ผู้ใหญ่บ้านที่นรกถามหา จากหนังสือ กรรมกำหนด

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 29 พฤศจิกายน 2009.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ผู้ใหญ่บ้านที่นรกถามหา จากหนังสือ กรรมกำหนด

    ผู้ใหญ่บ้านที่นรกถามหา?
    โดย..วารี จากหนังสือ “กรรมกำหนด” เล่มที่ ๑

    ************************
    โยมผู้ใหญ่ .... อาตมาขอปรึกษาโยมสักหน่อย และจะมอบหมายให้โยมรับไปดำเนินการด้วย เพราะอาตมาเอง ก็ไม่สู้จะเข้าอกเข้าใจอะไรนัก คือ ทางวัดเราจะหล่อพระพุทธรูปไว้ให้ญาติโยมสักการะบูชา ตั้งใจจะหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ และปิดทองคำเปลวภายนอกตามกำลังปัจจัย และศรัทธาตามประสาวัดบ้านนอก ปัจจัยนั้นอาตมามีเตรียมไว้แล้วจากเงินทอดกฐินเมื่อปีที่แล้ว พอได้สักก้อนนึงไม่มากหรอก โยมช่วยเป็นธุระด้วยนะ ในฐานะเป็นมรรคทายกอาวุโสของวัดมานาน ในเดือนหน้าเขาจะมีการประกอบพิธีพุทธาภิเษก เททองหล่อพระพุทธรูป เบิกพระเนตร ที่วัดใหญ่ในเมือง อยากให้โยมผู้ใหญ่หาทองสัมฤทธิ์และทองคำเปลว ไปร่วมพิธีหล่อพระกับเขาด้วย โยมจะเห็นเป็นการใด ที่อาตมาขอร้องล่ะ...”

    เจ้าอาวาสวัดหนองซาก อำเภอประลอง พูดปรึกษาเรื่องบุญกุศลนี้กับผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๑ ประจำท้องถิ่นนั้น ในวันพระหรือวันธรรมสวนะ บนศาลาการเปรียญของวัดดังกล่าว ในขณะที่พระสงฆ์กำลังฉันเช้า โดยมีญาติโยมอุบาสก อุบาสิกา ผู้ศรัทธาเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนา นำอาหารคาวหวาน เครื่องไทยทาน มาทำบุญในวันพระตามปกติ
    ผมเองอยู่ในวงสนทนานั้นด้วย ในฐานะลูกศิษย์ของเจ้าอาวาส หลังจากท่านเจ้าอาวาสพูดจบ โดยไม่ต้องตริตรองตัดสินใจอะไรให้มากเรื่องมากความ ผู้ใหญ่บ้านคนนั้นตอบรับปากตกลงพระไปในทันที โดยจะรับเป็นธุระจัดซื้อหาทองสัมฤทธิ์ ทองคำเปลว และตัวเองจะไปร่วมพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปในพิธีพุทธาภิเษกเดือนหน้า ซึ่งเป็นงานใหญ่ประจำปี เกจิอาจารย์ พระเถรานุเถระผู้ใหญ่ และ ช่างฝีมือหล่อ และปั้นพระพุทธรูป จะมาร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียงกัน..

    เจ้าอาวาสถึงกับยิ้มออกมาได้ และทันใดนั้นโดยที่ใคร ๆ คาดไม่ถึง ท่านกวักมือเรียกผมให้เข้าไปใกล้ ๆ ใช้ให้ไปหยิบซองกระดาษสีน้ำตาลซองหนึ่งในย่าม ซึ่งวางอยู่ข้าง ๆ ตัว ขึ้นมา และสั่งให้มอบแก่ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมกับพูดว่า ในซองนี้คือเงินสด ๕๓ ,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นเงินบุญทอดกฐินสามัคคีในปีที่แล้ว ขอให้ผู้ใหญ่บ้านนำไปดำเนินการตามที่เห็นสมควร แล้วแต่ดุลยพินิจเห็นชอบ
    ผู้ใหญ่บ้านคนนั้นระบายยิ้มบนใบหน้า ดวงตาคมวาวล่อกแล่กแบบตาเหยี่ยวลุกโพลง ความจริงผมเองนั้นไม่ชอบหน้ามรรคทายกคนนี้มานานแล้วแต่พูดอะไรไม่ออก ไม่มีอำนาจอะไรไปคัดค้านหรือยุ่มย่าม เพราะตัวเองก็ต้อยต่ำมีฐานะเพียงเด็กวัด กินข้าวก้นบาตรเลี้ยงตัวรอดไปวัน ๆ

