เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอน ท้าวโกสีสักกะเทวราชเสด็จมาโปรดคนไทย

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 5 มิถุนายน 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอน ท้าวโกสีสักกะเทวราชเสด็จมาโปรดคนไทย
    [​IMG]
    จาก หนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน (พิเศษ)

    ฉะนั้นท้าวโกสีสักกะเทวราชคือพระอินทร์ เห็นพระเจ้าพังคราชกับบรรดาประชาชนชาวไทยอดอยากมานาน เพราะกรรมเก่ามันลงโทษ และเห็นว่าบุคคลคณะนี้แม้ว่าจะเป็นทาสเขา เขาจะไล่เขาจะดี แต่การไหว้พระ การภาวนา การเจริญพระกรรมฐานยังคงเป็นไปตามปกติ และทุกคนยังมีจิตเผื่อแผ่สงเคราะห์กันในด้านสังคหวัตถุ คือมีอะไรก็ให้กันมีวาจาไพเราะเป็นที่รักซึ่งกันและกัน ช่วยกันทำงานทุกอย่าง ไม่ถือตัวถือตน คนดีอย่างพระเจ้าพังคราช หรืออำมาตย์ราชวงศ์ต่าง ๆ ไม่ถือตัวว่าเป็นจ้าว ทำตนเสมอกัน แต่งตัวเสมอกัน ไม่มีใครดีใครเด่นกว่ากัน ทรัพย์สินที่มีอยู่ก็ปันส่วนกัน รวบรวมกำลังกัน ไม่อิจฉาริษยาซึ่งกันและกันทั้งหมด เห็นไหม เขาดี คนมีศีล มีธรรม และกรรมเก่าที่ให้ผลสลายตัวไปแล้ว ก็ทำให้พระอินทร์ทรงทราบว่า เวลานี้พระเจ้าพังคราช และคนไทยที่เป็นนักบุญกำลังลำบากมาก จึงแปลงกายเป็นเด็กน้อยอายุประมาณ ๑๒ ปี ออกมาจากป่าใช้ใบไม้นุ่งเป็นผ้าเป็นเสื้อแทน ทำเงอะงะเซอะซะเข้าไปหาพระเจ้าพังคราช ทีแรกบรรดาประชาชนทั้งหลายเขากันไว้ แต่พระเจ้าพังคราชบอกอย่ากัน จะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม เราถือว่าเป็นคนเหมือนกัน เราจะต้องอยู่ร่วมกันได้ พอเด็กนั้นเข้ามาหาพระเจ้าพังคราชแล้วก็แนะนำว่า

    "แร่เพรียงไฟ มีอยู่ตรงโน้น ในป่าลึกเลยกว๊านพะเยาไปนิดหน่อย อยู่บนยอดเขา"
    "ดีบุก มีอยู่ที่นั่น"
    "แร่ทองแดงอยู่ตรงนี้"
    "สารปากนกแก้ว มีอยู่ที่นั่น"
    แล้วเด็กคนนั้นก็พาไปดู ให้ขุดลงไป พบแล้วก็ชี้ว่า นี่เขาเรียกแร่เพรียงไฟ อันนี้เรียกดีบุก นี่เรียกทองแดง นี่เรียกสารปากนกแก้ว เอาส่วนต่าง ๆ มาผสมกันสารปากนกแก้วใช้ ๑ ใน ๔ ของแร่เพรียงไฟ ดีบุก แร่ทองแดงซึ่งใช้อย่างละเท่า ๆ กัน หลอมในเตาธรรมดา ๆ หลอมให้ดู ทำอุปกรณ์แบบย่อม ๆ ให้ดูว่าทำแบบนี้ หลอมแบบนี้เมื่อหลอมแร่เพรียงไฟ ดีบุก แร่ทองแดง อย่างละเท่า ๆ กันดีแล้ว ก็เอาสารปากนกแก้ว ๑ ใน ๔ ของแต่ละอย่างใส่ลงไป ได้เป็นทองคำ ๑๐๐% เด็กนั้นทำให้ดู ทุกคนยิ้มหน้าใส ตั้งกะทะใบใหญ่ ๆ เป็นกลุ่ม ๆ ทำกันมาก ๆ ตามโคนต้นไม้ แต่ว่าเด็กน้อยนั้นบอกว่า ต้องไปทำตามถ้ำตามป่าหลบไปทำ อย่าให้ขอมดำมันเห็นเป็นอันขาด มิฉะนั้นจะเสียผล ทุกคนก็ปฏิบัติตามนั้น

