เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอน ขุดทรัพย์วัดสามกอ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 13 พฤษภาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอน ขุดทรัพย์วัดสามกอ
    [​IMG]
    วัดสามกอนี่ อยู่ติดกับวัดบ้านแพน เรียกว่าใกล้ๆ กับวัดบางนมโคนั่นเอง ไม่ไกลหรอก ห่างกันประมาณสักกิโลเศษๆ วัดสามกอเขาลือกันว่ามีทรัพย์ ชาวบ้านเขาลือกันว่าบางวันก็เห็นเป็ดเงินเป็ดทองออกมาเดินเล่น คือเป็ดนี่สีมันเป็นเงินเป็นทอง เวลากลางคืนนะ มันเดินเล่นพระก็เคยเห็น พอเดินเล่นแล้วสังเกตดูก็หายเข้าไปที่หลังโบสถ์ เรียกว่าตรงหลังโบสถ์ออกไปห่างประมาณ 1 วา เป็ดก็หายลงไปตรงนั้น เรื่องเป็ดเงินเป็ดทองของวัดสามกอนี่ รู้กันทั่วๆ ไป ชาวบ้านแถวนั้นในสมัยนั้นรู้กันทั่วไป เป็นที่เล่าลือกัน เมื่ออาตมาบวชแล้วก็มีเพื่อนคนหนึ่งชื่อพระพวง เวลานี้ตายไปแล้ว พ่อเจ้าประคุณนี่ไม่ได้สนใจอะไรมาก สมถวิปัสสนาทำเหมือนกัน แต่เห็นว่าแกจะทำแต่เป็นเพียงพิธีไอ้เรื่องเอาดีทางสมถวิปัสสนานี่แกไม่สนใจนัก การศึกษาพระปริยัติธรรมก็เหมือนกัน แกก็เอาแค่พอไปได้ กันชาวบ้านเขาว่า แต่ที่ต้องการความดี ก็คือ 1 งานก่อสร้าง เรื่องงานก่อสร้างนี่พระพวงไม่ขี้เกียจ แล้วก็เป็นคนชอบสวยชอบสะอาด จัดว่าเป็นราคจริต นอกจากนั้นก็มีจิตรักในวิชาไสยศาสตร์ ไอ้คำว่าวิชาไสยศาสตร์นี่น่ะ ไม่ใช่พุทธศาสตร์นัก แกไม่ได้เรียนโดยตรงจากหลวงพ่อปาน เพราะวิชาเลวๆ แบบนี้หลวงพ่อปานไม่สอน มีในตำราก็เยอะ มีดี และสำคัญมาก แต่ว่าไม่สอนใคร ถ้ามันเป็นโทษ พ่อเจ้าประคุณพระพวงนี่แกก็ไปหาที่อื่นซีในเมื่อหลวงพ่อปานไม่สอนให้ แกก็หาที่อื่น เป็นอันว่ามีวิชา หมอวิชาอะไรต่ออะไรของแกเยอะ ทำเลข ทำยันต์ ทำตะกรุดพิสมรว่าไปตามเรื่องแต่ว่าวิชาสำคัญมีวิชาหนึ่ง ขับผีแล้วก็ขุดทรัพย์ แกบอกว่าทรัพย์มีที่ไหน อาจารย์เขารับรองเลยว่าใช้วิธีกรรมของแกแล้ว ต้องใช้ได้ ต้องขุดได้ ผีกลัว ตกลงกัน อ้อ ไม่ใช่ตกลง นี่เล่าประวัตินะ ใช้คำว่าตกลงมันไม่ถูก ทีนี้วันหนึ่งก็มีคนเขาพูดเรื่องเป็ดเงินเป็ดทองวัดสามกอ แกก็นั่งหลับตาปี๋ตามพิธีกรรมของแก แกดูแล้วเห็นว่าโบสถ์วัดสามกอด้านหลัง หลังโบสถ์คือหลังพระประธานมีทรัพย์มาก แกก็ชวนบรรดามิตรสหายทั้งหลาย อาตมาก็สมัครไปกับเขาด้วย อยากจะไปดูเขาขุดทรัพย์ แต่ความจริงในใจก็รู้เหมือนกันว่าที่นั่นมีทรัพย์มีทองมาก