ฝึกอภิญญาจนเห็นจอมเทพ วิญญาน รวมถึงนรก

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Tamjugg, 6 พฤศจิกายน 2014.

  1. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    การเห็นเทวดาหรือจอมเทพ (มีพระเถระยืนยัน เพื่อไม่มโนคิดไปเองอันจะหลงโลกหลงทางเสียเวลาเปล่า)

    วันนึงผมไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุที่วัดแห่งหนึ่ง ได้นิมนต์พระเถระผู้ซึ่งบวชมาเกือบ20พรรษาและจะบวชตลอดชีวิตไปด้วย ผมเข้าไปในศาลามองดูพระโอบที่บรรจุสารีริกธาตุ ในใจคิดว่าจริงรึเปล่า แค่นั้นแหละรุปหน้าจอมเทพผู้เป็นหัวหน้าเทวดาก็ค่อยๆเลือนขึ้นมา มีใบหน้าคล้ายภาพวาปรุปเทพดาในการตูนที่หน้าตาหล่อและคมมากหน้าสีเขียวอ่อน แต่จะรู้ได้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นมีชีวิตขยับเขยื่อนได้ เทวดาใส่ชฏาหมวกสีทอง มีคลีปทองแหลมๆที่หู ผมก็ไม่รอช้าหันพระถามพระเถระเลยว่าใช่เทวดาไหม ท่านบอกใช่นี่แหละเป็นหัวหน้าเทวดาที่เฝ้าสารีริกธาตุอาตมาก็เห็นหลายครั้งแล้ว พระเถระบอกของจริงจะมีเทวดาเฝ้าเป็นพันตน เทวดาชายนั้นมีน้อยมากเมื่อเทียบกับเทวดาหญิง นี่คือครั้งแรกที่ผมเห็นเทวดาชายหรือเทพบุตร และผมจะไม่ปักใจเชื่อถ้าพระเถระไม่อยุ่ด้วยและเป็นสักขีพยานในการเห็นครั้งนั้น


    การเห็นนรก

    เรื่องมีอยุ่ว่าผมเดินจงกลม ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจมองไปดูนรก แต่สักพักรู้สึกปวดหัวเหมือนมีมือมาจับ ผมออกจากสมาธิมองไปด้านหน้าภาพปรากฏเป็นหญิงแก่ กำลังยก2มือขึ้นเหมือนทรมานมากขอให้ช่วย ด้านล่างเป็นไอสีส้มๆเต็มไปหมดและกำลังระเหย มองไม่เห็นพื้นว่าเป็นอะไร
    ผมรีบเดินไปหาพระเถระผู้มีญานแจ่มแจ้ง ถามว่าสิ่งที่ผมเห็นคืออะไร พระท่านบอกว่าที่เห็นนั่นแหละนรกกระทะทองแดงมองไม่เห็นขอบหรือตัวกระทะหรอกเพราะมันใหญ่มากเหมือนทะเลสีส้มมากว่าและมีไอละเหยขึ้นมาตลอด และป้าคนนั้นอยุ่ในนรก กำลังมาขอส่วนบุญกับเอ็ง ไปสวดเมตตัญกรณีและกวดน้ำยกบุญวิปัสนากรรมฐานให้ไป ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าเป็นไปได้อย่างไร เพราะป้าคนนี้ที่ผมเห็นแกตั้งแต่ผมเด็กแกก็นุ่งขาวห่มขาวเข้าวัดและกินเจตลอดมา ตั้งแต่อายุ60จนถึง90ได้ จะมาลงนรกอยุ่กระทะทองแดงได้ไง ขอพระเถระช่วยดูบุพกรรมและบอกผมที

    พระท่านก็เข้าฌานสักพักก็บอกว่า ไปวัดก็จริงแต่ มีปฏิฆะกับพระเถระในวัด กินของวัดและไม่ได้ขออนุญาติบ้างถ่ายปัสสาวะในที่ไม่ควร และที่สำคัญไม่ได้ปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานชำระกิเลสในขันธสันดานในจิต ระดับจิตไม่ได้สูงขึ้นเลย ไปวัดจริงแต่ไม่ได้ฝึกละกิเลสตัณหายังเท่าเดิม ผมถึงกับอึ้งทั้งที่ผมเห็นป้าแกแต่งชุดขาวห่มขาวตลอดกินเจ20-30ปีได้คิดว่าขึ้นสวรรต์เป็นแน่แท้

