สอบถามท่านผู้รู้ เรื่องของ "บุญ" ค่ะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย eternity_bb, 10 กรกฎาคม 2012.

  1. eternity_bb

    eternity_bb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +107
    ดิฉันมีความสงสัยว่า ระหว่างผู้ชาย 2 คน อายุไร่เรี่ยกัน

    คนแรก ชอบนั่งสมาธิ ทำบุญ ปฏิบัติธรรมเป็นประจำ จนไม่ยอมทำงานช่วยเหลือพ่อแม่และครอบครัว เพราะมุ่งแต่จะปฏิบัติธรรมที่วัด มุ่งแต่เรื่องของเทพจนครอบครัวเดือดร้อน



    กับอีกคน ที่ไม่เคยได้ทำบุญ ปฏิบัติธรรม เพราะต้องมุ่งแต่ทำงานช่วยเหลือพ่อแม่และครอบครัวอย่างเต็มที่ ความกตัญญูเปลี่ยมล้น

    ดิฉันจึงอยากทราบว่าระหว่างผู้ชาย 2 คนนี้ ใครจะได้บุญมากกว่ากันค่ะ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ชายทั้งสองคนได้บุญไม่เหมือนกัน....
     
  3. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ถ้ามีลูกที่เป็นคนปฏิบัติธรรมได้ พ่อ-แม่ก็ได้อานิสงส์ไปด้วยนะ ยิ่งทำให้
    พ่อแม่หันมามีสัมมาทิฐิได้ก็เป็นคนกตัญญูรู้คุณตามที่พระพุทธองค์กล่าวไว้
     
  4. samaice

    samaice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +1,018
    น่าจะคนที่สองเพราะไม่ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจ เขาน่าจะได้บุญกว่า (ตามความเข้าใจของดิฉันนะค่ะ)
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ดิฉันมีความสงสัยว่า ระหว่างผู้ชาย 2 คน อายุไร่เรี่ยกัน

    คนแรก ชอบนั่งสมาธิ ทำบุญ ปฏิบัติธรรมเป็นประจำ จนไม่ยอมทำงานช่วยเหลือพ่อแม่และครอบครัว เพราะมุ่งแต่จะปฏิบัติธรรมที่วัด มุ่งแต่เรื่องของเทพจนครอบครัวเดือดร้อน

    ได้บุญจากการทำทาน ในการช่วยเหลือพระพุทธศาสนา

    เบญจศีล ไม่ขาด และ เบญจธรรม พร่อง เพราะทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน

    บุญจากภาวนาคงจะไปไหนได้ไม่ไกล เพราะเบญจธรรมไม่ดีพอ

    มุ่งแต่เรื่องเทพ ... ผมสงสัยจะไปหลงทางกับร่างทรง ปฏิบัติธรรมเพราะร่างทรงหรือเปล่า ? บุญที่สร้างร่างทรงจะได้ซะเอง


    กับอีกคน ที่ไม่เคยได้ทำบุญ ปฏิบัติธรรม เพราะต้องมุ่งแต่ทำงานช่วยเหลือพ่อแม่และครอบครัวอย่างเต็มที่ ความกตัญญูเปลี่ยมล้น

    ได้บุญจากการทำทาน ในการช่วยเหลือพระอรหันต์ในบ้าน

    เบญจศีล และ เบญจธรรม จากที่อ่านศีลไม่ขาด ธรรมไม่ผิด


    ดิฉันจึงอยากทราบว่าระหว่างผู้ชาย 2 คนนี้ ใครจะได้บุญมากกว่ากันค่ะ


    ตามความคิดเห็นของผม ...