แต่ทว่าการขุดคราวนี้ มีความรู้สึกทางใจว่าไม่มีผล แต่ว่าพ่อเทวดาพวกแกรับรองว่าการขุดคราวนี้ต้องได้ผลแน่นอน ก็เลยไปดูกับแก ขอยืมเรือของคนที่มารักษาโรค เป็นเรือสัมปั้นขนาดใหญ่ที่เขาค้าของสวน ชาวบ้านแถวนั้นเขาเรียกกันว่า เรือสวน เป็นเรือ 2 แจวขนาดใหญ่ มีประทุน มีพระไปด้วยกันสัก 7 องค์เห็นจะได้ แน่แล้ว 7 องค์ทั้งอาตมา ไอ้ชุดของเขาจริงๆ 6 องค์อาตมาเป็นนักสังเกตการณ์เป็นองค์ที่ 7 เมื่อเรือไปถึงวัดสามกอแล้วก็เอาเรือไปจอดในคลองของวัดสามกอ มันเป็นคลองเล็กๆ มีกอไผ่ทั้งสองข้าง แล้วก็บรรดาคณาจารย์ทั้งหลายพร้อมด้วยอาตมาก็ขึ้นไป มีพระองค์หนึ่งสมัครใจ ชื่อว่าพระแพ สมัครใจเฝ้าเรือ ไม่อยากจะขึ้นไป แกจะกลัวผีหรือยังไงก็ไม่ทราบ เมื่อแกอยู่ในเรือ แล้วอีก 6 องค์เขาก็ขึ้นไป 5 องค์เขาก็ทำพิธีกรรมวงสายสิญจน์ เรียกว่าตั้งท่าตั้งทางเยอะ น่าเสียดายสมัยนั้นไม่มีเครื่องบันทึกเสียง โองการต่างๆ ของเขามากมาย ถ้ามีเครื่องบันทึกก็จะบันทึกไว้ มันก็แปลกดีเหมือนกัน เพราะไม่เคยเห็น ของเขาก็มีผลดีขณะที่ทำอยู่นั่นปรากฏว่าเดือนหงายมีอากาศสว่าง ประเดี๋ยวดาวทั้งหมดหาย พระจันทร์หาย มืดครึ้มคล้ายฝนจะตก เสียงลมพัดอย่างหนักเสียงอู้อ้าซู่ซ่า คึกคักคล้ายๆ กับคนวิ่งเป็นร้อยๆ คน แล้วเขาก็เลยเอาข้าวสารซัดลงไป ข้าวสารหว่านลงไป อาการอย่างนั้นมันก็หายไป เมื่อหายไปแล้วเขาบอกว่าพิธีกรรมสำเร็จแล้ว ลงมือขุดได้ ข้างบนก็ขุดกัน พระก็ขุด ขุดันใหญ่อยู่หลายองค์ พักใหญ่ลึกลงไปประมาณ 1 เมตร ก็ปรากฏว่าเจอแผ่นหินและแผ่นปูนซีเมนต์นี่แหละเป็นแผ่นใหญ่ปิดอยู่ ก็พยายามขุดตามแผ่นหินไปถึงตามริมๆ แล้วก็งัดขึ้นมา ข้างล่างแทนทีจะเป็นทรัพย์ พบตุ่มใหญ่ แต่กลายเป็นกระดูกผีป่นๆ ทั้งหมด เอามาดูแล้วไม่เป็นเงินไม่เป็นทองเลย ตุ่มเบ้อเร่อเป็นตุ่มแดง ตุ่มมอญน่ะ ตุ่มดิน ดูแล้วเป็นพระดูกผีป่นๆ ทั้งหมด เวลาที่ทำงานกันเห็นจะสิ้นสัก 2 ชั่วโมง เมื่อทำงานเสร็จไม่ได้ทรัพย์ก็กลับเรือ พอมาถึงที่เรือจอดปรากฏว่าเรือไม่มี ไม่รู้ว่าพ่อเจ้าประคุณพระแพแกเอาเรือไปไว้ไหน ก็ต้องเดินกลับ ทางเดินไม่ไกลนัก พอเดินกลับมาถึงวัด ก็ปรากฏว่า อีตอนที่ไปล้างเท้าที่หน้าวัด เห็นเรือลำนั้นมาจอดอยู่แล้ว ประทุนบู้บี้บุบบิบหมดก็สงสัย นี่มันเป็นยังไง แล้วก็พระแพไปไหน ก็เดินเข้าไปตามหาพระแพ ปรากฏว่าพระแพไปนอนคลุมโปงครางอยู่ ครางอ๋อยเลย แสดงถึงความเจ็บปวดมาก