"สรงน้ำพระ" เสริมมงคลวันสงกรานต์

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 12 เมษายน 2010.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"สรงน้ำพระ" เสริมมงคลวันสงกรานต์
    Travel - Manager Online
    </TD><TD vAlign=baseline align=right width=85>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 เมษายน 2553 16:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ สงกรานต์เชียงใหม่ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ถึงแม้ว่าทางกรุงเทพมหานคร จะออกมาประกาศชัดเจนแล้วก็ตาม ถึงการงดจัดงาน "เทศกาลสงกรานต์" ในหลายพื้นที่ทั่วกรุงฯ เนื่องจากการความวุ่นวายทางการเมืองระหว่างกองกำลังไพร่แดงกับรัฐบาลหน่อมแน้ม
    แต่กระนั้นเทศกาลสงกรานต์ในหลายพื้นที่ตามต่างจังหวัด ก็ยังเดินหน้าจัดงานตามประเพณีอันดีงามของไทย เพราะหลายคนที่อึดอัดกับสถานการณ์บ้านเมือง เลือกที่จะใช้โอกาสนี้ผ่อนคลายความตึงเครียดด้วยการเล่นน้ำ รดน้ำดำหัว เข้าวัด ทำบุญ ไหว้พระ รวมถึงการ "สรงน้ำพระ" เพื่อความเป็นสิริมงคล รับขวัญวันปีใหม่ไทย

    และเมื่อเอ่ยถึงเรื่องการสรงน้ำพระแล้ว ในบ้านเราก็มีหลายๆจังหวัดที่นำพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ซึ่งปกติจะประดิษฐานอยู่ตามวัดหรือตามสถานที่สำคัญนำออกมาให้ประชาชนได้สรงน้ำกันแบบ 1 ปี มีหน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระพุทธสิหิงค์ กรุงเทพฯ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับการสรงน้ำพระนั้นเป็นความเชื่อมาแต่ครั้งโบราณกาลว่า "อานิสงส์ถวายเครื่องเถราภิเษก (สรงน้ำพระ)ผู้ใดได้ถวายเครื่องเถราภิเษกจะพ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง" ซึ่งนี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธรูปเด่นดัง น่าสนใจ ตามพื้นที่ต่างๆที่มีการนำออกมาให้ประชาชนได้สรงน้ำเนื่องในเทสกาลสงกรานต์กัน

    *สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์

    "พระพุทธสิหิงค์" ถือเป็นพระพุทธรูปคู่วันสงกรานต์ มีตำนานเล่าว่า พระพุทธสิหิงค์สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 700 โดยพระมหากษัตริย์ลังกา 3 พระองค์ พร้อมกับพระอรหันต์ในเกาะลังกา

    พระพุทธสิหิงค์ประดิษฐานอยู่ที่กรุงลังกาเป็นเวลา 1,150 ปี กระทั่งในสมัยสุโขทัย พ่อขุนรามคำแหง โปรดเกล้าฯ ให้พระยานครศรีธรรมราชแต่งทูตเชิญพระราชสาสน์ไปขอประทานมาจากพระเจ้ากรุงลังกา พระพุทธสิหิงค์จึงได้มาประดิษฐานในสยามประเทศนับแต่นั้นมา

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระพุทธสิหิงค์ นครศรีธรรมราช</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับในเมืองไทย มีพระพุทธรูปที่มีนามว่าพระพุทธสิหิงค์องค์สำคัญอยู่ 3 องค์ด้วยกัน คือ

    พระพุทธสิหิงค์ ในพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพฯ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ ซึ่งทุกๆปีทางกทม.จะนำออกมาให้ประชาชนได้สรงน้ำกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2477 เป็นต้นมา สำหรับในปีนี้ กทม.ได้นำพระพุทธสิหิงค์มาให้ประชาชนสรงน้ำที่ลานคนเมืองเช่นกัน

    พระพุทธสิหิงค์ ในวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เชียงใหม่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร หล่อด้วยสัมฤทธิ์ลงรักปิดทอง เป็นศิลปะเชียงแสนยุคแรก ซึ่งทุกๆปีทางจังหวัดเชียงใหม่จะมีขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันสรงน้ำ เนื่องในประเพณีปี๋ใหม่เมืองหรืองานสงกรานต์ล้านนานั่นเอง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระพุทธสิหิงค์ เชียงใหม่</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> พระพุทธสิหิงค์ ในหอพระสิหิงค์ นครศรีธรรมราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร มีพระพักตร์กลม อมยิ้มเล็กน้อย หล่อด้วยสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ทางจังหวัดนครศรีธรรมราชได้มีการอัญเชิญองค์พระพุทธสิหิงค์ มาประดิษฐานที่สวนศรีธรรมาโศกราช ก่อนจะมีพิธีสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ควบคู่ไปกับงานประเพณีสงกรานต์“แห่นางดานเมืองนคร” อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เพราะมีการผนวกประเพณีทั้งพุทธและพราหมณ์เข้าไว้ด้วยกัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระแก้วบุษราคัม วัดศรีอุบลรัตนาราม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> *สรงน้ำพระแก้ว อุบล

    ที่เมืองดอกบัวงาม อุบลราชธานี ก็มีพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ที่เพิ่งจะนำออกมาให้ประชาชนได้สรงน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์กันเมื่อไม่กี่ปีมานี้

