"วิญญาณ"ของราตรี

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 6 พฤษภาคม 2009.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,240
    ท่านหนึ่งส่งเมล์มาให้อ่านว่า มีคนพูดกันว่า วัดสาลี อ.บางปลาม้า มีกิตติศัพท์ในเรื่อง "ผีดุ" อย่างฉกาจฉกรรจ์ อยากให้ช่วยพิสูจน์ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ด้วย สำหรับวัดสาลีที่ท่านผู้อ่านกล่าวถึง เป็นวัดที่มีความเก่าแก่มาก ผู้ใหญ่ทองหล่อ ภู่ระหงษ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.สาลี ได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของวัดสาลีให้ฟัง
    "วัดสาลีสร้างมานานมากแล้ว คงราวประมาณสมัยอยุธยาตอนปลาย คือ 100 กว่าปีมาแล้ว เดิมวัดสาลีจะอยู่ฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นอีกฟากนึงของแม่น้ำ แต่ที่ย้ายมาอยู่ฝังนี้เพราะสถานที่ตรงนี้สวยงามกว่า วัดสาลีเป็นวัดหลวง สร้างโดยหลวงพ่อปาน อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนมโค จังหวัดอยุธยา ท่านเป็นผู้สร้างวัดสาลี แต่ท่านไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส"
    ............หลวงพ่อปานที่ผู้ใหญ่ทองหล่อกำลังพูดถึง ท่านเป็นพระเกจิฯ ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอยุธยา โดยเฉพาะด้านคาถาอาคมด้วยแล้ว หลวงพ่อปานได้รับการกล่าวขานถึงว่า ท่านเป็นพระเกจิฯ ที่มีวิชาอาคมแก่กล้ามากที่สุดในยุคนั้น
    "ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อปาน ซึ่งผมเจอกับตัวเองก็คือ ปกติผมจะเอาพระท่านห้อยคอ เป็นประจำ วันนั้นผมมาช่วยทำโบสถ์ที่วัด ผมต้องนั่งเรือช่วยขนทรายขึ้นวัด ขากลับผมก็ไปนอนตรงหัวเรือหางยาว สร้อยคอไปเกี่ยวตะขอเรือสร้อยขาด ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าสร้อยขาด พอขึ้นบ้านสร้อยก็ร่วงลงมา ผมจึงรู้ว่าพระหลวงพ่อปานหายไปแล้ว ผมได้อธิษฐานว่าถ้าหลวงพ่อปานท่านศักดิ์สิทธิ์จริง ขอให้ผมเจอพระที่หายไป
    ผมก็กลับไปดูที่เขื่อนอีกครั้ง น้ำช่วงนั้นลึกพอสมควร แต่พอผมมองลงไปในน้ำ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง...

