พวกชาปรารพถึง โกลาหล 5 (นักธรรมเอก)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ป้อม, 23 พฤษภาคม 2010.

  1. ป้อม

    ป้อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2005
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +223
    ธาตุปฏิกูลละปัจเวกขณะ
    โกลาหล 5 ของโลกเรามีดังนี้

    พุทธโกลาหล คือก่อนพระพุทธเจ้า อุบัติ 1 แสนปี หมายถึงการเดินทางด้วย
    ยานอวกาศแก้วรัตนะจนยานอวกาศ แตกกระจาย คือพระพุทธเจ้า คือ อรูปพรหมอากาศ ได้ลงจุติ ยังดาวเครคาะห์ดวงใหม่ ดาวที่มีอากาศที่เริ่มมีสิ่งมีชีวิตเริ่มสำนึกบุญคุณ พระพุทธเจ้าว่าที่เราหายใจนี้คืออากาศ

    กัปโกลาหล คือก่อนกัปพินาจ 1 หมื่นปี กล่าวคือมีคนรู้ว่าอีก 1 หมื่นปีโลกจะแตกเพราะไม่มีอากาศหายใจ

    จักวรรติโกลาหล คือก่อนพระเจ้าจักรพรรดิธิราชอุบัติ 100 ปี คือความโกลาหลบนเทวลัยดาวดึงเทวโลก ในอวกาศ เรื่องผู้ใดจะได้เป็นพระอินทร์ หรือ ท้าวสักกะเทวราช การช่วงชิงตำแหน่งพระบัญญัติ บนเทวลัยเพื่อมีอายุยืนยาว 1 กัปคือมีอายุยืน เท่าโลกแตก 1 ครั้ง หรือ 1 กัปพินาจ พระปัจเจกพระพุทธเจ้ามากมายที่คิดการใหญ่เพื่อเป็นพระบัญญัติ พระพุทธเจ้าไม่ลงแข่ง เพราะเป็นชั้นจตุมหาราชิกา เทวลัยดาวดึงเทวโลก หรือข้างนอกอวกาศนั่นเอง

    มงคลโกลาหล คือพระพุทธเจ้าตรัสว่า มนุษย์ต่างดาวจะบุกโลกหรือพวกชา นักวิเคราะห์รู้ได้ทันทีว่า อวกาศเป็นดาวดิงสา คือพวกมานพ และไตรภาคี ไม่มีนโยบายทำลายดาวเคราะห์ เป็นพวกพัฒนาหมู่ดาว จึงเรียกว่า มงคลโกลาหล

    โมไนยโกลาหล คือก่อนมีผู้ถามโมไนยปฏิบัติ 7 ปี คือรู้แนวทางปฏิบัติเพื่อความอยู่รอดและเพื่อความเป็นใหญ่

    จักวรรวัตติโกลาหล คือ การแย่งชิงความเป็นใหญ่บนเทวลัยด้วยเลสอุบายกลเกมส์ต่าง ๆ เพื่อให้ตนเองเป็นพระเจ้า ทำทุกวิถีทางเพื่อเป็นพระเจ้า บนเทวลัย
    เทวลัยมีลักษณะเป็น เมฆสีชมพู หนาแน่นมีกระเบื้อง 2 แผ่นลอยอยู่ คือแท่นพระบุคโล และแท่นพระบัญญัติ เพื่อขึ้นเป็นพระเจ้า ทางขวาคือวิหารพระญัตติ หรือเทพพนมรุ้ง ถ้าสงสัยก็โทรมาถามได้ว่า เป็นยังไง 0825659595

    สวรรค์ 6

    จตุมหาราชิกา คือ ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ พระพุทธเจ้าของเราคือมาจากชั้น จตุมหาราชิกา เพราะนิพพานหายไปในอากาศ และเถระหลายรูปเช่น พิพานเป็น หิน หรือลุกเป็นเพลิง บ้างก็ละลายเป็นน้ำ ส่วนพระพุทธเจ้าเรารวมเป็นหนึ่งเดียวกับอากาศ