    สำหรับพระพุทธรูปสำคัญในงานสงกรานต์เมืองอุบล เป็นพระแก้ว 4องค์ด้วยกัน

    องค์แรก คือ "พระแก้วบุษราคัม” วัดศรีอุบลรัตนาราม เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปกรรมเชียงแสน แกะสลักจากแก้วบุษราคัม หน้าตักกว้าง 3 นิ้ว สูง 5 นิ้ว ตามตำนานเป็นสมบัติของเจ้าปางคำราชวงศ์จากเมืองเชียงรุ้งแสนหวีฟ้า ที่แตกหนีภัยสงครามจากพวกฮ่อมาเวียงเชียงรุ้งและสร้างเมือง “เขื่อนขันกาบแก้วบัวบาน”ขึ้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระแก้วไพฑูรย์แห่งวัดหลวง เมืองอุบลฯ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> พระแก้วบุษราคัมตกทอดมาถึงพระเจ้าตาผู้เป็นลูกพระเจ้าปางคำ ในปีพ.ศ.2314 นครเขื่อนขับกาบแก้วบัวบาน ถูกเจ้าสิริบุญสารแห่งเวียงจันทน์ยกทัพต่อตีพระวรราชภักดีหรือพระเจ้าวอและพระเจ้าฝางจึงหนีศึกมาสร้างบ้านแปงเมืองที่บ้านดอนมดแดง จ.อุบลราชธานี และได้อัญเชิญพระแก้วบุษราคัมมาด้วย โดยได้สร้างวัดหลวงไว้ประดิษฐานพระแก้วบุษราคัม

    กระทั่งในรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้สั่งข้าหลวงมากำกับดูแลตามหัวเมือง ทำให้ราชบุตรหนูคำ เจ้าเมืองสมัยนั้นเกรงว่าข้าหลวงจะแสวงหาสมบัติเมืองไปเป็นของตน จึงนำพระแก้วออกจากวัดหลวงไปซ่อนไว้ที่บ้านวังกางฮุง

    กระทั่งอุปราชโท สร้างวัดศรีอุบลรัตนารามขึ้น จึงอัญเชิญพระแก้วบุษราคัมมาประดิษฐานไว้ที่วัดศรีอุบลรัตนาราม จวบจนทุกวันนี้ ในยามปกติพระแก้วบุษราคัมจะประดิษฐานไว้ในตู้แก้วในพระอุโบสถเท่านั้น แต่ในเทศกาลสงกรานต์ ทางวัดจะอัญเชิญลงมาให้ประชาชนได้สรงน้ำกัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระแก้วโกเมน แห่งวัดมณีวนาราม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> องค์ถัดมา "พระแก้วโกเมน" วัดมณีวนาราม เป็นพระพุทธรูปอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ของวัดที่มีค่าหาได้ยากยิ่งและเกรงว่าจะสูญหาย ทำให้เจ้าอาวาสแต่ละรุ่นจึงหวงแหนเก็บรักษากันอย่างเป็นความลับเรื่อยมา ครั้นเมื่อสิ้นสมัยหลวงปู่พระธรรมเสนานี (กิ่ง มหับผโล) คณะกรรมการวัดจึงขออนุญาตนำพระแก้วโกเมนลงมาประดิษฐานในพุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้

    ตามตำนานที่เล่าต่อกันมาระบุว่าพระแก้วโกเมนอันเป็นแก้วหนึ่งในตระกูลแก้วเก้าประการนั้นก่อกำเนิดขึ้นพร้อมกับพระแก้วบุษราคัม ในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ไทยมีสงครามกับเวียงจันทน์ ผู้รักษาการบ้านเมืองและทายก-ทายิกา ได้พากันเก็บรักษาองค์พระไว้เป็นอย่างดีที่วัดบ้านกุดมะงุม อ.วารินชำราบ คณะผู้รักษาได้นำท่อนไม้จันทน์คว่ำองค์พระพุทธรูปไว้ ด้วยเกรงว่าข้าศึกจะแย่งชิงไป

    เมื่อสงครามสงบจึงได้นำพระแก้วโกเมนมาประดิษฐานไว้ ณ วัดมณีวนาราม ซึ่งเจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดเก็บรักษาไว้เป็นความลับสืบต่อกันมา แต่ก็เป็นในเทศกาลสงกรานต์และวันวิสาขบูชาเท่านั้น ที่ทางวัดจะอัญเชิญมาให้ประชาชนได้สรงน้ำพระกัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> องค์ต่อมาคือ "พระแก้วไพฑูรย์" วัดหลวง ที่ปีหนึ่งจะต้องรอให้ถึงช่วงงานสมโภชน์ จึงจะมีการนำออกมาให้ได้สักการะกัน ซึ่งงานสมโภชน์ จะอยู่ในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ สำหรับพระแก้วไพฑูรย์ เป็นหนึ่งในแก้วอันเป็นรัตนชาติ คือ เพชรดี มณีแดง เขียวใสแสงมรกต เหลืองใสสดบุษราคัม ทองแก่ก่ำโกเมนเอก สีหมอกเมฆนิลกาฬ มุกดาหารหมอกมัว แดงสลัวเพทาย สังวาลย์สายไพฑูรย์

