เกร็ดธรรมเรื่องพระโสดาบัน โดย หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ขง, 29 มีนาคม 2015.

  1. ขง

    ขง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +676
    [FONT=&quot]สำหรับพระโสดาบันนี่ก็อยู่ในขั้นชาวบ้านชั้นดีเท่านั้น คือมีศีลบริสุทธิ์[/FONT]


    [FONT=&quot]มีความเคารพในพระรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการ ผมไม่เห็นมีอะไรมาก นอกจากว่าเราจะต้องรักษาศีลให้เป็นอัตโนมัติ คำว่าระวังในศีลจึงไม่มีในจิตเราเลย นี่หมายความว่าอย่างนี้ที่พูดอย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่า ปล่อยให้ศีลมันหายไปหมด คือเรื่องศีล จิตมันมีอารมณ์ปกติในการรักษาศีล โดยไม่ต้องระวังอย่างที่พวกเราหายใจกันอยู่ทุกวัน อารมณ์หายใจมันเคลื่อนไหวไปตามอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องสั่ง มัน จะหายใจเข้า หายใจออกเป็นปกติของมัน จะสั้นหรือยาวก็เป็นไปตามความต้องการของร่างกาย โดยที่จิตใจเราไม่ต้องไปสั่ง ข้อนี้มีอุปมาฉันใด การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ของพระโสดาบันก็เป็นเช่นนั้น ให้ศีลมันอยู่ในขอบเขตเป็นอัตโนมัติ มีการระมัดระวังเป็นปกติ นี่จึงจะเป็นการสมควร[/FONT]


    [FONT=&quot]จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๓๑ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน[/FONT]
    [FONT=&quot]------[/FONT]


    [FONT=&quot]ความ จริงนางสิริมานี้ทราบว่า ดูเหมือนว่าจะเป็น พระโสดาบัน ถ้าจะถามว่าหญิงโสเภณีเป็นพระโสดาบันได้ไหม ผมก็ตอบว่าได้ เพราะว่าถ้าเขาเป็นโสเภณีจริง ๆ ศีล ๕ เขาไม่ขาด ถ้าศีล ๕ ไม่ขาด ก็เป็นพระโสดาบันได้ เธอก็มีความเคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เรื่องอาชีพก็เป็นอาชีพ เรื่องความเคารพในพระพุทธศาสนาก็เคารพ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ เพียงเท่านี้ ทำไมจะเป็นพระโสดาบันไม่ได้[/FONT]


    [FONT=&quot]จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๓๒ [/FONT]

    [FONT=&quot]โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน[/FONT]
    [FONT=&quot]-------[/FONT]

    [FONT=&quot]องค์ของพระโสดาบันก็คือ ๑. มีความเคารพในพระพุทธเจ้า ๒. มีความเคารพในพระธรรม ๓. มีความเคารพในพระอริยสงฆ์ นี่จัดเป็นองค์ที่มี ๓ ประการ[/FONT]

    [FONT=&quot]และสิ่งที่จะแถมขึ้นมาก็คือพระนิพพานเป็นอารมณ์ ทำทุกสิ่งทุกอย่างไม่หวังผลตอบแทน ไม่หวังความดี มีชื่อเสียงในชาติปัจจุบัน มีความรู้สึกต้องการอยู่อย่างเดียวว่าเราทำความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพาน เท่านั้น[/FONT]

    [FONT=&quot]อารมณ์จิตตอนนี้ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท ภิกษุ สามเณรทุกท่านต้องจำไว้ จงอย่าไปคิดว่าพระโสดาบันเลอเลิศไปถึงอารมณ์อรหันต์ โดยมากมักจะคิดว่าอารมณ์ของพระอรหันต์เป็นอารมณ์ของพระโสดาบัน ก็เลยทำกันไม่ถึง เรื่องการคิดผิดความจริง การเป็นพระโสดาบันเป็นง่าย มีอารมณ์ไม่หนัก ที่หนักจริง ๆ ก็คือศีลอย่างเดียว[/FONT]


