สู่แสงธรรม กับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตอน หลวงพ่อรู้อารมณ์จิต

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 20 สิงหาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444

    [​IMG]
    สู่แสงธรรม กับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตอน หลวงพ่อรู้อารมณ์จิต

    เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2518 ข้าพเจ้าได้พาภรรยาพร้อมด้วยผู้ติดตามอีก 2 ท่านคือ พ.อ.อ.สายศิริรัตน์และ พ.อ.อ.กริช บำรุงพงษ์ ไปร่วม งานพิธี 100 ปี หลวงปู่ปาน ที่วัดท่าซุง อุทัยธานี ในวันนั้นข้าพเจ้าจำได้ว่ามี "พระสุปฏิบันโน" ระดับสูงจากภาคเหนือมาร่วมในงานพิธีมากมาย อาทิเช่น

    หลวงปู่คำแสน วัดสวนดอก หลวงปู่คำแสน(เล็ก) วัดดอนมูล หลวงปู่ครูบาธรรมชัย หลวงปู่ครูบาวงศ์ หลวงปู่สิม หลวงปู่บุดดา และหลวงปู่มหาอำพัน จากวัดเทพศิรินทร์ กรุงเทพฯ เป็นต้น (ความจริงมีมากกว่านี้ แต่เนื่องจากกาลเวลาผ่านมานานมาก และข้าพเจ้าเกรงจะเกิดการผิดพลาดขึ้น จึงมิกล้าเอ่ยถึงท่านอื่นๆ อีก)

    เมื่อใกล้เวลาที่หลวงพ่อจะขึ้นศาลา ข้าพเจ้าและผู้ติดามก็พากันรีบขึ้นไปรอหลวงพ่ออยู่บนศาลาร่วมกันบรรดาศิษย์ทั้งหลาย ซึ่งมาชุมนุมกันอยู่อย่างแน่นขนัด และต่างก็ชะเง้อมองลงไปดูขบวนแห่ของหลวงพ่อ ซึ่งเมื่อเห็นก็บังเกิดอาการขนลุกซู่..!!!

    เพราะภาพที่ปรากฏก็คือ หลวงพ่อของเราประทับนั่งอยู่บนเสลี่ยงเป็นสง่า และรอบๆเสลี่ยงนั้นมีหลวงปู่ทั้งหลายที่ข้าพเจ้ากล่าวมาแล้วข้างต้นเดินตามมาด้วยอาการสงบเสงี่ยม เสมือนหนึ่งขุนศึกถวายอารักขาจอมทัพฉะนั้น (นี่เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่เกิดขึ้นในจิตของข้าพเจ้าในขณะนั้นจริงๆ มิใช่มากล่าวเยินยอหลวงพ่อที่เป็นอาจารย์เกินเหตุ)

    เมื่อเสลี่ยงของหลวงพ่อขึ้นมาบนศาลา และเคลื่อนใกล้มายังจุดที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นหลวงพ่อซึ่งนั่งอยู่บนเสลี่ยง "มีผิวสีดำ" และ "เคี้ยวหมาก" อีกด้วย (ตามปกติหลวงพ่อจะไม่ฉันหมาก)

    จิตในตอนนั้นของข้าพเจ้า ก็บังเกิดความอยากได้ "ชานหมาก" ที่หลวงพ่อกำลังขบเคี้ยวอยู่ขึ้นมาอย่างรุนแรง และคิดว่าหากได้มาข้าพเจ้าจะกินและกลืนลงท้องทันที น่าจะเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง

    ทันใดนั้นสิ่งที่เหลือเชื่อก็อุบัติขึ้น กล่าวคือ หลวงพ่อคายหมากที่กำลังขบฉับอยู่ลงในฝ่ามือแล้วพูดดังๆ ว่า “เอ้า..คุณมนูญ..เอาไป..!” พร้อมกับปาชานหมากนั้นมาทางกลุ่มของข้าพเจ้าซึ่งเบียดอยู่กับศิษย์อื่นๆ แน่นขนัด

    ข้าพเจ้าในขณะนั้นทำอะไรไม่ถูก เพียงแต่ยกแขนแบมือขึ้นเหนือศีรษะ ท่ามกลางฝ่ามือของผู้อื่นเป็นจำนวนมาก ที่กระโดดขึ้นแย่งชานหมากที่ลอยมา แต่ทว่าหมากของหลวงพ่อคำนั้นกลับมาตกอยู่ในฝ่ามือของข้าพเจ้าที่ยกชูขึ้นเฉยๆ ทั้งคำ โดยมิได้กระจายหรือตกไปเป็นของผู้ใดเลยแม้แต่น้อย ซึ่งข้าพเจ้าก็รับเอาใส่ปาก และเคี้ยวกลือลงไปตามที่ได้ตั้งใจไว้แต่แรกโดยทันที ท่ามกลางความประหลาดใจแก่ผู้ที่อยู่รอบข้างเป็นอย่างยิ่ง