    ด้วยองค์พระแววใสส่องเห็นเป็นคล้ายหยาดฝน จึงเชื่อว่าพระแก้วองค์นี้เป็นนิมิตแห่งความอุดมสมบูรณ์ สำหรับพระแก้วองค์นี้ใครเป็นผู้แกะสลักนั่นยังไม่พบข้อมูล แต่เชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปในปกครองของเจ้านายเมืองอุบลมานานแต่บรรพบุรุษของพระปทุมวราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง) ได้ถวายเป็นสมบัติของวัดหลวงคู่เคียงกับพระแก้วบุษราคัม เมื่อทางข้าหลวงจากกรุงเทพลงมาปกครองในสมัยรัชกาลที่ 5 เจ้านายอุบลจึงได้เอาพระแก้วทั้งสองไปซ่อน

    ต่อมาแม้เมื่อมีการถวาย "พระแก้วบุษราคัม" แก่ทางวัดศรีอุบลรัตนารามแล้ว ทายาทของเจ้านายเมืองอุบลก็ยังคงเก็บรักษาพระแก้วไพฑูรย์ไว้ เพราะเป็นสมบัติล้ำค่าของบรรพบุรุษ ต่อมาภายหลังจึงถวายพระครูวิลาสกิจจาทร เจ้าอาวาสวัดหลวงให้เป็นสมบัติของวัดหลวงตามเดิมจนทุกวันนี้

    ปิดท้ายกันที่ "พระแก้วขาวเพชรน้ำค้าง" วัดสุปัฎนาราม ที่จะนำลงมาให้สาธุชนสรงน้ำขอพระในช่วงเทศกาลสำคัญๆเช่นกัน ทั้งในช่วงปีใหม่สากล และช่วงปีใหม่ไทยแบบนี้

    สำหรับพระแก้วขาวเพชรน้ำค้างนั้น เนื้อองค์เป็นแก้วผลึกขาวใสประดุจน้ำค้างยามเช้าเปล่งแสงแวววาวในตัวเองประดุจเพชร จึงได้ชื่อว่า "พระแก้วขาวเพชรน้ำค้าง" ฉลององค์ด้วยทองคำเป็นบางส่วน เป็นพระปางสมาธิสูง 17 ซ.ม. ทำด้วยแก้วผลึกสีขาว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขบวนแห่ หลวงพ่อพระใส สงกรานต์หนองคาย </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้า สุภัทรดิศ ดิศกุล สุดยอดนักประวัติศาสตร์และโบราณคดีของไทย สันนิษฐานว่าวิเคราะห์จากพุทธศิลป์แล้วเป็นพะรอยู่ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น

    ประวัติของพระแก้วขาวเพชรน้ำค้าง เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) ได้ควบคุมการก่อสร้างพระอุโบสถวัดสุปัฎนารามแต่ พ.ศ. 2460-2473 เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ได้รวบรวมพระพุทธธูปเก่าแก่ไนปางต่างๆ จากหลายที่หลายแห่ง เช่น พระพุทธรูปหินสมัยลพบุรี 3 องค์ และสิ่งอื่นจำนวนมาก โดยเฉพาะพระแก้วขาวองค์นี้เป็นพระประจำองค์ท่าน ท่านได้อย่างไร ไม่ปรากฏชัด

    ในช่วงปี พ.ศ. 2485 เจ้าพระคุณคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) ได้ขึ้นมาจำพรรษาที่วัดสุปัฎนาราม ได้มอบพระแก้วขาวองค์ศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ให้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของวัดสุปัฎนาราม ผู้รับมอบ คือ พระครูปลัดพิพัฒนวิริยาจารย์ (ณาณ ญาณชาโล) และมอบนโยบาย คือให้จัดกิจกรรมของคณะสงฆ์ขึ้น เมื่อท่านได้รับมอบพระแก้วขาวและนโยบายแล้ว ท่านก็ได้วางหลักเกณฑ์ให้คณะสงฆ์ทำกิจกรรมขึ้นเพื่อเป็นการสนองพระเดชพระคุณของเจ้าพระคุณสมเด็จพระมาหวีรวงศ์

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระสี่มุมเมือง ราชบุรี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> *สรงน้ำหลวงพ่อพระใส หนองคาย

    อีกหนึ่งงานใหญ่ช่วงสงกรานต์ของอีสาน ไปที่ จังหวัดหนองคาย เพื่อสักการะไหว้สา "หลวงพ่อพระใส" เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีพระรูปลักษณ์งดงามมาก ขนาดหน้าตัก กว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว ส่วนสูงจากพระสงฆ์เบื้องล่างถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้ว ของชางไม้ ปัจจุบันได้ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถวัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) เป็นพระพุทธรูปที่ชาวจังหวัดหนองคายนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก

    ตามประวัติกล่าวไว้ว่า พระธิดา3พี่น้องของกษัตริย์ล้านช้าง ได้ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปประจำพระองค์ขึ้น 3 องค์ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา แล้วขนานนามพระพุทธรูปตามพระนามว่า พระสุก พระเสริม และพระใสมีขนาลดกันตามลำดับ

