เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอน พระยายมราชสอบสวนพระโพธิสัตว์

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 18 พฤษภาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอน พระยายมราชสอบสวนพระโพธิสัตว์
    [​IMG]
    เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๘-๒๕๒๙ เรื่องผีและไสยศาสตร์มีมาที่วัดท่าซุงมาก เพราะหัวหน้าผู้ใช้วิชานี้ สามารถเข้ามาอิงแอบที่วัดนี้ ด้วยทำตนเป็นสาธุชน ก็พยายามสนับสนุนเพื่อให้กลับตนเป็นคนดี แต่ทว่าไม่มีใครทำตะกั่วให้เป็นทองคำฉันใด ฉันก็ไม่สามารถทำคนเลวให้เป็นคนดีได้ ในที่สุดเขาก็ร่วมมือกับคนภายนอกทเรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอนำร้ายฉัน วิธีทำร้ายก็คือ..

    เมื่อฉันป่วยเขาพยายามมาเยี่ยมและเอาผีมาด้วย หวังให้ยึดครอบงำฉัน เมื่อไม่สำเร็จก็เอาผีบังคับหมาให้หมาของฉันคอยขวางหน้าขัดขาให้ฉันล้ม ถ้าฉันล้มเมื่อไรตอนนั้นผีจะเข้าคุมฉัน เป็นอันว่าฉันต้องตาย และเขาก็ร่วมกันวางแผนกับเพื่อนของเขา จะเข้ามาควบคุมทรัพย์ของวัดที่ท่านสาธุชนทำบุญมา ในที่สุดเขาจะหาทางเอาทรัพย์ที่พอจะเป็นเงินได้หมดแล้ว เขาก็จะยึดวัดเป็นกองบัญชาการของเขา เขาเป็นใครไม่ควรรู้

    วันหนึ่งฉันนอนป่วยอยู่ที่สวนทองหลางที่ "อาศรมแม่ใหญ่" เห็นผีมายืนอยู่ด้านทิศเหนือ ตรงวิหารร้อยเมตรเวลานี้ ขณะนั้นยังไม่ได้ซื้อเป็นที่ของวัด มายืนเรียงรายกันประมาณ ๑๐ คนเศษ เธอเข้าเขตวัดไม่ได้ ฉันเห็นแล้วคิดในใจว่า ผีประเภทนี้ถ้าถอยหลังไป ๔๐ ปีเศษฉันจับมัดเฆี่ยน แล้วมัดไว้เลย

    แต่ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ ท่านพ่อ ท่านแนะนำว่าผีพวกนี้มีทุกข์คนเขาใช้คาถาบังคับมา เธอไม่ได้เต็มใจทำอย่าลงโทษเธอเลย ขอให้ช่วยเธอปลอดภัยดีกว่า จึงหวังช่วยเธอ คณะท่านมหาราชปล่อยเธอปลอดจากคาถา ให้เป็นอิสระไม่ต้องอยู่ในอำนาจเขาอีก พวกเธอดีใจมาก เข้ามากราบขอส่วนบุญ ก็อุทิศให้เธอ เธอบอกความจริงหมด ใครใช้มามีความประสงค์อะไร

    เรื่องไปลงเอยเอาว่าเขาหาว่าฉันขัดขวางเขาในการยึดประเทศไทย เพราะมีศิษย์มาก ทำให้เขาสร้างความแตกแยกในหมู่คนไทยมาก ถ้าไม่เข้าใจเขาว่าทำไมจึงต้องคิดอย่างนั้น การใช้ผีมาเพื่อทำร้ายคนในวัดนี้และคณะ เขาใช้เกิน ๒๐ ครั้ง เมื่อไม่สำเร็จเขาก็ใช้ไสยศาสตร์ทำตะปูมา และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย จนถึงเผารูปหุ่นในสวนทองหลาง มะพร้าวตายไปหนึ่งต้น ผลงานของเขาก็ไม่สำเร็จวิชาอย่างนี้ ถ้าเราไม่กลัวและไม่ลืมพุทโธ ไม่มีใครเป็นอันตราย

