รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 4)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย karan20, 5 ตุลาคม 2011.

  1. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุพระโสดาบัน"
    หลักสูตรออนไลน์ 30 ชั่วโมง
    (ชั่วโมงที่ 4)


    เกริ่นนำ

    การทบทวนเป็นสิ่งสำคัญ การบ้านเป็นสิ่งที่จำเป็น
    ขอให้ท่านผู้สนใจใฝ่ธรรม หวังบรรลุพระโสดาบันในชาตินี้
    ศึกษาทบทวนและทำการบ้าน

    ในบทต่อ ๆ ไปจะมีคลิปและไฟล์เสียงให้ท่านดูและฟัง แนะนำให้ท่านดูและฟังทุกไฟล์
    เพราะเราไม่อาจรู้ได้้เลยว่าเราจะบรรลุเพราะไฟล์ไหนหรือคำพูดประโยคไหน
    เช่นเดียวกับที่เราไม่สามารถบอกได้ว่าเราโตมาจากข้าวเมล็ดไหน
    ข้าวทุก ๆ เมล็ดล้วนทำให้เราเติบโต ทุก ๆ สิ่ง ล้วนแต่เกิดจากการสั่งสม
    ขอรับรองว่าถ้าหากท่านตั้งใจและมั่นใจ การบรรลุพระโสดาบันก็ไม่ใช่สิ่งที่ยากจนเกินไป

    แต่ขอเตือนว่าท่านควรติดตามต่อไปทุกบทจนกว่าจะจบทั้งนี้เพื่อป้องกันการสำคัญตนผิด

    การบ้านคราวที่แล้วใครยังไม่ได้อ่านตามลิ้งค์ที่ให้ไว้และยังไม่ได้ตอบ
    ขอให้ย้อนกลับไปอ่านและลองตอบดูก่อนจึงจะอ่านในบทที่ 4 นี้ต่อไป


    สรุปทบทวนจากชั่วโมงที่ 3

    คำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง มาแสดง
    คัดลอกบางส่วนจาก อารมณ์พระโสดาบัน

    พระโสดาบันนี้ละสังโยชน์ได้ ๓ ประการ คือ:-
    ๑. สักกายทิฏฐิ
    คิดอยู่เสมอว่าความตายเป็นธรรมดาของชีวิต
    เราไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงความตายให้พ้นได้


    ๒.
    วิจิกิจฉา
    พระโสดาบันไม่สงสัยในคำสั่ง และคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    คำว่า คำสั่ง ก็ได้แก่ ศีล คำสอน ก็ได้แก่ จริยาอันหนึ่งที่เราเรียกกันว่า
    ธรรมะ พระโสดาบันก็มีความเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย

    ๓. สีลัพพตปรามาส
    พระโสดาบันใช้ปัญญาเพียงเล็กน้อย
    อาศัยที่ศรัทธาในพระรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการนี้
    พระโสดาบันจึงเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์

    เป็นอันว่าพระโสดาบัน ถ้าเราจะไปพิจารณาจริงๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรสำคัญ
    มีสภาวะเหมือนชาวบ้านชั้นดีนั่นเอง
    สำหรับกิเลสส่วนอื่นจะเห็นได้ว่า พระโสดาบันยังมีกิเลสทุกอย่าง
    ตามที่เรากล่าวกันคือ ความโลภ ความรัก ความโกรธ ความหลง เหล่านี้พระโสดาบันยังมีอยู่



    (ชั่วโมงที่ 4)

    ขอเพิ่มเติมจากชั่วโมงที่ 3 ดังนี้
    อารมณ์ของพระโสดาบันหรือคุณธรรมที่พระโสดาบันมีนั้น นอกจากละสังโยชน์ 3 ข้อแล้ว
    ยังต้องมีความรักหรือปราถนาในพระนิพพานด้วย

    ข้อความคำสอนของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงที่คัดลอกมาอธิบายในชั่วโมงที่ 3 นั้น
    ท่านไม่ได้กล่าวถึงเรื่อง ความรักและปราถนาในพระนิพานก็จริง
    แต่เป็นอันเข้าใจว่า พระโสดาบันต้องมีความรักและปราถนาในพระนิพพานด้วย
    เพราะพระอริยบุคคลทุกประเภท รวมถึงพระโสดาบันคือผู้ปราถนาพ้นทุกข์ คือหวังในพระนิพพาน

    ผู้หวังบรรลุพระโสดาบันนั้นต้องเป็นผู้รักและปราถนาในพระนิพพาน
    ส่วนพระโพธิสัตว์คือผู้รักและปราถนาในพระโพธิญาณคือการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
    ดังนั้นพระโพธิสัตว์จึงไม่มีโอกาสบรรลุพระโสดาบัน (เพราะรักและปราถนาพระโพธิญาณมากกว่าพระนิพพาน)
    ตัวอย่างเช่น พระเวสสันดร นั้นแม้จะเป็นพระโพธิสัตว์ชาติสุดท้าย
    ได้กระทำมหาทานบริจาคอันหาผู้ทำเสมอได้ยากยิ่ง
    ก็ยังมิอาจบรรลุพระโสดาบันซึ่งเป็นพระอริยะบุคคลเบื้องต้น อ้างอิง
    (ดูในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๑ - หน้าที่ 266)