    นิสัยของผู้ใหญ่บ้านคนนี้ คดในข้องดในกระดูก โลภโมห์โทสัน และไม่รู้จักกรรมเวรบาปบุญคุณโทษ เบียดบังโกงเงินทอง ข้าวของ ของวัดสารพัดสาระเพ แม้ทางวัดรู้อยู่แต่ใจ ก็เข้าทำนองน้ำท่วมปาก พูดอะไรไม่ออก ตกอยู่ในฐานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาจนทุกวันนี้ เพราะความมีหน้ามีตา อำนาจอิทธิพลท้องถิ่นในหมู่บ้านนั่นเอง

    ผมและเด็กวัดคนอื่น ๆ รู้อยู่แก่ใจ และเห็นตำตามานานว่า มรรคทายกคอรัปชั่น โกงเงินเอาผลประโยชน์ของวัดที่ญาติโยมเขาศรัทธาบริจาค เพื่ออานิสงส์ไปใช้ส่วนตัว สร้างความร่ำรวยให้ครอบครัวของตนอย่างไม่ละอายต่อบาป สมบัติส่วนกลางเครื่องใช้ในวัดก็เอามาไว้บ้าน แม้ต้นไม้ใหญ่ ในวัด ก็ยังสั่งให้ลูกน้องโค่นมาทำฟืนขาย หารายได้เข้าพกเข้าห่อตัวเองเลย เรียกว่า กินเล็กกินใหญ่ ทำตัวเป็นมารศาสนา โดยที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องสอบสวนจับผิด แบบทำนองเอาลูกกระพรวนไปผูกคอแมวนั่นแหละ

    ผู้ใหญ่บ้านคนนี้จึงรอดตัวลอยนวล ตั้งหน้าตั้งตาทำความชั่วยักยอกผลประโยชน์รายได้ของวัดอย่างคล่องคอ ไม่ติดขัดอะไร จนมาถึงกรณีเงินค่าหาทองสัมฤทธิ์ และทองคำเปลวไปร่วมพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปในงานพิธีพุทธาภิเษกเดือนหน้านั้น ผมวิตกและใจหายวูบขึ้นมาว่า มันจะสูญไปอีก เพราะกิตติศัพท์การคดโกงคอรัปชั่นของมรรคทายกคนนี้มีอย่างไร ชาวบ้านและพระเองก็ซึมซาบอยู่แก่ใจดี..ผมก็ได้แต่คิดกังวลไม่สบายใจไปเท่านั้นเอง

    แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ คงได้แต่วิงวอนเทพยดาฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ให้สั่งสอนลงโทษ คนสร้างกรรมทำลายศาสนาคนนี้ให้รู้สำนึกเสียบ้าง และกาลเวลาผ่านไปสองอาทิตย์ ใกล้กำหนดงานเททองหล่อพระพุทธรูปประจำปีของวัดใหญ่ในเมืองเข้ามาทุกทีแล้ว เหตุการณ์แทรกซ้อนก็อุบัติขึ้นจนได้
    ในตอนดึกของคืนวันหนึ่ง คืนนั้นใกล้ห้าทุ่มแล้ว อากาศร้อนอบอ้าวจนทนแทบไม่ไหว ผมและเพื่อน ๆ ศิษย์วัดคนอื่น ๆ ราว ๓ – ๔ คน นอนอยู่บนระเบียงหน้ากุฏิพระไม่ไหว ร้อนจนนอนไม่หลับ ไม่ง่วง เลยชักชวนกันลงมาเดินเล่นที่ลานกว้างข้างหน้ามณฑปเก่าแก่ของวัด เพื่อรับลมเย็น ๆ กลางแจ้ง
    ทันใดนั้นเอง สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น ที่ด้านหน้าของมณฑป ซึ่งเป็นศาสนสถานเก่าแก่คู่กับวัดมานานแล้ว ร่างของคนสองสามคนเคลื่อนไหวอยู่ในแสงสลัว ๆ ของไฟฟ้าน้อยแรงเทียนที่ติดอยู่ที่เสาไฟ ทุกคนวิ่งกันสับสนวุ่นวายเหมือนกับมีอะไรพิรุธเสียอย่างหนึ่ง เพื่อนเด็กวัดคนหนึ่งไม่ฟังอีร้าค่าอีรม ปากไวพูดตะโกนออกไปดัง ๆ ว่า “ขโมย...ขโมย...ขโมย....มาขโมยพระพุทธรูป เร็ว ๆ ....มาช่วยกันจับขโมย...”