    คราวนี้ทองคำอุ่นหนาฝาคั่ง ทองคำ ๒๐ ชั่ง ทำเสร็จภายใน ๑ เดือน นอกนั้นเอาไปขาย เดินไปขายกันยันประเทศอินเดียโน่น สายใต้ก็เดินไปขาย เป็นอันว่าความอุดมสมบูรณ์เกิดขึ้นสำหรับคนไทย เพราะอาศัยความดีที่มีศีล ๕ บริสุทธิ์ เพราะเด็กคนนั้นบอกว่า ต้องมีศีล ๕ บริสุทธิ์จึงจะทำทองได้ พวกร่อนก็ร่อนไป พวกทำก็ทำไป ทั้งผู้หญิงผู้ชาย

    เมื่อมีทรัพย์สินอุดมสมบูรณ์แล้วก็เริ่มปลูกบ้าน พวกทำทองก็ทำไป ปลูกบ้านอยู่กันเป็นกลุ่ม ๆ มีหัวหน้ากลุ่มที่เรียกว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สำหรับพระเจ้าพังคราชประชาชนเขาก็บังคับว่า ให้ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ ห้ามไปยุ่งกับงานของชาวบ้าน พระองค์ก็บอกว่า ท่านทั้งหลาย เราจนด้วยกัน เราลำบากด้วยกัน ทำไมมากีดกันแบบนี้ แต่เอาละเมื่อทุกคนต้องการให้ฉันเป็นกษัตริย์ ฉันก็จะเป็น แต่ต้องเป็นกษัตริย์แบบพ่อคน พี่คนหรือน้องคน ไม่ใช่กษัตริย์แบบนายคน เอาเปรียบคน อันนี้ไม่เป็น และต้องมีอิสระไปไหนไปได้ ช่วยทำอะไรก็ช่วยได้

    บรรดาประชาชนทั้งหลายเขามีความดี เขายอมรับ แต่เขาก็มีกฎบังคับว่า ถ้าพระองค์จะลงไปร่อนทองหรือทำทองต้องได้รับอนุญาตจากประชาชนก่อน นี่เห็นจะเป็นประชาธิปไตยแท้ ไม่งั้นท่านทำงานเรื่อย บางทีหนาว ๆ ทองอยู่ในน้ำท่านก็กระโดดลงไปก่อนนำคน นี่เป็นผู้นำแท้ ตอนนี้ทำทองได้แล้วเด็กที่มาแนะนำก็หายไปแล้ว การแบ่งของกันก็ให้เสมอกัน คนเอาทองไปขายก็ไม่มีค่าจ้างรางวัล คนร่อนทอง นำทองทั้งหมดเอาของมารวมกัน แล้วแบ่งปันเสมอกัน นี่ลูกรักคนไทยสมัยนั้นนะ

    พระเจ้าพังคราชก็เริ่มอยู่บ้านใหญ่ มีห้องโถงกว้าง แต่ไม่ถึงกับท้องพระโรง ประชาชนเขาปลูกให้ ทำด้วยไม้ เป็นที่ประชุมกัน พระองค์ออกตรวจตอนเช้า กลางคืน บางทีดึก ๆ ก็ออกตรวจตามหมู่บ้านต่าง ๆ มีอำมาตย์ ข้าราชบริวาร ถืออาวุธตามไปด้วยพร้อมที่จะห้ำหั่นใครก็ตามที่มาโกงคนไทย เพราะเจ้าขอมดำเข้ามาโกงบ่อย ๆ ดีไม่ดีมันขึ้นไปค้นบ้านเจอะอะไรมันก็เอา ถ้าขอมมาน้อยก็แสดงว่า ขอมหายไปเลย เก็บเงียบ ถ้าของมามากในเขตไทย ก็ไม่มีใครทำอันตรายขอม

