หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระโพธิสัตว์แห่งอยุธยา ตอน พระพุทธรูปลาภ ของวัดบางนมโค(พระพุทธโสนันทะ)

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 5 พฤษภาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระโพธิสัตว์แห่งอยุธยา ตอน พระพุทธรูปลาภ ของวัดบางนมโค(พระพุทธโสนันทะ)
    [​IMG]
    ตอนนี้ก็มีเรื่องอีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่อง น่าคิด คนทั้งหลายจะลองทำดูก็ได้ คือว่าหลวงพ่อปานท่านสร้างพระพุทธรูปของท่านไว้องค์หนึ่ง

    พระพุทธรูปองค์นี้มีเชื้อเป็นข้าวสุก เขาเรียกว่าเป็น พระพุทธรูปลาภ คือว่าข้าวหรืออาหารคำไหนที่อร่อยที่สุดท่านไม่กลืนหรอก ท่านคายออกมาแล้วเก็บไว้ แล้วก็ฉันไป ๆ คำไหนรู้สึกว่าอร่อยที่สุดท่านก็คายออกมา พอกระทบลิ้นแล้วรู้สึกว่ามันอร่อยก็คายออกมาเก็บเอาไว้ เก็บไว้อย่างนี้ ๓ เดือน กลางวันก็เอาไปตาก ๓ เดือน
    พอครบ ๓ เดือนแล้วท่านก็ให้พระเอาข้าวตากมาป่นเข้า พอป่นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เรียกนายช่างเข้ามาให้ปั้นเป็นพระพุทธรูป

    แต่ว่าข้าวที่จะกินอันนั้น ต้องเสกเสียก่อนนะคือเสกด้วยคาถาลาภ เช่น คาถาพระสีวลีหรือคาถาพระฉิมพลีก็ได้ หรือจะเป็นคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ได้ เพราะเป็นคาถาที่นำลาภมา

    เมื่อช่างปั้นพระพุทธรูปองค์นั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านก็ทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญเทวดาทั้งหมดและบารมีของพระพุทธเจ้ามาช่วยคุ้มครอง
    แล้วท่านก็บอกว่าถ้าเวลาฉันไม่อยู่

    (หมายถึงตัวท่านนะ ท่านพูดกับพระ) ถ้าฉันไม่อยู่ถ้ากับข้าวกับปลาพระมันไม่พอกินล่ะก็ บางทีไอ้ของที่ฉันให้ไว้มันจะขาดแคลนไปเพราะฉันไปสร้างวัดต่าง ๆ มันกลับตามกำหนดเวลาไม่ได้ พวกเธอจงเอาธูป ๕ ดอกไปอาราธนาพระเพื่อขอบารมีที่พระพุทธรูปองค์นี้เธอจะได้ข้าวบริโภค

    อันนี้เป็นเคล็ดลับอันหนึ่งนะจะเล่าให้ฟัง ซึ่งก็น่าคิด ทีนี้พอหลวงพ่อปานไป ความจริงกับข้าวมันก็พอมีกินแต่เราจะลอง ลองกันเพราะหลวงพ่อบอกว่าจะจริงหรือไม่จริง

    ก็ลองจุดธูปอาราธนาบารมีพระขอกับข้าว (กับข้าวที่มีอยู่มันก็ดีหรอกแต่ว่ากินไม่อร่อย) อยากจะได้กับข้าวจากชาวตลาดที่อร่อย ๆ สักหม้อหนึ่ง

    พอบูชาแล้ว แต่ว่าบูชานั้นจะใกล้เพลนักไม่ได้นะเขาจะทำไม่ทัน บูชาเวลาประมาณ ๒ โมงเช้า พอ ๔ โมงเช้า
    กว่า ๆ เห็นมีเรือยนต์วิ่งมาลำหนึ่ง แหม..เอากับข้าวกับปลามาเยอะแยะ มาถามว่าหลวงพ่อปานอยู่ไหม

    ก็บอกว่าหลวงพ่อไม่อยู่หรอกโยมท่านไปเขาวงพระจันทร์ แล้วก็จะเลยไปจังหวัดสุพรรณบุรีเพื่อไปตรวจงานก่อสร้าง
    โยมคนนั้นก็บอกว่าตายจริงผมจะเอากับข้าวมาถวายหลวงพ่อ
    จึงถามว่าโยมถวายมากไหม
    เขาบอกว่าหลายหม้อ (ชื่อโยมบุญช่วย)
    แกก็เลยบอกว่าหลวงพ่อไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร พระอื่นก็เป็นบุญเหมือนกัน ฉันขอถวาย แล้วแกก็เอาของขึ้นมาถวายพระ ฉันกันไม่หวัดไม่ไหวเยอะแยะ ความจริงไอ้กับข้าวที่มีอยู่แล้วมันก็พอ แต่ทีนี้พวกเราอยากจะกินให้มันดี

