สัมภาษณ์ดวงวิญญาณ กุ้งเปลือกแข็งนายเหี่ยว 15/10/2544

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย matiepoppy, 16 เมษายน 2011.

  1. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    โดยมูลนิธิชินบัญชร (หากท่านเคยอ่านหนังสือ "เสียงจากนรกภูมิ" จะรู้จักมูลนิธินี้)

    บทสนทนาต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยภาวะปกติ ของมิติแห่งจักรวาล ตามเหตุปัจจัยของกาลเวลา ที่ฟ้าเปิดเผยทั้งความลับ และความลี้ลับของสรรพสิ่ง ในยุคกาลโปรดสามโลกครั้งนี้ เพื่อต้องการให้มนุษย์ทราบว่า วัฏสงสารอันหาเบื้องต้นไม่ได้ หาเบื้องปลายไม่พบ จิตญาณของมนุษย์เดินทางไกล ไปสู่ภาวะตามเหตุที่ตนสร้างไว้ เดรัจฉานวันนี้ เคยเป็นมนุษย์มาก่อนในอดีต สลับหมุนเวียนกันไม่มีที่สิ้นสุด เกิดเป็นกายเนื้อใดๆ และเกิดครั้งใดก็เป็นทุกข์ครั้งนั้น จะต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนานแสนนาน ถ้าตราบใดที่ยังไม่พบหนทางคืนบ้านเดิมคือแดนนิพพาน เข้าร่างโน้น ออกร่างนี้อยู่ตลอดไปจนกว่าจะพบหนทางสัจธรรม.



    สัมภาษณ์ดวงญาณ กุ้งเปลือกแข็งนายเหี่ยว ชาวประมงสมุทรสาคร
    ดวงญาณมาแสดงประจักษ์หลักฐาน
    ณ พุทธสถานแห่งหนึ่งใน จังหวัดนครศรีธรรมราช
    วันจันทร์ที่ ๑๕ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔ เวลา ๑๘.๐๐ น.

    ขออภัย! ชื่อบุคคลที่ปรากฏในมิติแห่งจักรวาล เป็นชื่อสมมติทั้งสิ้น ถ้าแม้นว่าไปสอดคล้องตรงกับชื่อของท่านใด หรือญาติพี่น้องของท่านใด ให้คิดแต่เพียงว่า นั้นเป็นชื่อสมมติ เพื่อความสมบูรณ์ของเรื่อง ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้
    จักรวาลมีความลี้ลับเหลือหลาย มีสิ่งที่อยู่นอกเหนือจินตนาการของปุถุชน ที่มีกิเลสบังตา ไม่อาจเข้าถึงด้วยวิธีทางวัตถุ ในมิติจักรวาล มีพลังงานคลื่นความถี่ที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเนื้อธรรมดา แต่ทิพยจักษุของผู้บำเพ็ญธรรมในระดับต่างๆ ก็จะเข้าถึง สัมผัสได้ มองเห็นได้ ละเอียดเป็นชั้นๆ การที่เรายังเข้าไปไม่ถึง ยังสัมผัสไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มี ฟ้า จักรวาลมีความแยบคาย และมอบหมายงานให้ตามความเหมาะสม ตามวาระของแต่ละสถานการณ์ใด ฟ้าพิจารณาเห็นอย่างวิจิตรแยบ คายแล้ว จึงจัดให้เป็นไปตามความเหมาะสมตามสถานการณ์นั้นๆ ฟ้าเป็นเจ้าชีวิตมนุษย์ ให้กำเนิดมนุษย์ และสรรพสิ่งทั้งหลาย บุคคลผู้สร้างเครื่องจักรใด ย่อมมองเห็นทุกส่วนของเครื่องจักรนั้น และรู้ธรรมชาติของเครื่องที่ตนสร้างขึ้นมา ฉันใด ฟ้าจักรวาลก็มีความละเอียดอ่อนยิ่งกว่าหลายหมื่นหลายแสนเท่า ตั้งสติให้มั่น เปิดใจออก แล้วเริ่มศึกษาด้วยสมาธิจิตตามลำดับ ปัญญาของท่านก็จะแตกฉาน เข้าใจสภาวะของจักรวาล และตัวท่านเองยิ่งขึ้น...
    บทสนทนาต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยภาวะปกติ ของมิติแห่งจักรวาล ตามเหตุปัจจัยของกาลเวลา ที่ฟ้าเปิดเผยทั้งความลับ และความลี้ลับของสรรพสิ่ง ในยุคกาลโปรดสามโลกครั้งนี้ เพื่อต้องการให้มนุษย์ทราบว่า วัฏสงสารอันหาเบื้องต้นไม่ได้ หาเบื้องปลายไม่พบ จิตญาณของมนุษย์เดินทางไกล ไปสู่ภาวะตามเหตุที่ตนสร้างไว้ เดรัจฉานวันนี้ เคยเป็นมนุษย์มาก่อนในอดีต สลับหมุนเวียนกันไม่มีที่สิ้นสุด เกิดเป็นกายเนื้อใดๆ และเกิดครั้งใดก็เป็นทุกข์ครั้งนั้น จะต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนานแสนนาน ถ้าตราบใดที่ยังไม่พบหนทางคืนบ้านเดิมคือแดนนิพพาน เข้าร่างโน้น ออกร่างนี้อยู่ตลอดไปจนกว่าจะพบหนทางสัจธรรม.
    อาจารย์ : สิ่งที่ต้องการ ให้น่ะ เอาแน่นะ แต่ถ้าไม่ให้ จะเอายังไง ?
    วิญญาณ : มันอึดอัด มันร้อน มันอยู่ไม่ได้แล้ว.......... อะไรก็ไม่รู้มันร้อนไปหมด…..
    หทัยรัตน์ : ร้อนอะไร ไม่ได้ทำอะไรให้เลย ?
    วิญญาณ : ก็บอกแล้วว่าเรามาแป๊บเดียวๆ แล้วทำไม…หือ!
    อาจารย์ : เป็นอะไรล่ะ ที่มานี่ ?
    หทัยรัตน์ : มาแล้วก็คุยกันหน่อย มีจุดประสงค์อะไรในการมาที่นี่ ใครใช้ให้มา ?
    อาจารย์ : ที่มานี้เป็นวิญญาณอะไรล่ะ ?
    สยุมพร : กุ้ง หอย ปู ปลา หรืออะไร ?
    วิญญาณ : กุ้ง !
    อาจารย์ : อ๋อ ! ก็แค่นั้นเองแหละ
    หทัยรัตน์ : มาจากไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : ก็มันร้อนนี่ พัดลมให้หน่อยสิ มันร้อนจนทนไม่ไหวแล้ว.........
    หทัยรัตน์ : เอ้า ! ลมๆ ๆ ๆ
    สยุมพร : ถามดีๆ ก็ไม่พูดนี่
    อาจารย์ : กุ้งอะไร ถึงมาดุเดือดอย่างนี้ ?
    วิญญาณ : ก็มันรำคาญนี่
    อาจารย์ : ทำไมต้องรำคาญด้วย ?
    วิญญาณ : ก็เคยอยู่คนเดียว ตัวเดียว แล้วมีคนมาจับ ยุบยับไปหมด
    อาจารย์ : ใครจับล่ะ นั่นเขาช่วยแก้ไขให้หายร้อนนะ จะทำให้อุ่นก็ได้ จะเอาอุ่นหรือเอาเย็น ที่นี่ทำได้ทั้งนั้นแหละ ?
    วิญญาณ : เอาเย็น !
    หทัยรัตน์ : นี่ไง ! ให้เย็นแล้ว
    อาจารย์ : เย็นมากเย็นน้อย ก็มีระดับอีก เอาระดับไหน ?
    วิญญาณ : ไม่ต้องเย็นมากหรอก เราอยู่ในน้ำแข็งก็เย็นเยอะแล้ว
    อาจารย์ : เย็นมาก ในตู้เย็นช่องฟรีซก็ไม่ไหว เอาตู้เย็นธรรมดา
    หทัยรัตน์ : เอ้า ! หายหรือยัง ?
    อาจารย์ : เย็นหรือยัง ?
    วิญญาณ : อุ่น !
    หทัยรัตน์ : อุ่นแล้ว ดีแล้ว ?
    อาจารย์ : ถามคำถามแรก วิญญาณกุ้งมาที่นี่ได้ยังไง ?
    วิญญาณ : ตามเขามา (พูดห้วน ๆ แบบไม่พอใจ)
    อาจารย์ : ตามใครมา ?
    วิญญาณ : ตามผู้หญิง…..
    อาจารย์ : ผู้หญิงที่ว่า.....คือคนไหน ?
    วิญญาณ : ตัวเล็กๆ
    อาจารย์ : ตัวเล็กมีตั้งหลายคน เป็นใครล่ะ เขาไปทำอะไรข้างนอกล่ะ ?
    วิญญาณ : เขาขับรถไป
    อาจารย์ : เขาขับรถอะไร ?
    วิญญาณ : มอเตอร์ไซค์
    อาจารย์ : นุ่งกางเกงหรือกระโปรง ?
    วิญญาณ : นุ่งกางเกงยีนส์
    อาจารย์ : แล้วเขาพูดเสียงดังไหม ผู้หญิงคนนั้น พูดยังไง ไหนลองเลียนคำพูดเขาดูหน่อยซิ ?
    วิญญาณ : เขาว่าถ้าอยากได้บุญให้ตามเขามา
    อาจารย์ : ตอนที่ผู้หญิงคนที่ว่านี้เจอกุ้งอยู่ที่ไหน ?
    วิญญาณ : ไม่บอก ! (พูดแบบกวนๆ)
    อาจารย์ : เพราะเหตุใดจึงไม่บอก เพราะเหตุใดจึงต้องเป็นความลับด้วยล่ะ ลับเพราะอะไร ?
    วิญญาณ : ไม่บอก !
    หทัยรัตน์ : บอกหน่อยเถอะน่า กุ้งน่ารักออก
    อาจารย์ : กุ้งคนเก่ง ดูซิหน้าตาท่าทางก็สวย น่ารัก
    วิญญาณ : น่ารักที่ไหน ?
    อาจารย์ : มีก้ามสวยด้วยไม่ใช่หรือ ?
    วิญญาณ : เปลือกแข็ง !
    อาจารย์ : ก็นั่นน่ะสิ สวยอยู่ตรงนั้นแหละ
    วิญญาณ : เราอยู่บน…
    อาจารย์ : ใช่หรือไม่ ที่รถชนกัน ใช่ไหม ?
    วิญญาณ : รู้ได้ยังไง ?
    อาจารย์ : อยู่คันหลังใช่ไหมล่ะ เออ ! รถชนท้ายหรือประสานงาล่ะ ?