    แต่พอเข้าเขตขอมลึกเข้าไปสัก ๒-๓ กิโลเมตร จะถูกธนูอาบยางน่องตาย (ยางน่องเป็นยางไม้ชนิดหนึ่ง ใช้ทาปลายธนู หน้าไม้ ถ้ายิงไปถูกแล้ว มีเลือดออกนิดเดียวก็ตาย) การริดรอนกำลังของขอมดำทำแบบนี้เป็นปกติ ถ้ามา ๙–๑๐ คน นั่นขอมหายไปเลยเป็นปุ๋ยต้นไม้ นี่การปราบเขาปราบกันแบบนี้ สำหรับคนไทยที่ไม่ดีที่ประจบสอพลอก็ต้องหายไปเลยเหมือนกัน นี่วิธีการแบบนี้ยังใช้ได้ตลอดกาลตลอดสมัยในเมื่อโลกยังตั้งอยู่ ถ้าเรารักความเป็นไทละก็ต้องทำแบบนี้
    จะมาปล่อยให้พูดปาว ๆ แล้วก็ยอมกลัวเขาหงอ ไม่ทันจะตีเลยยอมแพ้แล้ว เรื่องการรบไม่จำเป็นว่ากำลังมากจะชนะกำลังน้อย ดูตัวอย่างสงครามอินโดจีน เรามีกำลังน้อย อาวุธน้อย เราก็ชนะอินโดจีนได้

    นี่เป็นอันว่า เรื่องอุปาทานแห่งการแพ้น่ะ อย่าให้มีในใจลูก ถ้าเรากลัวเมื่อไรเราแพ้ แต่ถ้าเราไม่กลัวซะอย่างเดียว และใช้ปัญญา ความสามารถ ใช้ความไม่ประมาทคำว่าแพ้จะไม่มี ดูสมัยพระนเรศวรชนะพม่าซิ เรามีกำลังพลเท่าไร และพระเจ้าตากสินสามารถกู้ชาติไทยไว้ได้ มีกำลังพลแค่ ๕ พันคน พม่าเขามีกำลังพลเท่าไร ทำไมเราจึงกู้ชาติของเราได้ แล้วทำไมต้องไปกลัวญวน เวลานี้คนไทยที่รักชาติมี ๔๐ ล้านคนเศษ คนไทยขายชาติทำลายชาติมีไม่กี่คน วิธีปราบก็ต้องปราบแบบพระเจ้าพังคราชปราบขอมดำหรือปราบคนไทยทรยศตามที่กล่าวมา คือ ปล่อยเขาไปเมืองผีซะ เก็บเงียบ เก็บเล็กเก็บน้อยแบบนี้ ทำไมเขาทำกันไม่ได้น่ะ นี่พ่อไม่ได้หมายความว่า ยุให้เขาฆ่ากันนะ พูดถึงวิธีการเป็นนักรบ เป็นคนรักชาติ “ถ้าเรารักชาติ ทำไมต้องไปกลัวคนเลวมันจะตาย”

    ตอนนี้ในเทป ใช้เพลงย่ำค่ำมอญ เป็นเพลงแสดงความรื่นเริงของคนไทย ที่ทำทองได้ มีความสุข เพราะพระอินทร์ ตอนนี้ลูกรักของพ่อขึ้นไปทูลถามปู่นะว่าความจริงเป็นอย่างไร
    ที่มา https://www.facebook.com/groups/1448182172142345/1456129444680951/?notif_t=group_comment
     

แชร์หน้านี้

Loading...