤทธิ์มีหนังสือไทยใช้ เพราะพระองค์มีหนังสือส่งไปยังมอญ พม่า ขอม เชิญเขามาร่วมงาน ลบศักราช คือศักราชเขาตั้งผิดน่ะ การลงศักราชนี่ก็นิมนต์พระมา ๕๐๐ รูป มีพระพุฒโฆษาจารย์แห่งวัดเขารังแร้งเป็นประธาน

    ต่อมาพระร่วงกับพระลือได้เสด็จไปเมืองจีนเป็นวาระแรก โดยไปเรือยาว ๘ วา กว้าง ๔ ศอก ใช้เวลา ๑ เดือนถึงเมืองจีน ทำสัมพันธไมตรีกันดีมาก พระเจ้ากรุงจีนได้ถวายราชธิดามีนามว่า พระสุทธิเทวีราชธิดา ให้เป็นเอกอัครมเหสีของพระร่วงด้วย (นี่แหละนาเกิดคราวไรไม่ค่อยพ้นลูกสาวเจ๊กเสียที ก็เพราะมีเชื้ออยู่นี่เอง) ก่อนกลับเมืองไทยพระเจ้ากรุงจีนได้ผ่าตรามังกร (ตราประจำพระราชสำนักจีน) เอาส่วนหางให้ราชธิดามาด้วย เวลาส่งสาสน์ก็ประทับตราส่วนที่ผ่ามานั้นไปจะได้รู้กัน และให้ชาวจีน ๕๐๐ คนมาด้วย มาตั้งเตาทำถ้วยชามที่ศรีสัชนาลัยนั่นเอง เขาเรียกว่า “เตาทุเรียง” (ไม่ใช่เตาทุเรียนนะ) เป็นอันว่าชาวจีนได้เข้ามาอยู่เมืองไทยคราวนั้นเป็นครั้งแรก
    ที่มา http://palungjit.org/threads/เพียง๑๐๐บาทร่วมบุญปิดสมเด็จพระพุฒาจารย์โต๖๙นิ้ว.548123/
     

แชร์หน้านี้

Loading...