    วิญญาณ : อยากโง่กันนักนี่ ทำให้มันชน ให้มันเสียเงินเสียทองให้หนัก
    อาจารย์ : เออ ! นี่แหละ เราอยากจะรู้เรื่องนี้ เอ้า ! เล่าเรื่องราวให้ฟังหน่อยซิ เรามีของดีให้ ?
    วิญญาณ : ไหนล่ะของดี ?
    อาจารย์ : จะเอาอะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : เอาที่มันดีๆ ไม่ต้องกลับไปเป็นกุ้งแล้วน่ะ
    อาจารย์ : เออ ! ก็แน่นอน เดี๋ยวอีกสักครู่ก็จะได้ แต่ต้องพูดเนื้อความให้จบเสียก่อน
    วิญญาณ : ให้ตอนนี้ก่อนไม่ได้หรือ ? (พูดเสียงอ่อนลง)
    อาจารย์ : ให้ตอนนี้ไม่ได้
    หทัยรัตน์ : ยังให้ตอนนี้ไม่ได้
    วิญญาณ : ทำไมล่ะ ?
    อาจารย์ : พูดให้จบก่อน
    หทัยรัตน์ : สร้างบุญก่อน เมื่อบุญกุศลเกิดก็จะได้ของดี
    อาจารย์ : เอ้า ! เล่าเลย ตรงไหนล่ะที่รถชนกัน ตรงนั้นเขาเรียกอะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : ไม่รู้จัก ! ตรงสามแยกข้างโรงพยาบาล
    อาจารย์ : ข้างโรงพยาบาลสิชลใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ไม่รู้หรอก เราไม่ใช่คนที่นี่ เราไม่รู้จัก
    อาจารย์ : กุ้งเป็นคนที่ไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : เราอยู่ที่สุราษฎร์ธานีโน่น
    อาจารย์ : เป็นกุ้งบ่อเลี้ยง หรือกุ้งในทะเล ?
    วิญญาณ : กุ้งทะเล !
    อาจารย์ : อยู่ในทะเลสุราษฎร์ธานีหรือที่ไหน ?
    วิญญาณ : เราอยู่ที่น่านน้ำสุราษฎร์ธานี เรือไปลากเรามาที่สิชลนี่แหละ
    อาจารย์ : น่านน้ำสุราษฎร์ธานีนั่นนะ คือแม่น้ำตาปีหรืออย่างไร ?
    วิญญาณ : ทะเลสิ
    อาจารย์ : อ๋อ ! อยู่ปากแม่น้ำ ที่ติดทะเลที่เรียกปากอ่าวน่ะหรือ ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : เป็นกุ้งอะไรล่ะ ตัวใหญ่ขนาดข้อมือได้ไหม ?
    วิญญาณ : กุ้งตัวแดงๆ น่ะ
    อาจารย์ : กุ้งอะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : โอ๊ย !
    อาจารย์ : เป็นอะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : ฮื่อ !
    อาจารย์ : มาเกาะร่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร ?
    วิญญาณ : ตอนที่เขาออกไปแล้วล่ะ
    อาจารย์ : ออกไปไหน ตอนออกไปกวาดขยะที่บ้านร่างน่ะหรือ ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ตอนไปกวาดขยะที่บ้านโน้น กุ้งเกาะติดไปแล้วใช่ไหม ? (ร่างไปเรียกวิญญาณกับเจ้าตำหนักพระจารุวรรณ เห็นรถชนกันอยู่ และมีการขนถ่ายลังกุ้ง จารุวรรณจึงเรียกวิญญาณให้ตามไปให้หลักฐานที่สถานปฏิบัติธรรม เมื่อไปถึงสถานปฏิบัติธรรม ร่างกลับไปกวาดขยะที่บ้านก่อน แล้วจึงกลับไปที่สถานปฏิบัติธรรมใหม่)
    วิญญาณ : เราไม่ได้เข้าไปเกาะในบ้าน เราอยู่ข้างนอก
    อาจารย์ : เกาะที่ส่วนไหนของร่างกายเขา (ร่าง ) ?
    วิญญาณ : เราเกาะที่ต้นแขน
    อาจารย์ : ข้างซ้ายนี่หรือ เมื่อเขาเข้าไปในบ้าน เพราะเหตุใดจึงไม่ตามเขาเข้าไปล่ะ ?
    วิญญาณ : เขาไม่ให้เข้า
    อาจารย์ : ใครไม่ให้เข้า ?
    วิญญาณ : เป็นพลทหารคุมอยู่ (ทหารที่สมเด็จพระชินะฯกำหนดให้เฝ้าบ้าน ระวังเหตุร้ายคุมอยู่)
    อาจารย์ : ทหารกี่คน ?
    วิญญาณ : ๒ คน !
    อาจารย์ : ทหารเขาห้ามว่าอย่างไร ?
    วิญญาณ : ห้ามเข้า !
    อาจารย์ : เมื่อเขาพูดคำว่า ห้ามเข้า ก็ไม่ดื้อเข้าไปใช่ไหม ถ้าเข้าไป จะเป็นอะไรบ้าง พอรู้ไหม ?
    วิญญาณ : เขาบอกว่าเข้าไปไม่ได้
    อาจารย์ : เขาไม่พูดว่าตัวอะไรใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ก็เราเห็นอยู่แล้วว่าเป็นกำแพงแก้วน่ะ
    อาจารย์ : อ๋อ ! เป็นกำแพงแก้ว เข้าไปไม่ได้ ก็ยืนอยู่ข้างนอก ผู้หญิงคนที่ไปรับร่างนี้ในตอนเช้า แล้วกุ้งไปเกาะที่ไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : เราก็เกาะอีกด้านหนึ่ง อยู่ด้านซ้าย
    อาจารย์ : เกาะร่างอยู่ ครั้นร่างมาถึงสถานปฏิบัติธรรม เพราะเหตุใดจึงไม่ค่อยจะพูดกับใครล่ะ ?
    วิญญาณ : เราจะทำให้เขาเซื่องซึมเอง
    อาจารย์ : เพื่ออะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : ไม่เพื่ออะไรหรอก
    อาจารย์ : อ้าว! การทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ต้องมีวัตถุประสงค์ การจะทำอะไรโดยไม่มีวัตถุประสงค์นั้น จะทำไปทำไมล่ะ พูดซิๆ ๆ เดี๋ยวเราจะให้บุญกุศล ได้แต่สิ่งดีๆ ?
    วิญญาณ : ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะบอกน่ะ
    อาจารย์ : เวลาจะถึงเมื่อไรล่ะ ?
    วิญญาณ : ๖ โมงเย็น!
    อาจารย์ : ใครเป็นคนบอกว่าจะต้อง ๖ โมงเย็นล่ะ ?
    วิญญาณ : มีคนสั่งมา
    อาจารย์ : ทำไมต้องเป็นเช่นนั้นด้วยล่ะ ถ้า ๖ โมงเย็นจะไม่มีเวลาพูด เพราะว่าที่นี่เมื่อ ๖ โมงจะไหว้พระเย็น พระแม่องค์ธรรมเสด็จแล้ว ทุกจิตญาณจะต้องออกไปหมด อยู่ไม่ได้ จะพูดก็ต้องพูด ต้องบอกตอนนี้ล่ะ ขออนุญาตนะครับ ท่านองค์ใดที่กำหนดไว้เช่นนั้น ต้องขออภัย และขออนุญาตให้ญาณนี้พูดก่อน ๖ โมงเย็น ในเวลานั้น พูดอะไรไม่ได้แล้ว เป็นเวลาเสด็จของพระแม่องค์ธรรม คนที่กำหนดไว้ได้ยินที่เราพูดไหม เขาว่าอย่างไร ?
    วิญญาณ : รู้แล้ว!
    อาจารย์ : รู้แล้วเขาว่าอย่างไร เลื่อนเวลาได้ไหม ?
    วิญญาณ : เขาบอกว่าเขาไม่ได้ดูเวลา ลืมไป
    อาจารย์ : ตอนนี้ขอโปรดรับทราบนะครับว่า ถ้าเวลา ๖ โมงเย็น เวลาถวายธูปนั้น วิญญาณไหนก็เข้ามาไม่ได้ จะมาให้หลักฐานอะไรก็ไม่ได้ ในเวลาไหว้พระ ๖ โมงเย็นนั้น ท่านอนุญาตหรือยัง ?
    วิญญาณ : อือ !
    อาจารย์ : อนุญาตแล้วก็พูดได้เลย เมื่อดวงญาณมาคอยอยู่ที่แขนข้างขวา เพราะเหตุใด จึงทำไม่ให้ร่างนี้พูดล่ะ ทำให้เขาแสดงอาการเซื่องซึมด้วยเหตุผลใด ?
    วิญญาณ : ก็อยากให้เขาซึมๆ เหมือนเราที่โดนแช่แข็งมานั่นแหละ
    อาจารย์ : อ๋อ ! อย่างนั้นเอง........ เขาใช้เรืออวนลากที่ปากน้ำนอกฝั่งนานหรือยัง ?
    วิญญาณ : ๑ อาทิตย์แล้ว
    อาจารย์ : ๑ อาทิตย์แล้ว ไปถูกแช่แข็งอยู่ที่ไหน ?
    วิญญาณ : ใต้ท้องเรือ!
    อาจารย์ : เขาเอาใส่ไว้ในเรือ แล้วมาขึ้นที่สิชลเมื่อไร ?
    วิญญาณ : ขึ้นเมื่อเช้า! (ขณะที่สัมภาษณ์ วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๔)
    อาจารย์ : ซากร่างจึงยังเย็นอยู่ พอขึ้นจากเรือเขาใส่ลังสีแดงหรือสีอะไร ?
    วิญญาณ : จะเอาไปส่งที่สุราษฎร์ธานี
    อาจารย์ : แต่ปรากฏว่ารถที่วิ่งรับส่งลังกุ้ง ยังไม่ทันไปถึงสุราษฎร์ธานี ถามว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น เล่าข้อเท็จจริงอันนี้ เอ้า! เล่าไปเลย เราอยากรู้ตรงนี้แหละ ที่ชวนมาให้หลักฐานเพราะอยากรู้จุดนี้เอง ?
    วิญญาณ : เราก็ไม่อยากไปน่ะสิ
    อาจารย์ : ไม่อยากไปไหน ?
    วิญญาณ : พวกเราจึงรวมตัวกันอัดมันอย่างนี้ (ปั้นปากใช้มือกระแทกกัน แสดงความเคียดแค้น)
    อาจารย์ : อัดใครล่ะ ?