    วันนี้ ๑๒ กันยายน ๒๕๓๑ เขียนมาแล้วรู้สึกว่า จะขาดต้มยำไป เลยชืด ๆ ไม่เปรี้ยวไม่เค็ม เพราะขาดเรื่องของนิมิต ในเมื่อไม่มีอะไรปรากฏก็ไม่มีอะไรบันทึก แต่บังเอิญมีตอนเช้าตรู่ ๔.๐๐ น. เศษ ออกไปเดินเล่น (จงกรม) หลังจากเดินเล่นแล้วเข้าที่นอนเวลา ๕.๔๐ น. แต่ไม่ได้นอนหลับ เก็บเครื่องนอนแล้วก็ไปล้างหน้า กินยาธาตุ

    เห็นว่าพอมีเวลา เพราะเป็นนาฬิกาบอก ๖.๐๐ น. จึงเอนกายลงนอน จับ "อานาปา" พอจับปับจิตก็ใสปุบ จึงขยับออกจากที่นอน นั่งสูงกว่าที่นอนนิดหนึ่ง ใช้ภาพละเอียดปล่อยภาพหยาบไว้ที่เดิม เอาภาพละเอียดออกไปใช้ไปเห็นเทวดาและนางฟ้าที่ท่านช่วยอารักขา มีมากมายจึงยกมือพนมแล้วกล่าววาจาขอบคุณท่าน ที่ทุกท่านเมตตาให้การสงเคราะห์อารักขา ตามที่โบราณท่านพูดว่ามีเทวดารักษาตัวนี้มีจริง

    เวลานั้นกายละเอียดมีเครื่องแบบ ท่านท้าวมหาราชท่านอยู่ใกล้ที่สุด มีท่านเวสสุวรรณเป็นหัวหน้า ปกติท่านแต่งกายเหมือนมนุษย์ธรรมดา เมื่อท่านเห็นกายละเอียดมีเครื่องแบบทุกท่านเลยมีเครื่องแบบหมดทุกท่านสวยงามมาก เห็นท่านย่าและแม่ของลูกทุกคนและลูกอีกมากมาย ต่างคนต่างนั่งติด ๆ กันไปมากเหลือเกิน เมื่อกล่าววาจาขอบคุณทุก ๆ ท่านแล้ว ถามท่านเวสสุวรรณว่า วันรุ่งขึ้นมีศัตรูไหม ? ท่านตอบว่า ไม่ซิ..!

    ถามท่านว่า ในวัดนี้จะมีพระหรือคนภายใน ภายนอกทำให้เดือดร้อนไหม ท่านบอกว่า ไม่มี แต่พวกที่โลภในลาภยังมีใจไม่ปกติ อย่าปล่อยให้เหลิงจะมีภัยได้ พยายามหาทางระงับ ถ้ามีจังหวะให้เตือนให้ทราบ เพราะบางคนมีความโลภเป็นปกติ บางคนมีอารมณ์หวั่นไหวเป็นปกติ จงระงับด้วยเมตตา แต่ถ้าดื้อก็กำจัดออกไปเสีย ท่านบอกให้ ก็รับฟังและคอยดูกันต่อไป

    คิดว่าคงไม่มีใครเลวอีกบางคนทำซ้ำ ๆ บ่อย ๆ คิดว่าคงกลับตัวกลับใจได้แล้วทั้งหมด ถ้าไม่กลับตัวกลับใจก็คงอยากกลับบ้านเดิม ท่านบอกต่อไปว่า มีนักบวชภายนอกมันคอยจับผิดเพราะริษยา แต่ไม่เป็นไร เราถือว่าเราทำถูกตามความเป็นจริงที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน ก็หมดเรื่องกัน ถูกเรายอมรับ ผิดเราปฏิเสธ หมายถึงเขาทำถูกมา แต่ถ้าเขาทำผิดมาเราก็ไม่ยอมเลวไปด้วย พวกเลว ๆ พอหาได้กระมัง

    ต่อมาท่านย่าเตือนเรื่องการใช้ยา เพราะลดยาระบายจึงรู้สึกไม่สบายอีก ท่านให้ใช้ยาตามเดิมไปก่อน เมื่อยังดีไม่พอไม่ควรลดยา ให้สังเกตอาการของโรคและร่างกายไว้ด้วย เมื่อถามท่านเวสสุวรรณและท่านย่าบอกว่า วันที่ ๑๓ นี้มีแขกมากไหม ท่านบอกว่ามีไม่กี่คน เมื่อคุยกันจบกำลังจะชวนกันไปไหว้พ่อและไหว้พระก็พอดีสองลุงมาถึง

