หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระโพธิสัตว์แห่งอยุธยา ตอน. หลวงปุ่ปานพบหลวงปู่คำคะนิง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 1 พฤษภาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระโพธิสัตว์แห่งอยุธยา ตอน. หลวงปุ่ปานพบหลวงปู่คำคะนิง
    [​IMG]
    เมื่อหลวงปู่คำคะนิงเดินธุดงค์ผ่านเข้าเขตเชียงตุง(ประเทศพม่าในปัจจุบัน ห่างจากด่านอ.แม่สายของไทยประมาณร้อยกว่ากม.) ในเขตป่าใหญ่เทือกเขาแห่งหนึ่งเป็นภูเขาดิน มีอุโมงค์พอที่จะเป็นที่พักพิง หลวงปู่ท่านจึงคิดในใจว่าจะเอาที่ตรงนี้เป็นที่ตายโดยจะไม่ให้ใครเห็นแม้แต่ซากศพของท่านเอง หลวงปู่ท่านได้อยู่มาถึงหนึ่งพรรษา หลังจากผ่านไปประมาณเดือนห้าหรือเดือนหก หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้พาคณะธุดงค์ผ่านมาในเขตเชียงตุง มาพบหลวงปู่คำคะนิงในป่าลึก
    ...ครั้นเมื่อพบกัน หลวงพ่อปานก็พูดขึ้นว่า
    “ เออ...นี้พระหรือคน ”
    หลวงปู่คำคะนิงได้ยิน ก็เกิดโมโหเดือดดาลขึ้นมาทันที แล้วพูดขึ้นว่า
    “ ได้พระนะมันอยู่ที่ไหน เฮ้ย...พระมันอยู่ที่ไหนวะ ”
    หลวงพ่อปานท่านก็ย้อนตอบว่า
    “ อ้าว...ก็เห็นผมยาว ผ้าก็อีหรุปุปะสีเหลืองก็ไม่มี แล้วใครเขาจะรู้ว่าพระหรือคน ”
    หลวงปู่คำคะนิงท่านก็ถามหลวงพ่อปานว่า
    “ พระมันอยู่ที่ผมหรือวะ ” หลวงพ่อปานตอบว่า ไม่ใช่
    หลวงปู่คำคะนิงท่านก็ถามหลวงพ่อว่า
    “ พระมันอยู่ที่ผ้าเหลืองหรือวะ ” หลวงพ่อปานตอบว่า ไม่ใช่
    หลวงปู่คำคะนิงก็ถามอีกว่า
    “ แล้วพระมันอยู่ที่ไหนเล่า ”
    หลวงพ่อปานก็ตอบว่า
    “ พระน่ะอยู่ที่ใจสะอาดนะซี ”
    หลวงปู่คำคะนิงท่านก็เลยหันมาตะคอกเข้าใส่เอาว่า
    “ ถ้าอย่างนั้นก็เสือกถามทำไมล่ะวะพระหรือคน ”
    หลวงพ่อปานท่านก็เลยตอกกลับให้ว่า
    “ เห็นผมเผ้ายาวรุงรังอย่างนั้นนี่ใครจะไปรู้เล่า ”
    หลวงปู่คำคะนิงก็ยังไม่หายโมโห เลยกระแทกให้ว่า
    “ ก็ในเมื่อพระไม่ได้อยู่ที่ผม ไม่ได้อยู่ที่ผ้าแล้ว เสือกมาถามทำไม ทำไมไม่ดูใจคน ไอ้พระบ้านพระเมือง พระกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดีมันจะต้องเห็นดีกัน ”
    .....หลวงปู่คำคนิงพูดจบ ท่านเดือดโมโหจัดก็เลยหันไปคว้าเอาหวายอันยาวร่วมวา ขว้างผลุงไปตรงหน้าหลวงพ่อปาน อัศจรรย์เป็นที่สุด ไม้หายไปกลายเป็นงูตัวยาวใหญ่พุ่งฉกเข้าหากลุ่มพระธุดงค์หลวงพ่อปาน(หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ,หลวงพ่อฤๅษีฯเล็ก และหลวงพ่อฤๅษีฯขาว)แตกฮือหลบฉากไปแอบอยู่ข้างหลังพ่อปานกันหมด ต่างก็แปลกใจไปตาม ๆ กันไม้ไหงกลายเป็นงู
    .....อัศจรรย์มาก ใบไม้ของหลวงพ่อปานก็กลายเป็นนกตัวใหญ่โฉบเอางูของหลวงปู่คำคนิงหายไปทั้งงูแลนกใหญ่ พองูตกลงมาถึงพื้นดินงูนั้นก็กลายเป็นช้างใหญ่ ส่วนของหลวงพ่อปานก็กลายเป็นเสือต่อสู้กันต่างฝ่ายต่างก็บันดาลให้เป็นสัตว์ร้าย ต่อสู้กันเต็มไปหมด ยังไม่มีใครแพ้ ชนะ ต่างคนต่างบันดาลลมพายุฝนเข้ากระหน่ำกันจนทำให้ฝุ่นตลบไปหมดในบริเวณนั้น เวลาผ่านไปครึ่งค่อนวัน ก็หามีใครแพ้ชนะไม่ จนต่างฝ่ายต่างเหนื่อยอ่อน ทำอะไรกันไม่ได้
    .....ในที่สุดหลวงปู่คำคนิงและหลวงพ่อปานต่างก็นั่งลงหัวเราะกันด้วยความขบขัน หลังจากนั้นหลวงปู่คำคนิงก็บอกคณะธุดงค์ของพ่อปานว่าข้าสองคนนี้เป็นเพื่อนกัน พระธุดงค์ลูกศิษย์หลวงพ่อปานก็เข้าไปกราบหลวงพ่อคำคนิง ท่านก็เอามือลูบศรีษะพระทุกองค์ด้วยความเมตตา หลวงพ่อปานก็บอกกับหลวงปู่คำคนิง ว่าพระพวกนี้เขาอยากเห็นของจริงก็เลยพาเขามาให้เห็นเสีย พระพวกนี้เขาก็เป็นคนจริงเสียด้วย
    ......หลวงปู่คำคนิงก็เลยบอกว่า ข้าน่ะไม่ได้เก่งอะไรหรอก อาจารย์แกเขาเก่งอยู่แล้ว เมื่อพูดจบหลวงพ่อปานก็บอกว่าตัวท่านเองไม่เก่งหรอกสู้หลวงปู่คำคนิงไม่ได้ ต่างฝ่า[BIGVDO][/BIGVDO]ยต่างไม่ยอม ให้ใครเป็นอาจารย์กันผลสุดท้ายตกลงเป็นเพื่อนกันในระหว่างพักแรมด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างโต้ตอบถามธรรมะแก่กันทั้งฝ่ายถามฝ่ายแก้ก็หาได้แพ้ชนะกันไม่ สลับถามตอบกันไปกันมา จนต่างฝ่ายเลิกถามกันไปเอง หลวงพ่อปานและคณะธุดงค์ได้พักอยู่กับหลวงปู่คำคนิงหลายวันพอสมควร จึงได้แยกย้ายจากกัน
    ที่มา หนังสือประวัติและปฏิปทาของหลวงปู่คำคะนิง จุลมณี วัดถ้ำคูหา
    ที่มา http://palungjit.org/threads/เพียง๑๐๐บาทร่วมบุญปิดสมเด็จพระพุฒาจารย์โต๖๙นิ้ว.548123/
     

แชร์หน้านี้

Loading...