    ดังนั้นคำสอนในหลาย ๆ โอกาส ในหลายสำนวนของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง ท่านมักจะระบุเพิ่มเติมไว้ด้วยว่า
    ผู้หวังพระโสดาบันต้องละสังโยชน์เบื้องต้น 3 ข้อแล้ว
    ยังต้องมีความรักและปราถนาในพระนิพพาน
    หลวงพ่อท่านเมตตาชี้ให้เห็นชัด ๆ ทั้งนี้เพราะกลัวพวกเราจะหลงลืมข้อสำคัญนี้ไป อ้างอิง

    แต่ก็ขออย่าได้เข้าใจผิดว่าพระโพธิสัตว์ท่านบุญบารมีน้อยกว่าพระโสดาบัน
    พระโพธิสัตว์ไม่บรรลุพระโสดาบันนั้นเพียงเพราะขาดแต่ความรักและปราถนาในพระนิพพาน
    ส่วนบารมีอื่น ๆ นั้นท่านอาจมีมากมายเหลือประมาณ

    พระโพธิสัตว์เมื่อยังไม่บรรลุพระโสดาบันจึงยังเป็นผู้ไปสู่อบายภูมิได้
    ผู้ที่ปราถนาพุทธภูมิคือเป็นพระโพธิสัตว์ขออย่าได้เข้าใจว่าพระโพธิสัตว์ไม่ตกนรกเด็ดขาด
    เรื่องนี้พระพุทธเจ้ายืนยัน หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงท่านก็ยังเคยตกนรกแม้จะเป็นพระโพธิสัตว์
    (ต่อมาภายหลังหลวงพ่อลาพุทธภูมิจึงได้ไปพระนิพพาน
    ใครไม่เข้าใจขอให้ย้อนกลับไปดูคลิปประวัติหลวงพ่อในบทที่ 2)

    ก่อนจะอธิบายต่อไป ขอย้ำว่าท่านที่ยังไม่ได้ทำการบ้านของบทที่ 3 ให้ย้อนกลับไปทำก่อน
    หากท่านรับปาก มีสัจจะก็เรียกว่ามีคุณสมบัติที่อาจจะเป็นพระโสดาบันได้
    ย้ำเป็นครั้งสุดท้ายนะ....
    ส่วนคนที่ทำการบ้านแล้วเราก็มาติวกันต่อไป

    คราวก่อนได้ให้ลิ้งค์ไว้คือ อารมณ์พระโสดาบัน
    แล้วได้ตั้งคำถามว่า
    เหตุใด เปสการีธิดา จึงไม่ได้บรรลุพระโสดาบันตั้งแต่ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าในครั้งแรก
    (แต่สุดท้ายท่านก็ได้เป็นพระโสดาบัน)

    เพื่อความสะดวกจะคัดลอกข้อความมาให้ลองพิจารณา
    โปรดสังเกตตรงตัวหนังสือสีแดงที่เน้นไว้ให้

    องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงได้ถามปัญหา ๔ ข้อว่า
    " เธอมาจากไหน…? "
    เธอตอบว่า " ไม่ทราบพระเจ้าข้า"
    พระองค์ทรงถามว่า "เธอจะไปไหน…?"
    เธอตอบว่า "ทราบพระเจ้าข้า"
    พระองค์ทรงถามว่า "เธอทราบหรือ…?"
    เธอก็ตอบว่า "ไม่ทราบพระเจ้าข้า"

    ปัญหา ๔ ข้อนี้ คือ:-
    ข้อที่หนึ่ง ทรงถามว่า "เธอมาจากไหน…?"
    เธอตอบว่า "อาศัยที่องค์สมเด็จพระจอมไตรถามว่า เมื่อก่อนจะเกิดมาแต่ไหน เธอไม่ทราบ"
    ข้อที่สอง ทรงถามว่า "เธอจะไปไหน…?"
    เธอตอบว่า "ตายแล้วไปไหน หม่อมฉันไม่ทราบ"
    ข้อที่สาม ท่านถามว่า "ไม่ทราบหรือ…?"
    เธอตอบว่า "ทราบว่ายังไงๆ ก็ตายแน่ พระเจ้าข้า"
    ข้อที่สี่ แล้วองค์พระพุทธเจ้าทรงถามว่า "เธอทราบหรือ…?"
    เธอก็ตอบว่า "ไม่ทราบ ก็เพราะว่าจะตาย เวลาเช้า เวลาสาย เวลาบ่าย เวลาเที่ยง ก็ไม่ทราบพระเจ้าข้า
    และไม่ทราบอาการตาย ยังไงๆ ก็ตายแน่"

    พระพุทธเจ้าก็รับรองด้วยสาธุการ จึงถามเพียงเท่านี้
    ความมั่นใจของเธอทำให้เธอเป็นพระโสดาบัน

    แต่ความจริงในตอนต้นนั้น เธอเข้าถึงพระโสดาปัตติมรรคอยู่แล้ว
    คือหนึ่งนึกถึงความตายเป็นอารมณ์ ไม่ประมาทในชีวิต
    ในข้อว่า สักกายทิฏฐิ เธอเข้าถึงแล้วในเบื้องต้น
    ข้อที่ ๒ เธอนึกถึงองค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ทุกวัน
    จัดว่าเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน

    ข้อ ที่ ๓ นึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนที่องค์สมเด็จพระชินวรทรงสอนไว้เสมอว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง
    แต่ความตายเป็นของเที่ยง เธอทั้งหลายจงอย่าประมาทในชีวิต

    ข้อที่ ๔ ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระธรรมสามิสร มีศีล ๕ เป็นต้น ที่องค์สมเด็จพระทศพลทรงสอนไว้
    เธอจำได้ทุกอย่าง และปฏิบัติทุกอย่าง อย่างนี้ถ้าจะกล่าวกันไป
    ก็ชื่อว่าเธอเป็นโสดาปัตติมรรคแล้ว
    แต่ว่าอารมณ์จิตยังไม่มั่นคง

    ต่อมา เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ทรงเสด็จมาสนับสนุนอีกวาระหนึ่ง
    เธอมีความมั่นคงในความรู้สึก

    จิตมีความมั่นในคุณพระรัตนตรัย มั่นในความตาย คิดว่าเมื่อไหร่ก็เชิญ มันตายแน่ มั่นในศีลที่เธอรักษา
    แล้วก็มีศรัทธาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และในพระธรรมคำสั่งสอน
    อย่างนี้แหละบรรดาท่านทั้งหลาย องค์สมเด็จพระชินวรกล่าวว่า ท่านผู้นั้นเป็นพระโสดาบัน



    - จบส่วนที่คัดลอกมาอ้างอิง -


    ยังไม่จบ แต่ขอพักเบรคสักครู่
    ใครจะไปดื่มน้ำ หรือปัสสาวะก็เชิญครับ ^____^
    เดี๋ยวกลับมาว่าส่วนที่เหลือกันต่อ...
    และบทนี้มีการบ้านด้วยเช่นเคย เป็นไฟล์เสียงให้ดาวน์โหลดไปฟัง



    กลับมาว่ากันต่อ....
    จากตัวอย่างที่คัดลอกมาแสดงและเน้นตัวอักษรสีแดง
    ขอตัดทอนข้อความลงเหลือดังนี้

    ความมั่นใจของเธอทำให้เธอเป็นพระโสดาบัน
    เธอจำได้ทุกอย่าง และปฏิบัติทุกอย่าง อย่างนี้ถ้าจะกล่าวกันไป
    ก็ชื่อว่าเธอเป็นโสดาปัตติมรรคแล้ว
    แต่ว่าอารมณ์จิตยังไม่มั่นคง

    ต่อมา เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ทรงเสด็จมาสนับสนุนอีกวาระหนึ่ง
    เธอมีความมั่นคงในความรู้สึก


    เราพอจะสรุปได้หรือไม่ว่า
    ความไม่มั่นใจ ตลอดจนอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่มั่นคง
    เหล่านี้ทำให้ เปสการีธิดา และอีกหลายท่านไม่สามารถบรรลุพระโสดาบัน

    ดังนั้นขอให้ท่านที่ปราถนาบรรลุพระโสดาบัน
    หมั่นคิดถึงการละสังโยชน์ 3 และสำรวจตนเองว่าละได้หรือยัง
    ตลอดจนขอให้มีความมั่นใจอย่าท้อถอย
    เมื่อท่านบรรลุพระโสดาบันท่านก็จะรู้ได้เองเพราะมีความมั่นใจ หมดความลังเล
    เพราะมีความมั่นคงในพระรัตนตรัยและในศีล
    ส่วนด้านการละสักกายทิฐินั้น หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงท่านว่า...
    " พระโสดาบันมีปัญญาเล็กน้อย ก็เพราะว่ายังไม่สามารถตัดขันธ์ 5 ได้เด็ดขาดด้วยกำลังของจิต
    ยังมีความรู้สึกว่าร่างกายเป็นเรา เป็นของเรา
    แต่ทว่าความรู้สึกของท่านมีความดีอยู่หน่อยหนึ่งว่าเราจะต้องตาย
    ยังไง ๆ ก็ต้องตายแน่ เหมือนกับที่เปสการีมีอารมณ์คิดถึงคำสั่งสอนของสมเด็จพระธรรมสามิสร ที่ทรงตรัสว่า
    ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ท่านทั้งหลายจงอย่ามีความประมาทในการสร้างความดี
    "

    ---------


    คำเตือน
    สิ่งที่ไม่ควรลืมคืออย่าได้โอ้อวดว่าตนเองบรรลุพระโสดาบันหรือแม้แต่พระอริยะขั้นใด ๆ ก็ตาม
    เพราะการกระทำอย่างนั้นเป็นของไม่ควร เป็นการมานะถือตัว
    ยิ่งหากเป็นการสำคัญตนผิดไปเอง แล้วกล่าวโอ้อวดโดยไม่ได้บรรลุจริงยิ่งเป็นสิ่งมีโทษ
    เปรียบเทียบในทางพระนั้นอาจเรียกว่า อวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน
    ถ้าหากว่าเป็นพระเขาปรับอาบัติปาราชิก คือขาดความเป็นพระไปเลย นี่รุนแรงมาก
    ถึงแม้อวดอุตริมนุสธรรมที่มีในตน ก็ยังมีโทษแต่เป็นสถานเบาปรับแค่อาบัติปาจิตตีย์ อ้างอิง

    ครูบาอาจารย์จึงสอนว่าไม่ควรโอ้อวด ขอให้ตั้งหน้าปฏิบัติในความดีเพียงเท่านั้น
    บางท่านก็สอนว่า ให้ปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบันไปโดยไม่ต้องสนใจว่าจะบรรลุหรือยัง
    พระพุทธองค์ย่อมมองเห็นเธอเอง


    สวัสดี.


