"สุภูติ"พระเรียกฝน

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย คือ~ว่างเปล่า!, 21 พฤษภาคม 2011.

  1. คือ~ว่างเปล่า!

    คือ~ว่างเปล่า! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,647
    ค่าพลัง:
    +473
    "สุภูติ"พระเรียกฝน




    [​IMG]


    บรรดาสาวกของพระพุทธเจ้า มีพระสาวกรูปหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษในการ “เรียกฝน” หรือว่า “บันดาลฝน” ให้ตกลงมาได้อย่างอัศจรรย์....

    โดย...อ.ตุ้ย วรธรรม


    บรรดาสาวกของพระพุทธเจ้า มีพระสาวกรูปหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษในการ “เรียกฝน” หรือว่า “บันดาลฝน” ให้ตกลงมาได้อย่างอัศจรรย์ พระรูปที่ว่า คือ พระสุภูติเถระ บุตรชายของสุมนเศรษฐี ซึ่งเป็นน้องชายของ|อนาถบิณฑิกเศรษฐี แห่งกรุงสาวัตถี เป็นผู้มีรูปกายงาม ผิวพรรณดั่งทอง

    การที่ท่านได้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา เนื่องจากอนาถบิณฑิกเศรษฐีผู้เป็นลุง มีโอกาสเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ขณะประทับ ณ ป่าสีตวัน เมืองราชคฤห์ และได้ฟังธรรมบรรลุเป็นพระโสดาบัน แล้วกราบนิมนต์พระพุทธองค์เพื่อเสด็จกรุงสาวัตถี จากนั้นตนก็รีบเดินทางกลับสาวัตถี แล้วทำการจัดซื้อที่ดินของเจ้าชายเชตกุมาร ด้วยการนำเงินมาวางเรียงให้เต็มพื้นที่ตามที่ต้องการ ซึ่งมากถึง 27 โกฏิ จึงได้พื้นที่ตามต้องการ และอีก 27 โกฏิ สร้างพระคันธกุฏิที่ประทับของพระพุทธเจ้า และเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์

    แต่ยังขาดพื้นที่สร้างซุ้มประตูวัด เจ้าชายเชตกุมารจึงขอมอบพื้นที่และจัดสร้างให้ โดยขอให้จารึกพระนามของพระองค์ไว้ที่ซุ้มประตูวัดว่า “เชตวัน” วัดนั้นจึงได้ชื่อว่า วัดเชตวัน หรือเชตวันมหาวิหาร

    ในวันฉลองพระเชตวัน สุภูติได้ติดตามไปร่วมพิธีด้วย แล้วเขาก็ได้เห็นพระฉัพพรรณรังสีที่เปล่งออกจากพระวรกายพระพุทธองค์สวยงาม เรืองรองไปทั่วบริเวณ ทำให้เกิดศรัทธาเลื่อมใสอย่างมาก

    เมื่อพระสงฆ์ฉันเสร็จ พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมกถาอนุโมทนา สุภูติได้ฟังแล้วก็ยิ่งปีติศรัทธามากขึ้น จึงกราบทูลขอบวชด้วย ต่อมาเรียนพระกรรมฐานจากพระพุทธเจ้า แล้วหลีกไปเจริญวิปัสสนาในป่า ไม่นานก็ได้เป็นพระอรหันต์
    พระสุภูติเถระมักจะเข้าฌานสมาบัติเพื่อแสวงหาความสุขอันเกิดจากการสิ้นกิเลส และเป็นผู้ที่อยู่อย่างไม่มีข้าศึกด้วยการเจริญ “อรณวิหารธรรม” เป็นที่เลื่อมใสแก่ผู้พบเห็นอย่างมาก เช่น ขณะบิณฑบาตก็แผ่เมตตาให้ทุกคนที่ถวาย จนกิตติศัพท์ทราบไปถึงพระกรรณของพระเจ้าพิมพิสาร กษัตริย์แห่งมคธ
    และเมื่อท่านจาริกถึงแคว้นมคธ พระเจ้าพิมพิสารจึงนิมนต์ให้จำพรรษาที่แคว้นมคธ แต่เนื่องจากพระองค์มีพระราชกิจมาก จึงลืมรับสั่งให้จัดเสนาสนะที่พักถวาย ทำให้พระเถระไม่มีที่พัก ต้องนอนกลางแจ้ง

    อย่างไรก็ตาม ด้วยอำนาจแห่งคุณและศีลของท่าน ทำให้ดินฟ้าอากาศเกิดแปรปรวนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คือ ฝนไม่ตกเลย ชาวเมืองเดือดร้อนไปทั่ว พระเจ้าพิมพิสารทรงพิจารณาดูราชธรรมของพระองค์ไม่พบความผิดปกติ ก็ทรงระลึกถึงพระสุภูติขึ้นได้ว่า เหตุที่ฝนไม่ตกคงจะเป็นด้วยพระเถระอยู่ในที่แจ้ง ไม่มีที่กำบังแดดและฝน

    พระองค์จึงทรงรีบแก้ไขด้วยการรับสั่งให้สร้างกุฎีมุงด้วยใบไม้ถวายพระเถระโดยด่วน เสร็จแล้วจึงได้นิมนต์ท่านให้เข้าพักอาศัยอยู่จำพรรษาในกุฎีนั้น เมื่อท่านเข้ากุฏิใบไม้ ฝนก็ตกลงมาปรอยๆ ทำให้ไม่พอความต้องการของชาวเมือง ท่านคิดจะสงเคราะห์โดยการประกาศตัวว่าท่านเป็นบุคคลไม่มีอันตรายทั้งภายในและภายนอกต่อใครๆ จากนั้นกล่าวคาถาขึ้นซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า

    “กุฎีของเรามุงดีแล้ว มีเครื่องป้องกันดีแล้ว สะดวกสบายปราศจากลม ขอฝนจงตกลงมาตามสบายเถิด จิตของเราตั้งมั่นดี และหลุดพ้นดีแล้ว เราเป็นผู้มีความเพียรอยู่ ฝนจงตกลงมาเถิด”

    จากนั้นฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ชาวเมืองต่างพากันดีใจ ความทุกข์ความเดือดร้อนได้หายไป








    ----------------
    ที่มา :::
    โพสต์ทูเดย์ ธรรมะ-จิตใจ : "สุภูติ"พระเรียกฝน
     
  2. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    ในหลวงของเรา พระองค์ก็ทรงสร้างฝนได้

    และยังทรงสอนให้คนอื่นทำได้ด้วยน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก


    พระองค์ทรงปัดเป่าความทุกข์ยากของประชาชน มาแสนนาน

    นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ อันล้นพ้นหาที่เปรียบไม่ได้

    ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน ตลอดกาล ตลอดไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...