    ดาวดิงสา คือ นอกโลกทั้งหมด จนไปถึง ศูนย์กลางเอกภพ มีผู้มีอำนาจ อยู่ 2 ท่าน คือ เจ้าหญิง เมสุ เทพพนมรุ้ง 2 ท่านพระขั้นปรมัตจะสามารถเป็น ไตรภาคีได้ คือพระบุคละปัญญัตติ และพระปัจเจกพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ก็จะอยู่ ณ ดาวดิงสา มากมาย ที่ไม่ใช่พระจากจตุมหาราชิกา

    ยามา คือชั้นของคนรวยเศรษฐี มากมาย มีความยาวนานมาก เพราะสมบัติมีมากมาย เวลาตายก็ย่อมเกิดในยามาอยู่เช่นนั้นแล

    ดุสิต คือมหาวิทยาลัยนั่นเองหรือสถาบันการศึกษา ท้าวสันดุสิตเป็นผู้ดูแล ท้าวสันดุสิต ก็นิสิตจุฬาไง

    นิมมานรดี ก็กระท่อมล้างกลางป่าผนตกบรรยากาศดี ไม่ต้องคิดมาก

    ปะระนิมมิตตาวะสวัตตี ก็ ไอ้คนที่สวัสดีเราทุกวันน่ะแหละ ในห้างสรรพสินค้าและทีวี

    นรก
    สัญชีวะ คือ แดนที่คนชอบทรมาณสัตว์มาตกนรกแดนนี้พอเกิดมาจะเกิดความผิดพลาดทางพันธุกรรมทำให้ทรมาณ

    กาฬสุตตะ คือ พวกชอบลองของใหม่ตื่นเต้นเร้าใจสุดขั้ว

    โรรุวะ คือ ยกพวกตีกัน

    มหาโรรุวะ คือ สงครามโลก

    ตาปนะ เตารีดน่ะแหละ

    มหาตาปนะ คือ โดนรีดหลังเพราะไปข่มขืนหญิงเผลอหลับเลยตกขุมนี้

    อเวจี คือ ชั้นแม็กม่า ไต้โลก

    สภาพสัตว์นรกทั้งหลายดูที่ มูละนิธิ กู้ภัยต่าง ๆ


    เกนต์อะไรที่นำมาวัดการเวียนว่ายตายเกิดมนุษย์

    รูป+นาม 1 คือ วิญญาณ เมื่อคนเราตายถ้ามีรูปนาม จะได้เพรช นพรัตน์ 1 โมเลกุล ลงไปในเบ้าไต้ลูกนิมิต เมื่อมีมนุษย์ชาย หญิง ครองคู่กัน สพานมรณะ ก็คือ ผู้หญิงทอดสพานให้นั่นเอง พระญัตติ จะใช้ทองคำล่อ เพชรออกมาจากเบ้า แล้วนำไปเกิด ในครรพ์ของผู้หญิง อสุจิ ถ้าเจเพชรจะพุ่งเข้าหาทันทีมันรวมอยู่ในไข่ที่ตก 1 เม็ด


    สุเมธ เจริญกรุง ประธานบอร์ด ซาร์ (ชา)
     
  2. yapanat

    yapanat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    มั่วได้ใจ การให้ความรู้แบบผิดๆทำให้คนหลงเข้าใจแบบผิดๆ อย่างเช่นปะระนิมมิตตาวะสวัตตี ก็ ไอ้คนที่สวัสดีเราทุกวันน่ะแหละ ในห้างสรรพสินค้าและทีวี ให้ตายเหอะสร้างกระทู้มาเพื่อทำลายศาสนาหรือเปล่าเป็นคนพุทธหรือเปล่า:mad:
     
  3. Apotamkin

    Apotamkin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +119
    กระทู้รกโลก
     
