เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอนโยนกนครแตกน้ำใจพระเจ้าพังคราช

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 5 มิถุนายน 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอนโยนกนครแตกน้ำใจพระเจ้าพังคราช
    [​IMG]
    จาก หนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน (พิเศษ)

    เราต้องแพ้สงครามคราวนั้น ลูกรักของพ่อ ลูกใช้ปุพเพนิวาสานุสติญาณซิลูกว่าตัวลูกอยู่ในสมัยนั้นด้วยหรือเปล่า ถ้าลูกใช้กำลังของทิพยจักขุญาณด้านปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือระลึกชาติเฉพาะชาตินั้น ลูกจะเห็นภาพการรบ เห็นภาพการต่อสู้ ภาพการตาย ภาพการร้องไห้ เพราะกองทัพเราแพ้สงคราม ถ้าลูกมองไม่เห็นให้ใช้อตีตังสญาณดูแถวอดีตว่าสภาวะเป็นยังไง พ่อจะเล่าไม่ละเอียด

    ตอนนั้นพระเจ้าพังคราชทำยังไงรู้ไหมลูก พระราชาต้องทรงไว้ซึ่ง ขัตติยะมานะ ท่านเป็นชายชาติทหารแท้ ๆ เขาสั่งประหารชีวิตแล้วถามท่านว่า กลัวตามไหม พระองค์ก็ตรัสว่า

    "ขึ้นชื่อว่าความตายเป็นของธรรมดา เราเป็นคนไทย เป็นผู้บังคับบัญชาเขา เราพร้อมที่จะตายเพื่อคนอื่น ขอให้เราผู้เป็นกษัตริย์ตายแทนคนอื่นก็แล้วกัน คนอื่นไม่ต้องตายเพราะความเป็นผู้แพ้นี่ถือว่าเป็นความผิด แต่ความจริงเราไม่ได้คิดจะไปรบกับท่าน ท่านยกทัพมาเราก็ต้องสู้ เมื่อสู้ไม่ได้เราเป็นแพ้ ท่านต้องการอะไรก็เป็นเรื่องของท่าน เราเป็นคนของท่านซะแล้ว หมายความว่า เรื่องที่คิดจะสู้ท่านน่ะมันไม่มี เมื่อสู้ไม่ได้เรายอมแพ้ก็ต้องแพ้อย่างมีระเบียบวินัย นี่วิสัยไทยแท้"

    พอพูดเท่านี้เล่นเจ้าขอมดำยิ้ม หน้าตาสดชื่น คิดว่าเป็นผู้ชนะแน่นอน ความใจอ่อนพร้อมกับ "พันจาม" แม่ทัพเขาห้ามปราบว่าไม่ควรฆ่าพระเจ้าพังคราช แต่ก็ควรใช้อำนาจของความเป็นผู้ชนะบังคับให้เราไปอยู่จุดใดจุดหนึ่งในฐานะผู้แพ้สงครามต้องส่งส่วยให้ขอมดำด้วย ปรากฏว่ามีคนของเขาคนหนึ่งค้านเรื่องส่งส่วยว่าในเมื่อเรายึดพื้นที่ ยึดเมืองแล้ว ทำไมต้องให้เขาส่งส่วยด้วย นี่ความจริงคนของเขาก็มีดีเหมือนกัน

    แต่เจ้าขอมดำนายใหญ่ ในใจของมันคิดว่า คนไทยไม่ควรจะมีอยู่ในพื้นที่นี่ มันอยากจะขับไล่ไปเสียแล้ว ไปให้ไกลจากแดนอุดมสมบูรณ์ที่เขาต้องการ จึงบอกว่าการส่งส่วยเป็นของดีควรส่งส่วยเป็นทองคำปีละ ๘๐ ชั่ง (๑ ชั่ง = ๘๐ บาท ๘๐ ชั่ง ก็เป็นทองคำหนัก ๖,๔๐๐ บาท)

    พระเจ้าพังคราชยืนฟังแล้วก็หนักใจ ว่าจะหาทองคำที่ไหนให้เขาได้ยังไงปีละตั้ง ๘๐ ชั่ง แต่มุขอำมาตย์ขอมคนหนึ่งเขาก็เสนอว่า ๘๐ ชั่ง มากเกินไปสำหรับคนไทยไม่ถึงแสนคนในเนื้อที่แสนไร่ไม่พอกัน ควรให้เป็นปีละ ๒๐ ชั่งก็พอ แล้วถามพระเจ้าพังคราชว่า ท่านจะหาทองคำให้เราได้ไหม พระเจ้าพังคราชก็ตอบว่า "เราเป็นผู้แพ้ก็เหมือนเป็นทาสรับใช้ของท่าน ท่านสั่งทำอะไรเราก็ต้องทำตาม"