    ท่านชวนว่า ไปบ้านผมเถอะวันนี้มีการสอบสวนคนจะบรรลุพระโพธิญาณ คิดในใจว่า พระโพธิสัตว์ย่องลงนรกอีกแล้วหรือ เห็นนาฬิกา ๖.๑๐ น. เลยชวนท่านลุงทั้งสองที่นุ่งโสร่งเก่าแบบภาคภูมิชวนท่านว่า งานดูการสอบสวนเอาไว้ก่อน ไปไหว้พระกันก่อน ลุงตกลงไปด้วย ตอนนี้โสร่งหายมีเครื่องแบบเก๋ไม่น้อย แต่งตัวเหมือนท้าวมหาราช

    เมื่อไปถึงดาวดึงส์เข้าไหว้ท่านพ่อ ท่านพ่อท่านบอกว่าไปที่ประชุมใหญ่กันเถอะ ท่านสหัมบดีพรหม คอยอยู่แล้ว ไปที่ตรงนั้นพร้อมกันหมดทั้งพรหม เทวดาพระโพธิสัตว์เข้าไปไหว้ท่านทุกองค์ ท่านสหัมบดีพรหมกล่าวคำขอบใจ เทวดา นางฟ้า ที่ช่วยอารักขาและตรัสแนะนำเล็กน้อย เพราะเวลามีน้อย จึงเข้าไปหา พระศรีอาริย์ และ หลวงพ่อปาน

    หลวงพ่อปานท่านเตือนเรื่องการกินยา ท่านบอกว่า อย่างเพิ่งลดยาเลย ลองลดได้แต่ถ้ามีปฏิกิริยาผิดปกติให้ใช้เท่าเดิมทันที หลังจากนั้นก็ชวนกันทั้งหมดไปไหว้พระ พระท่านขอบใจเทวดาและพรหมที่ช่วยอารักขาลูก ท่านแนะนำพอสมควรแล้วก็พาลากลับ เมื่อกลับมาถึงที่อยู่ ก็ประชุมกันเพื่อไปบ้านลุง เป็นอันว่าไปด้วยกันหมด พระท่านมาท่านบอกว่า ฉันไปด้วย เพราะคนนี้เป็นพระโพธิสัตว์บารมีต้น ความรอบคอบยังน้อยแต่มีความเข้มแข็งดี

    ลุงจึงนำหน้าไปบ้านท่าน ภาพต่าง ๆ เป็นไปตามเดิม มีคนยืนเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ตามที่เขียนมาแล้วในตอนต้น จะได้รู้ละเอียดขืนเขียนอีกก็เมื่อยมือ สร้างความรำคาญให้แก่ผู้ที่อ่านมาแล้ว พวกจะลงนรกสอบสวนง่าย ถามอะไรก็พูดไม่ได้ ถามเรื่องบาปก็นิ่ง ถามเรื่องบุญก็นิ่ง พวกนี้เขาจูงไปนรกต่อหน้านับร้อย ต่อมาได้ยินเสียงลุงพูดว่า เอาพระโพธิสัตว์เข้ามา ผิวคลํ้าร่างกายใหญ่หน้าผากกว้างรูปร่างสมส่วน เมื่อเจ้าหน้าที่พาเข้ามาแล้ว พนักงานสอบสวนถามถึงบาปท่านผู้นี้ตอบได้ฉาดฉานชัดถ้อยชัดคำ

    ๑. เมื่อเขาถามถึงปาณาติบาต ท่านรับว่า ได้เคย ตกปลา ดักลอบ ดักไซ ดักลัน ทอดแห ลงข่าย เชือดไก่หนึ่งตัว เป็ด ๑ ตัว
    ๒. เขาถามถึงอทินนาทาน ท่านตอบว่าไม่ได้ทำ
    ๓. เขาถามถึงกาเมสุมิจฉาจาร ท่านตอบว่า มี ๓ คน เพราะเขาเหงา เขามาหาท่านเพื่อให้บรรเทาความเหงา ท่านก็สงเคราะห์ไปสามคน ๆ ละหลายรอบ
    ๔. ถามถึงมุสาวาท ท่านบอกว่า โกหกแน่เพราะชอบสาวโสดวัยรุ่น ต้องโกหกจึงจะมีผล
    ๕. ถามถึงสุรา ท่านบอกว่ากิน