    หลังศึกกับเวียงจันทน์ในรัชกาลที่ 3 ได้อัญเชิญพระทั้งสามลงแพ แต่ทว่าระหว่างทางล่องเรือมานั้นได้ล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องถึงเวินแท่นได้เกิดอัศจรรย์ คือ แท่นของพระสุกได้แหกแพจมลงในน้ำ การอัญเชิญจึงเหลือเพียงพระเสริมและพระใสมาถึงหนองคาย

    พระเสริมนั้นประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใสประดิษฐานอยู่ที่วัดหอก่อง ( วัดประดิษฐ์ธรรมคุณ ) ต่อมายุครัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระอุปราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์สมัยนั้น พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะอัญเชิญพระเสริมมาประดิษฐานยังพระบวรราชวัง

    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้า ฯ ให้ขุนวรธานีและข้าหลวง ( เหม็น ) ไปอัญเชิญพระเสริมและพระใสมายังพระนคร เมื่อครั้งอัญเชิญพระเสริมและพระใสมายังพระนครนั้น กล่าวกันว่าพระใสแสดงปาฏิหาริย์ เกวียนที่ประดิษฐานพระใสหักลงตรงหน้าวัดโพธิ์ชัย ซ่อมก็หักอีก วัวลากเกวียนไม่ยอมเดิน ทั้งเชิญและบวงสรวงก็ไม่เป็นผล สุดท้ายทหารจึงอัญเชิญพระใสประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัยแทน ส่วนพระเสริมอัญเชิญไปกรุงรัตนโกสินทร์ ประดิษฐานที่วัดปทุมวนาราม กรุงเทพ ปัจจุบันหลวงพ่อพระใสเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดหนองคายประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัย อำเภอเมือง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สรงน้ำพระ ประเพณีดีงามอันเป็นมงคลในเทศกาลสงกรานต์ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> *สรงน้ำพระสี่มุมเมือง ราชบุรี

    ที่จังหวัดราชบุรีก็มีการชูการสรงน้ำพระในช่วงเทศกาลสงกรานต์เช่นกัน โดยเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านเมือง ของชาวราชบุรี เป็นหนึ่งในพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานตั้งแต่ปีพ.ศ.2511 ซึ่งประดิษฐานไว้ ณ สี่มุมเมืองของประเทศ ได้แก่ ทิศเหนือ ประดิษฐานไว้ที่จังหวัดลำปาง (ข้างศาลเจ้าพ่อหลักเมือง) ทิศตะวันออก ประดิษฐานไว้ที่จังหวัดสระบุรี (หน้าศาลากลางจังหวัด ในวัดศาลาแดง) ทิศใต้ประดิษฐานไว้ที่จังหวัดพัทลุง (หน้าศาลากลางจังหวัด) และทิศตะวันตก ประดิษฐานไว้ที่จังหวัดราชบุรี (บนยอดเขาแก่นจันทน์)

    โดยองค์ที่อยู่เมืองราชบุรีนี้มีนามว่า "พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ"(พระสี่มุมเมือง) เพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2553 องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี จึงกำหนดจัดงาน "ประเพณีสรงน้ำพระสี่มุมเมือง" เนื่องในวันสงกรานต์ ประจำปี 2553 ในวันที่ 12 เมษายน 2553 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณวิหารจัตุรมุขบนยอดเขาแก่นจันทน์ราชบุรี

    สงกรานต์ปีนี้ใครเลือกจะเสริมสิริมงคลกันแบบไหนก็แล้วแต่ แต่ยังไงทางทีมงานท่องเที่ยวก็ขออวยพรให้มิตรรักนักอ่านทุกคน ประสบแต่โชคดีเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ไทยนี้
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สืบสานประเพณี "สรงน้ำพระธาตุ" ช่วงสงกรานต์
    Travel - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 เมษายน 2553 16:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย ลำพูน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ปะเพณีดีๆช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยอย่างสงกรานต์ช่างมีมากมายเสียจริง นอกเหนือจากการสรงน้ำพระแล้ว ยังมีบางจังหวัดที่สืบทอดประเพณีการสรงน้ำพระธาตุในช่วงสงกรานต์ด้วย

    *สรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย ลำพูน

    ในภาคเหนือ ที่ จังหวัดลำพูน "พระบรมธาตุหริภุญชัย" (พระธาตุประจำปีระกา) ซึ่งในทุกปีจะมีพิธีสรงน้ำพระธาตุในช่วงวันขึ้น15ค่ำ เดือน6 หรือที่ทางเหนือเรียกว่า "เดือนแปดเป็ง" โดยในปีนี้ตรงกับวันที่28 เม.ย.2553 แต่ในช่วงสงกรานต์ก็ไม่หวงห้ามหากพุทธศาสนิกชนต้องการสรงน้ำองค์พระธาตุ

    อนึ่ง การสรงน้ำพระธาตุที่นี่แตกต่างและเป็นหนึ่งเดียว เพราะต้องใช้น้ำที่มาสรงพระธาตุเป็นน้ำสรงพระราชทาน น้ำทิพย์จากดอยขะม้อ(ผ่านพิธีการเจริญพระพุทธมนต์จากพระสงฆ์)และน้ำสรงของประชาชน โดยชาวลำพูนเชื่อว่าเป็นการสักการะพระบรมอัฐิธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยังเป็นการบูชาเสาหลักเมืองที่ชาวลำพูนถือว่า เจดีย์พระธาตุหริภุญชัยเป็นเสาหลักเมือง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สรงน้ำพระธาตุพนม สงกรานต์นครพนม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> *สรงน้ำพระธาตุประจำปีเกิด 7 แห่ง นครพนม

    ในงานอีสานเองก็มีงานสรงน้ำพระธาตุเช่นกัน โดยงานสงกรานต์ที่จังหวัดนครพนม นอกจากการเล่นสาดน้ำ และการปฏิบัติต่างๆตามประเพณีแล้ว ยังมีการสรงน้ำพระธาตุประจำวันเกิด ทั้ง 7 แห่งในจังหวัดนครพนมอีกด้วย

    สำหรับพระธาตุประจำวันเกิด ทั้ง 7 แห่งในจังหวัดนครพนมได้แก่ คนเกิดวันอาทิตย์ไหว้พระธาตุพนม ที่อ.ธาตุพนม และพระธาตุพนมนี้ยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีวอกอีกด้วย คนเกิดวันจันทร์ ไหว้พระธาตุเรณู อ.เรณูนคร คนเกิดวันอังคาร ไหว้พระธาตุศรีคูณ อ.นาแก คนเกิดวันพุธ ไหว้พระธาตุมหาชัย อ.ปลาบาก คนเกิดวันพฤหัส ไหว้พระธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า คนเกิดวันศุกร์ ไหว้พระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน คนเกิดวันเสาร์ ไหว้พระธาตุนคร ที่อ.เมืองนครพนม

    พี่น้องผองเพื่อนใครอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีอันดีงามนี้ก็เชิญท่องเที่ยวกันได้ช่วงวันหยุดยาวแบบนี้.
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    กทม.เปิดให้สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ที่ลานคนเมือง
    ˹ѧ

    กทม.เปิดให้สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ที่ลานคนเมือง
    http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJM01UQTBOVEkwTlE9PQ==

    ตลอด 24 ชม. จนถึงวันที่ 15 เม.ย.


    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จากพระที่นั่งพุทไธสวรรย์พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติมาประดิษฐาน ณ ลานคนเมือง เพื่อให้ประชาชนได้สักการะ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ โดยได้มีการอัญเชิญขึ้นขบวนรถบุปผาชาติ แล้วแห่ตามเส้นทางที่ได้กำหนดไว้ใหม่ เพื่อความปลอดภัยด้วยการเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุด คือ จากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติผ่านกระทรวงกลาโหม ผ่านกระทรวงมหาดไทยเข้าสู่มณฑปที่ลานคนเมือง ซึ่งตลอดเส้นทางจนถึงลานคนเมืองมีประชาชนออกมาร่วมดูขบวนและสักการะบางตาน้อยกว่าทุกปี ที่เคยจัดมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างค่อนข้างเงียบเหงา อย่างไรก็ตามสำหรับจังหวัดกรุงเทพมหานครพิธีดังกล่าว ถือเป็นการจัดงานสงกรานต์ตามประเพณีพิธีเดียวที่ยังไม่ยกเลิก โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า การจัดงานประเพณีตามศาสนา เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ท่ามกลางภาวะความตึงเครียด อาจทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงได้บ้าง อีกทั้งยังเป็นการเสริมสิริมงคลในการจะก้าวเข้าสู่ปีใหม่ไทย ซึ่งพิธีดังกล่าวจะมีไปถึง 15 เมษายนนี้ โดยประชาชนสามารถเข้าสักการะและสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ที่ลานคนเมืองได้ตลอด 24 ชั่วโมง
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ทั่วประเทศยังคงมีอากาศร้อนจัด
    ทั่วประเทศยังคงมีอากาศร้อนจัด - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

    [​IMG]


    กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนอากาศที่ยังคงร้อนจัดทั่วประเทศ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด เป็นเวลานาน ๆ โดยไม่มีเครื่องป้องกัน...

    พยากรณ์อากาศประจำวัน

    ประจำวันที่ 13 เมษายน 2553 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีลมใต้พัดปกคลุมบริเวณดังกล่าว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในหลายพื้นที่ อนึ่ง เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ คาดว่า จะยังคงร้อนต่อเนื่องไปอีก ลักษณะดังกล่าวจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดเป็นเวลานานๆ โดยไม่มีเครื่องป้องกัน

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่
    อุณหภูมิสูงสุด 40-42 องศา ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 40-42 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่
    บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี และกาญจนบุรี อุณหภูมิสูงสุด 39-42 องศา
    ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศา
    โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากตามบริเวณเทือกเขาและชายฝั่ง ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันและมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ไหว้พระ9วัด กระแสยังไม่ตก

    ชาติ ภิรมย์กุล - เรื่อง/ภาพ

    ˹ѧ

    ไหว้พระ9วัด กระแสยังไม่ตก

    ชาติ ภิรมย์กุล - เรื่อง/ภาพ

    http://www.khaosod.co.th/view_news....ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOQzB4TkE9PQ==