    วิญญาณ : อัดให้มันเสียหาย ขนซากเราไปไม่ได้
    อาจารย์ : รถมันไม่ได้ประสานงา แต่ชนตูดกัน คันหน้า ๖ ล้อ คันหลังก็ ๖ ล้อใช่ไหม (คันหน้าเป็นรถเปล่า ส่วนคันหลังบรรทุกกุ้งเต็มคัน) แล้วทุกดวงญาณของกุ้ง ได้ประชุมกันเลยหรือ ?
    วิญญาณ : มันเป็นพลังรวมเลยล่ะ ทั้งภาคพื้นดิน ในน้ำ บนอากาศรวมกันหมด
    อาจารย์ : มีวิญญาณที่มาจากที่อื่นด้วยหรือ ?
    วิญญาณ : ก็พวกเรานี่แหละ (พูดแบบโกรธโมโห)
    อาจารย์ : แหม! พูดดีๆ หน่อยสิ ทำไมต้องพูดดุเดือดเช่นนี้ ?
    วิญญาณ : มันเจ็บมานานแล้ว เราเพิ่งขึ้นมาเมื่อเช้าก็จริง…
    อาจารย์ : เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน! เราคุยให้ฟังอย่างนี้ก่อน ฟังก่อนนะ ...แน่นอนทำไมต้องไปเกิดเป็นกุ้งรู้ไหม รู้หรือไม่รู้ ตอบมาซิ ?
    วิญญาณ : รู้!
    อาจารย์ : ตอบคำถามนี้ก่อน เพราะอะไรจึงไปเกิดเป็นกุ้ง เออ! เพราะอะไร ถ้ารู้ก็ตอบมาสิ ได้บุญเยอะด้วยนะ ?
    วิญญาณ : เราจะไม่พูดความหลัง
    อาจารย์ : ฮะ ๆ ๆ ๆ อย่างนี้คืออะไรกันแน่ล่ะ ที่ไม่พูดความหลังน่ะ แล้วทำไมคนเหล่านั้นจึงต้องทำอย่างนี้ รู้ไหม ?
    วิญญาณ : อยากจะรู้หรือ ?
    อาจารย์ : อ้า ! นั่นแหละ!
    วิญญาณ : ก็มันเป็นเพื่อนทรยศของเราน่ะสิ (พูดแบบตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว) มันได้เกิดกายมาเป็นมนุษย์ เราจำมันได้
    อาจารย์ : อ้อ ! ตรงนี้เอง ใครล่ะ ชื่ออะไรเพื่อนทรยศ ?
    วิญญาณ : อดีตชาติ…
    อาจารย์ : ชื่ออะไรเพื่อนในอดีตชาติ ?
    วิญญาณ : มันชื่อ “ไอ้นก”
    อาจารย์ : ชื่อว่าไอ้นก ปัจจุบันชาตินี้ไม่รู้ว่าชื่ออะไร ถูกไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ ! (ตอบแบบเคียดแค้นเสียงดังและเน้นเสียง)
    อาจารย์ : ไอ้นกมันขับรถคันหน้า หรือคันหลังล่ะ ?
    วิญญาณ : ฮึ! คันที่มันเสียหาย เราจะให้มันตกงานไงล่ะ
    อาจารย์ : คันไหนล่ะ ที่เสียหายไม่บอกเราจะไปรู้หรือ อย่าพูดเป็นนัยๆ อย่าพูดเป็นปริศนา ให้พูดชัดๆ ตรงๆ คันหน้าหรือคันหลัง ? (คันหลังบรรทุกกุ้งเต็ม ไปชนคันหน้าซึ่งเป็นรถเปล่า มีความหมายว่าชนท้ายเขา ผิดทุกประตูอยู่แล้ว จึงต้องหยุดเจรจา)
    วิญญาณ : ก็คันหลังน่ะสิ
    อาจารย์ : มันเป็น…
    วิญญาณ : มันประมาท เราอัดมันเอง (พูดแบบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเคียดแค้น) ให้มันตกงาน ให้มันเดือดร้อน
    อาจารย์ : ประมาทยังไงล่ะ ขับรถสวี๊ทสว๊าทล่ะสิ ไอ้นก นิสัยเดิมไม่มีผิดล่ะสิ ?
    วิญญาณ : ฮึ ! แน่นอน (เน้นเสียงแสดงความสะใจ)
    อาจารย์ : ไอ้นกขับรถมาที่สามแยกข้างโรงพยาบาลสิชล มันขับเร็วใช่ไหม ?
    วิญญาณ : มันต้องทำเวลาไปส่งน่ะสิ จึงเป็นโอกาสของเราที่จะอัดมันตรงนี้แหละ
    อาจารย์ : เห็นผู้ชายคนนี้แล้ว ทำไมจึงรู้ว่าเป็นไอ้นก ?
    วิญญาณ : จำได้ !
    อาจารย์ : ที่ว่าจำได้น่ะ มีเครื่องหมายอะไร โมเมแล้วล่ะมั้งงานนี้ ?
    วิญญาณ : จำญาณของมัน
    อาจารย์ : จำญาณข้างใน มันแว๊บๆ ให้เห็นอย่างนั้นหรือ ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : แค้นไอ้นกมันเรื่องอะไรล่ะ ลองเล่าเรื่องราวมาซิ เพราะนี่คือกฎแห่งกรรม เราพูดกฎแห่งกรรม เพื่อให้คนรุ่นหลังทั้งหลายได้รู้จากกฎแห่งกรรม แล้วมะรืนนี้เราก็จะพูดเรื่องเจแล้ว ในเทศกาลกินเจปี ๔๔ พูดให้คนกินเจฟัง ไม่ให้คนกินกุ้ง หอย ปู ปลา ดีหรือไม่ดีล่ะ หรือว่าไม่ดีอีก ตอบมาซิ ?
    วิญญาณ : แล้วแต่มนุษย์จะคิด
    อาจารย์ : แหม! สำนวนโวหารเหลือเกินนะกุ้งตัวนี้น่ะ อดีตชาติชื่ออะไรล่ะ ตอนที่เป็นเพื่อนกับไอ้นกน่ะชื่ออะไร ?
    วิญญาณ : เราชื่อไอ้เหี่ยว นายเหี่ยว!
    อาจารย์ : เหี่ยว! เหี่ยวจริงๆ หรือว่าเหี่ยวเล่นๆ ผู้หญิงหรือผู้ชาย ?
    วิญญาณ : ผู้ชาย!
    อาจารย์ : แล้วในครั้งนั้น ไอ้นกมันทรยศเรื่องอะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : ไปรักผู้หญิงคนเดียวกัน
    อาจารย์ : อย่างนั้นก็เหี่ยวสมชื่อ ล่ะสิ ไปรักผู้หญิงคนเดียวกัน กี่ปีมาแล้ว ?
    วิญญาณ : ๓๐ กว่าปีที่แล้ว
    อาจารย์ : ที่ไหน บ้านเดิม ?
    วิญญาณ : จังหวัดสมุทรปราการ
    อาจารย์ : ๓๐ ปีที่แล้ว ผมอยู่กรุงเทพฯ สมุทรปราการก็ใกล้ๆ กัน ไม่เห็นลงหนังสือพิมพ์เลย ตายยังไงล่ะ ?
    วิญญาณ : ตายในท้องทะเลน่ะสิ
    อาจารย์ : เป็นอะไรตายล่ะ ?
    วิญญาณ : ฮึ! ดื่มเหล้าแล้วก็ฆ่าถ่วงทะเลกันเลย (พูดแบบสะใจ) สะใจ!
    อาจารย์ : ใครฆ่าใคร ไอ้เหี่ยวฆ่าไอ้นกใช่ไหม ใช่หรือไม่ใช่ ?
    วิญญาณ : ถูกต้อง!
    อาจารย์ : แล้วโกรธอะไรมันล่ะ ถึงได้ฆ่า ?
    วิญญาณ : มันยังไม่หายแค้น
    อาจารย์ : แล้วไม่คิดหรือว่า ไอ้นกมันก็แค้นเป็นเหมือนกัน ?
    วิญญาณ : มันไม่รู้หรอก
    อาจารย์ : มีสิทธิ์ที่จะจีบผู้หญิงด้วยกัน ทุกคนมีสิทธิ์ อยู่ที่ผู้หญิงคนนั้นจะรักใคร แล้วไปโกรธเขาเรื่องอะไร ตกลงว่า ผู้หญิงรักใครล่ะ รักไอ้นกหรือ พูดกันเล่นๆ นะ อย่าไปเอาเป็นเอาตาย มาแล้วพูดกันให้ครึกครื้นกันบ้าง อย่าถือเป็นจริงเป็นจัง คืนนั้นดื่มเหล้ากัน แล้วมอมเหล้าไอ้นกหรือ ?
    วิญญาณ : ก็เสียบมันสิ ตกทะเลไปเลย
    อาจารย์ : ไอ้นกมันเมา แล้วไอ้เหี่ยวเสียบเลยใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : เรื่องราวนั้นเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว วันนี้ไอ้นกมาเกิดเป็นคนควรจะอายุสักเท่าใด ถ้าเช่นนั้นก็คงหมายความว่าไอ้นกตายปุ๊บก็มาเกิดปั๊บ อายุราวๆ ๓๐ ปีล่ะมั้ง?
    วิญญาณ : ไม่รู้!
    อาจารย์ : แต่ไอ้เหี่ยว ทำไมต้องไปเป็นกุ้งล่ะ ?
    วิญญาณ : ข้าเคยทำอาชีพประมงมาก่อน
    อาจารย์ : อาชีพประมง ปากน้ำสมุทรปราการ ตรงไหนล่ะ ไม่มีนะ อาชีพประมงสมุทรปราการ ไปออกทะเลแถวไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : ทำไมจะไม่มีล่ะ ?
    อาจารย์ : มีแต่ขี้เลน จะไปประมงกุ้งอะไรในขี้เลน ?
    วิญญาณ : เรามาอยู่ที่มหาชัย
    อาจารย์ : เออ! อย่างนั้นค่อยลงตัวหน่อย ต้องอยู่ทำประมงที่มหาชัย ไม่ใช่สมุทรปราการ เกิดสมุทรปราการ แล้วมาทำมาหากินที่มหาชัย ใช่หรือไม่ใช่ ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : ตอนนั้น ไอ้เหี่ยวอายุเท่าไหร่ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2011
  2. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    วิญญาณ : ๑๗ ปี
    อาจารย์ : แล้วไอ้นกอายุเท่าไหร่ ?
    วิญญาณ : ๑๔ ปี
    อาจารย์ : โอ้โห! รุ่นน้องเสียด้วย แล้วผู้หญิงอายุเท่าไหร่ ?