    - จบชั่วโมงที่ 4 -

    การบ้านของชั่วโมงที่ 4 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง [​IMG] การบ้านบทที่ 4.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    3. เขียนสรุปสั้น ๆส่งเป็นการบ้านว่าจากที่ได้ฟังนั้นเกิดความรู้สึกประทับใจตรงไหนบ้าง
    หรือชอบตรงไหนเป็นพิเศษ


    ส่งการบ้านและพูดคุยกันได้ที่นี่
    สำหรับท่านที่ไม่ได้สมัครสมาชิกเว็บพลังจิต เชิญพูดคุยแนะนำกันได้ที่ Facebook กาขาว


    ทบทวนย้อนหลัง
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 1)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 2)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 3)
    <fieldset class="fieldset">
    </fieldset>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2011
  2. namiria

    namiria สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +5
    สาธุค่ะทำให้เข้าใจขึ้นเยอะเลยว่ามันไม่ได้ยากหรือเกินเอื้อมอย่างที่คิด ทำได้ 2 ข้อ ยกเว้นศีล 5 บริสุทธิ์นังทำไม่ได้ต้องขาดข้อ 4 ทุกวันเพราะเรื่องงานด้วย - -"
     
  3. bsert

    bsert Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +35
    ส่งการบ้านชั่วโมงที่ 4
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียน
    ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง การมีความตั้งใจมั่นในการระลึกถึงความตายอยู่ทุกขณะ มีสติในการทำความดี และศรัทธาในพระรัตนตรัย พยายามทำความดี โดยไม่ต้องมุ่งหวังว่าใครจะต้องรู้ ไม่ต้องไปประกาศบอกใครต่อใคร ปฏิบัติเพื่อให้ได้โสดาบัน โดยไม่ต้องสนใจว่าจะบรรลุหรือยัง (เป็นชีวิตที่ทำให้ไม่ต้องอึดอัดว่าต้องทำความดีเพื่อให้คนมองว่าเราทำดี แต่เราทำความดีเพราะใจเราอยากทำ เรารับรู้ของเราเองว่าเราทำความดีและพร้อมที่จะไปด้วยความดีที่เรามุ่งมั่นปฏิบัติ)
    2-3 สรุปในสาระที่ชอบ
    ***ทุกข์ คนเราจะพ้นทุกข์ได้ เราต้องรู้จักทุกข์****
    เรามองความทุกข์ที่เห็นให้เข้าใจ และยอมรับความจริง ให้มองให้รู้ว่านี่คือทุกข์ ไม่ต้องไปเจาะรายละเอียดว่าขั้นตอนของทุกข์เกิดอย่างไร ให้มองด้วยความเพลิดเพลิน มองให้รู้ ทุกข์เกิดขึ้นในชีวิตมีตั้งแต่การเกิด การแก่ การเจ็บและความตาย ในประจำวันตั้งแต่ลืมตา การต้องแต่งตัวให้ดูดี การไปทำงาน การหาอาหารบำรุงร่างกาย การขับถ่ายของที่กินเข้าไป จนกว่าจะหลับตาลง ทุกสิ่งทุกอย่างมีทุกข์เกิดขึ้นทุกขั้นตอน ถ้าเราพิจารณาไปเรื่อยๆ จิตของเราก็จะละเอียด ก็จะเริ่มเบื่อหน่ายต่อการเกิด เพราะความทุกข์เกิดจากความพอใจในการเกิด ถ้าละความพอใจในการเกิด ทุกข์ก็ไม่มี
     
  4. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
  5. ลายกนก

    ลายกนก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +78
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ ได้ความรู้ใหม่เลยครับ การที่จะบรรลุโสดาบันได้ ก็สำคัญตรงที่ต้องมีความมั่นใจ และความมั่งคงของจิต
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง [​IMG] การบ้านบทที่ 4.mp3
    ตอบ ฟังแล้ว
    3. เขียนสรุปสั้น ๆส่งเป็นการบ้านว่าจากที่ได้ฟังนั้นเกิดความรู้สึกประทับใจตรงไหนบ้าง
    หรือชอบตรงไหนเป็นพิเศษ
    ตอบ ชอบตรงที่ " เราจะทำความดีของเราเพื่อการไม่เกิด แล้วให้สำรวจตนเองว่าศีลของเราบริสุทธิ์ดีไหม จิตใจของเราขาดความเมตตากรุณาหรือเปล่า เรายินดีในความดีของบุคคลอื่นไหม เรายอมรับกฎธรรมดาว่าทุกคนต้องตายหรือเปล่า การคิดแค่นี้ไม่ได้ยาก แต่การมีสติคิดถึงเรื่องนี้บ่อยๆ ยาก ความคุ้นเคยเก่าๆมันมีมาก จะให้คิดให้ชินจนเป็นณาน ต้องอาศัยความเพียร"
     