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีศรีพิพัฒน์ วัดญาณฯ</TD></TR></TBODY></TABLE>หน้าร้อนปีนี้ สงสัยเราต้องถอนหายใจบ่อย สาเหตุการถอนหายใจน่าจะมาจากเหตุการณ์บ้านเมืองที่ยังไม่สงบ อาการถอนหายใจมันบ่งบอกถึงความท้อแท้ใจ-ความเบื่อหน่ายอะไรบางอย่างที่ทำให้จิตใจเราขุ่นมัว

    จิตใจขุ่นมัวถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ มันจะกลายเป็นความวิตกกังวลและเกาะติดเราไปจนถึงห้องนอน ต้องหาทางดับความวิตกกังวลไม่ให้มันลุกลามและอาศัยอยู่ในใจเราหลายวัน

    เรื่องแบบนี้มันต้องทำใจให้จิตนิ่งๆ

    การทำใจให้นิ่งและสงบ-หลายคนเลือกวิธีสวดมนต์-ไหว้พระ-นั่งสมาธิ-เข้าร้านโออิชิ

    หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ท่านเขียนไว้ "สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน"

    ล่าสุดมียาเสริมเข้ามาช่วยสำหรับคนที่ต้องการกำลังใจแบบง่ายๆ ในระยะสั้นๆ โดยการทัวร์ไหว้พระ ขสมก.อู่รถเมล์บางเขน เปิดเส้นทางทัวร์ไหว้พระ 9 วัดมากกว่า 13 เส้นทาง

    วันนี้ผมเลือกเส้นทางไหว้พระ 9 วัดที่ชลบุรี ออกจากอู่รถเมล์บางเขน ตอน 07.20 น. ถึงวัดแรก 09.30 น.

    "วัดเจริญธรรม" เป็นจุดแรกที่เราแวะ-วิหารหลังใหม่สูง-ใหญ่ตั้งอยู่กลางวัดอย่างโดดเด่นด้วยรูปแบบกระแสนิยม ด้านหน้าวิหารมีศาลาไทยประดิษฐานรูปหล่อปู่ท้าวสหัมบดีพรหม-พระแม่ธรณี-พระแม่โพสพ-พระแม่คงคา ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆ หลายองค์

    เราแวะมาไหว้พระและชมวัดอย่างเดียวเนื่องจากไม่เจอเจ้าอาวาส

    วัดที่ 2 เริ่มเป็นรูปแบบของทัวร์ไหว้พระจากขสมก.ที่มีพิธีสวดสะเดาะเคราะห์-ถวายสังฆทานหมู่ร่วมกัน วัดนี้ชื่อ "วัดอ่างเวียน" เราไปรวมกลุ่มกันบนศาลากลางวัด

    หลังจากบริจาคปัจจัยถวายพร้อมสังฆทาน เจ้าอาวาสให้เรานั่งหันหลังและหันหน้าสำหรับพิธี สวดเป็น-สวดตาย เสร็จพิธีใครจะลอดใต้โบสถ์หรือไหว้หลวงพ่อดำแล้วแต่ศรัทธา ปัจจุบันมีหลายวัดนำเอาคติความเชื่อของคนโบราณมาเป็นจุดขายและกลายเป็นกระแส

    ปีที่ผ่านมาและปีนี้กระแสลอดใต้โบสถ์มาแรงตามคาด...ส่วนหนึ่งได้รับการปลุกเสกจากสื่อมวลชนหลายแขนงนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนที่พร้อมจะเชื่อเรื่องนี้เปิดรับทันที

    จิตเป็นนาย-กายเป็นบ่าว

    ถ้าเราเชื่อในสิ่งไหน สิ่งนั้นมีส่วนผลักดันให้เราสบาย ใจ แต่อย่างมงายถึงขนาดต้องเสียเงินเยอะๆ โดยไร้เหตุผล <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    1.รูปหล่อสมเด็จพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี วัดสามัคคีบรรพต
    2.พระพุทธรูปในวิหารเจริญธรรม
    3.ลอดใต้โบสถ์วัดอ่างเวียน
    4.ปู่ท้าวสหัมบดีพรหม
    5.ศาลาแปดเหลี่ยมเจ้าแม่กวนอิมที่เกาะลอย
    6.โบสถ์วัดญาณฯรูปแบบเหมือนกับคณะรังสี วัดบวรนิเวศวิหาร
    7.รูปหล่อเหมือนเท่าจริงในวิหารหลวงพ่ออี๋
    8.-9. แม่ย่านางรถ แม่ย่านางเรือ ตรงด้านหน้าทางลงโบสถ์และทางออกอีกด้านหนึ่งของโบสถ์ ที่วัดช่องแสมสาร
    10.ศาลาพระแม่ธรณี-พระแม่โพสพ-พระแม่คงคา
    11.วิหารวัดเจริญธรรม
    12.พระราหู
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ออกจากวัดอ่างเวียนเราไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ วัดท่อใหญ่ (วัดที่ 3) ระหว่างนั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่วัดท่อใหญ่ทำให้นึกถึงทัวร์ไหว้พระเส้นทางสิงห์บุรี