    วิญญาณ : ผู้หญิงก็ ๑๖ ปี
    อาจารย์ : โอ้โห! ไอ้นกมันเล่นข้ามรุ่นเลยนะ แล้วผู้หญิงชื่ออะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : ชื่อ อร
    อาจารย์ : ไม่มีหรอกชื่ออร
    วิญญาณ : มีสิ! ทำไมจะไม่มี
    อาจารย์ : ในสำมะโนครัวไม่มีหรอก ชื่อเรียกให้เต็มสิ อรอะไร อรอนงค์หรือ แสดงว่า....แฮะ ๆ แน่นอนงานนี้ รักผู้หญิงอะไร จึงไม่รู้จักชื่อจริง แล้วผู้หญิงจะรักลงได้อย่างไร นั่นแสดงว่าเราไม่ได้เอาใจใส่เขาอย่างแท้จริง จึงไม่รู้จักชื่อจริงของเขา?
    วิญญาณ : ชื่อ หนึ่งฤทัย
    อาจารย์ : โอ้! แล้วนามสกุลล่ะ จำได้ไหม ?
    วิญญาณ : ยิ่งเจริญ
    อาจารย์ : เวลานี้หนึ่งฤทัยยังอยู่หรือว่าตายแล้ว ?
    วิญญาณ : เราจำไม่ได้
    อาจารย์ : คิดว่าหนึ่งฤทัยยังคงอยู่ แต่อายุมากแล้ว นกก็ตาย เหี่ยวก็ตาย หนึ่งฤทัยสวยไหม เพราะชื่องาม ?
    วิญญาณ : สวยสิ! ข้ารักใครก็ต้องสวย
    อาจารย์ : เมื่อฆ่าไอ้นกตายแล้ว หลังจากนั้นนายเหี่ยวไปโดนอะไรถึงตาย ?
    วิญญาณ : ข้าก็โดนเพื่อนของมันนั่นแหละฆ่าเอา....
    อาจารย์ : เรื่องราวเป็นอย่างไร ?
    วิญญาณ : มันสืบรู้ว่า ข้าเป็นคนฆ่าเพื่อนของมัน ก็ลวงเราไปฆ่าอีกทีหนึ่ง
    อาจารย์ : ที่ไหน ?
    วิญญาณ : กลางทะเล
    อาจารย์ : กลางทะเลมหาชัยนี่หรือ ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ใช้วิธีเดียวกัน เสียบเช่นกัน หรือว่าใช้ปืน ?
    วิญญาณ : มัดมือมัดเท้า หามเราไปทิ้งทะเล ทั้งๆ ที่เรายังไม่ตาย
    อาจารย์ : ตอนนั้นเมาไหม ?
    วิญญาณ : สติพอจะมีอยู่
    อาจารย์ : พอโดนน้ำเค็มก็ฟื้นขึ้นมา แต่ก็ช่วยตัวเองไม่ได้ ?
    วิญญาณ : ช่วยไม่ได้
    อาจารย์ : ก็ต้องจมน้ำลง ตอนจะขาดใจรู้สึกยังไงบ้าง ?
    วิญญาณ : เราดิ้น อึดอัด ขลุกขลักอยู่ในทะเล เหมือนลูกหินที่โยนลงในน้ำ มันลึกลงไปเรื่อยๆ ดิ้นพรวดพราดขึ้นมาก็ไม่ได้ มือเท้าของเราถูกมัดทั้งคู่ ช่วยตัวเองไม่ได้
    อาจารย์ : จมลงถึงก้นทะเลไหม ?
    วิญญาณ : ความรู้สึกก็ดับวูบเสียก่อน เราไม่รู้
    อาจารย์ : ขณะนั้นวิญญาณไปอยู่ที่ไหน วูบหนึ่งที่ความรู้สึกนั้นดับไป ก็มีความรู้สึกใหม่เกิดขึ้น ใช่ไหม ?
    วิญญาณ : รู้สึกว่าตัวของเราทำไมมันจึงหนักอึ้งเช่นนั้น และทำไมเราจึงออกมาอยู่ข้างนอก
    อาจารย์ : เห็นซากจมลงไปแล้ว รู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นเช่นนั้น ?
    วิญญาณ : เราก็ตกใจและเสียใจ
    อาจารย์ : เสียใจว่า…
    วิญญาณ : ทำไมเพื่อนถึงทำกับเราได้
    อาจารย์ : แล้วยังไงอีก ?
    วิญญาณ : เราก็บอกว่า คิดในใจว่า ถ้ากูเจอหน้าพวกมึงวันไหน จะต้องเล่นงานให้สาสม ความแค้นที่อยู่ในจิตตรงนี้ คิดตลอดเวลา กูต้องล้างแค้นให้ได้
    อาจารย์ : ความรู้สึกในขณะนั้น คือ มันแค้นสุมแน่นในทรวง จิตมันก็กระเพื่อมๆ ๆ อย่างแรงใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ ! มันอัดแน่นเหมือนหินจุกข้างใน มันแน่นไปหมด
    อาจารย์ : ก็ในเมื่อคนที่ฆ่านายเหี่ยวมันคนละคนกับไอ้นก แล้วไปโกรธเคืองอะไรไอ้นกล่ะ ?
    วิญญาณ : สาเหตุจากมัน
    อาจารย์ : หลังจากนั้นวิญญาณไปไหนต่อ ?
    วิญญาณ : เฉยๆ
    อาจารย์ : ทำไมล่ะ เล่าหน่อยซิ วิญญาณไปไหนต่อ ไม่อยากได้บุญหรือ ไม่อยากพ้นจากความเป็นกุ้งหรือ ?
    วิญญาณ : เราอยากพ้นน่ะสิ
    อาจารย์ : ก็ที่นี่เราช่วยได้ ถามองค์ที่อนุญาตให้เข้ามาตะกี้ดูสิ ท่านอยู่ที่ไหน ?
    วิญญาณ : อยู่ข้างนอก
    อาจารย์ : แต่งชุดสีอะไร ?
    วิญญาณ : จะว่าชุดสีเขียวก็ไม่ใช่
    อาจารย์ : ตอนทีกุ้งเข้ามาในสถานปฏิบัติธรรม มาเกาะร่างนี้ ก็ต้องขออนุญาตท่านมาใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ขออนุญาตจากท่านว่าอย่างไร ?
    วิญญาณ : เขาบอก ท่านต้องการและเรียก อนุญาตเฉพาะเราตัวเดียวเท่านั้น
    อาจารย์ : แต่กุ้งมากันเยอะใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ ! เต็มไปหมด
    อาจารย์ : และนี่คือสิ่งที่เราอยากจะรู้ว่า เรื่องราวมันเป็นอย่างไร ทำไมรถต้องชนกัน เบื้องหลังที่ลึกลงไปในอีกมิติหนึ่ง ที่คนทั้งหลายทั่วไปไม่รู้ ซึ่งเขาคิดว่าเป็นอุบัติเหตุธรรมดา ?
    วิญญาณ : อุบัติเหตุรึ ! ฝีมือของพวกเรา และเป็นการกระทำของเรานั่นเอง
    อาจารย์ : เหตุการณ์เช่นว่านี้ เหมือนกับเหตุการณ์นี้ ที่เกิดขึ้นหลายๆ ที่ ก็ไม่ได้เกิดจากภาวะปกติที่มันเกิดตามธรรมชาติ หรือความบังเอิญ แต่มันเกิดจากการกระทำ การผลักดันมาจากพลังชนิดหนึ่ง ที่อยู่เบื้องหลัง คือพลังแค้น ใช่หรือเปล่า ?
    วิญญาณ : ถูกต้อง !
    อาจารย์ : ขออนุญาตนะ กุ้งช่วยเล่าเรื่องหลังจากนั้นนิดหนึ่ง ไม่ต้องมาก ให้พอรู้ความ เพื่อนำมาต่อกับเรื่องที่เล่ามาแล้ว จากนั้นไปไหนต่อ เมื่อวิญญาณมีความแค้นเช่นนั้นแล้ว ?
    วิญญาณ : ท่านก็รู้อยู่นี่
    อาจารย์ : แน่นอน ! แต่ถ้าเราพูดเอง เออเอง จะเป็นหลักฐานได้อย่างไร ?
    วิญญาณ : ก็ลงนรกน่ะสิ !
    อาจารย์ : จึงต้องให้ผู้ที่ไปเห็นมาด้วยตัวเองแล้ว มาเล่าให้ฟัง ในความผิดต่างๆ
    วิญญาณ : ความผิดหรือ คิดไม่ซื่อ ทรยศต่อเพื่อน
    อาจารย์ : เป็นอย่างไรที่ว่า คิดไม่ซื่อทรยศต่อเพื่อนนั้นเป็นอย่างไร ?
    วิญญาณ : ก็หนึ่งฤทัยไม่ได้ชอบเรา แต่จะชอบไอ้นกมัน ทั้งๆ ที่เรายอมทุ่มเททุกอย่าง จะเอาอะไร สร้อยคอ เงินทอง พาไปเที่ยว ดูหนัง กินของแพงๆ เรากลับยอมอด เพื่อเอาใจเขา ให้เขาหันความสนใจมาที่เราบ้าง
    อาจารย์ : หวังว่าจะได้ครองกายเนื้อเขาแหละนะ เอ้า! เล่าไปๆ
    วิญญาณ : แต่เราก็สู้คำพูดปากหวานของไอ้นกไม่ได้ หนึ่งฤทัยได้ตกเป็นของมัน
    อาจารย์ : ในตอนนั้นเขาอยู่กินกันแล้วใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ยัง !
    อาจารย์ : อ๋อ ! แต่ว่าได้เสียกันเรียบร้อยแล้ว ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : แต่ว่ายังไม่ได้แต่งงาน ได้เสียกันแล้ว นายเหี่ยวก็ตัดขั้วเสียก่อน ด้วยความคิดว่า กูไม่ได้มึงก็อย่าได้ อย่างนั้นใช่ไหม ?
    วิญญาณ : แค้นที่มันสามารถเอาชนะเราได้
    อาจารย์ : เอาล่ะครับ ! ทีนี้ย่นย่อเรื่อง เมื่อลงไปข้างล่างแล้ว ด้วยความผิดอย่างที่เล่ามา แต่ว่านายเหี่ยวมีความผิดอย่างอื่นด้วยไหม ?
    วิญญาณ : มี !
    อาจารย์ : เช่นอะไรบ้าง ช่วยเล่ามาหน่อย ?
    วิญญาณ : เราชอบดูดบุหรี่ กินเหล้า
    อาจารย์ : ดูดบุหรี่ทำไมต้องตกนรกด้วยล่ะ เล่าให้เป็นหลักฐานหน่อย ผิดตรงไหนล่ะ ดูดบุหรี่นั้นน่ะ ?