  6. eee

    eee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +23
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ รู้สึกสงบร่มเย็นค่ะ
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านบทที่ 4.mp3
    วิธีการฟัง : ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    ตอบ ดาวน์โหลดและฟังเรียบร้อยค่ะ
    3. เขียนสรุปสั้น ๆส่งเป็นการบ้านว่าจากที่ได้ฟังนั้นเกิดความรู้สึกประทับใจตรงไหนบ้าง
    หรือชอบตรงไหนเป็นพิเศษ
    ตอบ สรุปคือชอบในการสอนวิธีการที่จะไปถึงอริยบุคคล เราสามารถมอง ทุกข์ บ่อยๆโดยความเพียร มองอย่างมีสติให้ชินเป็นฌาณ ไม่พอใจในเรื่องอื่นมากกว่า หรือคิดมากเกินไปจนปลงจิตใจห่อเหี่ยวหดหู่เป็นอกุศลจิต
    ให้นึกถึงทุกข์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อ ละ จากต้นเหตุแห่งทุกข์คือการเกิด ถ้าไม่เกิดไม่มีร่างกายก็ไม่ทุกข์ และทำดีเพื่อที่จะไม่เกิดอีก แต่ตอนคิดถึงทุกข์ต้องไม่ทำใจเศร้าหมอง
    พิจารณาดูว่ามีศีลบริสุทธิ์ดีไหม เรายังขาดคุณธรรมหรหมวิหาร4ไหม เรายอมรับกฎธรรมชาติคือทุกชีวิตมีความตายเป็นเบื้องหน้าไหม เราทุกคนต้องตายในที่สุด
    เมื่อคิดพิจารณาซ้ำๆ ละได้จนเกิดเป็น อารมณ์ใจก็จะทำให้เข้าสู้ความเป็นพระโสดาบัน
     
  7. ปลายฟ้า2012

    ปลายฟ้า2012 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +6
    ส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 4 ค่ะ

    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ...รู้สึกว่าการจะบันลุโสดาบันได้นั้นต้องหมั่นในการคิดถึงเรื่องการละสังโยชน์ทั้ง3 และตรวจสอบตนเองอยู่เสมอว่าเรานั้นละได้หรือยัง ทั้งนี้เราต้องมีความปรารถนาเพื่อให้ถึงพระนิพพานด้วย โดยปฏิบัติด้วยความตั้งใจจริง ด้วยความเพียรไม่ท้อถอย จนกระทั่งมีความมั่นใจและสำรวจตนเองแล้วพบว่าเราสามารถละสังโยขน์ทั้ง3ได้โดยสิ้นเชิง ถึงตอนนั้นแหละเราก็จะรู้ได้ด้วยตยเองว่า เราบันลุโสดาบันแล้ว และเมื่อบันลุโสดาบันแล้วก็ไม่จำเป็นต้องบอกผู้อื่น เพราะจะเป็นการอวดอุตริมนุสธรรม


    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง [​IMG] การบ้านบทที่ 4.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    3. เขียนสรุปสั้น ๆส่งเป็นการบ้านว่าจากที่ได้ฟังนั้นเกิดความรู้สึกประทับใจตรงไหนบ้าง
    หรือชอบตรงไหนเป็นพิเศษ
    ตอบ...ความทุกข์นั้นเป็นสาเหตุให้คนเราค้นหาความดับทุกข์ ซึ่งทางพ้นทุกข์หรือทางดับทุกข์ก็คือ การไม่เกิดอีกก็จะไม่พบกับความทุกข์ นั่นก็คือนิพพานนั่นเอง

     
  8. sitar

    sitar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +86
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ ความตายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหลีกหนีได้ ต่างกันที่ว่าจะช้าหรือเร็ว ตอนนี้มีความรู้สึกว่าความตายเป็นเหมือนเงาคอยติดตามตัวเพราะว่ามันเหมือนเส้นด้ายบางๆที่ผูกเราไว้ระหว่างความเป็นกับความตาย เหมือนการพลิกผ่ามือ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกๆเสี้ยววินาที ถึงแม้ว่าเราจะไม่ประมาทกับความตายแต่ถ้าพลาดพลั้งก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย ไม่อยากนึกถึงอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร ระลึกแค่ว่าปัจจุบันเรากำลังทำอะไรอยู่ก็พอ ถ้าเราตายไปแล้วเราจะหลุดพ้นจากวัฎสงสารหรือเปล่า เพราะเรายังไม่รู้ว่านิพพานเป็นอย่างไร รู้แค่ว่าคนชีวิตคนสั้นมาก ไม่แน่ไม่นอน บอกไม่ได้ว่าเมื่อถึงเวลาที่เราจะตายจริงๆเราจะคิดทันไหม จะรู้สึกทันไหมว่าเราจะไปสู่แดนนิพพาน
    3. เขียนสรุปสั้น ๆส่งเป็นการบ้านว่าจากที่ได้ฟังนั้นเกิดความรู้สึกประทับใจตรงไหนบ้าง
    หรือชอบตรงไหนเป็นพิเศษ
    ตอบ การต้องเวียนว่ายตายเกิดนั้น เป็นบ่อเกิดของความทุกข์ต่างๆนาๆ ต้องคอยตอบสนองความต้องการของร่างกาย เช่น เมื่อหิวก็เกิดทุกข์ต้องหาอะไรมาใส่ท้องเพื่อบรรเทาความหิว หรือความอยาก อยากกินนั่น กินนี่ เมื่อไม่ได้กินก็จะรู้สึกเจ็บปวด ทรมาน เพราะความหิว หรือรู้สึกว่าต้องพยายามหาสิ่งที่อยากกินหรืออยากได้ มาเพื่อบำบัดความอยาก หรือความรู้สึกต่างๆ ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ โกรธ เหล่านี้ที่ทำให้เกิดทุกข์ ถ้าเราไม่ได้กลับมาเกิดอีกเราก็จะไม่ต้องทุกข์อีก

