เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอนเจ้าสิงห์ดอกหมาผู้กลายเป็นเทวดา

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 20 พฤษภาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    เรื่องจริงอิงนิทานกับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ตอนเจ้าสิงห์ดอกหมาผู้กลายเป็นเทวดา
    [​IMG]
    ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท มีคนเอาหมามาปล่อยเสมอๆ จนปรากฏเป็นฝูงใหญ่ หมาฝูงนี้ มีหัวหน้าอยู่ตัวหนึ่งตัวเป็นดอก ๆ เลยเรียกกันว่า เจ้าสิงห์ดอก หมาตัวนี้รู้สึกว่า จะมีความเฉลียวฉลาด ผิดหมาทั่วไป รู้จักฟังธรรม และบังคับบัญชาลูกน้อง เวลาจะมีคนมาขโมยของวัด เจ้าสิงห์ดอก จะจัดวาง กำลังกองทัพหมาไว้ป้องกันเป็นอย่างดี
    วันหนึ่ง ไม่รู้ว่าเจ้าสิงห์ดอกเขานึกยังไง เขาจัดการวางกำลัง แล้วเขาก็เดินตรวจ คือ จัดกำลังไว้บนกุฏิ 4 ตัวที่วัดมีช่องทางเข้า 3 ทาง มันก็วางกำลังจุกเข้าไว้หมดทุกทาง แล้วก็มีอีกชุดหนึ่งเป็นกำลังพิเศษนอน รวมกันอยู่เป็นกลุ่ม สักประเดี๋ยวก็กระโดดไปฝั่งโน้น ทางฝั่งกุฏิของพระครูวิชาญ เดี๋ยวเดียวมีเสียงเป๋ง ! แล้วมันก็มานำไปดูจุดนั้น ๆ เดี๋ยวลงไปข้างล่าง เสียงเป๋ง ! ก็ใช่แล้วไอ้ตัวนั้นคงหลับ
    ทุกคืนมันไม่เคยมีอย่างนี้ ก็เลยสั่งพระสั่งเณรว่า คืนนี้พร้อมไว้นาเราเป็นทหารของพระพุทธเจ้านี่ ถ้าใครมาเอาของสงฆ์ละเอาชีวิตแลกเลย ของส่วนตัวมัน จะเอาก็ให้มันไป ฆ่าคนตาย เพราะรักษาของสงฆ์ ถึงบาปก็คงไม่เท่าไหร่ คงได้บุญมากกว่าบาป พระเณรก็เตรียมตัวกันพร้อม ตะพดบ้าง ขวานบ้าง หนุ่ม ๆ นี่ นะ เขาเอากันแน่ ก็เลยบอกว่า เอาผมเอาด้วยคน แล้วหาแป๊บได้ท่อนหนึ่ง ยาวสักแค่ศอกได้กระมังไปนั่ง เป็นผู้บัญชาการพรรคอยู่กลางกุฏิ สั่งว่า ถ้าขึ้นมาก็ไม่ต้องรอ มันมีปืนเรามีแป๊บใช้ได้ ถึงไม้ก็ตีคนตาย
    เวลาสักทุ่มเศษๆ เราดับไฟเงียบแล้วนอนกันอยู่ที่นั่น ห้ามพูด ห้ามสูบบุหรี่ ใครอยากสูบก็ไปป้องให้ดีอย่าให้เห็นแสง คืนนี้คงเอาแน่ พอหกทุ่มกว่า ๆ เสียงข้างล่างเจี๊ยวเลย คือ ที่ชายป่ามีเสียงเห่าแล้ว ไอ้เจ้านั่น เขาเดินยามของเขาไม่ได้หยุดเลย เดี๋ยวไปจุดโน้นเดี๋ยวไปจุดนี้ พอมีเสียงเจี๊ยวมามันก็ขับไอ้ฝูงพิเศษ ที่ ไม่ได้อยู่ประจำที่ไหน พรวดออกไปตัวเขากระโดดตาม ส่วนไอ้ 4 ตัวข้างบน ก็ตั้งท่า เตรียมพร้อม แต่ไม่ไปไหน เขาสั่งนี่ พอไอ้ฝูงพิเศษวิ่งเข้าป่า อีก 2 ฝูงก็วิ่งตามไปทางช่องที่มีเสียง ปรากฏว่า ตอนเช้า ได้ปืนกระบอกหนึ่ง ผ้าขาวม้า ป่าราบไปเลย เพราะหมาสักร้อยได้กระมัง สามฝูง ฝูงละร่วม 50 ก็ร้อยกว่า โดยปกติต้องเลี้ยงข้าวเท่าไหร่รู้ไหม ข้าวกะละมังขนาดพระหิ้ว 2 องค์ มื้อละตั้งสามกะละมัง ชาวบ้านเขาเห็น เขากลัวหมาอด บอกว่า หมาผมทั้งนั้น ไม่ว่ามาจากไหนก็ "หมาผม" ทีนี้มึงก็เอาข้าวสารมาข้าวสารเลี้ยง หมา ไม่ใช่เลี้ยงพระ