    ถ้าถามว่าใครได้บุญมากกว่า ชายสองคนนี้ได้บุญทั้งคู่ แต่ได้บาปคนเดียว


    ชายคนแรก บุญจากทำทานช่วยพระพุทธศาสนา


    ชายคนที่สองได้บุญ จากการช่วยเหลือผู้มีพระคูณและครอบครัว


    แต่

    ชายคนแรก ได้บาป เพราะทำให้ผู้มีพระคุณเดือดร้อน

    ชายคนที่สองไม่มีบาป


    http://www.watprempracha.com/benjasin-benjatum-01.html
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กรกฎาคม 2012
  6. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    คนแรกได้บุญมากกว่า
    ที่ว่าเดือดร้อนครอบครัวคิดไปเอง
    ถ้าไม่ได้ขโมยเงินที่บ้านไปทำบุญก็ไม่มีใครเดือดร้อน
     
  7. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    แต่ก็ไม่แน่ ถ้าหากคนที่สองมีศีลครบ ดูแลพ่อแม่จนเป็นฌาณ
    อาจจะได้บุญมากกว่าก็ได้

    ต้องรอดูตอนตายแล้วทั้งคู่ การแข่งขันยังไม่จบ
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คนแรก บ้าบุญ
    คนที่ 2 รู้จักหน้าที่ตน

    คนแรกได้ความหลง มัวเมา ไม่รู้จักหน้าที่ตน
    คนที่ 2 ได้บุญ ที่มีสติปัญญา รู้จักไตร่ตรองหน้าที่ตน ขยัน เสียสละ กตัญญู
     
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คำว่า บุญ นี่คู่กับ กุศล คือฉลาด
    อะไรก็ตาม ทำแล้วฉลาด รู้จักเลือกทางที่ถูกต้อง เหมาะสม นี่เรียกว่า ฉลาด
    หากว่า เราทำบุญ เอาแต่นั่งสมาธิ หรือ ทำบุญให้วัด แต่ไม่รู้ว่าจะส่งผลขัดเกลานิสัยตนให้ดีขึ้นอย่างไร ก็เรียกว่าไม่ฉลาด ที่ทำไปเพราะตนเองคิดว่าดี ก็ตักตวงไป โดยไม่สนใจอย่างอื่นว่า คนรอบข้่างเขาจะเป็นอย่างไร สักแต่ตนได้ทำบุญ บุญนั้นก็กลายเป็นตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

    แต่คนที่มีสติ รู้ว่า ทางสายกลางคืออะไร ทำบุญด้วยหวังให้พระได้มีกินมีใช้ ช่วยสืบต่อพระศาสนา
    ทำบุญเพื่ออุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร เพราะตนรู้สำนึกว่าตนผิดพลาดมา ทำบุญให้บุพการีเพราะสำนึกในบุญคุณอยากตอบแทนเมื่อท่่านจากไป เหล่านี้เป็นบุญที่แท้จริง เพราะทำแล้วทำให้ใจเราสูงขึ้น

    อีกประเภทหนึ่ง ไม่ทำบุญให้วัด แต่ทำให้คนรอบข้าง ครอบครัว เพราะใจอยากจะให้ครอบครัวเจริญ แบบนี้ก็เป็นทางฉลาด คือ ทำให้ครอบครัวเจริญ จิตใจของผู้ให้เจริญขึ้น

    แต่อย่างไรก็ตาม ทำบุญให้ทำควบคู่ไป ทั้งหน้าที่ทางโลก และหน้าที่ในการอุปถัมภ์ค้ำชูพระศาสนา จะได้บุญอิ่มบุญเต็ม ทั้งทางโลกและทางธรรม
     
  10. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    มีใครเคยคิดบ้างไมว่า เมื่อครั้งแรกสมเด็จฯท่านออกบวช....ท่านทำเช่นใด.....

    การสละซึ่งสมบัติส่วนน้อยเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ ที่มีค่ายิ่งกว่า....เป็นกำลังใจสูงสุด เป็นบารมีสูงสุด.....

    พระเวสสันดร สละลูก และ ภรรยาเป็นทาน เพื่อสร้างบารมีทานอันสูงสุด....

    ที่ผมกล่าวว่าผู้ชายสองคนได้บุญไม่เหมือนกันคือ คนที่หนึ่งถ้าเขาหมายปรมัถบารมี หรืออรหันต์ผล ซึ่งกล่าวว่าเป็นบุญสูงสุดในพระศาสนาในชาติปัจจุบันนั้นทำได้ง่ายกว่ามาก เพราะว่าทางแห่งพระนิพพานเป็นทางแห่งบุคคนคนเดียว คุณจะยก พ่อ แม่ ลูก เมีย ไปด้วยไม่ได้.....

