"หิรัณย์ เลขวัฒนะโรจน์" นายกอบต.-ห้อยชุดเบญจภาคี

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย guawn, 19 พฤศจิกายน 2006.

  1. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    "หิรัณย์ เลขวัฒนะโรจน์" นายกอบต.-ห้อยชุดเบญจภาคี

    คอลัมน์ พระเครื่องคนดัง

    วิจิตรา เนตรอุบล



    [​IMG] "การห้อยพระเครื่องก็เพื่อเตือนสติ แต่หากจะทำให้ชีวิตดี ปลอดภัยก็ต้องคิดดี ทำดี มีเมตตาจิตต่อผู้อื่น ไม่เกิดกิเลสในทุกๆ ด้าน สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่จะทำให้เราไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทาง หรือเดินเส้นทางผิด ทำให้เรามีเพื่อนหรือที่พักพิงในใจ"

    นี่คือหลักและแนวที่ "หิรัณย์ เลขวัฒนะโรจน์" นายกอบต.หินกอง อ.เมือง ราชบุรี วัย 49 ปี ใช้ในการดำเนินชีวิตการงานและครอบครัว

    "นายกอบต.หินกอง"เล่าว่า ไม่ใช่คนราชบุรีแต่กำเนิด บ้านเกิดจริงอยู่ที่ ต.วังแขม อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กอยู่ที่บ้านเกิดได้แค่อายุ 12 ปี ด้วยฐานะทางบ้านค่อนข้างลำบากมีโอกาสเรียนได้ไม่มาก ก็ต้องตามไปช่วยพี่ชายทำธุรกิจซื้อขายของเก่าในกรุงเทพฯ ทำอยู่ได้ 4 ปีก็ย้ายมาอยู่ที่จ.ราชบุรี โดยยังคงจับงานค้าขายของเก่าอยู่ ซึ่งตอนนั้นสามารถสร้างกำไรได้มาก จนสามารถขยับขยายกิจการหันมาเปิดร้านอาหารด้วย โดยมีคนในครอบครัวช่วยกันอย่างดี
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    "ระหว่างที่ทำธุรกิจได้มีโอกาสรู้จักกับผู้คนทุกระดับจำนวนมาก ทั้งด้านธุรกิจและสังคม ได้เจอกับปัญหาของชาวบ้านมากมาย ทำให้รู้ซึ้งว่าความลำบากของชาวบ้านหากไม่ได้รับการช่วยเหลือ หรือพัฒนาก็ยิ่งทำให้คุณภาพชีวิตพวกเขาแย่ลง ดังนั้น เมื่อมีคนชักชวนสนับสนุนให้เล่นการเมือง ผมก็เห็นว่าการพัฒนาท้องถิ่นเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถ จึงตัดสินใจลงสมัครส.อบต.ควบคู่กับการเรียนต่อด้านพัฒนาชุมชน จนจบปริญญาตรี ซึ่งก็ประสบความสำเร็จได้รับเลือกและได้รับความไว้วางใจให้นั่งเก้าอี้ประธานอบต.เมื่อปี 2543 และก็ต่อเนื่องมาเป็นสมัยที่ 2 แล้ว"

    สำหรับงานพัฒนาท้องถิ่นนั้นผมเน้นไปที่การศึกษาเป็นพิเศษ เพราะรู้ถึงความลำบากของคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือเป็นอย่างดี แต่กว่าจะประสบความสำเร็จ ตำบลมีความเจริญอยู่ในระดับต้นของอ.เมือง ราชบุรี ก็ต้องเจอกับงานที่ทั้งบู๊และบุ๋นจำนวนมาก แต่โชคดีที่ผ่านมาประชาชนให้ความร่วมมือดีมาก จึงไม่เคยมีปัญหาอะไรนัก ทั้งนี้ทั้งนั้นผมยึดหลักความเชื่อถือและให้เกียรติต่อความคิด ความต้องการของประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยส่วนตัวจึงไม่ค่อยมีเรื่องเครียด ไม่ค่อยมีที่พึ่งทางใจเท่าใด เพราะสิ่งสำคัญอีกอย่างที่ตนได้ตั้งมั่นมาตลอดคือ การใช้หลักมโนธรรม มนุษยธรรมทั้งต่องานและครอบครัว

    "หากพูดถึงเรื่องการบูชาพระเครื่องผมชื่นชอบพระเครื่องมาก จะจัดอยู่ในระดับเซียนก็ว่าได้ โดยเริ่มสะสมพระเครื่องเป็นจริงเป็นจังมาตั้งแต่ปี 2535 โดยพระเครื่ององค์แรกที่สะสมคือ พระสมเด็จวัดระฆังฯ ซึ่งได้มาจากผู้ใหญ่คนหนึ่งในกระทรวงมหาดไทย ผมห้อยติดตัวมาตลอดและก็สะสมมาเรื่อยๆ โดยมีพระเครื่องที่รักมากคือพระเบญจภาคีทั้ง 5 องค์ คือ สมเด็จวัดระฆังฯ พระนางพญา จ.พิษณุโลก พระรอดมหาวัน พระผงสุพรรณ และพระซุ้มกอ วัดฤๅษี จ.กำแพงเพชร"

    นอกจากนี้ ยังมีพระที่ติดตัวเป็นประจำคือ พระจตุคามรามเทพรุ่นที่ด้านหนึ่งเป็นพระเจ้าศรีธรรมโศกราช ลานสกา รุ่นบันดาลโชค อีกด้านหนึ่งเป็นพระราหู สร้างโดยพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช องค์นี้ได้มาจากเพื่อน โดยยังมีพระสมเด็จบางขุนพรหม ปรกโพธิ์ ที่นายอุดมพร คชหิรัญ มอบให้ หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ รุ่นปี 2497 พญาครุฑ กรุท่ากระดาน ซึ่งนายรังสรรค์ อารยวรรณไชยา เซียนพระที่ผมนับถือมากเขาให้มาบูชา

    "อย่างไรก็ดี ผมเคยมีประสบการณ์ที่เหลือเชื่อมาหลายครั้ง ขณะที่แขวนพระเบญจภาคีอยู่ ปี 2549 นี่เอง ผมเคยรถคว่ำถึง 3 ครั้ง แต่ละครั้งแทบไม่น่าเชื่อว่าจะรอดชีวิตมาได้ เพราะค่อนข้างแรงมาก แต่ก็ได้รับบาดเจ็บแค่ฟกช้ำเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะอะไร แต่สำหรับผมเชื่อว่าเป็นเพราะพุทธคุณของพระเครื่องที่ห้อยคออยู่ ท่านปกปักษ์รักษาชีวิต ดังนั้น ทุกครั้งก่อนที่จะออกจากบ้าน ผมจะนำพระเครื่องที่ห้อยคอมาตั้งจิตอธิษฐาน ซึ่งพระเครื่องที่บูชาแทบทั้งหมด

    จะเน้นไปทางด้านเมตตามากกว่าด้านคงกระพัน

    ref.http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03bud06191149&day=2006/11/19
     

แชร์หน้านี้

Loading...