    [FONT=&quot]จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๓๑ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน[/FONT]

    [FONT=&quot]*******[/FONT]


    [FONT=&quot]อย่า ลืมว่าพระโสดาบันทรงคุณธรรมเพียง ๓ ประการเท่านั้น คือนึกอยู่เสมอว่า เราจะต้องตายเป็นปกติ เห็นความเกิด ความแก่ ความกลัดกลุ้มใด ๆ ก็ตามมันเป็นของธรรมดา แต่ความโลภอยากรวยยังมีอยู่ ความโกรธยังมีอยู่ ความหลงยังมีอยู่ แต่ความอยากสวย อยากรวย อยากโกรธ อยากหลง มันอยู่ในขอบเขตของศีล อยากสวยก็สวยโดยไม่ผิดศีล อยากรวยได้มาโดยไม่ผิดศีล ไม่คดไม่โกงใคร โกรธได้แต่ทำร้ายใครเขาไม่ได้ กลัวศีลขาด ยังหลงในร่างกายว่าเป็นเรา เป็นของเรามีอยู่ แต่ว่ารู้อยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย จิตใจมันปล่อยได้ งานทุกอย่างทำตามหน้าที่ แล้วมีอารมณ์ยอมรับนับถือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มีศีล ๕ บริสุทธิ์ มีอารมณ์รักพระนิพพานเป็นปกติ นี่แค่นี้เอง พระโสดาบัน[/FONT]


    [FONT=&quot]จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๓๐ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน[/FONT]


    [FONT=&quot]*****[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 เมษายน 2015
  2. ขง

    ขง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +676
    พระโสดาบัน ไม่สงสัยในคำสั่งและคำสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมา
    สัมพุทธเจ้า คำสั่งก็ได้แก่ ศีล คำสอนก็ได้แก่ จริยาอันหนึ่งที่เราเรียกกันว่าธรรมะ เป็นความประพฤติดีประพฤติชอบ ศีล พระพุทธเจ้า สั่งให้ละตามสิกขาบทที่กำหนดไว้ให้ ธรรมะ คำสอนทรงแนะนำว่า จงทำอย่างนี้จะมีความสุข ทั้งคำสั่งก็ดี ทั้งคำสอนก็ดี พระโสดาบันมีความเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย

    จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๒๗ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    *****

    ๑. ตัดความโลภเสียได้ ด้วยการให้ทาน
    ๒. ตัดความรักเสียได้ ด้วยการรักษาสิทธิซึ่งกันและกัน ยอมรับนับถือสิทธิซึ่งกันและกัน
    ๓. ตัดความโกรธเสียได้ ด้วยการมีพรหมวิหาร ๔ เป็นสำคัญ โดยการใช้ปัญญาพิจารณาทราบตามความเป็นจริงว่า โกรธกันเป็นทุกข์ รักกันเป็นสุข แล้วก็
    ๔. ไม่มัวเมาในทรัพย์สินกันมากเกินไป ด้วยใช้ปัญญาพิจารณาว่า คนตายแล้วแบกอะไรไปไม่ได้ เมื่ออยู่ก็ทำมาหากินเลี้ยงชีพไปตามหน้าที่ ตายแล้วก็แล้วกันไป ของมันจะหายไปด้วยจริยาใด ๆ ก็ตาม ติดตามได้ก็ได้ ไม่ได้ก็แล้วไป หมดเรื่องกัน

    ถ้าทำได้อย่างนี้เป็นอันว่าทุกท่าน ถ้าทรงใจได้อย่างนี้เป็นอันว่า ทุกท่านมีหวังว่า ทรงอารมณ์เป็นพระโสดาบันได้อย่างไม่ยาก

    จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๒๙ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    ******