    เส้นทางนี้นอกจากจะได้พบกับหลวงพ่อจรัญ ยังได้กินข้าวฟรี 4 มื้อจาก 4 วัด มื้อเที่ยงที่วัดท่อใหญ่กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จเข้าไปไหว้รูปหล่อสมเด็จพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี ในศาลาสามัคคีและนั่งพนมมือให้เจ้าอาวาสและพระลูกวัดสวดสะเดาะเคราะห์ และ...สวดเสริมสิริมงคลให้กับลูกทัวร์ทุกคน

    รู้สึกว่า-ตอนออกจากวัดและอยู่บนรถ เราเป็นสิริมงคลเกือบทั้งคันรถ (หลับครับ)

    เนื่องจากเส้นทางไปวัดที่ 4 ผ่านทุ่งโล่งๆ กว้างๆ ระยะทางหลายกิโลทำให้เรายกเปลือกตาไม่ค่อยขึ้น หลับๆ ตื่นๆ ฟื้นทุกทีตอนรถจอด

    รถจอดสนิทอีกครั้งที่ "วัดญาณสังวราราม"...วัดนี้สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อยู่ในความอุปถัมภ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ และเป็นวัดในพระบรมราชูปถัมภ์

    มาวัดนี้ต้องไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ธาตุ (ในกรุงเทพฯ พระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระ บรมธาตุของเกจิอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ประดิษฐานที่ร.พ. วิชัยยุทธ ตึก 1 ชั้น 20) ตามตำราโบราณทั้ง 47 พระองค์ที่พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีศรีพิพัฒน์

    พระบรมธาตุเจดีย์ฯ สีขาว-สวย-สูง-ภายในพระบรมธาตุฯ ชั้นล่างเป็นห้องโถงใหญ่เพื่อการบำเพ็ญกุศลต่างๆ ชั้นสองประดิษฐานพระเจดีย์ทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

    วันที่เราไปมีประชาชนมา กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุเยอะมากต้องทยอยกันขึ้น-ลงบันได

    ออกจากพระบรมธาตุเจดีย์ฯ ตั้งใจจะเข้ากราบไหว้พระประธานในโบสถ์

    ภายในโบสถ์มีพิธีบวชพระใหม่ ผมเลยเดินเล่นบริเวณรอบๆ โบสถ์ บรรยากาศที่วัดเหมือนสวนสาธารณะมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นและมุมพักผ่อนริมสระน้ำ

    ตอนเดินไปถ่ายรูปเจดีย์พุทธ คยาจำลอง เห็นรถทัวร์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมากันหลายคัน

    สงสัยเหมือนกันนะทำไมนักท่องเที่ยวผิวขาวๆ หน้าตาออกจีนๆ มาทัวร์วัดไทยเยอะขนาดนี้ คำตอบอยู่นอกวัด

    ห่างจากวัดญาณฯ ประมาณ 2 กิโลเป็นที่ตั้งวิหารเซียนที่คนไทยเชื้อสายจีนรู้จักกันดี <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    อนุวัฒน์ รามศิริ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    วิหารเซียนเป็นสถาปัตยกรรมจีนชั้นสูงและสวยงามมาก-ตำแหน่งที่ตั้งวิหารเซียนได้รับการแนะนำจากยอดซินแสแห่งสยามชื่อ "เซียนสง่า" (อาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ) เสียชีวิตแล้ว

    วิหารเซียนเราไม่ได้แวะ-เราแวะไปไหว้พระพุทธรูปแกะสลักที่หน้าผาเขาชีจรรย์ (เป็นวัดที่ 5) รถจอดฝั่งตรงข้ามเขาชีจรรย์ เรามีเวลาเดินข้ามถนนไป-กลับแค่ 15 นาทีกับแดดจัดๆ ยามบ่ายที่ร้อนระอุ

    ผมยืนถ่ายรูปอยู่ฝั่งตรงข้ามและซื้อมะพร้าวเผาดูดกินท่ามกลางนักท่องเที่ยวต่างชาติหน้าขาว-ใส ได้ยินมาว่า คนเกาหลี-ฮ่องกง-ไต้หวันและจีนที่มาเที่ยวเมืองไทย หลายกรุ๊ปเขาตั้งใจมาไหว้พระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองไทยโดยเฉพาะ

    วิหารเซียน-วัดญาณฯ และพระพุทธรูปแกะสลักอยู่ในโปรแกรมทัวร์ทุกทัวร์ที่มาเที่ยวชลบุรี

    เมืองไทยมีสิ่งดีๆ มากมายทั้งวัดไทย-วัดจีน-สถานที่ท่องเที่ยว-ผลไม้นานาชนิดนับไม่ถ้วน ลงจากเขาชีจรรย์รถวิ่งเลาะชายหาดแสมสาร-ผ่านชุมชน-สะพานปลาและเลี้ยวเข้าวัด

    "วัดช่องแสมสาร" (วัดที่ 6) วัดนี้มีลอดใต้โบสถ์เป็นจุดขายสำหรับคนที่ชอบเรื่องนี้

    ด้านหน้าซ้าย-ขวาทางลงใต้โบสถ์มีรูปปั้นแม่ย่านางรถ-แม่ย่านางเรือ-ส่วนทางออกอีกด้านหนึ่งเป็นรูปปั้นราหู ที่วัดน่าจะมีแม่ย่านางเครื่องบินและแม่ย่านางทีจี 200 รับรองดังแน่ๆ