    เท่านั้นเอง เหมือนลูกระเบิดหล่นกลางลานวัด ในขณะที่พวกเราวิ่งโครม ๆ เข้าไปที่มณฑป ร่างของบุรุษยามวิกาลพวกนั้น ก็หันรีหันขวางหมุนตัวไปมา และไม่รอช้า กระโจนแบบใส่ตีนสุนัขโกยแน่บออกไปจากที่นั้นทันที จากแสงไฟสลัว ๆ ทำให้ผมมองเห็นคนที่วิ่งนำหน้าได้ และจำได้ถนัดติดหูติดตา อนิจจา ผู้ใหญ่บ้าน มรรคทายกของวัดนี้นั่นเอง !!!!
    เขามาทำอะไรที่มณฑปนี้ และมาอย่างน่าสงสัยในพฤติการณ์ที่ลับ ๆ ล่อ ๆ หลบ ๆ ซ่อน ๆ จิตสังหรณ์ลางบอกเหตุวูบหนึ่งเกิดขึ้นมากับตัวผมในทันที โอ๊ย..มันเลวร้ายถึงขนาดนี้หรือนี่ ? ภายในมณฑปหลังนี้ มีพระพุทธรูปเก่าแก่อายุนับร้อย ๆ ปี ขึ้นไปอยู่หลายองค์ ซึ่งเป็นสมบัติดั้งเดิมของวัด พระพุทธรูปเท่าที่ผมเคยเห็นมา ที่ประดิษฐานอยู่เรียงรายรอบมณฑปด้านในที่ผนังปูน มีทั้งพระพุทธรูปหินทราย และหล่อด้วยสัมฤทธิ์ บางองค์ก็มีทองคำเปลวฉาบที่ผิวภายนอก
    ที่จำได้พระพุทธรูปมีหลายสมัยหลายศิลปกรรม ทั้งพระนาคปรก ปางสมาธิ สมัยลพบุรี พระปางมารวิชัยขัดสมาธิราบ รัศมีเปลวเพลิง สมัยศิลปะสุโขทัย และพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนต้น ที่มีรูปประกอบที่ฐานเป็นรูปสาวก ๒ องค์ หรืออัครสาวกเบื้องซ้ายเบื้องขวาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นามพระโมคคัลลาน์ สารีบุตร รวมทั้งพระทรงเครื่องใหญ่และน้อย ศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลายรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เป็นต้น มาจนกระทั่งเสียกรุงศรีอยุธยาให้พม่า ประติมากรรมลอยตัวพระพุทธรูปเหล่านี้ มีทั้งพระพุทธลักษณะกิริยาประทับนั่งและยืน ส่วนกิริยาของหัตถ์หรือเรียกว่า ปาง หรือ มุทรา มีทั้งปางประทานพร หรือ ห้ามญาติ ทุกองค์เป็นของเก่าของแท้ งดงามหาที่ติไม่ได้ เป็นโบราณวัตถุที่ควรเคารพ ประมาณค่ามิได้เลย

    เด็กวัดทั้งหมดรวมทั้งผมด้วย รีบตาลีตาลานกระโจนขึ้นบันไดมณฑปด้วยความสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง และก็ตกตะลึงจังงัง เพราะประตูไม้ด้านหน้าของปูชนียสถานหลังนี้ ซึ่งแผ่นประตูทั้งสองที่มีศิลปะการแกะสลักลายรดน้ำดอกไม้พันธุ์พฤกษา ของเก่าแก่เปิดอ้าซ่าเต็มที่...เดาเหตุการณ์ได้ถูกในบัดดล ผู้ใหญ่บ้านเป็นขโมยเสียเอง น่าสลดหดหู่ใจเป็นที่ยิ่ง ทางเจ้าอาวาสไว้วางใจในตำแหน่งมรรคทายก ผู้รักษาดูแลผลประโยชน์ของวัด ทำกุญแจชุดสำรองมอบให้ผู้ใหญ่บ้านไว้ชุดหนึ่ง ปิดเปิดเข้านอกออกในได้ทุกแห่งในวัด ขณะนี้หอกกลับมาแทงตัวเองเข้าให้แล้ว

    ผู้รักษากุญแจ เอาลูกกุญแจเปิดมณฑปเข้าไปขโมย หรือทำลาย มิดีมิร้ายพระพุทธรูปภายในน่ะซิ พอได้สติ พวกเราทั้งหมดเฮโลพรวดพราดเข้าไปภายในมณฑปทันที คนหนึ่งเอื้อมมืออันสั่นระรัวขยุ้มไหล่ของผมอย่างลืมตัว เมื่อเห็นภาพที่สั่นสะเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ซึ่งปรากฎต่อหน้าท่ามกลางแสงไฟฟ้า ซึ่งเปิดทิ้งค้างไว้ในมณฑป ทั้งไฟนีออน และหลอดไฟข้างผนัง

    พระพุทธรูปของเก่าแก่ดั้งเดิมสมบูรณ์แบบทุกองค์ ถูกทำลายยับเยินพินาศแทบไม่มีชิ้นดี บางองค์เศียรขาดหลุดหายไป อีก ๒-๓ องค์ ถูกทุบที่พระอุระเป็นรูกลวงขนาดใหญ่ เศษทองสัมฤทธิ์บริเวณนั้น ถูกลักลอบขโมยไป องค์อื่น ๆ โดยเฉพาะพระทรงเครื่องใหญ่สมัยอยุธยา และพระสมัยสุโขทัย พระวรกายท่อนบน คือตั้งแต่พระเศียรลงมาถึงบั้นพระองค์หายไปทั้งหมด เหลือเพียงส่วนหน้าตัก หรือทับเกษตรเหนือฐานปัทมี และฐานหน้ากระดานเท่านั้นเอง

    เศษชิ้นส่วนสัมฤทธิ์และทองคำเปลวภายนอก หลุดกระเด็นกระจัดกระจายที่พื้นห้องด้านในของมณฑประเกะระกะไปหมด มันเป็นภาพที่ทำลายจิตใจของพุทธมามกะอย่างพวกผมเด็กวัดเป็นยิ่งนัก ๒ องค์ มุมขวาสุดด้านใน เหลือเพียงแต่พระวรกาย พระพาหาหรือแขนทั้งสองข้างหายหลุดไปทั้งกะบิ ผมถึงกับร้องไห้โฮออกมาด้วยความรันทดใจในบัดดล ที่พบว่ามีคนมาเหยียบย่ำทำลายงานศิลปทางพระพุทธศาสนา มรดกวัฒนธรรมของชาติถึงขนาดนี้ ในขณะที่เด็กวัดคนอื่น ๆ ยกฝ่ามือปิดหน้า ร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นทิวแถว

    เพื่อนของผมตัวสั่นเทาใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริก พูดกับคนอื่น ๆ ซึ่งยืนปิดหน้าด้วยความสะเทือนอารมณ์ที่สุดในชีวิต ผู้ใหญ่บ้านกับลูกน้อง ๒ – ๓ คน ที่เห็นวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงไปไม่ถึงสิบนาทีที่ผ่านมานี้แหละ คือ ตัวการ โจรทำลายศาสนา ขโมยเอาพระพุทธรูปประติมากรรมบางชิ้นส่วนไป มาตัดทุบพระพุทธรูปก่อนหน้าที่พวกเราจะมาเห็นไม่นานนัก จำได้ว่าคนที่วิ่งหนีพวกเราไปนั้น ไม่ได้วิ่งไปตัวเปล่า อุ้มหรือแบกวัตถุอะไรอย่างหนึ่งซึ่งคงจะบรรจุอยู่ในผ้าไปกับตัวด้วย เห็นทนโท่ วัตถุนั้นไม่ผิดหรอกที่จะเป็นเศษชิ้นส่วนของพระพุทธรูป ซึ่งคนบาปหนาทั้งหลายเหล่านั้น ตัดทุบเอาตัดออกจากองค์จริงในนี้ไป เขาเอาไปทำไมกัน ใครบ้างที่ให้คำตอบได้

