เปิดฮวงจุ้ยต้านชงปี′52เปลี่ยนวัวบ้าเป็นวัวเชื่องตรุษจีนวัดดังงานเข้าอื้อ

เปิดฮวงจุ้ยต้านชงปี′52เปลี่ยนวัวบ้าเป็นวัวเชื่องตรุษจีนวัดดังงานเข้าอื้อ


แก้ชงปีนี้ฮิต! คนเกิดปีมะแม มะโรง ฉลู จอแห่เข้าเยาวราช-วัดเล่งเน่ยยี่หาของมงคลแก้เคล็ด-เสริมดวงช่วงตรุษจีนคึกคัก แหล่งสะเดาะเคราะห์-วัดดังงานเข้า คนแน่นเอี้ยด!


เรื่องของความเชื่อว่ากันไม่ได้ ...
หันไปทางไหนใครๆ ก็เชื่อว่า ปีนี้เป็นปีวัว (บ้า)
เริ่มจากเหตุสลดตั้งแต่ต้นปี ไม่กี่นาทีงานรื่นเริงฉลองปีใหม่ที่ซานติกาผับกลับกลายเป็นโศกนาฏกรรม ควันจากซานติกายังไม่ทันจาง เหตุการณ์ไฟไหม้ก็ทำให้ใจหายกันอีกหลายครั้ง ทั้งเสือป่าพลาซ่า โรงงานทอผ้าที่ราชบุรี ตามมาที่เชียงใหม่อีก นอกจากเหตุไฟไหม้ยังมีข่าวคราวอุบัติเหตุ 7 วันอันตรายที่ถูกจับตามอง ตัวเลขผู้บาดเจ็บปีล่าสุดพุ่งสูงถึง ผู้บาดเจ็บ 4,107 คน เสียชีวิต 367 คน แม้แต่เหตุไม่น่าเศร้าก็ยังเศร้า ในวันเด็กแท้ๆ ยังมีข่าวทหารโดดร่มแสดงที่ค่ายพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกลงมาทับเด็กเสียชีวิต ที่โคราช เหตุรถชนหลังพาลูกไปสวนสัตว์ อุบัติเหตุทางรถที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส คร่าชีวิตเด็ก 7 คนหลังไปเล่นน้ำที่น้ำตกปาโจ ....
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปรากฏการณ์ร้ายๆ เหล่านี้ ยิ่งย้ำความเชื่อว่า... ปีฉลูปีนี้แรงจริง เพื่อความเป็นสิริมงคล หลายคนจึงหันหน้าพึ่งพระ เข้าวัด ทำบุญ สะเดาะเคราะห์ขอให้ชีวิตดำเนินไปด้วยดี เราจึงได้เห็นภาพความคึกคักตามวัด ศาล สถานศักดิ์สิทธิ์ เช่นกันกับการปรากฏสารพัดสิ่งของบรรเทาเคราะห์มีให้เห็นเกลื่อนถนน
อย่าแปลกใจ หากคุณเห็นใครใช้ Wi-Fi เข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อหาของแก้เคล็ด เสริมดวง แก้เคราะห์ปีชง
อย่าแปลกใจ หากใครใกล้ตัวที่เกิดปี "มะโรง มะแม ฉลู จอ" จะชวนคุณทำบุญสะเดาะเคราะห์เสริมโชคลาภ
อย่าแปลกใจ หากไปถึงวัดเล่งเน่ยยี่ เยาวราชแล้วรู้สึกหายใจไม่ออก ไม่ว่าจะด้วยปริมาณผู้คน ควันธูป ความศรัทธาที่ลอยมาปะปนกัน
นี่คือ ปรากฏการณ์ที่เริ่มต้นจาก "ความเชื่อ"


@ ดวงดาวบ่งชี้...ปีนี้วัวบ้า

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 align=left border=0><TBODY><TR><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ความดุเดือดของปีวัวไม่ได้อยู่เฉพาะเหตุการณ์สะเทือนขวัญรับต้นปีเท่านั้น เพราะปีนี้ทั้งปีจะเป็นปีที่โหราจารย์หลายท่านทำนายทายทักอย่างพร้อมใจกันว่าปีฉลู 2552 นี้ว่าเป็น "ปีวัวบ้า" จากหนังสือ "ศาสตร์แห่งโหร 2552" (สำนักพิมพ์มติชน) ที่รวมเอาคำทำนายของหมอดูชื่อดังแห่งเมืองไทย อาทิ หมอทรัพย์ สวนพลู โสรัจจะ นวลอยู่ ธนกร สินเกษม กรหริศ บัวสรวง ศ.ดุสิต และภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล
แต่ละท่านต่างนำเอาความรู้ศาสตร์แห่งโหรมาทำนายทายทักชะตาบ้านเมืองเป็นแนวทางให้เตรียมพร้อมในการดำเนินชีวิตรับปีวัว จากคำทำนายของหมอดูโสรัจจะว่าลักษณะดวงดาวที่ปรากฏให้เห็นโหราศาสตร์แบบไทยทำนายว่า ปีฉลู 2552 เป็นปีแห่งความวิปโยคอย่างแท้จริง ไม่ควรบิดเบือนว่าบ้านเมืองสงบสุขเรียบร้อยและเข้าข้างตนเอง กอบโกยความสุขสู่ตนเองและพวกพ้อง นักการเมืองน้ำเน่าจะยิ่งเน่าเฟะขึ้น เราไม่อาจหวังเลิศว่าพวกเขาจะกลับตัวกลับใจได้ รัฐบาลจะล้มลุกคลุกคลาน เกิดการล้มโดยทางลัดด้วยปากกระบอกปืนของทหารผู้มักใหญ่ใฝ่สูง การเมืองดังเดิมก็ปิดตัวลง
ส่วนปัญหาภาคใต้นั้นโสรัจจะบอกว่าก็ยังคงเป็นปีแห่งการก่อวินาศกรรมเหมือนปีก่อนๆ และจะทวีความรุนแรง ชนิดที่ยูเอ็นต้องเข้ามาช่วย นักท่องเที่ยวต่างประเทศไม่กล้าเข้ามาเที่ยว ด้านเศรษฐกิจถือว่าตกต่ำที่สุด เป็นปีแห่งความล้มละลายทางเศรษฐกิจ เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เป็นยุคข้าวยากหมากแพง เช่นเดียวปีนี้ยังเป็นปีภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างรุนแรง จะมีทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม เกิดแผ่นดินถล่ม และเกิดคลื่นยักษ์ถล่มครั้งใหญ่
ด้านหมอดูธนกรกล่าวว่าตั้งแต่ 1 มกราคม-21 เมษายน 2552 ดาวเสาร์เป็นกาลีสัมพันธ์ถึงดาวการเมือง คือดาวอาทิตย์ที่กุมลัคนาดวงเมืองอยู่ ทำให้การเมืองไทยไม่นิ่ง มีปัญหาวุ่นวายตลอดเวลา มีการประท้วงไม่รู้จบสิ้น เมื่อการเมืองไม่นิ่งสิ่งที่ตามมาคือ เศรษฐกิจที่ต้องชะลอตัวลง เพราะนักลงทุนผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น และดาวเสาร์กาลีจรมาอยู่ในเรือนปุตตะ ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยน ครม.อีก และมีความพยายามจะแก้กฎหมายต่างๆ ...ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2552 ดวงเมืองประเทศไทยจะมีอายุย่าง 228 ปี ดาวอาทิตย์กุมลัคนาดวงเมืองจะเป็นกาลี ทำให้ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ถึงขนาดเปลี่ยนตัวผู้นำเลยทีเดียว...แต่หลังวันเกิดดวงเมืองไปแล้วมีแนวโน้มจะดีขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นคำทำนายของโหราจารย์ทั้งหลายที่กล่าวอ้างมานั้น ไม่ได้หมายความว่าให้เชื่อไปเสียทั้งหมด แต่การได้รู้เอาไว้ก็เป็นอีกแนวทางที่จะช่วยดำเนินชีวิตในปีวัวดุนี้ให้พ้นอุปสรรคได้
@ คนแห่แก้เคราะห์ปีชง
สถานศักดิ์สิทธิ์กลางเมืองที่ได้รับความนิยมจากคนกรุง เข้าไปไหว้พระขอพรเพื่อปัดเป่าเคราะห์อีกแห่งหนึ่งคือ "วัดมังกรกมลาวาส" ย่านเยาวราช