    เพราะฉะนั้นผมถึงได้ให้เพื่อนพุทธศาสนิกชนผู้หาทางหลุดพ้น เมื่อศึกษาควรศึกษาพระไตรปิฏกกรรมฐานที่พุทธองค์บอกไว้ให้แตกฉาน สำเนียกให้ลึก โยนิโสมนสิการให้แจ้งเพราะเป็นทางเพื่อปิดประตูอบายที่ดีที่สุดและน่าเชื่อถือที่สุด ระหว่างทางปฏิบติยังได้คุณวิเศษต่างๆนาๆเช่นเห็นนรก สวรรค์ เทวดา เปรต อดีตชาติ รู้ว่าจิตคนอื่นและตนเองอันจะทำให้เราหายสงสัยเกี่ยวกับคำสอนพุทธองค์(ในจิตเราลึกๆ) แล้วค่อยไปศึกษาอรรถและธรรมที่สาวกหรือใครแต่งขึ้นในภายหลังซึ่งจะทำให้เราเสียเวลาไม่พอแถมยังหลงโลกหลงทางลงนรกได้ง่ายๆเลย เพราะถึงเวลาตายทุกอย่างโกหกไม่ได้สำเร็จจริงมีคติเป็นอีกอย่าง ส่วนการมโนว่าสำเร็จย่อมมีคิตอีกอย่างต่างกันมาก ไม่อยากให้เพื่อนผู้หาทางหลุดพ้นต้องมาลำบากในเมื่อวิปัสนากรรมฐานพุทธองค์บอกไว้ยังมีอยู่ เช่น อสุภกรรมฐาน และ อัฐฐิสัญญาคือพิจารณากระดูกในตน ทำให้ผมได้เห็นสัจธรรมที่พุทธองค์ตรัสไว้บ้างคับ

    วิญญานเด็กน้อยเกาะที่เครื่องชงกาแฟวัด

    พระอาจารย์ได้ทดสอบทิพจักษุผมอีกหลายครั้ง เช่น ให้ผมมองไปที่เครื่องกาแฟว่ามีไรอยู่ผมใช้ทิพยจักษุส่องไปปรากฏเห็นเหมือนเด็กทารกเล็กๆนั่งกุมเข่าขดตัวเกาะอยู่ที่เครื่องชงกาแฟผมสงสัยทันทีว่าตาฝาดรึเปล่า ผมก็บอกให้ท่านอาจารย์ฟัง ท่านอาจารย์ก็บอกว่าใช่ ผมถามต่อมาได้ไงนี้มันเครื่องต้มกาแฟของวัด พระอาจารย์ก็บอกว่าดูสิผู้หญิงที่มาถวายวัด ผมรู็ทันทีว่าทำแท้งมาเด็กมาเกาะเครื่องกาแฟไม่ยอมไปผมตั้งจิตอุทิศบุญทั้งหลายที่ได้สั่งสมมาในอดีตชาติจนถึงชาตินี้ ทาน ศีล ภาวนาทั้งหลายเสร็จก็ยิ้มให้ผมแต่ก็ยังไม่ยอมไป คงเป็นเพราะได้บุญเยอะพระเถระผ่านมาเห็นเข้าก็อุทิศบุญให้ตลอด

    พญาครุษ

    อาจารย์ผมให้ผมมองไปบนศาลาวัดว่ามีไร ผมก็มองไปทันใดนั้นเห็น พญาครุษตัวสีเขียวอยู่บนหลังคาวัด ผมเอะใจมาทำไม ทันใดนั้นรู้ทันทีว่าพญาครุษมาคุ้มครองวัดคอยจัดการกับคนที่เล่นของและนำของสายดำหรือพวกเดรัจฉานวิชามาที่วัด มองไปหน้าศาลาเห็นเหมือนยักษ์ถือกระบองยืนอยู่อีกผมงงใครอีก พระอาจารย์บอกนั่นแหละคนถรร์เฝ้าประตูวัด ผมถึงกับอึ้งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีจริงตามพระไตรปิฏกไม่ได้อุปโลคขึ้นมาเอง พระเถระกะแอ่มยิ้มเบาๆและเดินจากไป


    วิปัสนากรรมฐานที่ผมฝึก(มีคนเป็นพันคนทั้งพระและฆราวาสได้ ผู้ใดหวังทางหลุดพ้นควรพิสูจน์เองและมีวาระได้เห็นพุทธเจ้าด้วยคับ ส่วนอภิญญานั้นก็สามารถพิสูจน์ได้ให้คนอื่นหรือพระที่มีอภิญญาเข้าฌานตามดู ทำที่บ้านหรือที่วัดก็ได้ผลเหมือนกันไม่จำเพาะสถานที่ปฏิบัติ ไม่ใช่มโนคิดไปเองเห็นไปคนเดียวและไม่สามารถพิสูจน์ได้ อันพุทธเจ้าบอกว่าจะหลงโลกหลงทางเสียเวลาเปล่าไม่ทำให้ได้ซึ่งมรรคผลหรือเข้าใกล้)