  4. มาพบพระ

    มาพบพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    643
    ค่าพลัง:
    +1,973
    แลมันมั่วๆชอบกล พุทธ คริสต์ เทวนิยม ได้ใจจริงๆ กรรมหนักแท้ๆเชียว
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    สนใจเรื่อง "มงคลโกลาหล" นะ


    ที่ว่าเป็นมงคลเพราะเป็นการจัดสรรอะไรๆ น่ะ ของต่างดาว
    ทำให้เกิดโกลาหลขึ้น เพราะดูคล้ายสิ่งที่เกิดจริงปัจจุบันมาก


    ส่วนโมเนยโกลาหล ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก คิดว่ามันลึกซึ้งเกินไปนิด
    ส่วนอีกสามข้อพอเข้าใจได้ พระพุทธเจ้าอุบัติ, พระจักรพรรดิจะมา
    และถึงเวลาจะสิ้นกัป ก็โกลาหลได้


    น่าจะเม้าท์ต่อเรื่อง "มงคลโกลาหล" นะ
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    โกลาหล ๕ ประการ
    http://www.oknation.net/blog/pierra/2011/01/07/entry-1


    ก่อนถึงคราวที่โลกจะพินาศ โลกธาตุย่อมจะบังเกิดการหวั่นไหวเป็นโกลาหล ซึ่งการโกลาหลนี้ มี ๕ ประการ คือ...

    ๑. กัปปโกลาหล เสียงประกาศกึกก้องว่า นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เป็นเวลาอีกหนึ่งแสนปี โลกจะถึงซึ่งความพินาศ

    ๒. พุทธโกลาหล เสียงประกาศกึกก้องว่า นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เป็นเวลาอีกหนึ่งพันปี จะมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก

    ๓. จักกวัตติโกลาหล เสียงประกาศว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป อีกหนึ่งร้อยปี จะมีพระเจ้าจักรพรรดิ์อุบัติขึ้นในโลก

    ๔. มังคลโกลาหล เสียงประกาศว่า ภายในเวลาอีก ๑๒ ปี พระพุทธเจ้าจะทรงแสดงธรรมที่เป็นมงคล ๓๘ ประการ

    ๕. โมเนยยโกลาหล เสียงประกาศว่า ภายในเวลาอีก ๗ ปี จะมีผู้ปฏิบัติโมเนยยบังเกิดขึ้นในโลก เป็นผู้มีความมักน้อย สันโดษ สำรวมกาย วาจา มุ่งทำใจให้สงบ ไม่รบกวนผู้อื่น มุ่งทางใจไม่ให้โลภ โกรธ เป็นสำคัญ


    ตรงสีแดง คิดว่าเป็นการ "สอดใส้" เอาธรรมะแต่งใหม่เข้าไป ของจริงคืออะไรไม่ทราบ เราคงต้องขึ้นยานบินหาเอง~
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2014
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    จักกวัตติโกลาหล


    อย่างแรกที่ท่านควรทราบคือ "โลกเรายังขาดพระเจ้า" มีแต่เจ้าสวรรค์แต่ละชั้น
    แต่ไม่มีเจ้าสามภพ ครองโลกทั้งสามภพ ครบทุกชั้น ในขณะที่ดาวอื่นมีพระเจ้า
    ครองทั้งดวงดาว ดูแลครบทั้งโลกธาตุ ดังนั้น โลกนี้ จึงโกลาหล ยามมีจะมีผู้มา
    เป็น "พระเจ้า" แห่งโลกธาตุนี้ เรียกว่า "พระเจ้าจักรพรรดิแห่งโลก" ต้องไม่ลืม
    ว่าโลกเรามีสามภพนะ ดังนั้น พระเจ้าจักรพรรดิจะเป็นภพไหนก็ได้ บางครั้ง เจ้า
    นรกก็คิดยึดครองโลกมนุษย์ไปจนถึงสวรรค์เลยก็มี, บางครั้งเจ้าสวรรค์ก็จะครอง
    ทั้งโลกมนุษย์และนรกก็มี, บางครั้ง มนุษย์โลกดันมีบารมีจะครองทั้งสามภพก็มี


    นี่จึงเป็นเหตุให้เกิด "ความโกลาหล" ในโลกใบนี้ เพราะการเกิดขึ้นของพระเจ้า
     
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พระบิดาจักรวาลแก้ไข "จักกวัตติโกลาหล" อย่างไร?