    เมื่ออาหารที่เราต้องการได้สมประสงค์ ตอนนี้ก็ชักกำเริบแล้ว ไอ้ลิ้นเป็นพิษ เขาเรียกว่าลิ้นเป็นพิษคือไอ้ความพอของคนน่ะมันไม่มี เมื่อมีกินเข้าทีแล้วไอ้ของกินที่พอจะกินได้ล่ะไม่พอใจเสียแล้ว

    ทีนี้ไม่เอาอย่างนั้น ไม่ใช่รออดนี่ก็ขอกันทุกวันเลย บอกว่าวันนี้ขอกับข้าว อีตอนนั้นกับข้าวทางเหนือวัดคือว่าความจริงมันทางทิศใต้ แต่ว่ามันเป็นทางเหนือนํ้าเขาเลยเรียกว่าเหนือวัด พอรุ่งขึ้นอีกวันก็ขออาหารใต้วัด บอกขออาหารเช้าใต้วัด คืออยู่ทางทิศใต้ของวัด ขอจงนำอาหารมา เอาแกงอะไรเท่าที่มีรสพอจะหาได้ในปัจจุบัน และผลที่สุดก็มีคนมาทำกันอยู่อย่างนั้นสัก ๔ วัน หลวงพ่อปานโผล่เลย โผล่ทำไม

    ท่านบอกว่าไอ้พวกเราเล่นพิเรนทร์ นางตะเคียนเขาไปฟ้อง พอท่านมาถึงก็ถามท่านว่าหลวงพ่อครับ หลวงพ่อกำหนดไว้ว่าอีกหลายวันจะกลับ หลวงพ่อทำไมถึงมา
    ท่านบอกว่าจะไม่มาได้หรือก็พวกแกมันเล่นพิเรนทร์ พระพุทธรูปองค์นั้นฉันมีไว้เพื่อกันพวกแกอด ไม่ใช่มีไว้ให้พวกแกโลภในอาหาร
    จึงถามว่าทำไมครับหลวงพ่อ (พวกเราทำเป็นไม่รู้)
    ท่านบอกว่า ไอ้แกน่ะไม่ต้องถาม ไอ้แกน่ะมันตัวดีเลยล่ะ ไอ้ลิงดำ ฉันไม่อยู่ แกขอกับข้าวตลาดใช่ไหม
    จึงตอบท่านว่าครับ
    ท่านถามว่าแล้วมาหรือเปล่า
    ตอบท่านว่าผมขอหม้อเดียวครับแต่มาตั้งเยอะ
    ท่านบอกว่าเขาจะมาน้อยได้อย่างไรก็มาเยอะน่ะสิ
    แล้วผลที่สุดแกก็ขอทุกวันเลยคราวนี้ แกอยากกินอะไรกันทุกวัน ความจริงกับข้าวมันมีอยู่แล้ว พระอย่างนี้เขาต้องเอาไว้ขอเวลาอด
    ถามว่าหลวงพ่อรู้ได้อย่างไรครับ
    ท่านบอกทำไมจะไม่รู้ก็นางตะเคียนเขาไปฟ้องข้านี่ เขาบอกแกน่ะเอาแล้วชักอยากกินใหญ่แล้ว ไอ้ตัวอยากนี่มันตัวนรก แกอย่าพยายามอยากคืออย่าตามใจลิ้น ไอ้ตัวอยากมันเป็นตัณหา จะเป็นอยากอาหารการบริโภคอะไรมันก็เป็นตัณหาทั้งนั้น ขึ้นชื่ออาหารการบริโภคมันก็กินเพื่อยังอัตภาพให้เป็นไป ไอ้รสอร่อยหรือไม่อร่อยนี่มันไม่สำคัญ

    คนเราถ้าลองไปติดในรสอร่อยเสียแล้ว ผลที่สุดฌานสมาบัติมันก็จะเสื่อม วิปัสสนาญาณมันก็จะไม่แจ่มใส จะทำอะไรมันก็ไม่ได้ดีเพราะติดในรสอาหาร
    เอาเข้าแล้วถูกเทศน์แล้ว
    อันนี้รู้สึกว่าท่านมีอะไรดี ๆ ของท่านจริง ๆ เราจะทำอะไรเป็นเรื่องลี้ลับแม้แต่สักนิดหนึ่งก็ไม่ได้ หลบไม่ได้ ไอ้นี่มันเป็นอุทาหรณ์อันหนึ่งสำหรับท่านผู้ฟังท่านผู้อ่าน

    เท่าที่ฟังหรืออ่านมานี่ ก็จงอย่าคิดนะว่ามันจะเป็นสิ่งเกินวิสัยที่เราจะทำไม่ได้ เราจะรู้ไม่ได้ เราจะเห็นไม่ได้สำหรับเรื่องผี เรื่องเทวดา แต่ว่าขออย่างเดียวคือทำให้ถูก
    ที่มา http://palungjit.org/threads/เพียง๑๐๐บาทร่วมบุญปิดสมเด็จพระพุฒาจารย์โต๖๙นิ้ว.548123/
     

แชร์หน้านี้

Loading...