    วิปัสนากรรมฐานที่ผมฝึกก็มีอยู่ในพระไตรปิฏกไม่ได้แต่งขึ้นมาเอง(อันจะหลงโลกหลงทางเสียเวลาไม่เกิดคุณวิเศษไรไม่เป็นเพื่อความหลุดพ้น พุทธเจ้าไม่ได้สอน)
    วิธีที่พระท่านสอนผมเดินจงกลม คือ ก้าวท้าวขวา ขวาย่างหนอแล้วเพ่งไปที่กระดูกเท้าขวาให้เห็นกระดูกขาว เราก้าวมาสู่ความแก่อีกก้าวแล้วหนอ ความแก่ก็ไม่เที่ยงหนอ ไม่ยึดมั่นถือมั่นหนอ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา(ไตรลักษณ์)
    ก้าวท้าวซ้ายต่อ ทำเหมือนเดิม แต่พิจารณาความเจ็บ แล้วปลงด้วยไตรลักษณ์
    ก้าวท้าวขวาต่อ พิจารณาความตาย แล้วปลงด้วยไตรลักษณ์
    ก้าวท้าวซ้ายต่อ พิจารณาความพลัดพลาก แล้วปลงด้วยไตรลักษณ์
    ก้าวท้าวขวาต่อ พิจารณาเรามีกรรมเป็นของๆตน แล้วปลง(การพิจารณาต้องครบและน้อมจิตตาม ไม่ต้องรีบคับ)

    วิธีนั่งสมาธิ ให้จับพองยุบที่ท้อง วางจิตไว้เหนือสะดือ2 นิ้ว อารมณ์อะไรเกิดให้กำหนดรู้ แล้วยกไตรลักษณ์มาปลง

    วิปัสนากรรมฐานนี้มีในพระไตรปิฏกนะคับ ลองไปหาเทียบเคียงได้ไม่ใช่สาวกแต่งขึ้นมาเองคับ ไม่งั้นผมและพระเถระคงไม่ได้คุณวิเศษเป็นแน่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2014
  2. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    หลายๆคน หลายๆท่าน โดยส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อในเรื่องของศาสนาและมีความเข้าใจเรื่องของศาสนา ไปในทาง ผีสางนางไม้ เทวดา
    ยุคสมัยนี้เป็นยุคสมัยเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์
    ศาสนา การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ คือ สามารถอธิบายและพิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ ทำไมจึงเกิด วัฎจักร การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น
    แม้แต่การปฏิบัติสมาธิ ก็สามารถอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ว่่า เกิดขึ้นได้อย่างไร มีสมาธิแล้ว ระบบการทำงานของร่างกาย(หลักวิทยาศาสตร์)เป็นอย่างไร ดีอย่างไร เกิดผลอย่างไร ส่งผลอย่างไร
    มนุษย์ เทวดา ดินแดนที่อยู่นอกเหนือจากโลก ก็สามารถอธิบายได้โดยหลักวิทยาศาสตร์ สาขา ดาราศาสตร์ อย่างนี้เป็นต้น
    ถ้าไม่มีความรู้ แล้วมากล่าวอ้างว่า เห็นโน่นเห็นนี่ แบบสมัยยุคโบราณ ก็คงพอมีผู้เชื่ออยุ่บ้าง เพราะผู้ที่เชื่อก็ไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจ ให้เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ เชื่อกันไปตามที่เคยเชื่อกันมาในทำนอง ภูต ผี ปีศาจ เทวดา นางฟ้า
    อยากจะถามว่า ผู้ที่กล่าวอ้างว่า สามารถเห็นโน่นเห็นนี่ ที่เหนือมนุษย์ สามารถอธิบายได้ไหม เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มีความรู้ ความเข้าใจตามหลักวิทยาศาสตร์ ถ้าอธิบายไม่ได้ ก็อย่าได้เอามาโฆษณาเลยขอรับ
     