    ผมมีใบหน้าบึ้งตึงขมวดคิ้วย่น กรามขบกันเป็นสันนูน แช่งด่าสาปพวกทำลายศาสนาไม่หยุดปาก และคิดพิจารณาเดาเรื่องราวที่น่าจะเป็นไปได้ โอ๊ย..ตายแล้ว มันเลวกันถึงขนาดนี้เชียวหรือนี่ ผู้ใหญ่บ้านทำความผิดขั้นอุกฤษณฎ์ที่อภัยไม่ได้จริง ๆ ยักยอกเงินทอดกฐินห้าหมื่นกว่าบาทที่เจ้าอาวาสมอบให้ไปซื้อทองสัมฤทธิ์ และทองคำเปลว รวมทั้งค่าจ้างช่างหล่อพระ ไปใช้ผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างน่าละอายอดสูใจที่สุด และ หาทางออกโดยมาตัดทุบสัมฤทธิ์องค์พระในมณฑปเหล่านี้เอาไปหลอม ใช้ไฟความร้อน รวบรวมเป็นโลหะใหม่ เพื่อเอาไปใช้ในวันหล่อพระนะซิ โกงชนิดแสนชั่วโดยไม่คำนึงถึงกรรมบาปบุญคุณโทษ เพราะความโลภเข้าครอบคลุมจิตใจ ไม่ต้องเสียสตางค์ค่าใช้จ่ายซื้อทองใหม่เลยแม้แต่บาทเดียว ทุบพระพุทธรูปเก่าทิ้ง เอาไปหลอมใหม่ ย้อมแมวขายใครจะรู้เล่า
    งานที่น่ารังเกียจชิ้นนี้คงทำกันเป็นทีม ร่วมมือกันทุกฝ่ายโดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นหัวหน้า ตกลงแผนการกับนายช่างปั้นหรือหล่อ ซึ่งเป็นพรรคพวกของตนดิบดีจนเป็นที่เข้าใจแล้ว จึงมาตัดเศียรพระและองค์พระในมณฑปนี้ไปหลอกลวงแหกตาคนอื่น ๆ ช่างเมื่อได้ชิ้นส่วนพระแล้ว ก็จะใช้ขี้ผึ้งเป็นหุ่นหล่อทับแกนที่สุกด้วยการเผา เดิมสัมฤทธิ์ที่เผาด้วยความร้อน ลอกออกจากผิวนอกของพระพุทธรูปในมณฑป เป็นการตบตาหลอกลวงคนทั่วไปในวันพุทธาภิเษกเททองหล่อพระวันนั้นแหละ หล่อพระมาเสร็จแล้ว โดยใช้ของเก่า เสียค่าใช้จ่ายไม่มากเสียด้วย ได้กำไรหลายเท่าตัว พอไปแบ่งสรรปันส่วนกันถ้วนหน้า ใครจะมายอมโง่ซื้อทองสัมฤทธิ์ ทองคำเปลว หรือเสียค่าแรง เสียเวลา อะไรจิปาถะหล่อใหม่ทั้งองค์เล่า
    ผมพูดสิ่งที่สงสัยวิเคราะห์นี้กับเพื่อน ๆ ซึ่งทุกคนก็ตาสว่าง มันสมเหตุสมผล ทำให้เห็นพ้องตามแนวความคิดของผม มันเป็นเรื่องเลวร้ายจริง ๆ จนเก็บไว้ไม่ได้แล้ว เราทั้งหมดวิ่งออกจากมณฑปเกือบจะพร้อมกันราวกับนัดกันไว้ นำเรื่องสลดใจนี้ไปนมัสการกราบเรียนให้ท่านเจ้าอาวาสฟังทันที เพื่อรู้ตัวหาทางระงับยับยั้งมารศาสนากลุ่มนี้ แต่อนิจจาเอ๋ย... ท่านเจ้าอาวาสได้แต่นั่งน้ำตาไหลพราก ด้วยความเสียใจสะเทือนใจ ทำอะไรไม่ได้จริง ๆ เพราะเกรงอิทธิพลมืด การรุกรานของผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมีอำนาจ และความกักขฬะสามานย์ หมดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีสิ้นเชิง ถ้าทำอะไรรุนแรงลงไปก็คงต้องย้ายวัด ตัวท่านเองพร้อมทั้งพระลูกวัดทั้งหมด ต้องเดือดร้อนอยู่โปรดสัตว์ไม่ได้ในตำบลนี้ เพราะการรังควานย่ำยีของจ่าบ้าน ซึ่งต้องตอบแทนแก้แค้นพระ ในฐานะที่ไปรู้ความลับความชั่วชนิดนรกานต์ นรกอเวจีถามหา ? และอ้าแขนรับ ของเขาเข้านะซี