    วิญญาณ : ผิดสิ!
    อาจารย์ : ผิดตรงไหน ?
    วิญญาณ : สิ่งที่พ่อแม่เคยห้าม แต่เรากลับทำ
    อาจารย์ : พ่อแม่ห้ามไม่ให้สูบ แล้วฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อแม่ ?
    วิญญาณ : ใช่ ! เสเพล ประพฤติตัวชั่ว
    อาจารย์ : อย่างไรที่ว่าเสเพล ประพฤติตัวชั่ว เล่าให้เป็นตัวอย่าง เป็นรูปธรรมชัดๆ
    วิญญาณ : ก็เหมือนวัยรุ่นทุกวันนี้ที่ท่านเห็นนั่นแหละ
    อาจารย์ : เที่ยวคลับเที่ยวบาร์ด้วยไหมตอนนั้น ?
    วิญญาณ : มีแต่ห้องอาหาร
    อาจารย์ : ที่สมุทรสาครนี่นะ ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : มีหิ้วผู้หญิงบ้างไหม ?
    วิญญาณ : มีบางครั้ง เมื่อเราเกิดกำหนัดขึ้นมา
    อาจารย์ : อืม ! แล้วยังไงอีก เล่าไปๆ
    วิญญาณ : เมื่อเราเมาเหล้า ครองตัวเองไม่อยู่
    อาจารย์ : หิ้วผู้หญิงห้องอาหารสมัยนั้นครั้งละเท่าไหร่ ?
    วิญญาณ : ๓๐๐ บาท
    อาจารย์ : ช่วยเล่าความผิดอื่นที่ได้ทำไว้สมัยครองกายเนื้อ
    วิญญาณ : เรากินเหล้า เล่นการพนัน ไฮโล ส่วนมากพวกลูกเรือประมง เมื่อรวมกลุ่มกันแล้ว จะพูดจาแต่เรื่องลามกสกปรก เกี่ยวกับผู้หญิง และจะกินเหล้าย้อมใจ การพนัน เล่นไพ่ ไฮโล ของชอบที่หนึ่ง เงินทุกบาททุกสตางค์ก็มาจมอยู่ในอบายมุขทั้งหมด
    อาจารย์ : ตอนนั้นเป็นลูกจ้างเขาหรือ ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ยุคนั้นได้เงินเดือนเท่าไหร่ ?
    วิญญาณ : เดือนละไม่กี่ร้อย แต่เราได้เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง
    อาจารย์ : สรุปรายได้แต่ละเดือนถึงหมื่นไหม ?
    วิญญาณ : ไม่ถึงหรอก แล้วแต่ได้ของมากของน้อย
    อาจารย์ : แต่ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพในยุคนั้นยังไม่สูง
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ๓๐ ปีที่แล้ว ตั้งแต่ก่อนมี…
    วิญญาณ : เงิน ๘๐๐ บาทก็อยู่ได้แล้ว บางเที่ยวเมื่อเราได้ปลากุ้งมา เมื่อไต๋เรือเอามาแบ่ง เราก็จะได้ส่วนแบ่ง (คนเป็นหัวหน้า ควบคุมเรือ)
    อาจารย์ : ไต้ก๋งก็จะให้เพิ่มอีกใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ชีวิตในครั้งนั้นถือได้ว่าสุขสบายพอสมควรใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ถ้าหากว่าเราไม่เสเพล ก็พอจะมีเงินเก็บ ผู้หญิงก็คงจะหันมาสนใจเราบ้าง
    อาจารย์ : แล้วไอ้นกมันมีเงินหรือ มันก็ไม่มีเหมือนกัน เพราะทำอาชีพเดียวกันไม่ใช่หรือ ?
    วิญญาณ : เขาเป็นคนปรนนิบัติเอาใจเก่ง
    อาจารย์ : แล้วทำไมนายเหี่ยวไม่ทำอย่างนั้นบ้างล่ะ ?
    วิญญาณ : เราแข็งกระด้างไปหน่อย เราคิดว่าถ้าเรามีเงิน ผู้หญิงคงจะสนใจ แต่เราคิดผิดถนัด
    อาจารย์ : มารู้ตอนไหนว่าคิดผิด ?
    วิญญาณ : รู้ตอนที่เขาบอกว่า เขาได้ไอ้นกแล้ว
    อาจารย์ : ใครได้ใครกันแน่งานนี้
    วิญญาณ : ไอ้นกน่ะ มันได้กับหนึ่งฤทัย เราก็เสียใจ กลัดกลุ้ม จึงหันไปคว้าผู้หญิงในห้องอาหาร เราทำตัวเสเพลอยู่แบบนั้น จนกระทั่งร่างกายของเราทรุดโทรม จนกระทั่งเราติดเหล้า
    อาจารย์ : เป็นซิฟิลิสด้วยไหม ยุคนั้นยังไม่มีเอดส์ ถ้าเป็นเอดส์ก็ยุ่งเลยล่ะ
    วิญญาณ : สุขภาพเราทรุดโทรม เมื่อกินเหล้าเราจะหาเรื่องทะเลาะ
    อาจารย์ : เพราะจิตตัวนั้น ที่ทราบว่าไอ้นกได้กับหนึ่งฤทัยแล้ว
    วิญญาณ : ใช่ ! มันค้างคาอยู่ในจิตของเรา เพื่อนไอ้นกมันรู้ทัน มันก็เลยวางแผนมอมเหล้าให้เรากิน แม้สติเรายังมีอยู่ แต่เราก็ไม่มีแรงต่อสู้หรอก
    อาจารย์ : นั่นหมายความว่า ภายหลังจากที่เหี่ยวไปฆ่าไอ้นกแล้ว เพื่อนของไอ้นกมันก็ฆ่านายเหี่ยวด้วยวิธีนี้ใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ความผิดอื่นนอกจากนี้มีไหม ที่เป็นเหตุให้ต้องลงนรก ผิดลูกเมียเขามีไหมครับ ช่วยเล่าถึงโทษที่ได้รับในนรกว่ามีอะไรบ้าง เพื่อเป็นข้อเตือนใจให้คนรุ่นหลังจะได้ไม่กล้าทำความผิดที่ต้องลงนรก ?
    วิญญาณ : ความผิดบาป…
    อาจารย์ : ข้อที่ฆ่าเขา คือฆ่าไอ้นกนั่นนะ ถูกลงโทษอย่างไร ?
    วิญญาณ : เราก็ไปโดนเสียบเหล็กแล้วก็ย่าง ทรมานหลายอย่าง เพราะไอ้นกมันบอกว่ามันไม่ได้ผิด เราเป็นคนผิด
    อาจารย์ : ไอ้นกมันก็ลงไปข้างล่างเหมือนกันหรือ ?
    วิญญาณ : ถูกต้องแล้ว
    อาจารย์ : ไอ้นกตายก่อนนายเหี่ยวกี่วันล่ะ ?
    วิญญาณ : ประมาณ ๑๕ วัน
    อาจารย์ : อ่อ ! ไอ้นกลงไปก่อน เหี่ยวตามลงไปทีหลัง ไปเผชิญหน้ากันต่อหน้าพญามัจจุราชเช่นนั้นหรือ พูดกันต่อหน้าเลยใช่ไหม เมื่อไอ้นกมันบอกว่าไม่ผิด นายเหี่ยวว่าอย่างไรล่ะตอนนั้น ?
    วิญญาณ : ไม่ได้เจอกันหรอก แต่คำพิพากษาของท่าน รู้คู่กรณีที่ต้องตายเขาได้บอกให้ฟัง
    อาจารย์ : ไอ้นกว่ามันไม่ผิด แล้วพญามัจจุราชก็เห็นด้วยว่าไม่ผิดใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ไม่รู้ว่าเขาพิพากษากันอย่างไร แต่เราก็โดนทำโทษ
    อาจารย์ : โดนทำโทษเช่นนั้นอยู่หลายรอบ แล้วทำไมถึงหลุดออกมาได้จากที่จุดนั้นล่ะ ?
    วิญญาณ : หลุดรึ ! นานพอดูนะท่าน กว่าเราจะหลุด มันเจ็บอยู่บริเวณหน้าอกอยู่ตลอด
    อาจารย์ : แต่ก็…
    วิญญาณ : ในฐานที่เราเฉือนอกไอ้นกมัน ญาณของเราก็จะเจ็บอยู่บริเวณนี้
    อาจารย์ : แล้วทำไมถึงหลุดออกมาได้ นักการยมบาลเขาหยุดทำโทษแล้วด้วยเหตุผลอะไร ?
    วิญญาณ : ความที่เจ็บปวดเราทนไม่ไหว จิตสำนึกของเรา จึงมีแค่นิดเดียว แต่ก็ขอให้สำนึก
    อาจารย์ : นี่แหละครับ ! ทุกๆ ท่านที่รับทราบเรื่องราวนี้ ขอให้จดจำไว้ว่า “สำนึก” เท่านั้น อย่าว่าแต่ในนรกเลย ความผิดใดที่ทำไว้ ขอเพียงมีจิตสำนึก ในปัจจุบันที่ครองกายเนื้อ ถ้าสำนึกเบื้องบนก็เมตตาให้อภัยทั้งสิ้น นักการยมบาลก็พาไปอีกที่หนึ่ง หลังจากได้สำนึกแล้ว ท่านพาไปที่ไหนต่อ ?
    วิญญาณ : พาไปลงโทษด้วยลูกตุ้มเหล็ก มือของเราสองข้างโทรมด้วยเลือด เพราะลูกเหล็กเหล่านั้นมันเป็นหนาม เขาให้เราจับแล้วทุ่มใส่
    อาจารย์ : ขอถามหน่อย ลูกเต๋าหกเหลี่ยมที่เมืองนรกเช่นกับในโลกมนุษย์ มีไหม ?
     
  3. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    วิญญาณ : ไฮโล ! มันเป็นลูกกลม ๆ นะท่าน
    อาจารย์ : แล้วเขย่าสูง-ต่ำ และเป็นรูปกุ้ง หอย ปู ปลา
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : พอมองเห็นภาพ การเล่นการพนันในเมืองนรกใช้วิธีโยนไปโยนมาแล้วรับ เลือดโทรมมือใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ ! เป็นลูกเหล็กหมุนรอบจัดให้เราทำอยู่อย่างนี้
    อาจารย์ : ทำอยู่อย่างนี้นานแค่ไหน เมื่อยมือจนล้า ?
    วิญญาณ : หยุดไม่ได้
    อาจารย์ : อย่างนี้คือเขย่าไฮโล ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ในขณะที่เขย่าอยู่นั้น มันมีอาการความรู้สึกอย่างไร มันหนักขึ้นเรื่อยๆ ใช่ไหม ?