    รวมความกลัวบาปทุกประเภทที่ทำมา ทำมาถึงอายุ ๔๐ ปีจึงหยุด เพราะสลดใจ จึงเริ่มทำบุญ ท่านบอกว่า เมื่อเริ่มทำบุญก็เลิกบาปทั้งหมด บูชาพระ เจริญภาวนา รักษาศีลห้าและกรรมบถ ๑๐ ถวายสังฆทานเป็นปกติ เมื่อ ๔ ปีที่แล้วมา ได้ไปเจริญสมาธิที่วัดท่าซุง ตั้งใจระงับใจทุกอย่างจากบาป ได้ถวายสังฆทาน ๕ ครั้งอุทิศส่วนกุศลให้สัตว์ที่ฆ่าขอให้อโหสิกรรมตามที่ท่านแนะนำ

    เขาถามว่าปรารถนาพุทธภูมิเมื่อไร ท่านบอกว่า เมื่อเจริญกรรมฐานพอไปสวรรค์ได้เป็นต้นไป เห็นพระพุทธเจ้าแล้วอยากเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง จึงปรารถนาพุทธภูมิ

    เมื่อเจ้าหน้าที่สอบสวนเสร็จลุงเรียกมาพบ ท่านขอให้ยืนยันเรื่องบาปและบุญ ท่านผู้นี้พูดได้คล่องและชัดเจนมาก ลุงเรียกเป็ดมาเป็นพยาน เป็ดยืนยันว่าคนนี้จับเชือดคอแกงกินกับเหล้า เพื่อเลี้ยงเพื่อนลุงเรียกไก่ตัวแรกเข้ามาเป็นไก่ตัวผู้เธอยืนยันเหมือนเป็ดไก่ตัวที่สองเข้ามา เธอบอกว่าเธอมีลูก ลูกเธอมีขนเต็ม คนนี้เชือดเธอแกงเลี้ยงเพื่อนกินเหล้า ไก่อีกสองตัวให้การเหมือนกัน มีปลาเข้ามาเยอะ ลุงบอกว่าพอแล้ว

    ท่านถามเขาว่า เธอใจดุร้ายรักเพื่อนมากกว่าตัวเธอ เวลานี้เธอจะต้องลงนรก เพื่อนไม่ยอมมาลงด้วย ท่านผู้นั้นน้ำตาร่วงก้มหน้า และพูดเบา ๆ ว่า ผมทำบุญอุทิศให้สัตว์ทั้งหมด ขอให้อโหสิกรรมและขอให้ท่านเป็นพยานให้ผมแล้วนี่ครับ ลุงถามสัตว์พวกนั้นว่า อโหสิกรรมให้เขาหรือเปล่า เธอบอกว่าอโหสิกรรมแล้ว

    ลุงบอกว่า ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องลงนรกไปสวรรค์ได้ตามบุญ เธอจะไปชั้นดุสิตเพราะเป็นพระโพธิสัตว์หรือจะไปชั้นดาวดึงส์ เธอตอบว่าชั้นดุสิตยังเข้าไม่ได้เพราะกำลังบารมียังอ่อน ขอไปดาวดึงส์ตามกำลังของบุญ ต่อมาลุงให้ออกมาคุยกัน ท่านแนะนำพอสมควรแล้วก็ปล่อยให้ไปดาวดึงส์ พอดีถึงเวลาเด็กขึ้นมารับเลยต้องพักเท่านี้

    ชายคนนี้ตายเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๓๑ บ้านอยู่ทางทิศเหนือไม่ไกลภูเขานัก ฐานะพอทำพอกิน แต่กำลังใจเรื่องบุญความเด็ดเดี่ยวมีมาก
    ที่มา http://palungjit.org/threads/เพียง๑๐๐บาทร่วมบุญปิดสมเด็จพระพุฒาจารย์โต๖๙นิ้ว.548123/
     

แชร์หน้านี้

Loading...