หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระโพธิสัตว์แห่งอยุธยา ตอน หลวงพ่อปานทอดกฐิน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 6 พฤษภาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระโพธิสัตว์แห่งอยุธยา ตอน หลวงพ่อปานทอดกฐิน
    [​IMG]
    มาพูดกันถึงการปฏิบัติประจำอีกอย่างหนึ่ง หลวงพ่อปานนี่มีอุปนิสัยอย่างหนึ่งชอบทอดกฐินทุกปี เรื่องกฐินมี่ท่านทอดของท่านทุกปี ปีละหลายๆวัด ปีหนึ่งที่จังหวัดสุพรรณบุรี รู้สึกว่าข้าวยากหมากแพง ชาวบ้านต้องกินขุยไผ่ ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวชโน่น เลยจังหวัดสุพรรณขึ้นไปมาก ตอนนั้นไม่ได้ข้าวไม่ได้ปลา ต้องไปขุดขุยไผ่กิน หลวงพ่อปานก็ไปทอดกฐิน ๗-๘ วัด แต่การทอดกฐินคราวนั้น ท่านประกาศกับบรรดาพุทธบริษัทของท่านว่า จะต้องการเอาอาหารไปช่วยเขา เขาอดข้าวอดอาหาร นี่ ท่านเป็นนักสังคมสงเคราะห์ แต่ไม่มีใครเขาช่วยท่านหรอก รัฐบาลไม่ได้ร่วมมือ แต่ว่าชาวบ้านช่วยท่านไปคราวนั้น ปรากฏว่านำข้าวเปลือกบ้าง ข้าวสารบ้างไป ๗ ลำเรือ เรือลำหนึ่งจุประมาณ ๑๐ เกวียนบ้าง จุประมาณ ๒๐ เกวียนบ้าง เอาไป ๗ ลำ ที่ท่านได้มายังงั้นเพราะอะไร เพราะใครมาหาท่านก็บอกท่านจะไปทอดกฐิน แล้วว่าการทอดกฐินคราวนี้ต้องเอาข้าวเอาอาหารไปสงเคราะห์คนที่อดข้าว คนนั้นก็ให้ คนนี้ก็ให้ บางคนก็ให้เงิน บางคนก็ให้ข้าว บางคนก็ให้กับ พวกกรุงเทพฯ ก็ให้ทั้งเงินให้ทั้งของทะเล ผ้าผ่อนท่อนสไบ พวกจังหวัดสมุทรสาคร โยมพ่วง อยู่ที่นั่นก็เอาของทะเลมาเป็นลำๆเรือ น้ำปลาอย่างดี ของทะเลต่างๆ แล้วก็เงินทองด้วย ผลที่สุดนำไป ๗ ลำเรือ แจกกันขนาดหนัก บรรดาประชาชนสาธุไปทั่วกัน ว่ากันถึงเรื่องการทอดกฐิน จะพูดถึงอานิสงส์กฐินให้ฟัง หลวงพ่อปานทอดกฐินคราวไรละก็ท่านก็เทศน์แบบนี้ เทศน์แบบนี้ฉันจะนำใจความมาเล่าให้ฟังว่า การทอดกฐิน อานิสงส์ของกฐินนี่น่ะให้ผลทั้งชาติปัจจุบันและสัมปรายภพ ชาติปัจจุบันและสัมปรายภพหมายความว่าชาตินี้และชาติหน้า ชาติต่อๆไป คนทอดกฐินสังเกตตัวดู ถ้าทอดแล้วถึง ๒-๓ ครั้ง ความเป็นอยู่จะคล่องตัวขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ร่ำรวยก็ตาม แต่ความเป็นอยู่จะคล่องตัวขึ้น รู้สึกว่าเป็นคนโชคดีมากขึ้น หาลาภสักการคล่องตัวขึ้น ท่านบอกว่านี่ยังเป็นเศษของความดี