    วิญญาณ : แน่นอน !
    อาจารย์ : แล้วรู้สึกอย่างไร ให้เล่าความรู้สึกให้ฟังหน่อย ?
    วิญญาณ : เจ็บสิท่าน ! บางครั้งหนามมันงอกออกไปเรื่อยๆ จนทะลุฝ่ามืออีกด้านหนึ่งของเรา หนามจะทะลุๆ ๆ แต่เราก็ไม่อาจจะหยุดได้
    อาจารย์ : ต้องเขย่าอยู่อย่างนั้น ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : แล้วจุดสิ้นสุดมันอยู่ตรงไหน ?
    วิญญาณ : เมื่อเราเจ็บปวดจนถึงที่สุดแล้ว จนทนไม่ไหว เราบอกว่าเรากลัวแล้ว ไม่ทำอีกแล้ว
    อาจารย์ : ในการลงโทษเขย่าลูกไฮโลเหล็กลูกตุ้มหนามเขย่าทั้งวันคืนไม่มีเว้นว่างเลยใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ ! จับอยู่อย่างนั้นตลอด
    อาจารย์ : พอบอกว่าไม่เอาอีกแล้ว…?
    วิญญาณ : ก็ค่อยๆ ทะยอยหยุดและสงบนิ่ง และพอหยุดสงบ เราก็แบมือออก ลูกตุ้มเหล็กหนามอันนั้นก็อันตรธานหายไป มือของเราก็กลับเป็นปกติ
    อาจารย์ : ณ ที่จุดนั้นก็เป็นอันสิ้นสุดการลงโทษ ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ไปที่ไหนต่อ ?
    วิญญาณ : เราก็ไปดื่มน้ำในกระทะทองแดง
    อาจารย์ : ในฐานที่ดื่มเหล้า ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ช่วยเล่าสิ่งที่ได้รับในจุดนี้ ?
    วิญญาณ : มันเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส ตั้งแต่เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดเป็นคนไม่เคยเจ็บปวดขนาดนั้น การที่เรารับลูกตุ้มเหล็กจนฝ่ามือทะลุเจ็บปวดรวดร้าว ก็ไม่เท่ากับการดื่มน้ำทองแดง
    อาจารย์ : ทำไมจึงรู้ว่าเป็นน้ำทองแดงล่ะ บางคนเขาบอกว่าเป็นน้ำเหลวๆ สีแดง ?
    วิญญาณ : ก็พญามัจจุราชที่ควบคุมอยู่บอกว่า “นี่เขาเรียกว่าน้ำทองแดง พวกเจ้ากินเข้าไปแล้วจะอร่อย” เรารู้ว่ามันไม่จริงดังที่เขาพูด เพราะคนที่ยืนรอบอยู่นั้น เมื่อโดนกรอกเข้าไป เขาจะทุรนทุราย ครั้งแรกที่โดนกรอกเข้าไป ปากก็เริ่มเปื่อย เนื้อก็เริ่มหลุด ต้องจับที่คอตรงนี้ มันเร่าร้อนไปหมด ไหลลงไปเป็นทางตามลำไส้ของเรา เมื่อลงไปถึงลำไส้ ท้องของเราก็จะทะลุ ตับไตไส้พุงของเราก็ฉีกขาดด้วยน้ำทองแดงนั้น และเนื้อบางส่วนที่โดนน้ำก็จะหลุดลุ่ย เหลือแต่โครงกระดูก
    อาจารย์ : แล้วร่างกายก็หายไปหมดด้วยหรือ ?
    วิญญาณ : ก็จะฟุบอยู่ตรงนั้น อยู่สักพักหนึ่งเราก็ตื่นมาอีก ทำไปอย่างนั้น หมุนไปเรื่อยๆ
    อาจารย์ : อย่างไรที่เรียกว่าหมุนไปเรื่อยๆ สลับคนโน้นแล้วต่อไปยังคนหนึ่งเช่นนั้นหรือ ?
    วิญญาณ : เราจะเดินไปทุกส่วนซอกของกระทะที่เขาต้ม มันจะหมุนไปโดยอัตโนมัติ
    อาจารย์ : เราหมุนไปเรื่อย แต่กระทะอยู่กับที่ ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : เมื่อไปถึงตำแหน่งที่คนอื่นกินแล้ว ก็มาถึงเราที่ต้องกินในลำดับต่อจากเขา ใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ทำอยู่เช่นนั้นนานแค่ไหน ?
    วิญญาณ : เราจำไม่ได้
    อาจารย์ : จนสุดท้ายได้หลุดออกมาจากที่นั่นด้วย…?
    วิญญาณ : ด้วยความที่เราเจ็บ เราขยาด กล่าวคำว่า “สารภาพผิดแล้ว จะไม่ทำอีกแล้ว”
    อาจารย์ : ขอถามนิดหนึ่งว่า นี่สมมติว่าได้ไปเกิดเป็นคนจะมีจิตสำนึกในจุดนี้ไหมว่า จะไม่…?
    วิญญาณ : เราตั้งจิตอธิษฐาน ก่อนจะหลุดพ้นจากนรกขุมนั้นมาว่า เราจะไม่ทำเหมือนเดิมอีกต่อไป จิตของเรารู้ชัดขณะนี้ว่า ถ้าเราเกิดเป็นคนเราไม่คิดจะดื่มเหล้า
    อาจารย์ : เมื่อคิดและรู้สึกเช่นนั้น ทางนักการยมบาลพาไปไหนต่อ นักการยมบาลที่นำพาไปนั้นเป็นหัวอะไร ?
    วิญญาณ : หัวลา ! เราดูดบุหรี่ ปากของเราไม่ดี คาบแต่สิ่งที่ไม่ดี เราก็ต้องไปคาบเหล็กที่เผาไฟร้อนระอุ
    อาจารย์ : เหล็กกลมโตแค่ไหน ?
    วิญญาณ : โตคับปากเลย
    อาจารย์ : ใหญ่กว่าบุหรี่จริงๆ ในเมืองมนุษย์หลายเท่าใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ ! จะบ้วนทิ้งก็ไม่ได้ จะดูดเข้าก็ไม่ได้ มันจะคาปากอยู่อย่างนั้น
    อาจารย์ : เป็นแท่งเหล็กหรือ ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ร้อนที่แท่งเหล็กกลมนั้น ที่ปลายแท่งเหล็กมีไฟด้วยไหม ?
    วิญญาณ : มันร้อนตลอดทั้งแท่ง
    อาจารย์ : ทำให้ปากเปื่อย ความร้อนที่เข้าไปสู่ร่างสังขารที่เป็นจิตญาณในขณะนั้น มันเป็นอย่างไร ?
    วิญญาณ : มันเจ็บร้อนสิท่าน เหมือนเราอยู่ในหม้ออบ
    อาจารย์ : ในขณะที่ดูดยาสูบนรกอยู่นั้น นักการยมบาลก็ต้องสอนแน่นอน เขาสอนว่าอย่างไร ?
    วิญญาณ : สิ่งที่ไม่ดีให้เลิกเสีย ให้หันมาตั้งใจทำบุญ เงินทองที่จะซื้อของไม่ดีเหล่านี้ มาทำบุญเสียเถอะ เราก็ได้แต่พยักหน้า พูดไม่ได้ เพราะแท่งเหล็กอัดแน่นอยู่แต่ในปาก
    อาจารย์ : ขณะที่พยักหน้าอยู่นั้น จิตสำนึกก็เกิดว่า จะไม่ทำจริงๆ อีกแล้วใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ ! มันทรมานสุดๆ จริงๆ
    อาจารย์ : จริงๆ แล้ว ที่คิดว่าจะไม่ทำอีกแล้วในขณะนั้น ก็เพราะความเจ็บปวด ถ้าไม่มีความเจ็บปวดจะสำนึกไหมล่ะ ?
    วิญญาณ : ก็ยากเหมือนกัน เพราะจิตของเรากระด้าง เพราะเราสำนึก เราจึงหลุดออกมาจากตรงนั้น
    อาจารย์ : ขออีกสักเรื่อง ที่กุ้งเปลือกแข็งนายเหี่ยว ในขณะรับโทษในนรกนั้น ไปรับโทษที่ไหนต่ออีก ขอให้เล่าเป็นสถานที่สุดท้าย
    วิญญาณ : เราเคยหิ้วผู้หญิง
    อาจารย์ : เล่าได้ดีมาก ผลของการหิ้วผู้หญิง เล่าไว้เป็นอุทาหรณ์แก่ชาวโลก คนในโลกนี้ยังไม่ค่อยจะรู้ว่าผลที่ทำเช่นนั้น จะไปรับโทษในนรกเช่นใด
    วิญญาณ : เราก็ผิดลูกผิดเมียเขาเหมือนกัน
    อาจารย์ : มันก็อยู่ในความหมายเดียวกัน ?
    วิญญาณ : เพราะเราก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีสามีหรือยัง
    อาจารย์ : ก็เพราะเขาอยู่ห้องอาหารที่นายเหี่ยวไปเที่ยว เอา ! เล่าไป
    วิญญาณ : เราก็ไม่คิดว่าเขาจะมีสามีเป็นตัวเป็นตน
    อาจารย์ : จริงๆ แล้ว ผู้หญิงเหล่านั้นมีสามีใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : นายเหี่ยวรู้เรื่องนี้เมื่อลงนรกไปแล้วใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ ! เราก็ต้องไปปีนต้นไม้
    อาจารย์ : ต้นไม้อะไร ?
    วิญญาณ : ต้นงิ้ว !
    อาจารย์ : ทำไมจึงเรียกต้นงิ้ว นายเหี่ยวเรียกเอง หรือมีใครบอกว่าชื่อต้นงิ้ว ?
    วิญญาณ : เขาเรียกต้นเหล็กแหลม
    อาจารย์ : เมืองนรกเขาเรียกต้นเหล็กแหลม ก็แล้วใครเป็นคนตั้งชื่อว่าต้นงิ้วล่ะ ?
    วิญญาณ : ก็คนที่อยู่ด้วยกันนั่นแหละ
    อาจารย์ : เมื่อไปถึงโคนต้นงิ้วแล้ว เกิดอะไรขึ้น ?
    วิญญาณ : มีคนถือหอกสามง่าม บังคับให้เราปีนป่าย แล้วมีหนามงอกออกมา
    อาจารย์ : ตอนนั้นแก้ผ้าหมดแล้วใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ ! หนามงิ้วค่อยๆ งอกมาทิ่มแทงตามร่างกายของเราทุกส่วน โดยเฉพาะอวัยวะเพศของเรานั้น
    อาจารย์ : มันเป็นหนามโผล่ออกมาแล้วทิ่มลงเฉพาะจุดนั้นเลยหรือ ?