    นี่ลูกรักของพ่อ ตอนนี้ขอมดำเห็นใจ แต่ความโหดร้ายมันก็มีมาก จึงส่งพระเข้าพังคราชไปอยู่ที่ "วังสีทอง" ให้ไล่ต้อนคนไทยไปอยู่ที่นั่น ความโหดร้ายของขอม ลูกเขาเมียใครถ้ามันต้องการเอาไปบำรุงบำเรอมันชั่วคราวหรือตลอดกาลต้องเป็นของเขา การใช้งานต่าง ๆ ถ้าไม่เป็นที่ถูกใจมัน มันอยากจะฟัง อยากจะแทง อยากจะตี จะฆ่า ต่าง ๆ นานา ก็ทำได้ เพราะเป็นนโยบายไม่ต้องการให้คนไทยมีอยู่ในภูมิภาคนั้นตอนนี้ความเศร้าโศกโศกาดุลยภาพก็เกิดขึ้น นับตั้งแต่กองทัพเราแพ้เขาลูกรักเสียงระงมร้องไห้เซ็งแซ่ ตอนที่บรรดาขอมดำกวาดต้อนคนไทยจากเชียงแสนจากเชียงรายจากพะเยาไปรวมกลุ่มเดียวกันที่แม่สาย เขากั้นเขตให้อยู่เป็นจุดน้อย ๆ จะไปยุ่งอะไรนอกเขตไม่ได้ เพราะเป็นเขตของขอมเขาต้องการ
    พระเจ้าพังคราชถึงกับน้ำตาตกใน แต่อาศัยที่เป็นกษัตริย์มีขัตติยะมานะ ต้องมีความเข้มแข็ง ต้องต่อสู้ด้วยความอดทน จะเหนื่อยจะยากเพียงใดก็ต้องพร้อมทุกอย่างที่จะยอมรับ พระองค์ก็สร้างวังพิเศษคือบ้านไม้ธรรมดาอยู่เจ้าขอมดำเข้าเมืองโยนกนครแล้วหาทรัพย์สินมีค่าไม่ได้ มันจึงถามว่า เมืองไทยนี่ไม่มีทรัพย์สินเลยรึ ทองแท่ง เพชรนิลจินดา ก็ตอบเขาไปว่าเมืองไทยไม่ได้เตรียมรบอยู่กันอย่างพ่อแม่ปกครองลูก ทรัพย์สินในท้องพระคลังจึงไม่มี เราทำมาหากินร่วมกันแบ่งปันกันเฉย ๆ แต่ความจริงขนไปหมดแล้ว

    เวลาผ่านไป พระมเหสีของพระเจ้าพังคราชก็ทรงพระครรภ์และคลอดพระราชโอรสให้นามว่า "ทุกภิกขะ" แปลว่าเกิดมาในท่ามกลางความทุกข์ ตลอดเวลาที่อยู่วังสีทองพระเจ้าพังคราชไม่ได้ทรงเครื่องแบบกษัตริย์เลย ทรงแต่งองค์แบบธรรมดา นุ่งกางเกงดำขา ๓ ส่วน ใส่เสื้อแขนกระบอกสีดำ แบบชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่บรรดาลูก ๆ เห็นแล้ว

    สรุปแล้วคนไทยต้องเป็นผู้แพ้สงครามเพราะ ๑.ไม่พร้อม ๒.บางครั้งมีคนขายชาติซึ่งเราต้องทำลายคนประเภทนี้ให้หมดไป ถ้าต้องการให้ไทยเป็นไทต่อไป

    ลูกรักทั้งหลาย ตอนนี้เป็นตอนคนไทยเศร้า ขณะที่ลูกกำลังนั่งฟังพ่อพูดอยู่นี่จงใช้ปุพเพนิวาสานุสติญาณ และอตีตังสญาณ คือรู้ถอยหลังไปในเรื่องเก่า ๆ และปุพเพนิวาสานุสติญาณรู้ถอยหลังชาติของตนเองไปด้วย แต่ถ้าลูกไม่ถนัดการใช้ญาณแบบนี้ก็ให้กราบทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือทูลถามท่านปู่ ท่านย่า หรือท่านแม่ ขอดูภาพในเวลานั้นว่าพวกเราที่นั่งฟังกันอยู่นี้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์นั้น ๆ ด้วยหรือเปล่า อันนี้ลูกต้องคิดว่า