    พระโสดาบันขั้นสัตตขัตตุง มีจริยาคล้ายชาวบ้านธรรมดามาก ยังมีอารมณ์รุนแรงในความรัก ยังมีอารมณ์รุนแรงในความโลภ ในความโกรธ ในความหลง แต่ทว่าเป็นผู้มั่นคงในศีล ไม่ละเมิด

    สำหรับพระโสดาบันขั้นโกลังโกละ ขั้นโกลังโกละนี้มีอารมณ์เยือกเย็นมาก หรือว่ามีความมั่นในคุณพระรัตนตรัย มีศีลมั่นคงมาก ความจริงเรื่องศีลนี่มั่นคงเหมือนกัน แต่ว่าจิตของท่านเบาบางในด้านความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความคำนึงถึงอารมณ์อย่างนี้มีอยู่แต่ก็น้อย ถ้า มีคู่ครองเขาจะโทษว่ากามคุณท่านลดหย่อนลงไป ความสนใจในเพศ ความสนใจในความโลภ อารมณ์แห่งความโกรธ อารมณ์แห่งความหลงมันเบา กระทบไม่ค่อยจะมีความรู้สึก

    สำหรับพระโสดาบันขั้นเอกพิชี ในตอนนี้อารมณ์ของท่านผู้นั้น จะมีอารมณ์ธรรมดาอยู่มาก ขอท่านทั้งหลายโปรดอย่าลืมว่า พระอริยเจ้าจะเป็นฆราวาสก็ดี จะเป็นพระก็ดี จะเป็นเณรก็ดี จะเป็นคนมีจิตละเอียด ไม่ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และไม่ขัดคำสั่ง ไม่ฝ่าฝืนกฏระเบียบวินัยและกฏหมาย อันนี้เป็นอารมณ์ของพระโสดาบัน ที่ท่านทั้งหลายจะพึงทราบ สำหรับเอกพิชีนี่ ความจริงมีอาการจิตใกล้พระสกิทาคามี แต่ทว่าสิ่งที่จะระงับไว้ได้นั้น กดด้วยกำลังของศีล มีความรู้สึกว่าเราจะต้องประคับประคองศีลของเรา ให้แจ่มใสอยู่เสมอ มองดูความรักระหว่างเพศ หรือว่าความร่ำรวย หรือว่าความโกรธ หรือหลงในระหว่างเพศ หลงในสภาวะต่าง ๆ เห็นว่าเป็นของไร้สาระ มีอารมณ์เบาในความปรารถนาในสิ่งนั้น ๆ แต่ทว่าก็ยังมีความปรารถนาอยู่

    จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๒๘ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    ******

    การปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอริยเจ้าขั้นพระโสดาบัน เราก็มาสรุปกันในตอนที่เรียกว่า บารมี ๑๐ ประการ นี่พระโบราณาจารย์ที่ท่านสอนมา ท่านสอนแบบนี้ ท่านบอกว่าตอนนี้ต้องควบคุมกำลังใจในบารมี ๑๐ ประการ ให้ครบถ้วน อย่าให้บกพร่อง ให้จิตมันเต็มอยู่เสมอ เมื่อจิตมันเต็มอยู่ในขั้นบารมี ๑๐ ประการในขั้นของพระโสดาบันแล้ว อารมณ์ตอนหนึ่งมันจะเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นของมันเอง คืออารมณ์มีจิตรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ จิตมีอารมณ์หน่วงเหนี่ยวในพระนิพพาน รักพระนิพพาน คิดอยู่เสมอ ฝันอยู่เสมอ ใคร่ครวญอยู่เสมอ ว่าเราต้องการพระนิพพาน