     
  9. เดชเดชะ

    เดชเดชะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +14
    1. บทเรียนวันนี้สอนให้รู้เพิ่มว่านอกจากจะละสังโยชน์ทั้ง 3 อย่างแล้ว ยังต้องเป็นผู้มุ่งที่จะพ้นทุกข์คือพระนิพพานด้วย ถึงจะบรรลุเป็นพระโสดาบัน
    3. จากการฟัง MP3 เรียนรู้ว่า ให้พิจารณาเห็นความทุกข์ของชีวิต ทุกข์เกิดขึ้นในทุกขณะ หิว อิ่ม จากการกิน เมื่อย จาก เดิน นั่ง นอน ให้เห็นเป็นธรรมดา ปล่อยวางจากความทุกข์ ด้วยจิตที่ผ่องใส และทำจิตใจที่แน่วแน่มุ่งสู่การพ้นทุกข์ คือไม่ต้องกลับมาทุกข์อีก คือพระนิพพาน
     
  10. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,032
    ส่งการบ้านชั่วโมงที่ 4 ค่ะ</O:p
    <O:p</O:p
    <O:pการบ้านของชั่วโมงที่ 4 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้</O:p

    <O:pตอบ รู้สึกว่าต่อแต่นี้ไปจะต้องหมั่นคิดถึงการละสังโยชน์ 3 ว่าละได้หรือยัง และมีความมั่นใจไม่ท้อถอยในกำลังใจไปเสียก่อน จนกระทั่งหมดสิ้นความสงสัย แน่ใจ รู้ได้ด้วยตนเองเป็นปัจจัตตัง</O:p
    <O:p</O:p<O:p

    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง [​IMG] การบ้านบทที่ 4.mp3
    วิธีการฟัง : ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรมฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    ...ฟังแล้วค่ะ ขณะฟังไปกวาดห้องไปอย่างมีสติ กวาดเสร็จก็มาขัดสมาธินั่งฟังไป พิจารณาไป ยิ้มไป หัวเราะไป แถมยังน้ำตาไหลปิติอีกกับเทศนาของท่านจิตโตค่ะ...

    3. เขียนสรุปสั้น ๆส่งเป็นการบ้านว่าจากที่ได้ฟังนั้นเกิดความรู้สึกประทับใจตรงไหนบ้าง หรือชอบตรงไหนเป็นพิเศษ
    ตอบ ชอบตรงที่บอกว่าคนมีปัญญาพิจารณาแต่เพียงเล็กน้อยก็ได้แล้ว ไม่ต้องไปคิดเยอะคิดมากคิดละเอียดถี่ยิบ อย่างที่หลวงพ่อท่านพิจารณาเรื่องข้าว แค่เรื่องข้าวเรื่องเดียวเท่านั้น ทำให้คิดได้ว่าเราล่ะจะคิดเรื่องอะไร เพราะทุกๆ เรื่องบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่ประกอบไปด้วยทุกข์ทั้งนั้นไม่เห็นจะต้องคิดไปไกลตัวเลย
    อีกตอนที่ชอบตรงที่ท่านบอกว่าคิดเรื่องทุกข์ทำให้จิตเศร้าหมองนั้น ก็ต้องปรับความความคิดไม่ใช่เห็นทุกข์เห็นขี้แล้วไปจิ้มไปดมว่ามันใช่หรือไม่อย่างนี้ไม่ฉลาดไม่มีปัญญา เห็นทุกข์แล้วพิจารณาไปให้เห็นความดี ทำจิตให้แจ่มใสเบิกบานเป็นอารมณ์...สาธุ สาธุ สาธุ โมทนาสาธุเจ้าค่ะ

    </O:p
     
  11. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379


    สาธุ สาธุ สาธุ......
     