    ............ผมเห็นพระเลี่ยมทองเลยนอนอยู่บนเขื่อนชัดเจน ผมก็กระโดดน้ำลงไปหยิบพระขึ้นมาจากน้ำ
    เจ้าอาวาสของวัดสาลีที่มีวิชาอาคมแก่กล้า คงจะเป็นหลวงพ่อช่อง ท่านเป็นพระที่มีวาจาสิทธิ์ มีเรื่องเล่ากันว่า เคยมีคนมาจับปลาที่หน้าวัด หลวงพ่อช่องท่านขอร้อง เขาบางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ แต่มีคนหนึ่งไม่พอใจที่ถูกหลวงพ่อเตือน เขาขึ้นมาจากเรือแล้วตรงเข้าทำร้ายหลวงพ่อ ท่านก็พูดว่า คนอย่างมึงอยู่อีกไม่นานหรอก หลังจากที่หลวงพ่อพูดเพียงไม่กี่วัน เขาก็โดนยิงตาย ยังมีคนอีกหลายคนที่เจอเรื่องแบบนี้ ท่านเป็นพระที่มีวาจาสิทธิ์"
    ข้อเท็จจริงที่มีคนพูดกันว่าวัดสาลี "ผีดุ"
    "ก็เคยได้ยินคนทั่วไปเขาพูดกัน แต่ผมไม่เคยเจอกับตัวเองสักที สมัยก่อนบริเวณนี้เป็นป่าช้า ป่าช้าสมัยก่อนไม่เหมือนกับเดี๋ยวนี้ มันน่ากลัวกว่า เพราะศพคนตายจะไม่มีที่ฝัง เวลาคนตายมากชาวบ้านก็จะนำศพมาทิ้ง ยิ่งช่วงที่มีโรคห่าระบาด ศพยิ่งเยอะมาก เรื่องผีดุ คิดว่าเป็นเพียงคำเล่าลือกัน ตัวผมไม่เคยเจอ แต่ผมเชื่อว่าในโลกนี้มีผีอยู่จริงๆ"
    .............เป็นอันว่าข้อกังขาของท่านผู้อ่าน ที่สงสัยว่าวัดสาลีผีดุจริงหรือ ผมก็หาคำตอบมาให้แล้วนะครับ แต่ทั้งนี้ท่านก็อย่าเพิ่งเชื่อว่าวัดสาลีไม่มีผี ผีที่วัดนี้จะมีหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้หรอกครับ เพราะการที่ผีหรือวิญญาณจะปรากฏร่างให้ใครเห็น มันมีมูลฐานหลายประการด้วยกัน แต่สิ่งสำคัญซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักเลยก็คือ "เซ้นต์"
    คนที่จะเจอผีเชื่อว่าจะต้องเป็นคนที่มี "เซ้นท์พิเศษ" เหนือกว่าคนทั่วไป ร่างที่เราเห็นเดินอยู่ตามถนนหนทาง ท่านแน่ใจหรือว่าพวกเขาจะเป็นคนเหมือนพวกเรา !?!
    ทุกครั้งที่เราได้ยินใครบอกบางคนบอกว่า "ถูกผีหลอก" เราก็อย่าเพิ่งในทันที การที่คนเราจะเห็นสิ่งที่เรียกว่า "ผี" มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ...
    ............คุณอารมณ์ พ่วงเงิน ปัจจุบันสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนไทรน้อยวิทยาคม จังหวัดสิงห์บุรี เป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เขามักจะโต้แย้งกับคนที่นำเรื่องผีมาเล่าให้คนอื่นๆ ฟัง
    "ผมเชื่อว่าคนเราเมื่อตายไปแล้วทุกอย่างก็ดับ เรื่องจิตเรื่องของวิญญาณไม่มี จนกระทั่งมีเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อ เหนือคำบรรยายเกิดขึ้นกับผม เรื่องนี้มันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อต้นปี 45 นี่เอง
    วันหนึ่งผมพาเด็กนักเรียนมาแข่งกีฬาที่จังหวัดอยุธยา จำได้ว่าเป็นงานกาชาดของทางจังหวัด ตอนกลางคืนมีงานและมีมโหรสพหลายชนิด ทีแรกผมจะกลับพร้อมเด็กนักเรียน แต่เพื่อนครูด้วยกันชวนให้ผมอยู่ต่อ ช่วงเวลานั้นนักเรียนปิดเทอมพอดี ผมกับเพื่อนเที่ยวกันจนเกือบถึงตี 2 ตามประสาคนหนุ่มนั่นแหละครับ มันอดที่จะเมาไม่ได้ หลายคนอาจจะมองดูไม่ดี เป็นครูทำไมต้องกินเหล้าด้วย แต่ผมอยากจะบอกว่า ครูก็เป็นคนเหมือนกัน และครูนั่นแหละตัวดี หลังจากที่เลิกสอนเด็กนักเรียน จะต้องแวะกินเหล้าก่อนที่จะกลับบ้าน นอกเวลาราชการถือว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย
    .............เรื่องมันมาเกิดตอนที่ผมกำลังจะกลับบ้าน บังเอิญผมเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาสวยมาก ผมก็เลยชิ่งจากเพื่อน แอบไปสีเธอ ปรากฏว่าเธอมีท่าทีเล่นกับผม ผมก็เลยถามถึงที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของเธอ เธอจะไม่ให้ แต่ผมก็คะยั้นคะยอจนเธอใจอ่อน เราเดินเที่ยวกันจนงานเลิก จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน"
    "ทำไมอาจารย์ไม่ได้ส่งเธอที่บ้านล่ะครับ?" ผมถามด้วยความสงสัย
