พุทธศาสตร์สอนเรื่องวิญญาณ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 1 พฤษภาคม 2009.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870


    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2>[​IMG]


    แค่คำว่า " วิญญาณ " วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ โหราหศาสตร์ก็ไม่สามารถจะรู้เรื่องวิญญาณ...เกิดอย่างไร...ดับ อย่างไร แต่พุทธศาสตร์สอนให้รู้จักเรื่องวิญญาณ ว่ามีทั้งดีทั้งร้าย ทั้งบุญทั้งบาป ทั้งสุขทั้งทุกข์ ทั้งวิญญาณสัตว์ วิญญาณเทวดา วิญญาณมนุษย์ และในทุกจักรวาลล้วนแต่มีวิญญาณอยู่ทั่วไป แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ไปดู วิญญาณภายนอกอย่างเดียว

    ท่านต้องการให้ศึกษาวิญญาณภายใน ให้ดูแรงกระทบของวิญญาณวิญญาณที่เกิดจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตาก็เป็นวิญญาณหนึ่ง(จักขุวิญญาณ) หูก็เป็นวิญญาณหนึ่ง(โสตวิญญาณ) จมูกก็เป็นวิญ ญาณหนึ่ง(ฆานวิญญาณ) ลิ้นก็เป็นวิญญารหนึ่ง(ชิวหาวิญญาณ) กายก็เป็นวิญญาณหนึ่ง(กายวิญญาณ) ใจก็เป็น วิญญาณหนึ่ง(มโนวิญญาณ)

    ฉะนั้นถ้าเข้าใจวิญญาณหกนี้ ก็เข้าใจธรรมอันลึกซึ้งของพระพุทธเจ้าการค้นหาวิญญาณท่านบอกว่า...ต้องค้นหาในสติปัฏฐาน 4 นั่งก็ดี เดินก็ดี กินก็ดี คิดก็ดี นึกก็ดี ให้กำหนดเอาสติ เอาสมาธิ เอาปัญญานั่นเข้าไปจับจดจ่ออยู่กับอิริยาบถการเคลื่อนไหวของตัวเองจึงจะจับวิญญาณ ได้ถ้าคนไหนจับวิญญาณได้ก็เป็นโสดาบัน สกทาคามี อนาคามีเป็นอรหันต์ เป็นผู้วิเศษในธรรมทั้งหลาย สิ่งที่ไม่รู้ไม่มีเลย จากคนโง่กลายเป็นคนฉลาด จากคนหลงกลายเป็นคนไม่หลง จากผู้ไม่รู้กลายเป็นผู้รู้ เช่นพระพุทธ เจ้า พระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นหาวิญญาณที่โคนโพธิ์ เพียงคืนหนึ่งท่านค้นพบวิญญาณ แล้วสามารถรู้จักการเกิดและการดับ ของวิญญาณได้ ท่านรู้ตั้งแต่หัวค่ำไปถึงเที่ยงคืน ท่านค้นในอายตนะทั้ง 6 นี่เอง พอท่านสำเร็จแล้วท่านก็สอนปัญจ วัคคีย์ให้รู้จักจับวิญญาณ ที่เราหลงท่องเทียวไปในสังสารวัฎ เมื่อดับวิญญาณได้แล้วจึงจะไปถึงนิพพาน

    พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงวิธีการจับวิญญาณ เช่น เวลาตาเห็นรูป ตานั้นเป็นอายตนะภายใน รูปเป็นอายตนะ ภายนอก เมื่อตากับรูปกระทบกันเขาเรียกว่าเกิดจักขุวิญญาณเมื่อกระทบกันแล้วก็เกิดผัสสะ เมื่อเกิดผัสสะก็เกิด เวทนา คือเกิดความชอบใจความไม่ชอบใจ ก็เกิดตัณหาอุปาทาน เกิดกรรมเกิดวิบาก เกิดการยึดมั่นถือมั่นขึ้นมา แล้ว ก็ส่งไปถึงใจดังนั้นที่ดีที่ชั่วได้ทุกวันนี้เพราะได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้กระทบสัมผัส เราไม่รู้สิ่งที่มันเกิด กับตา กับหู กับจมูก กับลิ้น กับกาย กับใจ เราไม่รู้ทันอารมณ์ก็กลายเป็นทาสของอารมณ์ ก็ปล่อยให้มันเกิดจนเป็น โทษเป็นทุกข์ไป เป็นอุปาทานเป็นการยึดติดไปหมด เรื่องสิ่งเหล่านี้เป็นของละเอียดอ่อนทั้งหมดเลย ธรรมของพระ พุทธเจ้าจึงต้องรู้ด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ต้องมีสมาธิในการฟัง มีสมาธิในการจำมีสมาธิในการปฏิบัติ มีสมาธิ ในการพิจารณาให้เห็นให้เข้าใจในเรื่องการประพฤติธรรมตรงนี้


    หลวงพ่อสนอง กตฺปุญโญ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...