  12. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    ส่งการบ้านครับ
    1. รู้สึกว่าเหมือนจะตอบถูก แต่ว่าก็เป็นการตอบที่อ่านแล้วหาใจความสำคัญมาตอบ ยังไม่ได้ใช้ความคิดวิเคราะห์เท่าไหร่ การอ่านบทความในวันนี้ เป็นการย้ำ ว่านอกจากข้อปฏิบัติที่สมควรแล้ว
    อารมณ์จิตต้องมั่นคง ความรู้สึกต้องมั่นคง และมีจุดหมายปลายทางเดียว คือพระนิพพาน


    2. ทำตามทุกอย่างเลยครับ ปิดไฟฟัง นั่งในที่มืดด้วยท่าผ่อนคลาย ฟังไปซักครึ่งสบายๆผ่อนคลาย รู้สึกว่าหลับไปแปปนึง ฮิๆ แล้วก็มาฟังใหม่

    3."ถ้าเราไม่ต้องมีร่างกาย ความวุ่นวายและความทุกข์ทั้งหลายเราไม่ต้องมี",
    "ทุกข์แบบนี้เราไม่เกิด เหตุที่เราเป็นทุกข์เพราะเรา พอใจในการเกิด เราคิดว่าเกิดมาแล้วมันจะดี แต่จริงๆเราไม่เห็นอะไรดีซักอย่างนึง(เพราะทุกสิ่งมีทุกข์อยู่ในตัวมัน นั่งยังเป็นทุกข์ถ้านั่งไม่ดีก็ไม่สบาย)" ,
    "การคิดไม่ได้ยาก แต่การที่จะมีสติแล้วคิดถึงมันให้ได้บ่อยๆนี่สิ ยาก การคิดให้มันชินเป็นฌานเป็นเรื่องยากสำหรับเรา เพราะเรามักจะเผลอไปเอาเรื่องอื่นมากกว่า คิดมากไปก็เกิดเบื่อ ต้องอาศัยความเพียร คิดน้อยสบายๆให้บ่อยๆ"

    ประทับใจคำสอนของท่าน เมื่อฟังแล้วคิดแล้วเข้าใจ ก็ได้หลักการปฏิบัติที่รู้สึกสบายใจ
    เมื่อมาคิดดูแล้ว ทุกคำพูดของท่านในคลิปนี้ มีค่าทุกๆคำพูดที่ท่านกล่าวสอน
    และที่ประทับใจอย่างที่สุด คือตอนท้ายของคลิปที่ท่านนำ อุทิศบุญกุศล คิดว่าเป็นเพราะบุญของท่าน ที่ท่านนำพา ทำให้รู้สึกว่า การอุทิศกุศลตามท่านในครั้งนี้มีค่าอย่างที่สุด ตื้นตัน ขนลุกอย่างรุนแรง เวลาที่กล่าวถึงผู้ที่เราอุทิศบุญไปให้

    ขอบพระคุณ คุณ karan20 ครับ ขออนุโมทนาบุญ ถ้าไม่ได้มาเรียนบทเรียนนี้ โดยปกติแล้ว การจะนั่งฟังเทศน์เป็นเวลานาน ทำไม่ค่อยได้ แต่การฟังเทศน์ครั้งนี้ รู้สึกว่าได้สิ่งมีค่าไปมากมายมากๆๆจริงๆ
     
  13. T8

    T8 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +21
    ฟังไม่ได้อ่ะครับ มันขึ้นว่า
    Invalid Attachment specified. If you followed a valid link, please notify the administrator
     
  14. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    แก้ไขโดยการอัพโหลดไฟล์ให้ใหม่แล้วนะครับ
     
  15. T8

    T8 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +21
    ขอบคุณมากครับ :D
     
  16. thitarat

    thitarat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +203
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    รู้สึกว่าการมีความมั่นใจในสิ่งที่ได้ทำ และการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นหนึ่งในสิ่งที่จำเป็นสำหรับตัวเองในการปฏิบัติตนเพื่อให้บรรลุโสดาบัน

    3. เขียนสรุปสั้น ๆส่งเป็นการบ้านว่าจากที่ได้ฟังนั้นเกิดความรู้สึกประทับใจตรงไหนบ้าง
    รู้สึกว่าทุกข์ เป็นของธรรมดา เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องได้เจอในชีวิต ทำให้เห็นว่าชีวิตคนเรานี้เป็นทุกข์ และทำให้รู้สึกว่าการข่มทุกข์นั้น เป็นเรื่องสนุก ที่ได้เอาชนะใจตัวเอง และได้ลองปฏิบัติเพื่อเอาชนะใจตัวเองทีละน้อย โดยการปฏิบัติเพื่อละทุกข์จากใจของตนเอง ^^

    ขอบคุณค่ะ รอเรียนบทต่อไปแทบไม่ไหวแล้วค่ะ ^^

    เพิ่มเติมจากการทบทวนบทเรียนหลังจากกลับบ้านอีกครั้งค่ะ

    ส่งการบ้านชั่วโมงที่สี่ค่ะ

    1. ความรู้สึกในบทเรียนครั้งนี้ คือการเพิ่มความเข้าใจว่า การจะเป็นพระโสดาบันนั้น นอกจากการละสังโยชน์ แล้ว ยังต้องมีความรักและปรารถนาในพระนิพพานด้วย ซึ่งความรักและปรารถนาในพระนิพพาน รวมทั้งการละสังโยชน์นี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณา และเจริญความคิดให้เป็นตามนี้อย่างสม่ำเสมอ