    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าดังกล่าวนี้ ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากคิดว่าหลวงพ่อรู้ถึงอารมณ์จิตของข้าพเจ้าในขณะนั้นว่า อยากได้ชานหมากที่ท่านกำลังขบเคี้ยวเป็นอย่างยิ่งจึงโยนให้มา และการที่หลวงพ่อจะรู้ถึงอารมณ์จิตของข้าพเจ้าได้ หลวงพ่อก็ต้องได้ เจโตปริยญาณ อย่างแน่นอน

    นอกจากนั้นหลวงพ่อจะต้องทรงอภิญญาด้วย จึงสามารถบังคับชานหมากทั้งคำมิให้แตกกระจายและหลบเลี่ยงจากการไขว่คว้าของผู้อื่น จนกระทั่งมาตกลงบนฝ่ามือของข้าพเจ้าได้ดังที่ตั้งใจจะให้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์อีกด้วย

    อีกครั้งหนึ่ง พออากาศตรีเรวัตร วิริยพงศ์ (ยศในตอนนั้นขณะที่เป็นเจ้ากรมจเรทหารอากาศ) และ นาวาอากาศเอกสมชาย ถึงพุ่ม (ยศในตอนนั้น ขณะที่เป็นรองเจ้ากรมจเรทหารอากาศ) ได้พากันมาที่บ้านพักของข้าพเจ้าในกองบิน 4 ตาคลี ตอนเย็นหลังจากการปฏิบัติภารกิจตรวจเยี่ยมกองบินของกรมจเรฯ

    ทั้งนี้เพราะทั้สองท่านมีความศรัทธาธรรมเลื่อมใสในหลวงพ่อมาก และได้ทราบว่าข้าพเจ้าจะเดินทางออกจากกองบินฯในตอนพลบค่ำ เพื่อไปนั่งกรรมฐานที่วัดท่าซุง จึงอยากจะขอติดตามไปด้วย ระหว่างที่รอเวลาออกเดินทาง ท่านทั้งสองก็เล่าถึงความในใจให้ข้าพเจ้าฟังว่า

    การไปคราวนี้ตั้งใจจะเรียนถามปัญหาธรรมะ ที่ยังเคลือบแคลงสงสัยในหลายๆ เรื่องจากหลวงพ่อ ซึ่งข้าพเจ้าก็แนะนำไปว่า ให้เรียนถามท่านหลังจากที่หลวงพ่อคุมศิษย์นั่งปฏิบัติกรรมฐานแล้ว เพราะจะเป็นช่วงที่หลวงพ่อสอนศิษย์ และให้ศิษย์สอบถาม ทั้งสองก็เข้าใจ

    ปรากฏว่าในคืนนั้นหลังจากที่หลวงพ่อคุมศิษย์นั่งปฏิบัติพระกรรมฐานเสร็จ หลวงพ่อก็สอนทุกคนนานผิดปกติ และเมื่อสอนเสร็จหลวงพ่อก็หันไปพูดกับนาวาอากาศเอกสมชายว่า

    “เป็นยังไง..จะคิดปฏิวัติใจหรืออย่างไร จึงมีปัญหามากมายนัก ยังจะมีข้ออันใดที่สงสัยอีกไหม? ”

    นาวาอากาศเอกสมชายก็พนมมือตอบหลวงพ่อว่า

    “ที่ผมและเจ้ากรมเรวัตร คุยถกเถียงกันถึงปัญหาธรรมะมาโดยตลอดนั่น หลวงพ่อได้ตอบไปทั้งหมดแล้ว จนไม่มีข้อสงสัยใดใดที่จะต้องสอบถามอีกแล้วครับ”

    เป็นอันว่า หลวงพ่อรู้ถึงอารมณ์จิตของท่านทั้งสองหมดว่าสงสัยอะไรบ้างและการรู้อารมณ์จิตของผู้นั้น หลวงพ่อได้แสดงให้ศิษย์รุ่นต่อๆ มาเห็นมามากต่อมาก หากข้าพเจ้าจะนำมาเล่าก็คงไม่รู้จบ จึงขอยุติไว้เพียงแค่นี้
    ที่มา http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญสร้างกำแพงแก้ววิหารหลวงพ่อโต-วัดกุฎีทอง-อยุธยา.553352/
     

แชร์หน้านี้

Loading...