    คราวหนึ่งต้องไปที่ประจวบ ฯ เสียเดือนหนึ่ง ก็สั่งเณรสั่งพระไว้ ให้สตางค์ไว้ว่า ถ้าข้าวสารไม่มีกับข้าวไม่มี ก็ให้เอาปลามาต้มเค็ม เพราะต้มเค็มมันกินได้นาน และ อย่างอื่นมันก็ไม่ดีเท่าต้มเค็ม ถ้ามันเริ่มจะไม่กินก็เปลี่ยนเป็นต้มยำเสียบ้าง ต้มส้มก็ได้ แต่อาหารหมานี่เราจ่ายทุกวัน รู้สึกว่า จ่ายค่าเลี้ยงหมามากกว่า เลี้ยงพระ เพราะพระไปบิณฑบาตได้ เว้นแต่ตอนเพลอาหารไม่พอเราก็จ่าย แต่จ่ายไม่มาก วันละ 30 บาท พอกลับมาจากประจวบ ฯ ปรากฏว่า ไม่หมดเลยสักสตางค์ ถามเขาว่า เอาอะไรให้หมากิน เขาบอกว่า โอ้ โฮ หลวงพ่อ ไม่อยู่ซีครับ ปลาหมาเยอะเลย ต้มเค็มบ้าง ต้มส้มบ้าง หม้อเบ้อเริ่ม ๆ เลย เณรที่มีหน้าที่อุ่น อาหารตอนเช้านั้นชื่อ เปีย เดี๋ยวนี้เป็นมหา 6 ประโยคแล้ว บอกว่า แหมหลวงพ่อไม่อยู่ยิ่งรวยใหญ่เลย ชาวบ้านเขากลัวหมาอด ตอนนั้นใครมีของพอจะมีค่าบ้างก็เอามาวัดกัน
    คราวหนึ่งมีข่าวว่า ผู้ร้ายมันจะมาเอาพระพุทธรูปให้ได้ พระพุทธรูปองค์นั้นไม่ได้อยู่กุฏิฉัน อยู่ที่กุฏิพระครูวิชาญ เป็นสุโขทัยสำริดเงิน ไอ้สำริดนั่นมันมีสามอย่าง มีทองคำ มีเงิน แล้วก็ดีบุก เขาเรียกว่า สามฤทธิ์ นะ ไม่ใช่สำริด เรามันเรียกเสียงห้วนไปนี่ ตาชม ช่างหล่อพระเขาบอก ถ้าออกสีของแร่ไหนมาก ก็เรียก สำริดอย่างนั้น นอกจาก พระสุโขทัยสำริดเงินนี่ แล้วก็มี เชียงแสนอีก 2 องค์ ของเก่าทั้งนั้นแหละ อันนี้ซีที่ ขโมยมันมุ่งจะเอา
    วันหนึ่ง ยายแก่ไปหาหน่อไม้ ไปเจอะมัน กำลังนอนสูบใบพลู อยู่ใต้กอไผ่ 5 คน แต่งตัวดีนะพวกนี้ ใส่เสื้อ อย่างที่เป็นมันน่ะ ๆ แกก็เลยส่งข่าวมาบอก อีตอนนั้นหลังวัดยังเป็นป่าอยู่ แต่เวลานี้ เขาถางเสียหมดแล้ว พระครูวิชาญแกสร้างโรงเรียน เมื่อได้ข่าวก็ไปบอกผู้บังคับกองตำรวจ แกชื่อ จำลอง จำลองเลยให้ตำรวจ มา 4 คน เลยต่อว่าแกว่า เฮ้ย แกจัดยังไงนี่ แกตอบว่าไม่เป็นไรครับหลวงพ่อ หลวงพ่อทหารมากผมว่า ตำรวจคนเดียวก็พอ เอ ดันไปเชื่อหมาเสียอีก พอดีทายกเขามา ก็เลยบอกว่า สองสามคืนนี่ มานอนด้วยกัน หน่อย ยังไง ๆ มันต้องกดคอพระครูวิชาญแน่ ไอ้จะเข้าปล้นแบบตูม ๆ ตามๆ น่ะมันไม่ทำหรอกปล้นแบบ นั้นมันก็โง่เกินไปใช่ไหม
    ถึงคืนที่ 2 อีคืนนี้แปลก ไอ้พ่อใหญ่จัดเวรอีกแล้ว เราก็บอกตำรวจว่า สิงห์ดอก จัดยามแล้ว ตำรวจก็ขึ้นนกปืน บอกว่า จะคอยดูคำสั่งผู้บังคับบัญชาการใหญ่ ผู้บัญชาการหมา เอ วันนี้มันไม่สั่งตั้งท่ามันสั่งนอนเรียบหมด แต่อีจุดที่จะเข้านี่ล้อม 2 ด้านเลย ส่วนหน่วยพิเศษสั่ง 2 จุด เราก็นั่งมอง เอ สิงห์ดอกมันทำยังไงของ มันหว่านี่ มันจัดหมาไปนอน เสียห่างเทียว ตรงโน้นจุดหนึ่ง ตรงนี้จุดหนึ่ง นอนบัง ๆ หน่วยพิเศษอยู่ ตรงนี้ จุดหนึ่ง ล้ำเข้าไปทางโน้น ให้แกไปอยู่ข้างบนเตรียมตะครุบให้ดีเถอะ แล้วเราก็ไปนอน