    เจ้าอาวาสหันมาถามผมว่า ก็เมื่อจะปั้นพระขึ้นใหม่ หยาบและเล็กกว่าของจริงที่เป็นแบบ แล้วเผาเอาขี้ผึ้งหุ้ม ทำไมต้องตัดทุบกระเทาะชิ้นส่วนไป ทำไมไม่ยกเอาไปทั้งองค์เลยรู้แล้วรู้รอดไปเล่า ผู้ใหญ่เขามีอำนาจสิทธิขาดทำได้อยู่แล้วนี่ มันสะดวกดีด้วยประการทั้งปวง ดีกว่าตัดของเดิมจนชำรุดเสียหายอย่างนั้น ผมนมัสการตอบท่านไปว่า อาจจะทำอย่างที่ท่านพูดก็ได้ แต่ทำไม่ทันน่ะซิ เพราะพวกเราเด็กวัดเกิดมาพบเห็นเหตุการณ์เข้าเสียก่อน จึงทำไม่เสร็จ

    หรือไม่ก็เอาชิ้นส่วนบางชิ้น เช่น เศียร แขน พระวรกายไปให้เป็นแบบหรือตัวอย่างสำหรับช่างหล่อ ที่ชำนาญฝีมือช่ำชองจะหล่อได้ตามความเข้าใจเคยชิน โดยไม่จำเป็นต้องดูทั้งองค์ก็ได้นี่นา หรือไม่ก็ย้อนมายกหรือขนไปเรียบวุธ หมดทั้งมณฑปได้เมื่อไรเมื่อนั้นเช่นกัน เพราะผู้ใหญ่เองก็มีกุญแจสำรอง เข้านอกออกในได้สะดวกสบาย ไม่ยากหรอกปัญหาแค่นี้น่ะ...ท่านเจ้าอาวาสถึงกับสะอึก ใบหน้าเศร้าหมองร่วงโรย พร้อมกับพูดพึมพำออกมาแผ่ว ๆ ว่า อย่าทำจิตใจให้เศร้าหมองเลย อโหสิกรรมให้เขาเถิด กรรมเป็นเครื่องกำหนด จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง และคนที่สร้างกรรมนั้น ไม่เคยอยู่ค้ำฟ้าได้เลยสักคน ?