อานิสงส์ของการทอดกฐินสามารถจะบันดาลให้คนปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็สำเร็จผล ดูตัวอย่างองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าองค์ปัจจุบัน สมัยนั้นเป็นมหาทุกขตะ สมัยที่พระปทุมมุตตะทรงอุบัติขึ้นในโลก แกไม่มีอะไร เป็นคนจน ไปชวนนายเขาทอดกฐิน ตัวเองก็เอาผ้าไปขายแลกกับด้ายหลอดเขามาด้วย ด้าย ๒ หลอด เข็ม ๑ เล่ม เอามาผสมกับกฐินเขา แล้วก็ปรารถนาพระโพธิญาณ พระปทุมมุตตะก็ทรงพยากรณ์ว่า บุคคลๆ นี้ต่อไปจะได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่าพระสมณโคดม นี่เป็นสมุฏฐานของการปรารถนาพระโพธิญาณของท่าน มีกฐินเป็นปัจจัย แล้วหลวงพ่อก็เทศน์ต่อไปว่า บุคคลใดก็ตามทอดกฐินแล้วถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา ต่อไปถ้าหากว่าไปได้บรรลุพระอรหัตผล ก็จะมีผ้าสำเร็จไปด้วยฤทธิ์มาสวมตัว พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่าเอหิภิกขุ แปลว่าเจ้าจงเป็นภิกษุมาเถิด เพียงเท่านี้ผ้าไตรจีวรก็จะลอยมาจากอากาศ สวมตัวเองด้วยอำนาจของอานิสงส์กฐิน สำหรับผู้หญิง ถ้าเป็นเจ้าภาพหรือจัดการในงานกฐิน ก็จะได้เครื่องมหาลดาปราสาท เครื่องประดับกายอย่างนางวิสาขา มีราคาตั้ง ๑๖ โกฏิ สวยงามมาก นี่อย่างหนึ่ง แล้วอีกอย่างหนึ่งคนที่ทอดกฐินแล้ว ถ้าตายจากความเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นเทวดา ๕๐๐ ชาติ หมายความว่า เกิดแล้ว ๑ ชาติของเทวดาก็คือพันปีทิพย์ หมดกำลังของพันปีทิพย์ก็จะเกิดเป็นเทวดาใหม่ ต่อไปอย่างนี้ ๕๐๐ วาระ ความจริงก็ได้เปรียบมาก ถ้าอย่างลูกหลานได้เป็นอย่างนั้นนะไปนิพพานกันหมด เพราะพวกเรามีศรัทธาอยู่แล้ว เป็นเทวดาก็เป็นเทวดาที่ไม่ประมาท ยังงี้ไปนิพพานกันหมด ดี ได้กำไร ๕๐๐ ชาติ เมื่อพ้นจากความเป็นเทวดาแล้วก็มาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าเป็นผู้ชายนะ ถ้าเป็นผู้หญิงก็เป็นคู่บารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ชาติ พระเจ้าจักรพรรดินี่ไม่ใช่พระเจ้าจักรพรรดิอย่างเบาได๋นะ จักรพรรดิส่งเดชอย่างนั้นไม่ใช่ คำว่าจักรพรรดินี่มีอำนาจปกครองไปทั้งโลก มีเกือกแก้ว แล้วก็มีพระขรรค์แก้ว แล้วก็มีแก้วมณีโชติ มีกำลังมาก เหาะได้ ไม่มีใครมีอำนาจเท่า แล้วก็มีธนูศิลป์ศร จะใช้ยังไงก็ได้เหมือนศรพระราม มีอำนาจปกครองโลก ปกครองโลกได้จริงๆ ไม่มีใครสู้ ถ้าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ก็มีขุนพลแก้วรบเก่ง