  3. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    สิ่งเหล่านี้พุทธองค์ท่านเห็นก่อนใครตามพระสูตรก็มีเห็นเปรตและเทวดา และบอกไว้ว่ามี31ภพภูมิไม่ใช่มีแค่โลกมนุษย์ตนเองปฏิบัติไม่ถึงไม่เห็นอย่าสำคัญตนผิดว่าไม่มีอันจะเป็น1ในมิจฉาทิฐิทำให้ยังไม่พ้นจากอบายได้พุทธองค์ตรัสไว้แล้วพวกที่ไม่เชื่อ สิ่งเหล่านี้พระอริยะเจ้าทั้งหลายเห็นมาก่อน คิดว่าพุทธองค์กับนักวิทยาศาสตร์ใครรู้แจ้งกว่ากันหละ คนบนโลกเพิ่งรู้ว่าโลกกลมเมื่อ200-300ปีก่อน แต่เมื่อ2600ปีก่อนพุทธองค์ตรัสไว้แล้วว่าโลกมีลักษณะเหมือนมะขามป้อม คือ กลม ซึ่งคนที่จะรู้ได้ต้องออกไปนอกโลกแล้วมองกลับมา โลภโกรธหลงนักวิทยาศาสตร์มีเครื่องวัดได้ไหมจับได้ไหม แต่คนได้เจโตปริยญานเห็นท่านแล้ว
    บุคคลมืดมาและสว่างไปมีอยุ่ บุคคลมืดมาแล้วมืดไปก็เยอะ ทุกข์เท่านั้นที่เกิดจริงๆ พิจารณาตนอยู่เนืองๆว่าเป็นบัวเหล่าไหนเพื่อพัฒนาตนเป็นการดี


    ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ วัดพระเชตวันเมืองสาวัตถี พระองค์ได้ทรงทราบความคิดคำนึงของท้าวพกพรหม จึงเสด็จไปปรากฏที่พรหมโลกและในครั้งนั้นพกพรหมได้ทูลถามถึงเรื่องอายุขัยของพรหมดูว่า ระดับพรหมนั้นมีอายุขัยยาวนานมากเท่าใด
    พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า อายุของพรหมนั้นสั้นนักไม่ยืนยาวเลย เมื่อสิ้นอายุขัยในพรหมโลกแล้วก็สามารถไปบังเกิดในที่อื่นๆ เช่น สามารถเกิดในอบายภูมิได้เหมือนกัน พกพรหมจึงทูลถามพระพุทธเจ้าต่อไปว่า
    “พระองค์ตรัสว่า เราเป็นผู้มีปกติเห็นในสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด ล่วงแล้วซึ่งชาติชราและความเศร้าโศกได้แล้ว อะไรเป็นข้อปฏิบัติในอดีตของข้าพระองค์ที่ทาให้ข้าพระองค์มาบังเกิดที่พรหมโลกนี้พระเจ้าข้า”
    พระพุทธองค์จึงเฉลยถึงข้อปฏิบัติในการทำให้เกิดมาเป็นพรหมก็คือ การหาน้ำให้คนหิวน้ำได้ดื่ม การช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกโจรจับไป การช่วยเหลือชาวเรือให้พ้นจากพญานาคร้าย และความเป็นผู้มีปัญญาดีของท่าน จึงส่งผลให้ท่านมาบังเกิดที่พรหมโลกนี้


    พระพุทธเจ้าจึงได้แสดงธรรมโปรดพระอินทร์ ซึ่งสรุปใจความของพระธรรมได้ว่า “ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงก็ย่อมมีความดับเป็นเป็นธรรมดา”
    พระอินทร์ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าจบแล้วก็ได้ใช้พระหัตถ์ตบแผ่นดินเปล่งอุทาน 3 ครั้งเป็นการบูชาสาธุการในพระพุทธเจ้าว่า “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมฺพุทธัสสะ”
    การฟังการพยากรณ์ปัญหาจากพระพุทธเจ้าในครั้งนั้น นับว่าส่งผลอันยิ่งใหญ่ทำให้พระอินทร์และเทวดาอีกประมาณ 8 หมื่นตน ได้เกิดดวงตาเห็นธรรม เพราะมีความเข้าใจถูกต้องในเรื่องกฎของไตรลักษณ์ขึ้นมาแล้วนั่นเอง

    อีกล้านปีไม่รู้นักวิทยาศาสตร์จะค้นพบ31ภพภูมิครบไหม แต่พระศาสดาของพุทธศาสนาพบแล้วเมื่อ2600ปีก่อน เพราะนักวิทยาศาสตร์แค่ผียังไม่เห็นและไม่มีเครื่องจับได้

    อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างนี้ว่า
    “ธรรมวินัยของพวกเรามีพระศาสดา
    ล่วงลับไปเสียแล้ว พวกเราไม่มีพระศาสดา” ดังนี้.
    อานนท์ ! พวกเธอ อย่าคิดอย่างนั้น.
    ..................
    อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว
    บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย
    ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดา
    ของพวกเธอทั้งหลาย
    โดยกาล ล่วงไปแห่งเรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...