ตอนกลางคืนก็ปล่อยไป พอตอนเช้าก็ไปพยาบาลรักษากันตามหน้าที่ของนักขุดทรัพย์สำหรับอาตมาน่ะ ทำอะไรกับเขาไม่ได้หรอก เป็นนักสังเกตการณ์เฉยๆ พระพวงเขาก็ปัดเขาก็เป่า บอกว่าไอ้ผีที่เราขับมันน่ะ มันมาเล่นพระแพ เวลาขึ้นไปลืมเอาสายสิญจน์วงรอบเรือเข้าไว้ มันจะได้ทำอันตรายพระแพไม่ได้เมื่อพระแพแกบรรเทาอาการเจ็บป่วยก็ถาม ได้ความยังงี้ คือว่าในขณะที่บรรดาคณะทั้ง 6 องค์ขึ้นไปขุดทรัพย์ ขุดแล้วหรือยังไม่ขุดก็ไม่ทราบ ปรากฏว่าอากาศครึ้ม เมื่ออากาศครึ้มแล้ว พออากาศสว่าง ไอ้ใบต้นไผ่ทั้งสองฟากคลองเล็กๆ มันโอนเข้าหากันประสานกัน แล้วมีเจ้าผีตัวใหญ่ตัวหนึ่งมันก็วิ่งอยู่บนนั้น ถือกระบองยาว ตัวใหญ่มาก วิ่งไปวิ่งมาวิ่งมาวิ่งไป พระแพแกก็นึกว่าเจ้าผีนี่ท่าทางมันจะโดดลงมาแน่ แกก็เลยถอดหลักแจวตั้งท่า คิดว่าถ้ามันลงมาจริงๆ ก็ต้องตีกันละ รายนี้ไม่ต้องใช้คาถานะใช้หลักแจว ใช้หลักแจวเป็นอาวุธ เมื่อมันวิ่งไปวิ่งมาแกก็ตั้งท่าคอยตี ก็พอดีเดี๋ยวหนึ่งมันกระโดดปึ้บลงมาบนหลังคาเรือ บนประทุนเรือ อีคราวนี้เอง ข้างผีก็มีกระบอง พระแพก็มีหลักแจว ก็เลยนวดกัน ตีกันเป็นการใหญ่ ตีไปตีมาต่างคนต่างหลบ ต่างคนต่างไม่มีใครถูกอาวุธ อาวุธของแต่ละฝ่ายไปถูกหลังคาเรือ หลังคาเรือก็เลยพงยับเยิน เป็นอันว่าเมื่อหลวงพ่อป่านทราบ ความจริงท่านทราบตั้งแต่ตอนก่อน ตั้งแต่กำลังเริ่มแล้ว แต่ว่าท่านไม่พูด มาตอนสาย คือว่าตอนบ่ายๆ ท่านก็มาหา คือว่ามาเยี่ยมพระแพ ถามว่าแพเป็นยังไงเล่า ได้ทองเท่าไรมาแบ่งฉันบ้างซี พระแพก็ไม่พูดอะไร ยกมือไหว้แล้วก็ขออภัยที่ทำงานต่างๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต ท่านก็ยิ้ม แล้วถามว่าอาจารย์ใหญ่เขาไปไหนล่ะ ไปตามเขามาซิ อาจารย์พวงน่ะ ก็ไปตามพระอาจารย์พวงมา แล้วก็ตามคณะทั้งหมดที่ร่วมงานไปด้วยกันท่านก็เลยบอกว่าเป็นพระแล้วทำไมทำใจเลวอย่างนี้ล่ะ นี่ไม่ใช่ใจของพระนะ จิตใจอย่างนี้มันเป็นจิตใจของสัตว์นรก พระน่ะเขาบวชมาเพื่อตัดโลภะ โทสะ โมหะ แต่พวกเราบวชเข้ามาแล้วสะสมโลภะความโลภ โทสะความโกรธ โมหะความหลง อย่างนี้ถ้าตายแล้วก็ไปลงนรกหมด ไอ้เจ้าลิงดำนี่ก็เหมือนกัน แน่ะ หันมาเล่นไอ้เจ้าลิงดำเข้าอีก ไอ้เจ้าลิงดำนี่ก็สำคัญนัก ไม่เอากับเขาหรอกแต่ไปสังเกตการณ์ ความจริงเอ็งก็รู้แล้วใช่ไหมว่าเขาทำไม่ได้ จึงกราบเรียนว่าทราบขอรับ ว่าทำไม่ได้ แล้วทำไมไม่ห้ามปรามเพื่อน