    2. ความรู้สึกทีไ่ด้จากการฟังคลิปเสียง ทำให้เข้าใจว่า ความทุกข์นั้น มีให้เห็น และให้ยอมรับตามความเป็นจริง เราควรคิดเรื่องความทุกข์ให้เข้าใจและเพลิดเพลินในจิต ทำให้เข้าใจว่าเราเป็นทุกข์เพราะมีความปรารถนาและพอใจในการเกิด พระอาจารย์ได้เทศน์บอกว่าถ้าไม่เกิด เราก็จะไม่เป็นทุกข์ และทำให้เข้าใจเพิ่มขึ้นว่า ถ้าเราจะไม่เกิดอีกต่อไป เราต้องพิจารณาศีล พิจารณาความตาย ทำให้ตัวเองไม่ประมาท และต้องพิจารณาว่าใจเรามีเมตตาไหม มีความดีอยู่ไหม

    โดยส่วนตัวแล้ว บทเรียนนี้ทำให้เข้าใจในรายละเอียดมากขึ้นว่าการปฏิบัติตนเพื่อเป็นโสดาบันต้องมีศีล มีการพิจารณาความตาย มีการระลึกถึงพระรัตนตรัย และเห็นถึงความทุกข์ที่เป็นจริงของชีวิตอย่างสม่ำเสมอค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2011
  17. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379

    บทต่อไปครับ

    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 5)
     
  18. gogogourmet

    gogogourmet สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +24
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    -เข้าใจบทเรียนที่แล้วมากขึ้น การจะเป็นพระโสดาบันได้นอกจากละสังโยชน์3แล้วต้องปรารถนาพระนิพพานเป็นอารมณ์ และต้องมีจิตใจที่มั่นคงด้วย
    3. เขียนสรุปสั้น ๆส่งเป็นการบ้านว่าจากที่ได้ฟังนั้นเกิดความรู้สึกประทับใจตรงไหนบ้าง
    หรือชอบตรงไหนเป็นพิเศษ
    -ชอบตรงที่พระอาจารย์บอกว่า การคิดนั้นไม่ได้ยากแต่การที่จะมีสติคิดถึงความทุกข์บ่อยๆยาก คนฉลาดเขาคิดนิดเดียวตัดสินใจได้ พวกคิดมากนี่โง่(ฟังแล้วรู้สึกว่าเข้าตัว^^')
     
  19. T8

    T8 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +21
    การบ้านของชั่วโมงที่ 4 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    = หากจะบรรลุโสดาบัน ก็ต้องปรารถนานิพพานด้วย รวมทั้งต้องมีความมั่นใจและมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำครับ

    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านบทที่ 4.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    = ครับ

    3. เขียนสรุปสั้น ๆส่งเป็นการบ้านว่าจากที่ได้ฟังนั้นเกิดความรู้สึกประทับใจตรงไหนบ้าง
    หรือชอบตรงไหนเป็นพิเศษ
    = ชอบตรงที่ท่านสอนให้พิจารณาในทุกข์ ไม่มองข้ามความทุกข์เล็กๆน้อยๆครับ
    และยังสอดแทรกมุขเข้าไปอีก นอนฟังไปยิ้มไป ฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อครับ :D
     
  20. 99kansita

    99kansita เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +310
    ส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 4 ค่ะ

    การบ้านของชั่วโมงที่ 4 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ มีความรู้สึกว่า ต่อไปทุกวันจะต้องหมั่นคิดถึงการละสังโยชน์3 และ คอยสำรวจตัวเองว่าละได้แน่แล้วหรือยัง ค่อยๆ ดูไปทุกวันๆ ให้มั่นใจ และพยายามทำให้มั่นคงขึ้นกว่าเดิมให้ได้ เพราะ
    "คุณธรรมที่พระโสดาบันมีนั้น นอกจากละสังโยชน์ 3 ข้อแล้ว
    ยังต้องมีความรักหรือปรารถนาในพระนิพพานด้วย" เรียนมาถึงบทที่4 ก็เข้าใจแล้วว่า คำว่าพระนิพพาน คือผู้ปรารถนาพ้นทุกข์ อ่ะ เริ่มเข้าทาง ไปทางเดียวกันนี่นา ไม่ยากละ ( แต่แรกคิดว่าจะต้องไปฝึกมโนมยิทธิให้เคลียร์คำว่านิพพานซะก่อนโน่นแน่ะ อิอิ ขอขอบคุณ คุณ karan20 ด้วยค่ะ)



    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านบทที่ 4.mp3
    ตอบ ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตาม

    3. เขียนสรุปสั้น ๆส่งเป็นการบ้านว่าจากที่ได้ฟังนั้นเกิดความรู้สึกประทับใจตรงไหนบ้าง
    หรือชอบตรงไหนเป็นพิเศษ
    ตอบ ปัจจุบันตั้งใจทำความดี ทำจิตให้ผ่องใส นึกถึงนิพพานเป็นอารมณ์ ( นึกถึงความพ้นทุกข์เป็นอารมณ์ ) ได้ความสงบร่มเย็น
    เมื่อกำลังสมาธิดีขึ้นตั้งใจว่าเราจะทำความดีของเราเพื่อความพ้นทุกข์ ให้ดูว่าศีลเราบริสุทธิ์ดีไหม จิตใจของเราขาดความเมตตากรุณารึเปล่า เรายินดีในความดีของทุกคนไหม เรายอมรับในกฎของธรรมดาว่าเราทุกคนต้องตายรึเปล่า ความยากคือเราต้องนึกคิดบ่อยๆ ทำให้ชิน
     

แชร์หน้านี้

Loading...