    "ไม่ดีหรอก เพราะเราก็เป็นคนต่างถิ่น เราไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ขืนบุ่มบ่ามบุกถึงบ้าน หากเธอเป็นพวกมิจฉาชีพขึ้นมา ผมอาจจะเดือดร้อน คนที่เป็นครูหากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ถึงกับถูกไล่ออก มันไม่คุ้มกันเลย แต่ใจจริงแล้วผมเองก็อยากจะไปรู้จักบ้านของเธอเหมือนกัน เธอชื่อว่าราตรี ทำงานอยู่ที่เทศบาลเมือง จังหวัดอยุธยา
    ...........วันรุ่งขึ้นผมก็รีบโทรไปหาเธอทันที คนรับสายเป็นผู้หญิง ผมเดาเอาว่าคงจะเป็นพี่สาวของเธอ เพราะเสียงแสดงว่ายังเป็นสาวอยู่เลย ผมถามว่านั่นพี่สาวคุณราตรีใช่มั้ย ทางนั้นตอบว่าใช่ ผมบอกว่าผมเป็นเพื่อนคุณราตรี ไม่ทราบว่าคุณราตรีอยู่หรือเปล่า ทางนั้นเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงสั่นๆ ว่า ราตรีไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
    ผมเลยถามว่าเธอไปไหน พี่ของเธอบอกว่าราตรีเสียชีวิตเมื่อ 3 วันที่แล้ว ตอนนี้ศพยังอยู่ที่วัดพระขาว (วัดพระขาวอยู่ใน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา) ตอนนั้นผมรู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที ผมถามว่าพี่พูดจริงๆ หรือครับ ...........พี่สาวของเธอก็ยืนยันว่าที่พูดมานั้นเป็นความจริง ผมก้เลยตัดสินใจเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ให้พี่สาวของเธอฟัง ว่าผมได้เจอกับราตรีที่งานกาชาด พี่สาวของเธอถึงกับร้องไห้ออกมาเลย ผมถามพี่สาวของเธอว่า จะรังเกียจมั้ย ถ้าคืนนี้ผมจะขอไปงานศพของราตรี พี่สาวของเธอก็อนุญาต
    ผมได้โทร.ไปหาเพื่อน แล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง เพื่อนผมไม่เชื่อ เราเลยนัดกันว่าจะพิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้กัน…
    ยิ่งใกล้เวลาเดินทางผมยิ่งใจไม่ดี ตอนนั้นรู้สึกกลัว แต่อีกใจก็อยากจะพิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้ ตอนที่กำลังเดินทางไปวัด ผมได้ถามเพื่อนผมว่า หากผู้หญิงที่ผมเจอเมื่อคืนนี้ เป็นคนๆ เดียวกับราตรีที่ร่างของเธอกำลังนอนอยู่โลงศพ เราจะทำยังไงดี เพื่อนผมหัวเราะ แล้วพูดขึ้นว่า ไม่เห็นจะยากอะไรเลย ขอหวยเลยซิวะ พอไปถึงวัด ผมก็รีบตรงไปที่ศาลาสวดศพทันที"
    ...........ภาพที่ตั้งอยู่หน้าโลงศพ แม้ว่าจะเป็นภาพของหญิงสาว ที่ความงามของเธอทำให้คุณอารมณ์ถึงเพ้อ จนนอนไม่หลับมาแล้วเมื่อคืนวาน แต่ในความรู้สึกขณะนั้น คุณอารมณ์กลับรู้สึกหวาดกลัว จนขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที
    "ราตรีที่นอนอยู่ในโลงศพ เป็นคนๆ เดียวกับที่ผมเห็นเมื่อคืนนี้จริงๆ"
    คุณอารมณ์หันมากระซิบกับเพื่อนเบาๆ ว่า นี่แหละราตรีที่เขารู้จักเมื่อคืนนี้ !!!
    "เพื่อนผมพูดไม่ออก จากนั้นผมก็เข้าไปทักทายพวกญาติๆ ของราตรี มองผมอย่างแปลกใจ พี่สาวของราตรีเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่เสียชีวิตอย่างไม่คาดฝัน ทุกคนในบ้านพากันหวาดกลัว โดยเฉพาะแม่ของเธอ แต่ราตรีก็ไม่เคยมาปรากฏร่างให้ใครเห็น อาจจะเป็นไปได้ที่เธอรู้ว่า ทุกคนกลัวเธอนั่นเอง แต่ที่ทุกคนตั้งข้อสงสัยก็คือ ผมกับราตรีไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมเธอจึงมาปรากฏร่างให้ผมเห็น"
    ............เรื่องนี้ผู้สันทัดกรณีเกี่ยวกับ "จิตและวิญญาณ" ได้อธิบายให้ฟังว่า มนุษย์ทุกคน ย่อมมีความผูกพันกันมาแต่ในอดีตชาติ อาจจะไม่ใช่ชาตินี้แต่เป็นชาติอื่นที่ได้ผ่านมาแล้ว บางครั้งเราเห็นใครสักคน เรามีความรู้สึกคุ้นเคยมาก่อน โดยที่ในความเป็นจริงแล้ว ต่างก็อยู่กันคนภาคคนละแผ่นดิน
    ในความเป็นจริง ผีหรือวิญญาณมีอยู่ทั่วไป แม้แต่รอบๆ ตัวเราในเวลานี้ก็เต็มไปด้วยผีและวิญญาณเป็นจำนวนมาก แต่ที่ท่านไม่สามารถมองเห็น เพราะท่านไม่มี "เซนซ์พิเศษ" !!!

    ที่มา.."วิญญาณ"ของราตรี
     
  2. ฟิล์มจ้า

    ฟิล์มจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +116
    น่ากลัวจังค่ะ ....แต่อยากเห็นคุณรา...ปรื๋ยไม่ได้เอ่ยนามนะคะ ฉะนั้นอย่ามาหาในฝันนะคะ please.....
     

แชร์หน้านี้

Loading...