    อารมณ์ที่ต้องการไปพระนิพพานที่พระโบราณาจารย์ท่านบอกว่า เวลานี้จิตเข้าสู่โคตรภูญาณแล้ว คำว่าโคตรภูญาณ ก็หมายความว่า จิตอยู่ในระหว่างโลกีย์กับโลกุตตระ เหมือนกับเรายืนอยู่ที่ลำรางเล็ก ๆ เท้าซ้ายเหยียบทางนี้ เท้าขวาเหยียบทางโน้น ทั้ง ๒ เท้ายังเหยียบอยู่ ไม่มีเท้าใดยก ท่านเรียกว่า โคตรภูญาณ หลังจากนั้นไปชั่วขณะไม่มากนัก อารมณ์จิตก็จะยอมรับนับถือกฏของธรรมดา อารมณ์ใจจะไม่หวั่นไหวนัก ก็มีเหมือนกันแต่มีไม่มากนัก เรียกว่าพอมีแต่มีไม่มาก

    พอตัวธรรมดาเกิดขึ้นมาแล้ว ตอนนี้อารมณ์ใจของเรามีความมั่นคง มีจิตตรงต่อพระนิพพาน มองไปดูทาน ก็เต็มเปี่ยมด้วยการบริจาคทาน พอใจในทาน มองไปดูศีล ศีลของเราก็บริสุทธิ์ผุดผ่อง ตอนนี้ถ้าเราจะมองไปดูความรู้สึกพอใจในร่างกาย ก็รู้สึกว่ามันรักน้อยลงไป เห็นว่าร่างกายเป็นแต่เพียงเรือนร่างที่อาศัยเท่านั้น เราจะไปมองดูคุณพระรัตนตรัย คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ เราไม่ยอมเหยียดหยาม จิตใจของเรามีความเคารพพระรัตนตรัย ตามตำราหรือตามที่ท่านแนะนำกันมา ท่านกล่าวว่าเป็นพระโสดาบัน

    จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๒๙ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    ********

    คำ อธิบายเพื่อพระโสดาบัน ว่ากันไปว่ากันมาก็เลี้ยวลง ๗ จุด คือ มรณานุสสติกรรมฐาน พุทธานุสสติกรรมฐาน ธัมมานุสสติกรรมฐาน สังฆานุสสติกรรมฐาน สีลานุสสติกรรมฐาน จาคานุสสติกรรมฐาน และก็อุปสมานุสสติกรรมฐาน เพียงเท่านี้ ถ้าหากว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททรงได้ ท่านก็เป็นพระโสดาบัน

    จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๒๗ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    *******

    พระโสดาบันมีปัญญาเพียงเล็กน้อย รู้แค่ตายเท่านั้น ยังไม่สามารถจะ
    จำแนกแยกร่างกาย ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราได้ พระโสดาบันยังมีความรู้สึกว่า ร่างกายเป็นเรา เป็นของเรา ทรัพย์สินทั้งหลายยังเป็นเรา เป็นของเรา แต่ทว่ามีความรู้สึกว่า สิ่งทั้งหลายที่เป็นของเรานี้ทั้งหมดเมื่อตายแล้ว เราก็ไม่มีสิทธิที่จะเข้ามาครอบครอง หรือถ้าว่าเรายังไม่ตาย สักวันหนึ่งข้างหน้า มันก็ต้องสลายตัวไป

    จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๒๗ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    ********

    พระโสดาบันมีความเคารพในพระพุทธเจ้าอย่างจริงใจ ไม่คลายในความ
    เคารพในพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะมีเหตุใด ๆ เกิดขึ้น ใครจะมาจ้างให้รางวัลมาก ๆ ให้กล่าวว่าพระพุทธเจ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์ แม้แต่พูดเล่น พระโสดาบันก็ไม่พูด ทั้งนี้เพราะว่าอะไร เพราะว่าท่านมีความเคารพในพระพุทธเจ้า มีความเคารพในพระธรรม มีความเคารพในพระอริยสงฆ์อย่างจริงใจ แต่ทว่าระวังให้ดี ถ้าพระสงฆ์เลว พระโสดาบันไม่ใส่ข้าวให้กิน ตัวอย่าง ภิกษุโกสัมพีมีความประพฤติชั่ว ตอนนั้นฆราวาสที่เป็นพระอริยเจ้านับหมื่นไม่ยอมใส่ข้าวให้กิน เพราะถือว่าเป็นโจรปล้นพระพุทธศาสนา เป็นผู้ทำลายความดี ไม่ใช่ว่าเป็นพระอริยเจ้าแล้วละก็ จะเมตตาไปเสียทุกอย่าง ท่านเมตตาแต่คนดีหรือว่าบุคคลผู้ใดมีความประพฤติชั่ว แนะนำแล้วสามารถจะกลับตัวได้ พระโสดาบันก็เมตตา ถ้าเขาชั่วแนะนำแล้วไม่สามารถจะกลับตัวได้ พระโสดาบันก็ทรงอุเบกขาคือ เฉย ไม่สงเคราะห์ โปรดจำอารมณ์ตอนนี้ไว้ให้ดี

    จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๒๘ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    ********
    สำหรับพระโสดาบันกับพระสกิทาคามีมีเพียงแค่อนุสสติ ง่ายมาก

    ๑. นึกถึงความตาย แต่ไม่จำเป็นต้องนึกทุกลมหายใจเข้าออก
    ๒. ยอมรับนับถือ นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยความเคารพ แต่ไม่จำเป็นต้องทั้งวัน นึกขึ้นมาเมื่อไรมีความเคารพจริงใจเมื่อนั้น
    ๓. นึกถึงศีลหรือกรรมบถ ๑๐ เอาศีล ๕ ก็ได้ง่าย ๆ เป็นพระโสดาบัน ขั้นสัตตขัตตุง ควบคุมกำลัง คุมศีล ๕ ได้บริสุทธิ์ เท่านี้เองเป็นพระโสดาบันหรือสกิทาคามี

    จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๒๖ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    ******
     
  3. ขง

    ขง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +676
    สำหรับท่านที่จะเป็นพระโสดาบันจริง ๆ ต้องมีความเคารพในพระพุทธเจ้า

    จริง ในพระธรรมจริง ในพระอริยสงฆ์จริงต้องปฏิบัติจิต จนกระทั่งจิตมีอารมณ์รักในพระนิพพานอย่างยิ่ง บรรดาจะเป็นชายก็ดี หญิงก็ดี ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาก็ตาม ทำความดีแล้วจิตคิดไว้อยู่เสมอว่า ความดีที่เราทำแล้ว ตายเมื่อไรเราต้องการจุดเดียวคือนิพพาน อารมณ์นี้ต้องมั่นคง แล้วก็ใจชาลงจากความรักในระหว่างเพศ ชาเล็กน้อยนะ คือไม่ค่อยจะแรงเหมือนเดิม ชาจากกำลังของความร่ำ รวย ใจชาลงจากกำลังของความโกรธ ใจชาจากกำลังของความหลง มันชาเล็กน้อยไม่ชามาก หมายความว่าอารมณ์มันเกิดช้าไปนิดหนึ่ง พอเกิดแล้วอารมณ์มันก็เฉื่อยไปหน่อยหนึ่ง ความรัก ความอยากรวย ความโกรธ ความหลง ยังมีครบถ้วนบริบูรณ์ แต่ว่ากำลังมันช้าไป และกำลังใจของท่านผู้นั้นมีความรู้สึกอยู่บ้างว่า ในยามว่าง รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับกฏธรรมดาทั้งหมด แต่ว่าจะให้ละได้ทั้งหมดน่ะยังไม่จริง ยังละไม่ได้หมด แต่คิดว่าธรรมดามันเป็นอย่างนี้นี่นะ

    จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๒๕ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    *******