    ขอบอกเลยนะ...ห้องน้ำที่วัด ช่องแสมสารสะอาดมาก (ห้องน้ำวัดที่สะอาดเท่าที่ผมไปเห็นมามี 1.วัดท่าการ้อง จ. พระนครศรีอยุธยา 2.วัดบางพลีใหญ่ใน จ.สมุทรปราการ 3.วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย 4.วัดช่องแสมสาร จ.ชลบุรี 5. วัดบ้านกร่าง จ.สุพรรณบุรี) เข้าไปแล้วอยากนอนเล่นสักพัก บางวัดสร้างโบสถ์ใหม่หลายสิบล้านบาทแต่ห้องน้ำสกปรกและเหม็นจนไม่อยากเชื่อ...เป็นห้องน้ำวัด

    วัดที่ 7 อยู่ในเขตอำเภอสัตหีบเป็นวัดที่เซียนพระรู้จักดี...วัดหลวงพ่ออี๋ เรามาไหว้รูปหล่อเหมือนเท่าจริงของหลวงพ่ออี๋ในวิหาร

    กราบไหว้หลวงพ่ออี๋เสร็จต้องรีบออกนะครับ ทั้งคนและควันธูปในวิหารเยอะมากๆ

    วัดดังๆ หลายวัดเขามีที่สำหรับจุดและปักธูปอยู่ด้านนอกโบสถ์-วิหาร เป็นเรื่องที่ดีและน่าทำตามอย่างยิ่งเนื่องจากควันจากธูปมีสารพิษที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้

    ทัวร์ไหว้พระเส้นทางนี้เหมือนนั่งรถเที่ยว อ.บางละมุง-อ.บ้านบึง-อ.สัตหีบและอ.ศรีราชา

    ปิดท้ายวัดที่ 9 ที่เกาะลอย อ.ศรีราชา ใช้เวลาเดินทางเกือบ 1 ชั่วโมง

    เราไปถึงเกาะลอยเกือบๆ จะ 6 โมงเย็น-คนเยอะ-รถเยอะ-ทะเลกว้าง-อากาศดี-ลมแรง

    ด้านบนสุดของวัดเกาะลอยมีรูปหล่อเหมือนหลวงพ่อผิว-หลวงพ่อทันใจ และหลวงพ่อเกาะลอย ด้านหลังเกาะใกล้กับที่จอดรถมีศาลาทรงจีนแปดเหลี่ยมประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิ๋ม รอบๆ ริมชายทะเลตั้งแต่สะพานทางเข้ามาถึงบริเวณท้ายเกาะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเที่ยวแบบครอบครัว

    ส่วนวัยรุ่นนั่งจับกลุ่มกันอ่านหนังสือ-ทำการบ้านและสวดมนต์....(ฮิ...ฮิ...เขานั่งกินเหล้ากันครับ) ใครจะกินข้าว-กินเหล้า-นั่งคุยกัน-ไหว้พระ-ไหว้เทพเจ้าจีนแล้วแต่สะดวก

    ไหว้พระ 9 วัดยังจะอยู่ในกระแสไปอีกนานตราบใดที่เหตุการณ์บ้านเมืองยังไม่ปกติ

    เวลาที่เราทุกข์ใจไม่มีทางออก...เรามักเข้าวัดไหว้พระ-นั่งสมาธิเพื่อความสงบ-สุขทางใจ

    เวลาที่เราสบายใจ...เราเข้าวัดทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเองและครอบครัว จะเข้าวัดหรือไม่เข้าวัดก็ได้นะครับ ถ้าเป็นคนดี-จิตใจดี-คิดดี-ทำดี

    บ้านเมืองมีแต่เจริญและสงบสุข

    ไม่ต้องมานั่งถอนหายใจ



    ทัวร์ไหว้พระ 9 วัดกับขสมก. เริ่มให้บริการวันที่ 28 ธันวาคมปี 2548 จนถึงปัจจุบันเขตการเดินรถที่ 1 (อู่รถเมล์บางเขน) เปิดเส้นทางไหว้พระ 9 วัดมากกว่า 13 เส้นทาง คุณอนุวัฒน์ รามศิริ ผอ.เขตการเดินรถที่ 1 พูดถึงทัวร์ไหว้พระ 9 วัด

    "เข้าสู่ปีที่ 5 เราขนคนไปไหว้พระมากกว่า 109 วัด สิ่งที่เห็นได้ชัดคือโบสถ์-วิหาร-ศาลา-กำแพงวัดหลายวัดสำเร็จได้จากเงินบริจาคของลูกทัวร์ นอก จากวัดมีการพัฒนาขึ้นชาวบ้านที่เอาของมาขายในวัดมีรายได้พิเศษทุกอาทิตย์"

    "ปี 2553 เดือนมีนาคม เราเพิ่มเส้นทางไหว้พระที่นครราชสีมา-อุทัยฯและระยองเพื่อตอบสนองลูกทัวร์ที่อยากไปไหว้พระไกลๆ เดินทางเช้า-กลับถึงกรุงเทพฯ ไม่เกิน 3 ทุ่ม"

    สนใจทัวร์ไหว้พระ 9 วัดกับขสมก.ติดต่อสอบ ถามโทร. 0-2551-0491, 0-2552-0885-6
     

แชร์หน้านี้

Loading...