    แต่บุคคลคนที่สองก็ได้บุญเช่นกัน เพราะอะไร เพราะความกตัญญูนั้นถือเป็นบุญใหญ่พระพุทธเจ้าท่านทรงสรรเสริญให้ปฏิบัติ หน้าที่เขาทำครบ แต่ภาระเขามาก อันว่ามรรคผลนิพพานในชาติปัจุบันนั้นอาจทำได้ยากกว่าคนแรกที่พร้อมจะสละทุกอย่างเพื่อธรรม.....

    บุญของเขาทั้งสองได้ทั้งคู่ แต่ต้องถามจุดมุ่งหมายของเขาว่าเขาต้องการแบบใหน....ชายคนที่ ๒ มากสุดอาจได้เพียงแค่ สุคติภูมิ เท่านั้น.....เพราะภาระมาก กระทบคนมาก มีโอกาศที่จะผิดศีลก็มาก เช่นกัน......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2012
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    แล้วท่านทั้งหลายคิดว่า ท่าน เจ สันยัง ทำผิดหรือทำถูกหละ......

    ผมเห็นแต่โมทนากันเป็นทิวแถว.......
     
  12. eternity_bb

    eternity_bb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +107
    ขอบพระคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ
    สำหรับชายคนที่ 1 นั้น เป็นแฟนเพื่อนของดิฉันเอง ที่มุ่งแต่ปฏิบัติธรรมโดยไม่ทำการททำงาน ยังต้องขอเงินแม่และภรรยาไปปฏิบัติธรรมอยู่เรื่อยๆ ไหนจะค่ารถไป-กลับ ไหนจะค่ากินค่าอยู่ เหนเค้าค่อนข้างเดือนดร้อนกันมากนะค่ะ

    สำหรับชายคนที่ 2 คือแฟนดิฉันเอง เห็นเค้าแล้วก็น่าสงสารนะค่ะ ที่ต้องรับผิดชอบทั้งน้องสาวที่เรียนอยู่ และพ่อแม่ของเค้าเอง เมื่อก่อนไม่เคยได้เข้าใกล้พระพุทธศาสนาหรอกค่ะแต่เดี๋ยวนี้ ดิฉันก็ได้ชวนเค้าสวดมนต์ นั่งสมาธิทุกคืน รักษาศีล 5 ทำทาน ตักบาตรเมื่อมีโอกาส แล้วค่ะ
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เรื่องของกำลังใจของพระศาสดา เอาเปรียบกับคนทั่วไปไม่ได้ นี่พูดกันถึงคนทั่วไป ถ้าคนทั่วไปบริจาคเมีย บริจาคลูกกันหมด พอดีกัน อย่าว่าแต่ตัวที่จะพัง ประเทศชาติก็พัง
    กุศลของพระศาสดา ท่านรู้จักทางของท่านที่จะยกระดับจิตใจท่านให้มีความเข้มแข็งเรื่องทานบารมี
    คนละเรื่องกับ คนบ้าบุญ พระเวสสันดรนั่นท่านมีกำลังใจแข็งแกร่ง แต่คนบ้าบุญกำลังใจอ่อนปวกเปียก
    เอามาเทียบกันได้อย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2012
  14. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    คุณสร้อยฟ้า
    ข้อมูลน้อยไป
    ติดใจคนแรก ที่ว่า "มุ่งแต่เทพ"
    อันนี้น่าจะตีความหมายว่า คนแรก นั่งภาวนา...ขอพร เทพ...
    นี่คือการหลงผิดในศาสนา...ไม่ใช่พุทธ ดันไปเอาฮินดูพราห์มณ์มาใช้...แล้วนึกว่าเป็น บุญ...ซึ่งพวกนี้จะหลงไหลในฤทธิ์ ในเทวดาต่างๆ เรียกง่ายๆพวกบ้าจตุคาม บ้าเทวดา พญานาค ครุฑ เทือกนี้...
    ..พวกนี้ทำบุญให้ตายก็ไม่ได้บุญที่เป็นโลกุตตละ....
    ...แต่ถ้าปฏิบัติถูกทางก็จะได้บุญทางโลกียะ...คือสามารถไปเกิดเป็นเทวดาได้...
    ...แต่เป็นฆาราวาสแล้วทอดทิ้งครอบครัวนี่ บาป...ไม่ได้เป็นเทวดาแน่....
    ..เพราะความจริงต้องบวชเป็นฤาษีชีไพร ทิ้งครอบครัว เดินป่าเพื่อค้นหาโมกธรรมวิเศษ
    ..จนสำเร็จญานสมบัติ8 มีฤทธิ์ทางอภิญญา....แต่อาจตกนรกเพราะทิ้งพ่อแม่ครอบครัว...
    ..เพราะฤทธิ์ที่ได้ไม่จีรัง...พอเสื่อมก็ลงนรกไป....
    ส่วนคนที่สองได้บุญแน่...แต่ด้วยใจที่ยังไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา..แม้ได้บุญจริง แต่ก็ได้น้อย...
    ทำไปเรื่อย เวลาตาย อาจได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง เท่านั้น
     