    วิญญาณ : มันจะเจ็บปวดมากที่สุด เพราะเราใช้ส่วนนี้ไปในทางที่ไม่ดี เหมือนกับข่มขืนลูกเมียเขา ถึงเราจะให้เงินเขาก็จริง
    อาจารย์ : ความรู้สึกของผู้หญิงในครั้งนั้นเขายอมด้วยดี หรือว่าฝืนใจเขา ?
    วิญญาณ : ก็เพราะเขารับเงินเราไปแล้ว จะยอมหรือไม่ยอม เขาก็ต้องนอนกับเรา เราเจ็บตรงส่วนนั้นมาก มันเหมือนอยู่ในเตาเผาตลอดเวลา ตามร่างกายของเราที่โดนเหล็กต้นนั้นก็เจ็บ เลือดก็ทะลักออกจากกายไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งเราร้องตะโกนสุดเสียง เราเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว เราจึงปล่อยมือหงายหลัง ตกลงมาบนพื้นข้างล่าง เมื่อเราตกลงมาก็โดนหมาดำกระชากฉีกเนื้อ ปากมันแหลมคมมาก มันไม่ใช่หมาธรรมดา
    อาจารย์ : ฉีกเนื้อเจ็บปวดเลือดไหล ?
    วิญญาณ : เจ็บสิท่าน ! เจ็บซ้ำสองเมื่อลงมากระแทก พอเราตกลงมา หมาดำก็กรูเข้ามา
    อาจารย์ : ไม่ใช่ตัวเดียวใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ยื้อแย่งกันใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ ! กระชากฉีกออกเป็นชิ้นๆ จนเหลือแต่โครงกระดูก เราก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
    อาจารย์ : พอเป็นโครงกระดูกแล้ว จึงฟื้นขึ้นมาเป็นร่างสังขารของญาณใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ ! พอฟื้นขึ้นมาเราก็โดนบังคับให้ปีนป่ายขึ้นไปอีก ทั้งๆ ที่จิตของเรารู้ว่ามันเจ็บแสนสาหัส แต่เราก็ต้องขึ้นไป เราสู้กำลังที่ทิ่มแทงเราไม่ได้ เราจึงต้องขึ้นไปอีกครั้งหนึ่ง
    อาจารย์ : สูงกว่าเดิม ?
    วิญญาณ : ถูกต้อง ! การทรมานก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ๆ ๆ จนวาระสุดท้าย เราตะโกนออกมาว่า “สำนึกแล้ว ๆ ๆ ๆ” ร่างของเราก็ร่วงตกลงทันที
    อาจารย์ : แต่ไม่โดนหมากัดอีก เพราะสำนึกแล้วใช่ไหม ?
    วิญญาณ : มันนอนเป็นยามอยู่ข้างล่าง
    อาจารย์ : หมาไม่วิ่งมากัดอีกแล้วทีนี้ ?
    วิญญาณ : ยมทูตสองตนก็วิ่งมากระชากแขนเราให้ลุกยืน และก็พากลับออกมาจากขุมนรกแห่งนั้น ให้มารายงานต่อท่านพญายม ท่านพูดว่า "เขาสำนึกแล้วทุกๆ ขุม แต่ต้องไปใช้กรรมในเมืองมนุษย์อีก" โดยการที่ให้เราเกิดกายมาเป็นกุ้งนี่แหละ
    อาจารย์ : ด้วยความผิดอะไรที่ต้องมาเกิดกายเป็นกุ้ง ?
    วิญญาณ : เราเคยฆ่ากุ้ง ต้มกุ้ง เพราะเราเป็นชาวประมง อาหารการกินทุกอย่างเราก็ต้องอาศัยสัตว์ที่เราลากอวนขึ้นมาได้ นำมากิน นำมาเป็นอาหาร
    อาจารย์ : นายเหี่ยวกินกุ้งมากกว่าสัตว์ชนิดอื่นใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ทุกอย่าง ! นี่แหละ ท่านอยากรู้เราก็บอกแล้ว เล่าแล้ว
    อาจารย์ : นายเหี่ยวเกิดเป็นกุ้งกี่ชาติแล้ว ?
    วิญญาณ : เราจำไม่ได้
    อาจารย์ : ทีนี้ เมื่อเกิดมาเป็นกุ้งในชาตินี้ ที่น่านน้ำสุราษฎร์ธานี เขาไปจับมา มันก็ตาย เมื่อมาถึงสิชล และเจอคู่ปรับเก่าจิตญาณก็เกิดความเคียดแค้นขึ้นมา และเมื่อมาเกาะร่างนี้ ในสถานปฏิบัติธรรมนี้แล้ว ก็กดร่างให้เกิดอาการเฉื่อยๆ นั้น เพื่อต้องการให้ร่างเป็นเหมือนกับที่ตัวเองเคยเป็นเช่นนั้นหรือ ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : ความเป็นจริงก็คือ มาอาศัยร่างเขานะ ถ้าจะใช้ร่างก็ต้องให้รวดเร็ว เพราะเขาก็ต้องทำงานอย่างอื่นด้วย ถ้าเรามาแอบอยู่เช่นนั้นนาน มันก็ไม่เป็นผลดี ที่สำคัญตะกี้ น้ำทิพย์ทำไมบ้วนทิ้งเสียล่ะ ?
    วิญญาณ : เรากินไม่ได้
    อาจารย์ : และทำไมจึงบอกว่าเป็นร่างล่ะ ?
    วิญญาณ : เพราะตามกำหนด ท่านให้ ๖ โมงเย็น
    อาจารย์ : จริงๆ มาตั้งแต่เช้า ก็น่าจะให้แสดงตัวนานแล้ว แต่เราไม่ได้ว่าอะไรท่านนะ ท่านก็คงเจตนาดีของท่านนั่นแหละ ทุกอย่างที่พูดมานี้ กุ้งเปลือกแข็งนายเหี่ยวเข้าใจดีหรือยัง นี่คือกฎแห่งกรรม นายเหี่ยวในอดีตได้ทำความผิดไว้ ก็ได้ลงไปรับโทษทัณฑ์ในนรกเรียบร้อยแล้ว จึงได้มาเกิดเป็นกุ้ง เคยเกิดเป็นสัตว์อื่นมาบ้างไหม มีด้วยไหม ?
    วิญญาณ : เราจำไม่ได้
    อาจารย์ : เอาล่ะ ! จำได้แต่ชาติที่เป็นกุ้ง เพราะเป็นชาติปัจจุบัน ทำไมจึงต้องเกิดเป็นกุ้ง ทำไมจึงต้องเกิดเป็นสัตว์น้ำ ก็เพราะเหตุที่ว่าตอนเป็นมนุษย์
    ๑.มีอาชีพประมง ก็คือฆ่าสัตว์เหล่านี้
    ๒.ที่สำคัญคือกินสัตว์เหล่านี้ด้วย
    แต่สำหรับขณะนี้นายเหี่ยวมาเกิดเป็นกุ้งเปลือกแข็ง ถูกจับขึ้นจากน้ำ และตายลง วิญญาณออกจากร่างสังขารกุ้ง มาในรถ ๖ ล้อ เห็นไอ้นกเป็นคนขับ และจำญาณเขาได้ว่าเป็นคู่อริกันมาแต่อดีต จึงเกิดความแค้น และความเดือดแค้นนั้นผสมผสาน พลังความแค้น ๒ เท่า คือ
    ๑.เราเป็นกุ้งตายด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
    ๒.ไอ้นกขับรถกุ้งคันที่เราอยู่ด้วย
    ปัจจุบันเกิดเป็นกุ้ง และเมื่อมีคนมาฆ่าตาย เจ็บปวดก็เกิดความแค้นคิดจะแก้แค้น อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ไอ้นกคนขับรถเคยเป็นคู่อริกันมาก่อน ด้วยความแค้นพลังสอง จึงคิดที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่เขา ก็คือหาวิธีให้รถชนกัน เมื่อรถชนกันแล้ว ความเสียหายก็เกิดขึ้น เจ้านายของไอ้นกก็จะไม่พอใจ ไอ้นกไปส่งกุ้งไม่ทันตามเวลา เจ้านายก็จะได้เล่นงานมัน เพื่อให้เจ้านายไล่ออกจากงาน นั่นคือเป้าหมายของนายเหี่ยวถูกไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : แต่นายเหี่ยวจะนึกไหมว่า สิ่งเหล่านี้คือวิบากกรรม คือการกระทำที่ต่อเนื่องมาจากอดีต เรากับเขาก็เคยมีบาปสัมพันธ์ โรมรันพันตูกันมาแล้ว ไม่แต่เพียงชาตินี้ แต่เราจำไม่ได้ มันเคยเกี่ยวกรรมกันมาหลายครั้งแล้ว การมาเกิดเป็นสัตว์ก็เพราะเคยทำกรรมอย่างนี้ไว้ เมื่อเขาฆ่าตาย เราเจ็บปวดก็โกรธคนฆ่า คนกิน วันนี้ทำไมนายเหี่ยวไม่คิดบ้างว่า นี่คือกฎแห่งกรรม วิบากผลที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะเราเคยกินเขา ด้วยว่ากฎแห่งกรรมนั้นยุติธรรม วันนี้จึงส่งผลให้เรามาเกิดเป็นกุ้งให้คนอื่นกิน ถามว่าจะดีไหม ถ้าเราคิดว่ามันสมดุลกันแล้ว ที่เราเคยทำเขามาก่อน บัดนี้เราก็ถูกเขาทำเช่นเดียวกัน คิดได้ไหม จะดีไหมล่ะ ?