    ทรงหมุนธรรมจักร ขับเคลื่อน ส่งผลให้ธรรมคุ้มครอง ปกป้อง ปกครองโลก มีเทพ ๑๒ องค์
    หมุนเวียนกันลงมาปกป้องพิทักษ์ธรรมนั้น เรียกว่า ๑๒ ดาราจักร คือ เป็นพวกที่มาจากต่าง
    ดาว มาดูแลโลกแทน เพื่อไม่ให้สัตว์ในโลกทั้งสามภพแย่งกันขึ้นเป็น "พระเจ้าแห่งโลก" นี้
    ความโกลาหลจึงสงบลงได้ เพราะมี "เทพต่างดาว" ที่พระบิดาจักรวาลส่งลงมาทำหน้าที่ให้
    แล้ว ประจำตำแหน่ง "พระเจ้าแห่งโลก" ให้แทนแล้ว โดยมีวาระ ๑ ปี สลับผลัดเปลี่ยนกัน


    ดังนั้น เรื่องพระเจ้าจักรพรรดิ หรือพระเจ้าผู้ปกครองโลกก็จบลง เมื่อดาราจักรธรรมจักรหมุน
     
  9. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    มังคลโกลาหล VS จักกวัตติโกลาหล


    หลักการง่ายๆ คือ โลกโกลาหลเพราะไม่มี "พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดปกครองทั้งโลก"
    อย่างที่บอกแล้วว่ามีแต่เจ้าสวรรค์ แต่ละชั้น ชั้นใครชั้นมัน ไม่มีแบบสุขาวดีที่จะมี
    พระยูไลสูงสุดดูแล ๑ องค์ เช่น พุทธเกษตรของพระอามิตาภะ ก็มีพระอามิตาภะ
    เป็นพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดดูแลอยู่ทั้งหมด พุทธเกษตรนั้นมีนามว่า "สุขาวดี" นั่นเอง
    ทีนี้ เมื่อโลกเราไม่มี มันก็เลยเกิดความโกลาหลขึ้น เมื่อจะมี "พระเจ้า" เกิดขึ้นมา


    ถ้าเกิด "พระเจ้าจักรพรรดิ" ขึ้นในโลก ครองโลกไว้ ปกครองโลกได้ ก็หยุดความ
    โกลาหลนั้นไว้ได้ ทีนี้ความโกลาหลก่อนที่จะมีพระเจ้าจักรพรรดินั้น มันเลี่ยงไม่ได้
    เช่น ๗ ปีก่อนมี ก็ดี, ๑๒ ปีก่อนมี ก็ดี ฯลฯ ทีนี้ เรื่องพระเจ้าจักรพรรดินี่ มันนับปีๆ
    ไม่ได้ ไม่เหมือนมังคลโกลาหล นับได้ว่าจะเกิดก่อน ๑๒ ปี แล้วมันถึงจะเรียบร้อย
    โลกโกลาหลไป ๑๒ ปี ก็เข้าที่เข้าทาง ส่วนเรื่องพระเจ้าจักรพรรดินี่ นับปีไม่ได้ ก็
    เลยไม่ได้ระบุว่ากี่ปีก่อนมีพระเจ้าจักรพรรดิ จึงเป็นยุคโกลาหล (แต่มังคลโกลาหล
    นี่นับได้เลยว่าใช้เวลา ๑๒ ปี) ดังนั้น จักกวัตติโกลาหล จึงอาจยืดยื้อ ยาวนานกว่า


