สมาธิภาวนา มี4อย่าง?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย จิตสดใส, 21 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. จิตสดใส

    จิตสดใส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +1,260
    ภิกษุ ท ! สมาธิภาวนา ๔ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่. สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่ อย่างคือภิกษุ ท !มีสมาธิภาวนา อันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม(ทิฏฐธมฺมสุขวิหาร).
    ภิกษุ ท ! มีสมาธิภาวนา อันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อการได้เฉพาะซึ่งญาณทัสสนะ(ญาณทสฺสนปฏิ
    ลาภ
    )
    . ภิกษุ ท !มีสมาธิภาวนา อันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไป เพื่อสติสัมปชัญญะ (สติสมฺปชญฺญ)
    ภิกษุ ท ! มีสมาธิภาวนา อันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไป เพื่อความสิ้นแห่งอาสวะ(อาสวกฺขย).

    ภิกษุ ท ​
    ! สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อ ความอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม; นั้นเป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท !ภิกษุในกรณีนี้ สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย เข้าถึง ปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่;เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง เข้าถึง ทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอัน
    เอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่
    ; อนึ่งเพราะความจางคลายไปแห่งปีติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยสุขด้วยนามกาย ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า

    "​
    เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข" ดังนี้ เข้าถึง ตติยฌาน แล้วแลอยู่ ; เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสองในกาลก่อนเข้าถึง จตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. ภิกษุ ท !นี้คือสมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม.

    ภิกษุ ท ​
    ! สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อ การได้เฉพาะซึ่งญาณทัสสนะ ; นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท !ภิกษุในกรณีนี้ กระทำไว้ในใจซึ่งอาโลกสัญญา อธิษฐานทิวาสัญญา ว่ากลางวันฉันใด กลางคืนฉันนั้น, กลางคืนฉันใด กลางวันฉันนั้น, เธอมีจิตอันเปิดแล้วด้วยอาการอย่างนี้ ไม่มีอะไรห่อหุ้ม จิตที่มีแสงสว่างทั่วพร้อมให้เจริญอยู่ ภิกษุ ท !นี้คือ สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อการได้เฉพาะซึ่งญาณทัสสนะ.

    ภิกษุ ท ​
    ! สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะ ; นั้นเป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท ! ในกรณีนี้ เวทนาเกิดขึ้น (หรือ)ตั้งอยู่ (หรือ) ดับไป ก็เป็นที่แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ ; สัญญาเกิดขึ้น (หรือ)ตั้งอยู่ (หรือ)ดับไป ก็เป็นที่แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ ; วิตกเกิดขึ้น (หรือ)ตั้งอยู่ (หรือ)ดับไป ก็เป็นที่แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ ภิกษุ ท !นี้คือสมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะ.

    ภิกษุ ท ​
    ! สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อ ความสิ้นแห่งอาสวะ ; นั้นเป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท ! ภิกษุในกรณีนี้มีปกติตามเห็นความตั้งขึ้นและเสื่อมไป ในอุปทานขันธ์ทั้งห้า ว่า "รูป เป็นอย่างนี้ ความเกิดขึ้นแห่งรูปเป็นอย่างนี้ ความดับไปแห่งรูป เป็นอย่างนี้ ; เวทนาเป็นอย่างนี้ ความเกิดขึ้นแห่งเวทนา เป็นอย่างนี้ ความดับไปแห่งเวทนา เป็นอย่างนี้ ; สัญญาเป็นอย่างนี้ ความเกิดขึ้นแห่งสัญญา เป็นอย่างนี้ ความดับไปแห่งสัญญา เป็นอย่างนี้ ; สังขารเป็นอย่างนี้ ความเกิดขึ้นแห่งสังขาร เป็นอย่างนี้ ความดับไปแห่งสังขาร เป็นอย่างนี้ ; วิญญาณเป็นอย่างนี้ ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณ เป็นอย่างนี้ ความดับไปแห่งวิญญาณเป็นอย่างนี้ ;ดังนี้. ภิกษุ ท ! นี้คือ สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อม เป็นไปเพื่อความสิ้นแห่งอาสวะ.ภิกษุ ท ! เหล่านี้แล คือ สมาธิภาวนา ๔ อย่าง

    -จตุกฺก.อํ. ๒๑/๕๗/๔๑.
     
  2. พลูโตจัง

    พลูโตจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +554
    [​IMG][​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...