  15. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,849
    การทำบุญหากทำด้วยความสุจริตใจ ไม่ทำความเดือดร้อนต่อคนรอบข้าง ผมว่าก็เป็นเรื่องที่น่าโมทนานะครับ

    ผมก็คิดอยากจะบวชเหมือนกัน แต่ติดภาระที่พ่อและแม่ แก่แล้ว ไม่มีใครดูแล จึงต้องคอยเป็นเสาหลักให้ครอบครัวก่อน เพราะหากผมไปเลยก็เกรงว่าจะไม่มีคนคอยดูแลพ่อและแม่ซึ่งแกชราลงทุกวัน โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าการทำบุญนั้นสามารถทำได้ตลอดเวลาครับ จะบวชหรือไม่บวช จะไปวัดหรือไม่ไป เพียงแต่เรามีสติ กำหนดจิตให้ตั้งมั่นอยู่กับอารมณ์กุศลตลอดเวลาได้ อันนี้ก็ถือว่าได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง โลกไม่้ช้ำ ธรรมไม่เสีย

    อันนี้เป็นความเห็นนะครับ ผิดถูกอย่างไร ขอคำชี้แนะด้วยครับ

    โมทนากับกุศลกรรมของทุกท่านด้วยครับ
     
  16. sawok B

    sawok B เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +230
    ดีทั้งคู่แหละครับผม
    ส่วนเรื่อง ช่วยพอแม่นี่จะได้บุญเยอะกว่าไหม อันนี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้อยู่ครับ
    การตอบแทนคุณมารดาบิดาอย่างสูงสุด
    ภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวการกระทำตอบแทน
    ไม่ได้ง่ายแก่ท่านทั้งสอง.
    ท่านทั้งสองนั้นคือใคร ? คือ ๑. มารดา ๒. บิดา
    ภิกษุทั้งหลาย ! บุตรพึงประคับประคองมารดา
    ด้วยบ่าข้างหนึ่ง พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง
    เขามีอายุมีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้งสอง
    นั้นด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบนำ้และการดัด
    และท่านทั้งสองนั้น พึงถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่าทั้งสอง
    ของเขานั่นแหละ. ภิกษุทั้งหลาย ! การกระทำอย่างนั้น
    ยังไม่ชื่อว่า อันบุตรทำ
    แล้ว หรือทำตอบแทนแล้ว
    แก่มารดาบิดาเลย.
    ภิกษุทั้งหลาย ! อนึ่ง บุตรพึงสถาปนามารดา
    บิดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์ ในแผ่นดินใหญ่
    อันมีรตนะ ๗ ประการ มากหลายเช่นนี้ การกระทำกิจ
    อย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้ว หรือทำตอบแทนแล้ว
    แก่มารดาบิดาเลย. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
    เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง
    แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย.
    ส่วนบุตรคนใด ยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา
    ให้สมาทานตั้งมั่นในสัทธาสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วย
    ศรัทธา).
    ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นใน
    สีลสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยศีล).
    ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทาน
    ตั้งมั่นในจาคสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยการบริจาค).
    ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่น
    ในปัญญาสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยปัญญา).
    ภิกษุทั้งหลาย ! ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล
    การกระทำอย่างนั้นย่อมชื่อว่า อันบุตรนั้นทำแล้ว และ
    ทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา.
    ทุก. อํ. ๒๐/๗๘/๒๗๘.