จากคำบอกเล่าของผู้ดูแลวัด ผู้คนเดินทางมาทำบุญสะเดาะห์เคราะห์จำนวนมากตั้งแต่ต้นปีแล้ว โดยเฉพาะวันหยุดวันเสาร์ อาทิตย์ คนยิ่งแน่นมากจนแทบจะเดินกระทบไหล่กัน มีให้เห็นทั้งหญิงชายตั้งแต่เด็กนักเรียนวัยมัธยมไปจนถึงรุ่นอาม่าอากง ส่วนมากเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่เลื่อมใสศรัทธาและรู้จักวัดนี้อยู่แล้ว
ทีมงาน DLife ประชาชาติธุรกิจ ลงพื้นที่สำรวจ เห็นความคึกคักมีตั้งแต่ทางเข้าหน้าวัด พ่อค้าแม่ขายดอกไม้และเครื่องสะเดาะเคราะห์กว่า 10 รายยืนเรียกลูกค้าอย่างชุลมุน ต่างคนต่างร้องถาม "มีเครื่องไหว้รึยึง", " เกิดปีไหน มะแม มะโรง ฉลู จอ ...", "สะเดาะห์เคราะห์รึยัง" ฯลฯ เมื่อผ่านด่านกลุ่มคนที่ห้อมล้อมหน้าวัดเข้าไปได้ จะเจอผู้คนกำลังต่อคิวเข้าซื้อเครื่องไหว้ของทางวัดยาวเหยียด ใกล้ๆ ซุ้มขายเครื่องไหว้มีคนยืนกันออรอจุดธูปเทียนแทบไม่มีที่ว่าง
เสียงตามสายคอยประกาศบอกขั้นตอนการไหว้อย่างถูกวิธีเป็นระยะๆ โดยผู้มาทำบุญจำนวนไม่น้อย หลังจากนำธูปเทียนไปปักตามจุดที่กำหนดไว้แล้ว ก็จะมุ่งตรงเข้าพื้นที่ด้านในซึ่งเป็นโซนสำหรับสะเดาะห์เคราะห์โดยเฉพาะ
บริเวณสำหรับสะเดาะห์เคราะห์นี้เป็นพื้นที่ค่อนข้างเคร่งครัด เจ้าหน้าที่คุมเข้มห้ามถ่ายรูปอย่างเด็ดขาด โดยให้เหตุผลว่า การถ่ายรูปคนขณะสะเดาะห์เคราะห์จะเป็นการนำเคราะห์กลับบ้าน ข้างๆ ทางเข้ามีป้ายขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า ปีชงในปีนี้ ได้แก่ มะแม มะโรง ฉลู จอ ถัดเข้าไปใกล้ๆ กันมีโต๊ะลงชื่อสำหรับสวดมนต์ปี ผู้ที่สนใจสามารถลงชื่อในสมุดเพื่อฝากทางวัดให้สวดมนต์ให้ตลอดปีได้ด้วย (สวดมนต์ปี 100 บาท)
สอบถามเจ้าหน้าที่วัดเกี่ยวกับการทำบุญสะเดาะห์แก้เคราะห์ปีชง เจ้าหน้าที่ปฏิเสธการให้ข้อมูลอื่นๆ เนื่องจากกลัวจะถูกมองว่าเป็นเรื่องของการโฆษณาเชิญชวน
นอกเหนือจากความคึกคักที่พบเห็นเป็นปกติในวัดแล้ว บริเวณร้านค้าร้านขายของมงคลบริเวณใกล้ๆ ก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย
แม่ค้าร้านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า คนจะมาทำบุญสะเดาะห์เคราะห์เยอะมากๆ ในวันชิวอิก (วันพระจีน) สินค้าที่ขายดีก็มีหลายอย่าง ทั้งชิ้นเล็กๆ เป็นของเพิ่มโชคลาภอย่างจี้ห้อยคอ สร้อยเรซิ่นรูปสัตว์และเทพประจำปีนักษัตร ส่วนของชิ้นใหญ่เอาไว้ตั้งโต๊ะเพื่อแก้เคล็ด สินค้าที่ทำมาสำหรับปีชงทั้ง 4 ปีจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ
ย่านเยาวราชในวันนี้ ตลอดทั้ง 2 ฝั่งฟุตบาทของถนนมังกรแน่นสายตาไปด้วยแผงขายของมงคล ว่ากันว่า ของมงคลชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากอาจารย์โหรชื่อดังจากฮ่องกงถึงกับมีการทำปลอมทำเลียนแบบกันแล้วด้วย