    ข้อสังเกตุอีกอย่างคือ ถ้าไม่มีพระเจ้าจักรพรรดิขึ้นในโลก พระบิดาจักรวาลจะส่งให้
    เทพต่างดาว ๑๒ หมู่ดาวมาดูแลแทน นับว่าเป็นเรื่อง "มงคล" ของโลก ดังนั้น จึงมี
    ความโกลาหลขึ้นบ้าง เรียกว่า "มังคลโกลาหล" นั่นเอง ดังนั้น มังคลโกลาหลกับ
    จักกวัตติโกลาหล จึงน่าจะมาจากสาเหตุเดียวกันแต่วิธีทางออกต่างกัน จบแบบต่าง
    กันเท่านั้น คือ ถ้ามีพระจักรพรรดิเรียกว่า "จักกวัตติโกลาหล" ถ้าไม่มีพระจักรพรรดิ
    แต่มีเทพดารา ๑๒ หมู่ดาวมาดูแลแทน ก็เรียกว่า "มังคลโกลาหล" ทั้งนี้ มังคลฯ นี่
    มันกำหนดเวลาได้ว่าโกลาหลแค่ ๑๒ ปีนะ มันดีกว่าจักกวัตติโกลาหลตรงนี้ ก็เพราะ
    จักกวัตติโกลาหลนี่ อาจยาวนานมากๆ เป็นยี่สิบ สามสิบปีก็ได้ พอมองภาพออกมั้ย


    ทีนี้ ก็แล้วแต่ "ผู้มีบุญบารมี" จะเลือกเดินทางเองว่าจะโกลาหลแบบนั้น กระมังครับ
     
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    โมเนยยโกลาหล VS โมเนยยปฏิบัติ


    เป็นความโกลาหลที่เกิดขึ้น ก่อนจะมี "ซุปเปอร์ฮีโร่" มากอบกู้โลก ด้วยการปฏิบัติธรรม
    ยิ่งยวด ที่เรียกว่า "โมเนยยปฏิบัติ" ซึ่งจะใช้เวลาในการเคลียร์พลังงานเก่าประมาณเจ็ด
    ปี ทำให้ช่วงเวลานั้นเกิดความโกลาหลขึ้น ๗ ปีก่อนจะสำเร็จเป็น "ซุปเปอร์ไซย่าร์" ได้


    ทีนี้ ในตำราเขียนไว้ว่าท่าน "นาลกะ" เป็นผู้ปฏิบัติแบบโมเนยยปฏิบัติ ผมก็ไม่รู้ว่า จริง
    เท็จ แค่ไหน? แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ในตำราต้องบันทึกไว้ด้วยไหมว่าก่อนท่านจะมานั้น
    มี "โกลาหล" เกิดขึ้นในโลกก่อน ๗ ปี พอท่านมาปฏิบัติยิ่งยวดสำเร็จแล้วมันก็จบลงได้
    แต่ในความเป็นจริง ตรงนี้ดูขัดแย้งเพราะตามตำราไม่ได้บอกถึง "โมเนยยโกลาหล" ไว้
    หรือบางทีท่านอาจไม่ได้ปฏิบัติโมเนยยะจริงๆ? เพียงแต่แค่บำเพ็ญบารมีไว้เพื่อการณ์นี้


    สรุป คือ โลกมันมีปัญหาบางอย่างจึงโกลาหล แต่มันจะจบได้เร็วสุดด้วยโมเนยยปฏิบัติ
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    โมเนยยปฏิบัติ ๒ วิถี