    "ชีวิตของคนทุกคน ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ภาวะของโลกทั้งหมดไม่มีความหมาย ตายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็ตาย เกิดแต่ละคราวเต็มไปด้วยความทุกข์ จงวางภาระอันนี้เสีย"
    "จิตของลูกอย่าร่าเริงในกามารมณ์ อย่าร่าเริงในโทสะ อย่าร่าเริงในความหลง ตั้งจิตตรงเฉพาะพระนิพพาน"

    ที่พ่อนำเรื่องนี้มาพูดก็เพื่อให้บรรดาลูกทุกคนมีความรู้สึกว่า "การเกิดแต่ละคราวมันมีแต่ความทุกข์"เรามาคุยกันต่อไปถึงเรื่องพระเจ้าพังคราช ในฐานะที่ตกเป็นเชลยศึก ลูกรัก เราไม่ได้ไปรบเขา อยู่ดี ๆ เขาก็มาตีเมืองเรา แล้วจับแม่ทัพนายกองทั้งหมด เราเป็นผู้แพ้ต้องยอมจำนน ลูกบางคนที่กำลังฟังพ่ออยู่คิดว่า "ทำไมคนไทยจึงไม่ยอมตายทั้งชาติเสียก็หมดเรื่อง" ลูกรัก ถ้าคิดอย่างนั้นก็ถือว่า "โง่เกินไป" ถ้าเราจะตายกันทั้งชาติน่ะตายได้ แต่เขาก็ครองเมืองเราสบาย การตัดสินใจคราวนั้น บรรดามุขมนตรีและนักรบทั้งหลายได้ประชุมกันโดยมีพระเจ้าแผ่นดินเป็นหัวหน้า นี่เขาเป็นประชาธิปไตย เมื่อยามประชาชนลำบาก เช่น ฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล เขาก็ขอให้พระราชาและพระเมหสีรักษาอุโบสถศีล หรือเมื่อข้าราชการบางคนทำไม่ดี ประชาชนก็มาประชุมกันที่พระลานหลวง ถวายฎีกา พระราชาก็รับไปชี้แจงเหตุผลเขาก็เข้าใจ เขาไม่ใช่มาเวิกว้าก ๆ แบบไฮปาร์คสนามหลวง พูดเอาเรื่องเอาราวไม่ได้ คนที่เชื่อก็แสดงว่าไร้ปัญญา
    เมื่อพระเจ้าพังคราชกับบรรดาแม่ทัพนายกองถูกโจรปล้นเมือง ลูกรัก การไปอยู่วังสีทองเลยสันทรายไปทางแม่สายก็พอหากินได้แต่มีความลำบากเพราะเนื้อที่จำกัด เป็นภูเขาลำเนาไม้เสียก็มาก และต้องหาทองคำแท่งส่งส่วยขอมดำปีละ ๒๐ ชั่งอีก ประการสำคัญคนไทยต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาของขอมดำทุกอย่าง ขอมต้องการอะไร คนไทยทุกคนต้องหาให้ ใครจะมีลูกเมีย ผัวใครก็ตามถ้าขอมต้องการ ไทยต้องให้ ทรัพย์สินของคนไทยทุกคนที่มีอยู่เป็นส่วนตัวถ้าขอมต้องการไทยต้องให้ ถ้าขอมไปทำอันตรายของคนไทยมีเรื่องราวเกิดขึ้น ขอมต้องไม่มีความผิด และคนไทยเท่านั้นที่จะต้องมีความผิด นี่เป็นกฎหมายของขอมรวมความว่าสภาวะของคนไทยเวลานั้นตกอยู่ในความเป็นทาส ถ้าเราจะดูสมัยนี้ก็ดูลาว เขมร ตกเป็นทาสญวน ทรัพย์สินของคนทุกคนเป็นของรัฐ แม้ว่าไก่ตาย ๑ ตัวต้องแจ้งหัวหน้าหน่วย เขาอนุญาตให้กินจึงกินได้ ถ้าหัวหน้าเขาไม่อนุญาตก็ต้องนำไก่ไปให้เขาอาหารการกินเขาแจกให้ พอหรือไม่พอ อิ่มหรือไม่อิ่ม ไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ฎีกา ก็ต้องพอเพราะเขาให้เท่านั้น ห้ามพูด ห้ามคัดค้น จะแต่งตัวตามความต้องการไม่ได้ เสื้อผ้าเขาแจกให้เขมรที่หนี้เข้ามาบอกว่า ๓ ปีแล้วเขาแจกให้ชุดเดียว ลาวที่หนีเข้ามาบอกว่า เขาให้ข้าวเหนียววันละ ๑ ปั้นกับเกลือป่นแต่ต้องทำงาน ๘ ชั่วโมง เช้าก่อนทำงานต้องเข้าแถวรับการอบรม เย็นเลิกงานแล้วยังพักผ่อนไม่ได้ต้องเข้ารับการอบรมอีก การอบรมนี่ทุกคนต้องฟังเขาอย่างเดียว ถ้าใครลุกขึ้นคัดค้านเขาจะไม่ว่า แต่หลังจากอบรมจะมีคนมาถามว่า ทำไมจึงไม่เห็นด้วย คนนั้นเขาอธิบายว่าตามปกติควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เขาก็ตอบว่าคุณยังไม่เข้าใจ แล้วก็เชิญไปรับการอบรมใหม่แล้วก็หายสาบสูญไปเลย เป็นปุ๋ยไปคือตายเห็นไหมลูก สมัยโน้นกับสมัยนี้ไม่ต่างกัน สมัยที่เราแพ้ขอมตกเป็นทาสขอม กับสมัยนี้ที่ลาวแพ้ญวน เขมรแพ้ญวนมีสภาพไม่ต่างกัน นี่เรายังจะยังเป็นผู้แพ้อยู่ต่อไปหรือยังไง ตอนนี้เราไม่มีที่ไป สมัยพระเจ้าพังคราชป่าเยอะ ขายออกไปได้มากเป็นอันว่าพระเจ้าพังคราชก็ดี แม่ทัพนายกองก็ดี ต้องยอมให้ขอมดำปลดอาวุธมีสภาพเหมือนตุ๊กตา หลังจากนั้นต้องพยายามกวาดต้อนคนไทยทิ้งบ้าน ทิ้งเมืองไปอยู่แดนกันดารในวงแคบ ตอนนี้แหละลูกหลานที่รัก จงใช้อำนาจของปุพเพนิวาสานุสติญาณถอยหลังชาติของลูก หรือใช้อตีตังสญาณร่วมกัน แต่ถ้าไม่ถนัดก็ขอเฝ้าองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์คือพระพุทธเจ้า กราบทูลถามขอดูภาพในสมัยนั้น ว่า เราทุกคนที่มานั่งอยู่ที่นี่อยู่ร่วมในที่นั้นด้วยหรือเปล่า ถ้าไม่ได้อยู่ร่วมก็ขอเห็นภาพเวลานั้นเป็นอตีตังสญาณภาพความโศก ความเศร้ามันหาอะไรดีไม่ได้เลย มันมีแต่ความระทม เสียงระงมไปด้วยความร่ำไห้ ส่วนหนึ่งของคนไทยที่ขนของไปเก็บไว้ที่ดอยตุงที่เรานั่งกันอยู่ที่นี่ เก็บตามถ้ำซอกซอย สุมทุมพุ่มไม้ และแถวกองพล ๙๓ อยู่เวลานี้ จุดนี้เรายึดสู้เป็นจุดสุดท้ายคิดว่าขอมบุกเข้ามาเมื่อไร เราสู้ตาย ในเมื่อเรายอมแพ้เขาแล้ว เขายังตามมา ก็แสดงว่าเขาจะสังหารเราทั้งชาติ เขาต้องการครอบครองที่เดินเรา เขาไม่ต้องการคน มีเสียงระงมร่ำไห้เสียดายทรัพย์สินที่ยังขนไปไม่ได้ ก่อนขอมจะเข้าเมืองเขาส่งคนไปบังคับขับไสคนไทยไล่ให้ไปอยู่ในเขตที่เขากำหนดไว้ มีสันทรายเป็นแดนกั้น เลยขึ้นไปเป็นของไทย ตั้งแต่แม่น้ำโขง เลยมาถึงแม่น้ำกก นี่เป็นที่ที่ไทยอยู่ นอกนั้นเป็นของขอม ข้าว ปลา นาเกลือ บ้านช่อง ทรัพย์สินทั้งหมด ขอมบอกว่า ไม่ต้องเอาไป ให้ไปแต่ตัวกับผ้าเก่า ๆ ห่อหนึ่ง