ไม่เพียงแค่ย่านไชน่าทาวน์เมืองไทย แต่ในย่านบางบัวทองที่ตั้งของวัดราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ฯ หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 นั้นก็มีประชาชนแห่กันไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ แก้ปีชง และเสริมดวงกันอย่างไม่ขาดสาย โดยในวันเสาร์-อาทิตย์จะมีผู้คนมากันอย่างหนาแน่น ทั้งกลุ่มครอบครัว วัยรุ่น คนต่างจังหวัด นักท่องเที่ยว
จากการสอบถามพระลูกวัดของที่นี่ ได้ความว่า คนที่มาวัดจะนิยมมาทำพิธีแก้ปีชงกันมาก จากนั้นก็จะทำพิธีเสริมดวงต่างๆ ซึ่งก็แล้วแต่กำลังและศรัทธาของแต่ละคน โดยค่าใช้จ่ายสำหรับการทำพิธีแก้ชงจะอยู่คนละ 100 บาท ส่วนพิธีกรรมอื่นๆ จะอยู่ที่ 100-150 บาท


<HR>
@ ทำบุญตามชื่อวัด... <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 align=right border=0><TBODY><TR><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ถือเคล็ดเริ่มนมัสการหลวงพ่อวัดสุทัศน์ฯ เพื่อขอให้มี "ทรรศนะ" ความคิดเห็นที่ถูกต้อง ไหว้หลวงพ่อวัดโพธิ์ เพื่อให้มี "ร่มโพธิ์ร่มไทร" ไว้ยึดเหนี่ยว นมัสการหลวงพ่อพระมหามณีรัตนปฏิมากร เพื่อจักได้มีซึ่ง "แก้วแหวนเงินทอง" ไว้เป็นทุนรอน ไหว้หลวงพ่อศาลหลักพระหลักเมือง เพื่อช่วยให้มี "หลักการ" ที่ดีในการดำเนินชีวิตประกอบอาชีพการงาน นมัสการหลวงพ่อวัดชนะสงครามเพื่อช่วยให้มี "ชัยชนะ" ทั้งหลายทั้งปวง และไหว้หลวงพ่อโตวัดอินทรวิหาร เพื่อโอกาส "ใหญ่โต" ก้าวหน้ารุ่งเรืองต่อไป
@ แหล่งสะเดาะเคราะห์ยอดนิยม...
"วัดมังกรกมลาวาส" วัดเก่าแก่ในย่านเยาวราช นักเรียน นักศึกษานิยมมากราบบูชา "ขงจื๊อ" และ "บุ่งเชียงเอี้ย" ขอพรเรื่องการสอบ การแข่งขัน ในวันตรุษจีน ผู้คนมักจะมากราบไหว้ท่าน "ไถ่สิ่งเอี้ย" เทพเจ้าแห่งโชคลาภเงินตราเป็นพิเศษด้วย ส่วนเทพเจ้าดูแลชะตาชีวิตมีนามว่า "ไท้ส่วยเอี้ย" ซึ่งเป็นเทพที่มีผู้นิยมมาสะเดาะห์เคราะห์ต่อชะตากันมาก โดยข้าวของบูชาส่วนมากใช้ดอกไม้ ธูป เทียน ผลไม้ ขนมต่างๆ ห้ามอย่างเดียวคือ เนื้อ
"ศาลเจ้าพ่อเสือ" อายุกว่า 185 ปี มีเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์องค์ประธาน "เจ้าพ่อใหญ่" คือ "ตั้วเล่าเอี้ยกง" บูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน เครื่องบูชากระดาษหรือเครื่องทรงของเจ้าพ่อ พร้อมทั้งผลไม้สด 3 อย่าง 5 อย่าง หรือ 9 อย่าง แต่ถ้าเป็นส้มเขียวหวานให้ถวาย 4 ผล (ของบูชาเจ้าพ่อใหญ่นำกลับได้) สำหรับ "เจ้าพ่อเสือ" บูชาด้วยหมูดิบ ไข่ดิบ ข้าวเหนียวแดง ผลไม้ ดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องกระดาษ แต่ของไหว้เจ้าพ่อเสือถือเป็นของสะเดาะห์เคราะห์ ไม่ควรนำกลับบ้าน เชื่อกันว่า บารมีของเจ้าพ่อเสือจะช่วยคุ้มภัยอันตราย แคล้วคลาด มีโชคลาภ ฯลฯ (เปิด 6 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น)