    โมเนยยปฏิบัติ เป็นการปฏิบัติตรงนิพพานตลอดเวลา ไม่มีอื่น และชำระกรรม
    อย่างรวดเร็ว ทำให้นิพพานภายใน ๗ ปี สามารถเก็บธาตุธรรมเก่าที่ตกค้างที่
    เป็นพลังงานเก่าสู่นิพพานได้ภายใน ๗ ปี เมื่อเคลียร์พลังงานเก่าได้แล้วโลก
    ก็พ้นภัยพิบัติ หมดความโกลาหลลง ความโกลาหลนี้เรียกว่าโมเนยยโกลาหล


    หลักง่ายๆ สั้นๆ คือ "การเผาผลาญภายในอย่างยิ่งยวด" ด้วยวิธีการ ๒ แบบ


    ๑. อยากทำแต่ไม่ได้ทำ เพราะอยากทำจึงมีกิเลส มีไฟอยากทำ ไฟจึงเผา
    กิเลส และเพราะไม่ได้ทำ จึงไม่มีกรรม เพราะไม่มีกรรม จึงสิ้นสุด นิพพาน

    ๒. ไม่อยากทำแต่ต้องทำ เพราะไม่อยากทำ จึงไม่มีเจตนาที่จะทำ และด้วย
    ถูกบังคับให้ทำ จึงเป็นการ "ชดใช้กรรม" อย่างยิ่งยวด จนหมด จนนิพพาน


    เช่น อยากจรท่องไป ไม่ยึดที่ ไม่ยึดติดสถานที่ใดๆ แล้ว แต่ไปไม่ได้ ถูกกัก
    ไว้ ถูกขัง ถูกจำคุก ก็เลยเกิดไฟที่อยากไป เผากิเลสภายในมอดหมด จนถึง
    นิพพาน จิตที่อยากไป มันจะยังมี "จุติจิต" อยู่ ไม่นิพพานแน่ แต่ถ้ามันจำนน
    ต่อกรรมที่ไปไม่ได้แล้ว ถูกกักตนอยู่แล้ว มันก็จะหมดสภาพความเป็น จุติจิต

    กรณีที่สองคือ ไม่อยากไป ก็ต้องไป เช่น ตือโป้ยก่าย ที่ไม่อยากเดินทางไป
    อัญเชิญพระไตรปิฎกแล้ว แต่ถูกบังคับให้ต้องไป ต้องทำ จิตไม่มีความอยาก
    ไป หมดสภาพของ "จุติจิต" แล้ว แต่ยึดที่ใดก็ไม่ได้ ถึงเวลาเขาก็ไล่ ให้ต้อง
    ไป เช่นนี้จึงทำให้ชดใช้กรรมยิ่งยวดด้วยการไป ด้วยการจรจาก เป็นโมเนยยะ


    แบบพระนาลกะ นั้น ไม่ใช่โมเนยยะแท้ๆ เพราะอะไร? เพราะว่าท่านตั้งเจตนา
    ไว้ก่อนแล้วว่า "เราจะจรไป" เราจะท่องไป เป็นเจตนาปั้บ มันก็เป็นกรรมเลยสิ
    ทีนี้ จิตที่ตั้งเจตนาไว้ทุกวันว่าเราจะจรท่องไป ไม่ยึดที่นั้นเอง แม้ไม่ยึดติดภพก็
    กลายเป็นยึดติดการจรท่องไป กลายเป็น "จุติจิต" ไม่ใช่จิตที่จะนิพพานได้ด้วย
    มันยึดไปแล้ว มันตั้งเจตนาไปแล้วว่า "ฉันจะต้องไป" มันก็จุติสิ จะไม่จุติได้ไง?
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    [​IMG]


    ตือโป้ยก่าย จะถูกบังคับให้ทำ ทั้งที่ไม่อยากทำ ไม่มีเจตนาจะทำ เป็น "โมเนยยปฏิบัติ"
     
  13. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    [​IMG]


    พระถังซัมจั๋ง จะไม่อาจกระทำได้ แม้มีไฟอยากจะทำเท่าไรก็ตาม เป็น "โมเนยยปฏิบัติ"
     

แชร์หน้านี้

Loading...