    อันดับ แรกที่ต้องเอาให้ได้จริง ๆ ก็คือ อารมณ์ของพระโสดาบัน แต่ว่าท่านจะเป็นพระโสดาบันหรือไม่นี่อย่าสนใจ ถ้าสนใจเกินไปจะยุ่ง จิตจะฟุ้งซ่าน จะมีมานะกิเลส ให้ถือว่าพระโสดาบันท่านทำอย่างไรเราทำตามนั้น ถ้าทุกคนหรือหลายคนทรงอารมณ์พระโสดาบันได้ ขึ้นชื่อว่าบาปเก่า ๆ ทั้งหมดที่ทำมาแล้ว ไม่มีโอกาสให้ผลท่านทุกคนไม่มีโอกาสลงอบายภูมิ คือไม่ต้องเป็นสัตว์นรก ไม่เป็นเปรต ไม่เป็นอสุรกาย

    ไม่เป็นสัตว์เดรัจฉาน แล้วก็มีเวลาจำกัดจะเกิดเป็นคน และในที่สุดก็ถึงนิพพาน

    จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๒๖ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    **************””

    ทีนี้พระโสดาบันมีอารมณ์อย่างไร ตัดสังโยชน์ ๓ คือ

    ๑. ตัดสักกายทิฎฐิ มีความรู้สึกว่าร่างกายนี้มันต้องตาย แต่ขึ้นชื่อว่าความตาย ไม่ได้นึกถึงทุกลมหายใจเข้าออก เป็นแต่เพียงว่าทุกวันตื่นขึ้นมาก็มีความเข้าใจว่า เราอาจจะตายวันนี้ก็ได้ไม่ประมาทในชีวิต
    ๒. มีการยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยความ
    จริงใจ ไม่สงสัยในความดีของท่าน
    ๓. มีศีล ๕ บริสุทธิ์ เท่านี้เอง ทรงศีลบริสุทธิ์ ถ้าทรงศีล ๕ บริสุทธิ์ เป็นพระโสดาบันขั้นสัตตขัตตุง ที่ว่ามีบารมีอย่างอ่อน ถ้ามีกรรมบถ ๑๐ ร่วมด้วยเป็นพระโสดาบันขั้นโกลังโกละ ถ้า ศีล ๕ ก็ดี กรรมบถ ๑๐ ก็ดี ปฏิบัติได้โดยไม่ต้องระวัง และมีการทรงตัวแน่นอนเป็นพระโสดาบันขั้นเอกพิซี หรือพระสกิทาคามี

    จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๒๔ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    *****

    อารมณ์ ๓ ประการของพระโสดาบัน คือ
    ๑. สักกายทิฏฐิ มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องตายมีแน่ในเรา
    ๒. วิจิกิจฉา ไม่สงสัยในความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ มีความเคารพจริง
    ๓. สีลัพพตปรามาส คือรักษาศีลครบถ้วน
    ถ้า ๓ ประการนี้ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททำได้ครบถ้วน อยู่ในเกณฑ์องค์ของพระโสดาบัน แต่ว่าขอทุกท่านจงอย่าคิดว่าเราเป็นพระอริยเจ้า คือพระโสดาบัน จะเกิดความประมาท จงคิดว่าเราจะเป็นพระอริยเจ้าหรือไม่เป็นไม่สำคัญ ขอแต่เพียงว่า
    ๑. เราไม่ลืมความตาย
    ๒. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่งแน่นอน
    ๓. รักษาศีลบริสุทธิ์ แค่นี้ใช้ได้
    ถ้าครบองค์ ๓ ประการแล้ว ถ้าจะไปเกิดในชาติใด บังเอิญจะไปนิพพานไม่ได้ชาตินี้ จะไปเกิดชาติใดฉันใดก็เป็นมนุษย์ที่มีความสุขตามสมควร มีความทุกข์น้อย

    จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๑๒๔ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    ****
     
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  5. boy thanawat

    boy thanawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +288
    สาธุ กราบนมัสหลวงพ่อพระราชพรหมยานครับ ได้ความรู้มากๆเลยครับ เป็นข้อพึ่งระวังไม่ให้ตนนั้นประมาทในชีวิตพึ่งรักษาศีลให้บริสุทธิ์ สาธุพระธรรมคำสอนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...