    ถึงเวลามันเข้ามา เราอยู่ใต้ถุนก็มองเห็นง่าย เพราะ ถึงเดือนมืด แต่ก็มีแสงดาว พอให้เห็นได้ ขณะที่เข้ามา มันก็ทำท่าระวังหมาเต็มที่ แต่ก็เงียบ หาหมาเห่าสักแอะหนึ่งไม่มีเลย ไอ้อ้วนแม่ใหญ่ ที่ประจำอยู่กับพวกเราเคยเห่าทีไร ได้เรื่องทุกที วันนี้มันเห็นแล้ว มันก็ไม่เห่ามันสะกิดก่อน สะกิดพระทุกองค์ สะกิดตำรวจ ตำรวจคนหนึ่งหลับเพลินไป มันก็กัดหัวเบาะ ๆ เป็นทำนองปลุก แล้วก็ถอยหลังไม่ส่งเสียง
    มองเห็นคนร้ายไปชิดกุฏิพระครูวิชาญ เอาไม้พาด มันคงรู้จุดอ่อนว่า หน้าต่างบนนั้นกลอนเล็กนิดเดียวแต่ มันก็ถือปืน คงจะเอาไว้ขู่มากกว่า เพรามันรู้ว่า พระไม่มีปืน พอพาดไม้เสร็จ กำลังจะปีนขึ้นเท่านั้น พรวดไม่มีเสียงเลย บุกเงียบ มันฟัดเสียไม่มีละ แหลกเลย หน้าตาเละหมด ได้ตัวครบ 5 โดยตำรวจ ไม่ต้องยิงเลย ไอ้เจ้าตัวนี้ มันเก่งจริง ๆ เวลาเจริญกรรมฐาน เขาต้องมาอยู่หมด ทั้งฝูงนะ วันนั้นมันจะตาย ตอนค่ำเจริญกรรมฐาน เขามาอยู่ด้วย ตอนตี 2 ฉันออกไป เจริญกรรมฐานหน้ากุฏิคนเดียว ตามปกติ มันนั่งอยู่ หน้าลูกกรง วันนั้น มันขอเข้า ก็เลยให้เข้า มันเข้ามานอน เอาหัวพาดตัก พอตี 4 พระลุกขึ้น ทำวัตร มันก็ลุกบ้าง ปลัดบุญธรรม แกทักว่า อ้อ สิงห์ดอกรึ มานี่ มาหาหลวงพี่ที่นี่ มันก็เข้าไปใกล้ไปนอนฟังจนจบ จบ แล้ว ก็กลับมาที่หน้าพระพุทธ ที่เขาเจริญกรรมฐาน แล้วตายตรงนั้นแหละ
    เวลาเขาตายเราก็ไม่รู้ พอใกล้ สว่าง เอ๊ะ เทวดามาองค์หนึ่ง สว่างจ้าเลย ถามว่า ใคร เขาตอบว่า ผม เทวดาสิงห์ดอก ครับ ถามชื่อจริงเขา ๆ ก็บอก แต่ว่า จำไม่ได้เสียแล้ว ทรงผ้าพื้นเขียว เสื้อพื้นขาว แต่เพชร พราว เราก็สงสัย เอ๊ะ เทวดาอย่างนี้ เป็นเทวดาชั้น ปรนิมมิตวสวัสดี นี่ ถามว่า แกอยู่ชั้นไหน เขาบอกว่า ชั้นปรนิม ฯ ครับ อ้าว ชั้นปรนิม ฯ นี่เขาต้องได้ฌาน 4 นะ เขาบอกว่า ผมก็ได้เหมือนกัน นี่ครับ เอ๊ะ ได้ยังไง เขาอธิบายว่า ที่หลวงพ่อไปทำกรรมฐานนั่น ผมก็ไปนั่งด้วยความเคารพ จิตมันทรงตัว จริงซี เวลาเทศน์เป็นไม่ได้ เจ้านี่เข้ามานั่งหรี่มอง ทำหางกระดุกกระดิกๆ ชอบใจจนกว่าจะจบ ไม่ว่าใครเทศน์ มันก็ไป พอพระตีระฆังเท่านั้น ไปแล้วอยู่ไม่ได้ นี่เห็นไหม หมาไปเป็นเทวดาได้ แต่คนถ้าตายแล้วไปเกิด เป็นหมาก็ซวยเต็มทีละ
    หมายเหตุ พระไตรปิฎกท่านกล่าวไว้เหมือนกันว่า สัตว์เดรัจฉานที่ตายไปแล้ว ไปเกิดเป็นเทวดาไปเกิด เป็นคนนั้นมีน้อย ส่วนมากลงนรกมากกว่า
    ที่มา http://palungjit.org/threads/เพียง๑๐๐บาทร่วมบุญปิดสมเด็จพระพุฒาจารย์โต๖๙นิ้ว.548123/
     

แชร์หน้านี้

Loading...