ก็กราบเรียนท่านว่า อยากจะดูสมรรถภาพขอรับ เขาคุยว่าเขาเก่ง ถ้าไปห้ามเขาเสียแล้วเขาจะหาว่าเป็นการยับยั้งสมรรถภาพ คือความเก่งกาจของเขา ผมก็อยากจะดู ท่านก็เลยบอกว่า ดีเหมือนกัน แต่ว่าทีหลังถ้าใครเขาจะไปทำอะไร ถ้าพวกเรารู้ละห้ามๆ เขาเสียหน่อยนะ นี่แกไม่ได้ห้ามนี่ แกเสริมตูดเลย ก็เลยกราบเรียนท่านว่า มันอยากคุยเก่งนี่ขอรับ มันคุยว่ามันเก่งจริงๆ พวกผีพวกสางนะสู้มันไม่ได้ มันปราบได้สะเด็ดหมด ผมก็อยากดูว่ามันจะปราบผีหรือว่าผีจะปราบมัน นี่ผมเสียดายอยู่นิดหนึ่งที่ว่า ไอ้ผีที่มันมาปราบพระแพไม่ถูก มันควรจะล่อพระพวง ท่านก็เลยบอกว่า ถ้าแกไม่ไปด้วยก็คงได้ดีแล้ว เลยกราบเรียนท่านว่ากระผมไม่ได้มีอะไรคุ้มกันเขาขอรับ ท่านบอกว่ามี ส่วนที่มีน่ะมีเยอะ แต่แกไม่เห็น คือว่าทั้งพระทั้งเทวดาที่เขารักษาอยู่นั่นแหละคอยคุ้มกัน เพราะบรรดาผีพวกนั้นเป็นพวกเทวดา เป็นบริวารของท้าวมหาราช แล้วตัวแกเองท้าวมหาราชกับพระอินทร์รักษาอยู่ แล้วก็มีพระมีเทวดาหลายองค์รักษาอยู่ พวกนี้ท่านเป็นบริวารของพระอินทร์ จะล่อพวกแกเข้า เขาก็เกรงใจพระอินทร์ นั่นฐานะที่แกอยู่ร่วม ถ้าแกไม่อยู่ร่วมก็คงได้เห็นดีกันแล้ว ไอ้พวกอาจารย์ทั้งหลายแหล่นี่มันจะวิ่งลงเรือไม่ถูก ดีไม่ดีก็จะต้องวิ่งกับบ้าน หรือว่าอาจจะแผ่นดินเป็นน้ำต้องว่ายดินกันมา กว่าจะถึงวัดก็อาจตายเสียระหว่างทางก็ได้ แล้วท่านก็เลยสอนต่อไปว่า จริยาเลวๆ ความรู้สึกเลวๆ อย่างนี้ทีหลังอย่าทำต่อไป ฉันรู้ รู้ตั้งแต่แกเริ่มจะไปทำงานแล้ว ท่านพวกนี่ก็เหมือนกัน ฉันรู้หรอกว่าแกไปหาวิชาเลวๆ อย่างนี้นอกสถานที่ เพราะวิชาแบบนี้ฉันไม่ได้สอนแก แกพยายามดิ้นรน ฉันรู้แล้วว่าเป็นวิชาการสำหรับนำคนลงนรก แตแกรู้แล้วแกควรจะเป็นปูชนียบุคคล เป็นบุคคลที่ชาวบ้านควรบูชา
    แต่ไอ้จริยาแบบนี้เป็นจริยาที่ชาวบ้านควรจะสาบแช่ง หมายความว่าไอ้อาการแห่งความโลภ ความโกรธ ความหลง เมาในลาภ เมาในยศ เมาในสรรเสริญ เมาในสุข นี่มันไม่ใช่จิตใจของพระ มันจิตใจของสัตว์นรก ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปนะ ถ้าฉันทราบว่าใครไปเรียนวิชาไสยศาสตร์ที่ที่หนึ่งก็ตาม จะเป็นวิชาด้านดีหรือด้านชั่วก็ตาม ฉันจะขับทันที จะไม่ให้อยู่วัดนี้โดยไม่มีอุทธรณ์ฎีกาใดๆ จำไว้นะพอเวลากลางคืนก็ปรากฏว่าตีระฆังใหญ่ ประชุมพระครั้งใหญ่ ต่อจากนั้นไปก็โดนเทศน์กัณฑ์มหาราชคือกัณฑ์พิเศษ ยกเรื่องราวของบุคคลผู้ประกอบไปด้วยความโลภในจิตพระที่มีความโลภลงนรก อีคราวนี้ แสดงนรกให้ปรากฏ แสดงยังไงล่ะ มีคาถาอยู่บทหนึ่ง 4 ตัวที่เคยเล่าให้ฟัง อ้อ หนังสือเล่มนี้ไม่มีเล่าเอาไว้ มีคาถาอยู่ 4 ตัว มันน่าเสียดายจริงๆ 4 คำเท่านั้นแหละ บอกให้ภาวนา บอกคอยดูนะ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจับลมหายใจเข้าออกให้ดี อย่านึกถึงอะไรทั้งหมดอธิษฐานจิตไว้ว่า พระที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาประกอบไปด้วยความโลภในทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม หรือได้มาโดยชอบธรรมหรือได้ทรัพย์สินมาแล้วโดยชอบธรรม แต่ใช้ไม่ถูกจริยาของพระ โทษอันนี้ไปถึงไหนได้รับทุกขเวทนาเป็นประการใด ตั้งใจไว้เท่านี้นะ แล้วก็ทิ้งอารมณ์นี่เสีย จับลมหายใจเข้าออกแล้วภาวนาคาถาบทนี้อย่างไม่คิดเห็นอะไรทั้งหมด แล้วท่านก็นั่งหลับตาด้วย สั่งให้ทุกองค์หลับตา เวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที ท่านก็ให้สัญญาณบอกเลิก ถามว่าเห็นไหม ใครเห็นอะไรบ้างเขียนใส่กระดาษมา ท่านมีกระดาษไปเสร็จมีดินสอไปเสร็จ เขียนมา อย่าตอบเดี๋ยวจะตอบตามกัน พระทุกองค์แยกกันออกไป อย่านั่งใกล้กัน เดี๋ยวจะถามกัน ท่านก็นั่งจ้อง เกรงว่าจะพูดกัน พูดกันก็ไม่ได้ หันหน้ามองกันก็ไม่ได้ ให้ต่างคนต่างเขียน เขียนย่อๆ เมื่อเขียนเข้าแล้วจริงๆ ปรากฏว่าข้อความตรงกัน เป็นอันว่าทุกองค์เห็นพระที่มีความโลภประเภทนั้นลงอเวจีมหานรก ถูกหอกตรึงเคลื่อนไหวไม่ได้ แล้วก็ทุกคนมีไฟไหม้ตลอดเวลา แล้วเสร็จ พอเห็นภาพเท่านี้ก็เลยกราบเรียนถามท่านว่า หลวงพ่อขอรับคาถาบทนี้กระผมขอเรียนได้ไหม อยากจะไปสอนคนอื่นเขา ท่านก็มองหน้า บอกว่า เจ้าลิงดำ เอ็งน่ะ ข้าไม่ให้ฝึกอภิญญานะ คาถาบทนี้ถึงแม้ว่าได้ไปก็ไม่มีประโยชน์ อันนี้ต้องใช้อภิญญาสมาบัติช่วยด้วย ไม่ใช่ว่าคนที่ภาวนาคาถาบทนี้จะทำได้เสมอไป ไม่ใช่ยังงั้นนะ ต้องใช้พลังของอภิญญาช่วย น่าเสียดายที่อาตมาไม่มีโอกาสฝึกอภิญญากับเขา ก็ช่างเถอะ คนอื่นไม่เห็นไม่รู้ด้วยก็ช่าง รู้เองเห็นเองมาแล้วก็สบายใจ นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไปพวกขุดทรัพย์ก็เลิก ไม่มีในวัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    ที่มา http://palungjit.org/threads/เพียง๑๐๐บาทร่วมบุญปิดสมเด็จพระพุฒาจารย์โต๖๙นิ้ว.548123/
     

แชร์หน้านี้

Loading...