    ลูกหลานที่รัก ฟังแล้วเศร้าไหมลูก ความเป็นผู้แพ้ของคนไทยคราวนี้
    ลูกจะคิดว่าพระเจ้าพังคราช ประมาทหรือไม่ที่ไม่เตรียมการรบ ก็อย่าลืมว่า ทุกคนนับถือพระพุทธศาสนา มีศีล มีเมตตา มีสังคหวัตถุซึ่งกันและกัน แต่เราก็ต้องย่อยยับถึงเพียงนี้นั้นเราจะโทษใคร
    โทษพระพุทธศาสนาก็ไม่ได้ เพราะพุทธศาสนาสอนให้คนอยู่ด้วยกันด้วยความสุข แต่ความทุกข์มันมาจากที่อื่น เราอยู่เป็นสุขมาตั้ง ๓๗ รัชกาล พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ท่านทั้งหลาย จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม" หมายความว่าในขณะที่เราประพฤติธรรมเราก็ไม่ประมาท เวลาปกครองชาติเราก็ไม่ประมาท ความจริงสมัยนั้นเราประมาทไปนิดหนึ่งว่า ความจริงพวกขอมดำก็มีพระพุทธศาสนาสอนในเขตเขาอยู่แล้ว เขาก็พยายามก่อสร้างเจดีย์หรืออะไรก็ตามขึ้นมาเสริมบารมี ในเขตลำพูนหรือหริภุญไชย และที่จอมทอง เชียงใหม่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เคยเสด็จที่จอมทองมาก่อนแล้วทรงสั่งพระมหากัจจายนะมาประกาศพุทธศาสนา เราถือธรรม คิดว่าเขาจะถือธรรม รวมความว่าใจเขาถือสากปากเขาถือศีล
    เอาละลูก ตอนนี้ก็มีแต่เสียบระเบ็งเซ็งแซ่เสียดายทรัพย์สิน บ้านเรือนแต่ละหลังกว่าจะปลูกขึ้นมาได้ก็ต้องใช้กำลังงาน กำลังเงินมาก ทรัพย์สิน วัว ควาย ขอมบอกไม่ต้องเอาไป แต่ก็มีอยู่บ้างบางส่วนที่เราไล่วัวควายของเราไปไว้บ้างแล้ว รวมความว่าคนไทยทุกคนต้องเดินน้ำตาร่วง ก่อนคนไทยจะไป ขอมใช้ทำอะไรก็ต้องทำทุกอย่าง ถ้าไม่เป็นไปตามใจขอม เขาก็เฆี่ยน เราก็เตะ เขาก็กระทืบ เขาจะฟาดฟันทำให้เป็นแผล หรือฆ่าให้ตาย ยังไงก็ทำได้ เพราะเขาต้องการให้ไทยไปพ้นจากเขตนี้ นี่เป็นน้ำใจของขอม ในเมื่อเราเป็นทาสเขาก็ไม่มีอะไรดี ความเมตตาปรานีของคนที่เป็นนายไม่มีในเรา ลูกเขาเมียใคร ถ้าขอมต้องการต้องได้ ดูตัวอย่างลาวแพ้ญวน หญิงสาวของลาวตั้งแต่อายุ ๑๓ ปี ขึ้นไป ทุกคนต้องไปนอนสามัคคีกับทหารญวน ถ้าหากผู้ใหญ่ญวนต้องการ เขาเรียกว่าไปนอนส่องแสงหรือนอนแสงสว่าง ก็รวมความว่า เขาเอาไปทำปู้หย้ำปู้ยีเอาตามใจ แต่ไอ้ศัพท์ที่ใช้มันคนละเรื่อง เขาเลือกใช้ศัพท์เรียกดี แต่แท้จริงก็คือผู้หญิงลาวเป็นช้อคการีนั่นเอง มันช้ำใจไหมลูก ผู้หญิงน่ะมีหัวใจหรือเปล่า มีความต้องการในความรักตามที่ตนปรารถนาหรือเปล่า หรือว่าใครก็ได้ ความจริงผู้หญิงทุกคนมีหัวใจมีความปรารถนาตามน้ำใจของตนเอง
    ที่มา http://palungjit.org/threads/เพียง๑๐๐บาทร่วมบุญปิดสมเด็จพระพุฒาจารย์โต๖๙นิ้ว.548123/
     

แชร์หน้านี้

Loading...