    วิญญาณ : จะไปแล้วล่ะ
    อาจารย์ : พราะเหตุที่ว่า เราเคยเกี่ยวกรรมกันมา และด้วยกฎเกณฑ์ของฟ้าดิน และในยุคโปรดสามโลกครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ พระศรีอาริยเมตไตรยมาครองธรรมกาล พระแม่องค์ธรรม แม่แห่งดวงญาณมีพระเมตตา จัดให้มีการโปรดสามโลก ทำไมนายเหี่ยวต้องมาออก มาขึ้นที่นี่ ที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ ที่อำเภอนี้ ก็เพราะบุญวาระของนายเหี่ยวมาถึงแล้ว จึงมาขึ้นที่นี่ได้ จริงๆ จะต้องไปที่อื่น เพราะที่นี่ (สถานสถานปฏิบัติธรรม) ซึ่งรับการไว้วางพระทัยจากฟ้า ให้ทำหน้าที่นำส่งดวงญาณทั้งมนุษย์และสัตว์เดรัจฉานขึ้นสู่ลานธรรมของพระศรีอาริย์ทุกวัน ส่งขึ้นไปทำอะไรที่นั่น ก็ไปฟังธรรม ไปขจัดขัดเกลาจิตของตัวเองให้ใสสะอาด วิญญาณสัตว์เดรัจฉานที่ขึ้นไปสู่ลานธรรมพระศรีอาริย์ ไปอยู่ฝั่งของเดรัจฉาน เมื่อจิตญาณใสได้ระดับของความเป็นคนก็จะทะลุกำแพงแก้วมาสู่ฝั่งมนุษย์ ฟังธรรมขัดเกลาในฝั่งมนุษย์ไปเรื่อยๆ จนจิตใสดีในระดับที่กำหนดของเบื้องบนแล้ว ก็จะได้มาเกิดกายในโลกมนุษย์ ฟังธรรมของพระศรีอาริย์ เมื่อพระองค์ได้เกิดกายเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล้วก็สำเร็จธรรมะกลับนิพพาน ไปอยู่บนแดนนั้นอย่างมีความสุข นายเหี่ยวคิดว่าโชคดีไหม ?
    วิญญาณ : โชคดี !
    อาจารย์ : สิ่งที่จะต้องขจัดในขณะนี้ให้เร็วที่สุด คือ ความอาฆาต พยาบาท ให้เรารู้และเข้าใจอย่างชัดเจนว่า "เวรนั้นย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร" เป็นอย่างไร ถอนหายใจเพราะอะไร ?
    วิญญาณ : เราซาบซึ้ง !
    อาจารย์ : อืม ! จักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ พระแม่องค์ธรรมสร้างขึ้นมา มีความยุติธรรม นายเหี่ยวหรือกุ้งเปลือกแข็งก็คือลูกของพระแม่องค์ธรรม แม่อยู่บนแดนนิพพาน คอยลูกๆ ให้กลับ แต่เรามาหลงผิด เรามาทำความผิด เรามาหลงโลกนี้ แล้วเราก็ฆ่ากัน เราก็ทำร้ายกัน แม่เสียใจ ร้องไห้ นายเหี่ยวฟังอย่างนี้แล้วรู้สึกอย่างไร ?
    วิญญาณ : เราก็คิดถึงแม่ของเรา
    อาจารย์ : นั่นคือแม่แห่งดวงญาณ แม่ของทุกคน แม่ของผมด้วย แม่ของนายเหี่ยวด้วย เราเป็นพี่น้องกัน เข้าใจไหม ? พยายามลด และละลายให้หมดซึ่งความเคียดแค้นตั้งแต่วันนี้ เขาเคยทำเรา เราก็เคยทำเขา เพราะฉะนั้นจะต้องไม่ติดค้างกันอีก จะต้องปิดบัญชีหนี้นี้เสียให้สิ้น บัญชีแค้นปิดให้สิ้น นายเหี่ยวเข้าใจใช่ไหม แล้วการขึ้นสู่ลานธรรมของนายเหี่ยวก็จะมีผล มีประโยชน์อันมหาศาล แต่ถ้านายเหี่ยวยังพกความเคียดแค้นขึ้นไปสู่ลานธรรมพระศรีอาริย์ นายเหี่ยวจะฟังธรรมไม่ค่อยรู้เรื่อง เข้าใจไหม แล้วผลที่จะเกิดในวันข้างหน้าก็คือกลับไปแดนนิพพานไปหาแม่ ไปสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของแม่นั้น มันจะยากขึ้น ถ้าเมื่อเราได้ไปนิพพาน เราก็จะไปอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุข เราจะไม่ทุกข์เหมือนที่มีการเวียนเกิดเวียนตายเช่นนี้อีก ฟังแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง ?
    วิญญาณ : เข้าใจที่ท่านพูด
    อาจารย์ : มาที่นี่ไม่ผิดหวังใช่ไหม ถ้าเช่นนั้นใครมีอะไรจะถามนายเหี่ยวบ้างไหม ?
    จารุวรรณ : วิญญาณกุ้ง หอย ปู ปลาที่มาพร้อมวิญญาณนายเหี่ยว ขณะนี้ไปอยู่ที่ไหนกันบ้าง ?
    อาจารย์ : ไปไหนกันบ้างช่วยบอกเขาเถอะ เราก็ต้องการรู้เช่นนั้นด้วย ?
    วิญญาณ : เขาขึ้นรถตู้ วิญญาณแค้นก็ได้ตามซากไป ไม่มาที่นี่ (สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้)
    จารุวรรณ : ตอนเช้าก็ได้บอกเขาไปแล้วว่า ทุกจิตญาณของกุ้ง หอย ปู ปลาทั้งหมด อดีตก็คือมนุษย์ เราเคยฆ่า เคยกินเขามาแล้ว ชาตินี้จึงต้องถูกเขาฆ่า อย่าได้อาฆาตมาดร้าย ให้ตัดภพตัดชาติขาดกัน อโหสิกรรมกัน เพื่อจิตญาณเหล่านั้นจะได้ขึ้นสู่ลานธรรมของพระศรีอาริย์ จะได้พ้นจากทุกข์ จากการเวียนว่ายตายเกิด เพราะเหตุใดจึงไม่ตามมาล่ะ ?
    วิญญาณ : จิตแค้นมันยังมีอยู่
    อาจารย์ : จิตแค้นยังมีดีกรีสูงอยู่เช่นนั้นใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่ !
    อาจารย์ : จึงน่าสงสาร เพราะความแค้นนั่นแหละ โลกนี้จึงวุ่น โลกจึงต้องรบราฆ่าฟันกันตลอด เพราะแค้นกันนี่แหละ แต่ถ้าวันไหนเราหยุดความแค้นได้ เราไม่มีการเคียดแค้น ให้อภัยกัน โลกนี้ก็จะสันติ สงครามก็จะไม่มี เรื่องราวร้ายๆ ก็จะไม่มี วิญญาณทั้งหลายที่จะรวมตัวเป็นพายุ เป็นเมฆเป็นฝนที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่คนทั้งหลายก็จะไม่มี ถูกไหม โลกจะสันติได้ก็ด้วยการให้อภัยซึ่งกันและกัน ที่นี่ สถานปฏิบัติธรรม เราสอนศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมแก่คนทั้งหลาย ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ตลอดเวลามา แปรเปลี่ยนคนจากจิตที่ไม่ดี เป็นจิตที่ดีงามขึ้นมาไม่น้อย นายเหี่ยวเข้าใจนะ จะพูดอะไรฝากไว้ ให้คนทั้งหลายได้รู้กฎแห่งกรรมบ้างว่า นายเหี่ยวได้ทำไว้เช่นนี้ ผลจึงออกมาอย่างนี้ พูดให้เป็นข้อคิดอันจะเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ สักประโยค จะได้มีสิ่งที่ดีงามแก่กัน ?
    วิญญาณ : ทำกรรมใดไว้ ก็จะได้รับเช่นนั้น เช่นเราเป็นตัวอย่างนี่แหละ
    อาจารย์ : เป็นคำคม พูดเป็นสัจธรรมอย่างดียิ่ง
    วิญญาณ : อย่าอาฆาตแค้น จิตก็จะหนักเหมือนเรา ฟื้นยาก เมื่อเจอคู่อริเราจะเข้าทำร้ายทันที เพราะจิตแค้นของเรานี่เอง เมื่อท่านพูดเราเข้าใจ ได้ฟังแล้วจิตของเราสงบลง รู้สึกมันโล่งเบาสบาย ที่เคยอัดอั้นอยู่ในอกก็โล่ง เหมือนหินทับอยู่ก็เบา
    อาจารย์ : ก็ขออนุโมทนาบุญกับนายเหี่ยวในครั้งนี้ด้วยที่คิดได้ นึกได้ และมลายความแค้นได้ ให้อภัยเขา ทุกสรรพชีวิตทั้งหลายเกิดตาย รับหนี้เวรกรรมกันเช่นนี้ ถ้าเราให้อภัยกันแล้ว โลกนี้ก็จะน่าอยู่ยิ่งขึ้น ก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะ ที่คิดได้เช่นนั้น แล้วการขึ้นลานธรรมพระศรีอาริย์ของนายเหี่ยวในครั้งนี้ ก็เป็นการขึ้นไปอย่างคนโชคดี ได้ฟังธรรม ละลายสิ่งที่ไม่ดีได้เร็วขึ้น ความสุขก็จะเกิดเร็วขึ้น
    วิญญาณ : ขอบคุณ !
    อาจารย์ : นั่นคือทุกสรรพชีวิตในการเกิดตาย ต่างก็หวัง ทุกคนหวังในความสุข ไม่มีใครหวัง หรือปรารถนาความทุกข์ ความเดือดร้อน ความเจ็บปวดรวดร้าว แต่เพราะเราทำผิด ผลจึงไม่ได้ออกมาตามที่เราหวัง เมื่อเราเดินบนหนทางแห่งธรรมะแล้ว ให้อภัยเขาแล้ว นั่นก็คือความเบา ความสบาย ความสุขที่เรามุ่งหวัง ก็จะมาถึงเร็ว ดีหรือไม่ดี เอาล่ะ ! ถ้าเช่นนั้นก็ได้เวลาที่นายเหี่ยว จะต้องถอนญาณออกจากกายสังขารนี้แล้ว อย่าให้มีเศษเหลือค้าง เพราะใกล้เวลา ๖ โมงเย็น จะต้องไหว้พระเย็นแล้ว นายเหี่ยวดูซิ หน้าสถานปฏิบัติธรรม ๑๐๕ ก้าว มีลำแสงอยู่ใช่ไหม นายเหี่ยวพุ่งกระโดดไปรวมกับเพื่อนๆ ที่นั่นเลยนะ อีกสักครู่เราจะไหว้พระสวดมนต์เย็น เสร็จก็จะกรวดน้ำ สวดสัจจคาถาพระศรีอาริยเมตไตรย สวดพระคาถาพลังจักรวาลชินบัญชร นายเหี่ยวจะมีความสุข แล้วขึ้นสู่ลานธรรมของพระศรีอาริย์ ตามลำแสงที่ส่งลงมา สบายตลอดกาล โชคดี
    วิญญาณ : ขอบคุณ !
    อาจารย์ : โชคดีนายเหี่ยว ถอนออกลำบาก เอ้า! ช่วยส่งแขก (คือใช้พลังจักรวาลผลักดันให้ญาณหลุดออกจากสังขาร ไม่ให้มีเศษเหลือค้าง).
    ---------------------------------------------------------------------------------​
     

แชร์หน้านี้

Loading...