"ศาลเจ้าแม่ทับทิม" อายุ 175 ปี ว่ากันว่า เจ้าแม่ทับทิมเป็นเจ้าแม่แห่งความเมตตา เชื่อกันว่า ผ้ายันต์สีแดงรูปสามเหลี่ยมมีตราประจำองค์นั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามารถปกป้องภัยอันตรายได้ ภายในศาลยังมีเจ้าพ่อกวนอู เจ้าพ่อแป๊ะกง แม่พัวะและแม่โซ้วอีกด้วย ส่วนมากนิยมมาเติมน้ำมันตะเกียงเพื่อเพิ่มความรุ่งเรืองให้แก่ชีวิต (เปิด 6 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น)
@ ฮวงจุ้ยต้านชง...ตำรับหมอหยอง
หมอหยอง-สุริยัน สุจริตพลวงศ์ หมอดูชื่อดังได้แนะนำตามตำราของเขาถึงวิธีการแก้ไขฮวงจุ้ยเพื่อต้านปีชง โดยแบ่งความแรงของปีชงออกเป็น 3 ระดับ ไล่ตั้งแต่
ระดับปีชงแรงมาก เป็นปีชงของคนเกิดปีมะโรงกับปีจอ...คนในปีนี้ สีดำเป็นสีอริ เป็นสีที่ต้องหลีกเลี่ยง ควรเปลี่ยนเป็นสีอื่น แต่ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ อาจจะใช้วิธีอย่างเช่น ถ้าเก้าอี้สีดำ อาจจะเอาเบาะสีอื่นมารอง เอาผ้ามาสีอื่นมาคลุมโดยเน้นสีสด หรืออย่างรถยนต์ ถ้าเป็นสีดำ อาจจะแก้โดยการคาดสติกเกอร์ข้างรถ ให้สีดำมีสีผสม สำหรับเรื่องทิศ ไม่ควรหันโต๊ะทำงานไปทางทิศเหนือเด็ดขาด ส่วนทิศที่เป็นมงคลคือ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ระดับปีชงแรงปานกลาง เป็นปีชงของคนเกิดปีฉลู 4 รอบ (48 ปี)...ต้องสร้างบรรยากาศให้เย็น เพราะปีนี้เป็นปีร้อน เช่น การตกแต่งโต๊ะทำงานให้มีต้นไม้ อาจเป็นต้นไม้เล็ก มีหนามแหลม อย่างต้นตะบองเพชร บอนไซ กุหลาบหิน เพราะว่าพลังที่มาชนกับหนาม จะทำให้เบา หรือถ้าเป็นบ้าน โรงงาน ออฟฟิศ ที่มีพื้นที่ อาจจะปลูกกุหลาบ ต้นโป๊ยเซียน รอบห้องควรเป็นสีโทนเย็น สีฟ้า สีชมพู หรือสีอ่อนๆ ส่วนในห้องนอน ถ้าเตียงนอน ถ้าอยู่แนวเดียวกันกับทางเข้าห้องน้ำ ให้เปลี่ยนไปทางอื่น หรือเอาฉากมากัน
ระดับปีชงแรงไม่มาก เป็นปีชงของคนเกิดปีมะแมกับปีฉลูที่ไม่ใช่ 4 รอบ...ให้ระมัดระวังเรื่องที่เกี่ยวกับน้ำ อย่าง ห้องน้ำในที่ทำงาน บ้าน หรือในห้องนอน ควรติดกระจกที่ประตูห้องน้ำ ให้มีกระจกสะท้อนตัวเรา สะท้อนเอาของที่ไม่ดีไม่ให้ออกมาข้างนอก ถ้าเป็นโต๊ะทำงาน ออฟฟิศ ร้านค้า ให้แก้เรื่องน้ำโดยการตั้งตู้ปลา เป็นการเอาหนามยอกเอาหนามบ่ง ถ้าให้ดีที่สุด ควรจะมีปลา 9 ตัว เป็นปลาสีดำ 5 ตัว ขาว 4 ตัว ขาวต้องน้อยกว่าดำ แต่ถ้ามีปลาทองหรือปลาสีอื่นๆ ด้วยก็ต้องมีสีดำมากกว่าสีขาว ให้ดูดสิ่งเลวร้ายเข้าไปตั้งตรงทิศใดก็ได้ที่คนเข้ามาแล้วเห็น
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนปีชง ต้องมีสติ อย่าตกใจตื่นเมื่อมองเห็นปัญหา


-----------


http://www.matichon.co.th/prachachat/news_detail.php?id=2673&catid=1