    สรุปแล้ว พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า การตอบแทนของบุตรนั้นเป็นการตอบแทนอย่างสูงสุดแล้ว เพราะ บุตรนั้นได้ทำให้พ่อแม่เป็นอริยบุคคลแล้ว คือโสดาบัน เป็นบุคคลอันผู้ไม่ตกต่ำแล้ว จะบรรลุนิพพานในกาลข้างหน้าเป็นผู้เที่ยงแท้ต่อนิพพาน จะได้เกิดอีกเพียงเจ็ดชาติเท่านั้น หรือ ในระหว่างเจ็ดชาตินั้น อาจจะนิพพานในชาติที่ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ แล ๗
    เลยก็ได้ แต่ไม่เกิน ๗ ชาติ เป็นผู้ไม่ไปเกิดในนรก กำเนิดเดรัชฉานอีกทั้ง ย่อง่ายๆคือ ตลอด๗ ชาติที่ได้ไปเกิดนั้นจะไปเกิดในสวรรค์อย่างเดียวเลย หรือพรหม แต่จะไม่ตกอบายภูมิเด็ดขาด นี้แหละการตอบแทนพระคุณบิดา มารดา อย่างสูงสุด ส่วนเรื่องทำบุญการทำบุญสูงสุดนั้น ก็คือ การที่ได้เป็นอริยบุคคล ตั้งแต่ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และอรหันต์ ส่วนพระอรหันต์ถือว่าสำเร็จบุญสูงสุดแล้ว ในพุทธศาสนา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    สรุปได้แล้ว
    ทั้งสองคนดีกว่าคนที่เอาแฟนตัวเองกับแฟนเพื่อนมาเปรียบกัน
     
  18. eternity_bb

    eternity_bb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +107
    ขอโทษนะค่ะ
    ที่ดิฉันยกมาไม่ใช่มองในเรื่องของใคร "ดี" กว่าใคร
    แต่เพราะดิฉันมีความสงสัยในเรื่องของ "บุญ"
    เพราะดิฉันกับแฟนสนิททั้งกับเพื่อนและแฟนเพื่อนมากค่ะ คงไม่คิดเรื่องที่จะเปรียบเทียบว่าใครดีหรือไม่ดีหรอกนะค่ะ
    และเรื่องที่ดิฉันสงสัยนี้ เราทั้ง 4 คน ก็มีความสงสัยเช่นเดียวกันค่ะ ดิฉันจึงได้มาโพสถามในบอร์ดนี้
     
  19. eternity_bb

    eternity_bb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +107
    ที่บอกว่าครอบครัวเดือดร้อนนั้น ไม่ได้คิดไปเองหรอกค่ะ
    เพื่อนของดิฉันซึ่งเป็นแฟนกับผู้ชายคนที่ 1 และครอบครัวของเค้าเองที่บอก
    แม้แต่ตัวเค้า เค้าก็รู้และยอมรับว่าครอบครัวเดือดร้อนจริงๆ
    แต่เค้าก็ยังอยากที่จะไปวัด ปฏิบัติธรรมต่อ โดยที่ไม่ได้คิดที่จะละทางโลกจริงๆ
    จะไม่ให้เดือดร้อนได้อย่างไรค่ะ ไหนจะค่ากินค่าอยู่เวลาที่เค้าไม่ได้ไปวัด ไหนจะค่าน้ำมันรถเวลาเดินทาง ค่าหอ ค่าจิปาถะในการดำเนินชีวิตประจำวัน ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ขอพ่อแม่และแฟน(ซึ่งก็คือเพื่อนดิฉัน) ทั้งหมด
     
  20. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ถ้าพ่อแม่และแฟนของคนที่หนึ่งรู้สึกเดือดร้อน
    ก็ควรจะหาเงินเอง
    หรือไม่ก็บวชไปเสียเลย
    เพราะเงินที่รับจากคนที่ไม่ต้องการให้ก็ถือว่าไม่บริสุทธิ์
    การปฏิบัติธรรมโดยไม่มีศีลเป็นฐาน เป็นไปไม่ได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...