ขุนคลังแก้วหาเงินเข้าคลังเก่ง ช้างแก้ว ม้าแก้ว นี่ใช้สงรามได้ดี นางแก้วคือเมียดี เวลาฤดูหนาวร่างกายของเมียก็อบอุ่นมากขึ้น แล้วเวลาฤดูร้อนร่างกายของเมียก็เย็น ทำความสุขให้แก่พระเจ้าจักรพรรดิ นี่ เป็นยังงี้ นี่ท่านว่ายังงั้น ถ้าพ้นจากสวรรค์ก็มาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ชาติ แล้วพ้นจากนั้นก็เป็นกษัตริย์ธรรมดาไป ๕๐๐ ชาติ จากนั้นก็มาเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ แล้วก็เป็นคหบดี ๕๐๐ ชาติ นี่ท่านบอกว่าอานิสงส์ของกฐินคราวเดียวก็สามารถให้ผลถึงเพียงนี้ ทุกคนควรจะทอดกฐินกัน แล้วเวลาทอดกฐินก็นึกว่าตนจะสงเคราะห์พระพุทธศาสนา หรือสงเคราะห์พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานั่นเอง แต่ว่าเนื้อนาบุญนี่สำคัญนะ เวลาจะหว่านข้าวลงไปดูเนื้อนาเสียด้วย นี่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เอง เนื้อนาบุญนี่สำคัญ ถ้านาดอนหว่านข้าวไม่ขึ้น ม้านหมด ถ้านาลุ่มข้าวก็น้ำท่วม นี่สำคัญมาก (แล้วว่ากันไปก็แล้วกัน) ใครจะทำที่ไหนจะทอดที่ไหนก็ไม่ว่า นี่แนะนำให้ฟัง หลวงพ่อปานท่านเทศน์อย่างนี้
    ฉันจะเล่าเรื่องย่อๆ เบ็ดเตล็ดอีกสักเรื่องหนึ่ง คือเรื่องธรณีสูบคน เขาร่ำลือกันว่าวัดของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคน่ะ มีคนถูกธรณีสูบ ๔-๕ คน เพราะสมัยนั้นการสัญจรการจราจรก็ไม่มาก มีเรือเขียว ๑ ลำ เรือแดง ๑ ลำ ล่องตอนเช้า แล้วก็ตอนเย็นๆ มีเรือเขียว ๑ ลำ เรือแดง ๑ ลำจากกรุงเทพฯ ผ่านหน้าวัด มีเท่านั้นนะ การจราจรมีไม่มาก คนที่เขาลงเรือเมล์มาเขาเห็นคนที่วัดบางนมโคจมดินลงไป จมดินลงไปถึงแค่คอหลายคน ๔-๕ คน แล้วพวกที่นั่งเรือนั่งแพ เรือแจวเรือพายก็ตาม ใครไปก็เห็นใครมาก็เห็น ข่าวเล่าลือกันไปว่าที่วัดของหลวงพ่อปานคนถูกธรณีสูบ ๔-๕ คนข่าวนี้มันก็ไปไว ปากคนเสียงคนนี่มีความสำคัญมาก ไม่ช้าคนเต็มวัดเต็มวา เรือแพหน้าวัดคนเต็มไปหมด ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะทุกคนเขาก็สนใจกัน สนใจเรื่องธรณีสูบ เมื่อขึ้นไปแล้วเขาก็ไปถามหลวงพ่อ ๆ ขอรับ คน ๔-๕ คนน่ะบาปอะไรธรณีถึงได้สูบ หลวงพ่อท่านก็ยิ้ม ท่านบอกว่าใครเขาบอกพวกเอ็งล่ะ ใครเขาบอกพวกเอ็งว่าธรณีสูบ คนพวกนี้น่ะมันเป็นโรคเหน็บชา คือขามันชา ข้าให้เอาใบขี้เหล็กกับอะไรบ้างก็ไม่ทราบ แล้วเผาเหล็กให้แดงเอาไปวางไว้ข้างล่างขุดหลุมแล้วเอาใบขี้เหล็กทับลงไป แล้วให้มันหย่อนขาลงไปเหยียบ เอาตูดนั่งบนแผ่นดิน แล้วก็เอาขาแหย่ลงไปถึงก้นหลุม แต่ไอ้เจ้าของไข้ของมัน อยากให้คนไข้น่ะมันหายเร็วเข้า มันก็ดันขุดหลุมเสียแค่คอเลย พอขุดหลุมเสร็จมันก็ทำพิธีกรรมตามข้าว่านั่น ทำตามนั้น แล้วเอาคนของมันลงไปยืนในหลุม นี่ข้าสั่งมันพักแล้วนะ มันก็บังคับคนไข้ของข้ายืนกันคนละครึ่งวันค่อนวัน นี่มันไม่ใช่ธรณีสูบนะ ข้าสั่งให้เขารับการรักษาโรคเหน็บชา นี่เรื่องธรณีสูบน่ะไม่มีอะไรมากหรอก มีเท่านั้น แต่ว่าคนที่จะต้องรับผลอันนี้มากคือใคร ก็คือหลวงพ่อปาน ในเมื่อชาวบ้านชาวเมืองมากันเต็มวัดเต็มวา งานประจำปีก็ยังสู้ไม่ได้ มากันหลายวัน หลวงพ่อปานก็เกณฑ์สิ หาคนไม่ทันก็พระนั่นแหละ ตั้งกระทะเป็นแถว เอากระทะหุงข้าวตั้งเป็นแถวเลี้ยงชาวบ้าน แต่อาหารประจำของท่านต้องมี พอท่านสั่งเลี้ยง ฉันก็ต้องรีบไปหาหัวตาลมากับผักบุ้ง ต้มปลาร้าหัวตาลกับแกงคั่วส้มผักบุ้ง ต้องมีทุกรายการที่หลวงพ่อปานมีงาน ฉันรู้ใจท่าน ฉันไปหามากัน แล้วก็ขนม ๒ อย่าง คือ ข้าวตอกน้ำกะทิ แมงลักละลายน้ำ ๒ อย่างนี้เป็นขนมประจำ เป็นอันว่ารายจ่ายของหลวงพ่อปานไม่รู้ว่าเท่าไหร่ แต่น่าอัศจรรย์นะ คนถูกธรณีสูบเพราะอาศัยการรักษาโรค เป็นปัจจัยที่ทำให้หลวงพ่อปานได้สตางค์คราวนั้นหมื่นบาทกว่า หมื่นบาทกว่าเชียวนะ พอได้ทุนหมื่นบาทกว่า ทั้งๆที่ท่านไม่ได้ประกาศเรี่ยไรอะไรทั้งหมด ท่านก็เลยตั้งท่าตั้งทุนเอาสร้างโบสถ์สร้างศาลา เรื่องการเก็บไม่ต้องพูดกัน การเก็บสะสมไม่ต้องพูดกัน เอาละ บรรดาลูกหลานทั้งหลาย เรื่องข่าวลือไม่มีสาระ แต่ว่าคนที่อาศัยข่าวลือให้เป็นประโยชน์ คือทำที่ไม่เป็นสาระให้เป็นสาระก็สามารถทำได้ นั่นก็ได้แก่ข่าวลือ คนเขามาแล้วหลวงพ่อปานท่านก็เลี้ยงด้วยอำนาจเมตตาบารมีนี่คนเมื่อมีความใจดี หลวงพ่อปานเลี้ยงจนอิ่มก็บังเกิดจิตเป็นกุศล เอาสตางค์มาทำบุญกับท่าน ในที่สุดท่านได้สตางค์หมื่นกว่าบาท ก็เอาเงินนั้นไปสร้างโบสถ์สร้างศาลาที่วัดอื่น ไม่ใช่วัดบางนมโค ก็ปรากฏว่าคนธรณีสูบมีอานิสงส์ คือสามารถสร้างโบสถ์สร้างวิหารได้ ขอหยุดเท่านี้นะ ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลจงมีแก่ลูกหลาน สวัสดี
    ที่มา http://palungjit.org/threads/เพียง๑๐๐บาทร่วมบุญปิดสมเด็จพระพุฒาจารย์โต๖๙นิ้ว.548123/
     

แชร์หน้านี้

Loading...