    และหลังจากแตกหักระหว่างพระกับมรรคทายก ซึ่งต้องกล้ำกลืนไว้ในใจ สงวนท่าทีชนิดหวานอมขมกลืน อึดอัดใจแทบจะเป็นบ้าตาย มาจนถึงวันสำคัญมาถึง นั่นคือ พิธีเททองหล่อพระพุทธาภิเษกเบิกพระเนตรพระพุทธรูปที่วัดหลวงในเมือง เจ้าอาวาส และพระลูกวัดทั้งหมด รวมทั้งผม และเหล่าศิษย์วัดและญาติโยม ผู้มีจิตศรัทธาในบวรพุทธศาสนา เดินทางออกจากหมู่บ้านไปร่วมงานมหามงคลยิ่งใหญ่นี้ ถ้วนทั่วพร้อมหน้าด้วยจิตผ่องแผ้วอนุโมทนาจิต
    ที่ขาดไม่ได้คือ หัวหน้ากลจักรสำคัญของงานนี้ ผู้ใหญ่บ้านซึ่งมีหลังฉากอันแสนจะโสมม แต่หน้าฉากมรรคทายกผู้เคร่งน่าเลื่อมใสนิยมนับถือ เป็นเครื่องบังหน้า ปกปิดความชั่วไว้เท่านั้นเอง ผู้ใหญ่บ้านกระหยิ่มยิ้มย่อง อารมณ์ดี ท่าทางไม่ยี่หระสะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น คงจะภาคภูมิใจกับงานที่ไม่ต้องลงทุน แต่กลับได้กำไรตอบแทนของแกนั่นเอง เดินทางไปสู่บริเวณปะรำงานพิธี พร้อมด้วยลูกสมุนกระเรกะราด ล้อมหน้าล้อมหลังพร้อมพรั่ง

    เมื่อไปถึงบริเวณงาน ทุกคนถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้างด้วยความตื่นตาตื่นใจจนสุดระงับ งานพุทธาภิเษกวันนี้เป็นงานใหญ่โตมโหฬารจริง ๆ ชนิดที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนหลายปีดีดักแล้ว ทั้งพระและฆราวาส มากมายชนิดมืดฟ้ามัวดิน บรรดาเกจิอาจารย์ พระเถรานุเถระผู้ใหญ่ นั่งสวดมนต์ปลุกเสกทำพิธีกันในปะรำ เสนาสนะที่สมควร พุทธมามกะผู้มาร่วมงานด้วยใจอันอิ่มเอิบ นั่งอยู่ในเต๊นท์รับรอง ซึ่งมี ๓ – ๔ เต๊นท์ เต็มไปหมดทั่วลานพิธีวัด ซึ่งเคยกว้างขวางมาก่อน บัดนี้คับแคบไปถนัดใจ เพราะคลื่นมหาชนหลั่งไหลมาร่วมพิธีนั่นเอง วัดทุกวัดในจังหวัด จากทุกหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ มาร่วมงานหล่อพระพุทธรูปกันพร้อมหน้า รวมทั้งวัดของเจ้าอาวาสที่ผมเป็นเด็กวัดอยู่เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
    จุดสำคัญหรือหัวใจของพิธีคือ บ่อโบกปูนซิเม็นต์ขนาดใหญ่สี่เหลี่ยมจตุรัส ขนาดกว้าง คาดคะเนด้วยสายตา ประมาณ ๓ เมตร ยาว ๓ เมตร และลึกเกือบสองฟุต ในบ่อปูนนี้ผู้ทำพิธีจะเอาทองคำเปลว และสัมฤทธิ์ทั้งท่อน หรือแผ่น มาบรรจุภายใน อาจจะเป็นโลหะซื้อมา หรือผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเพื่อบุญกุศลในชาติหน้า ในเวลาเริ่มพิธีเททอง จะมีผู้จุดไฟให้ความร้อน ทำให้ทองหรือโลหะต่าง ๆ ละลายเหลวเป็นน้ำ หรือของเหลว ใช้ไม้กวน หรือไม้ถือ กวนให้ทองคละเคล้าเข้ากัน ก่อนนำไปเทลงในแบบพิมพ์ขี้ผึ้ง ปั้นหล่อพระพุทธรูปต่อไป ตามประเพณีนั่นเอง

    ที่ด้านหนึ่งของบ่อซีเมนต์ มีไม้กระดานแผ่นยาวสัก ๓ – ๔ เมตร วางพาดขอบบ่อ ผูกติดกับเสา ๒ ต้น คล้ายไม้กระดกที่เด็กเล่นตามสนามเด็กเล่นทั่วไป ปลายข้างหนึ่งของไม้กระดานนี้ ยื่นลงไปในบ่อราวสัก ๒ ฟุต จุดนี้เป็นสถานที่ ที่ตัวแทนหรือหัวหน้าของวัดทุกแห่งที่มาร่วมพิธีเททองหล่อพระในวันนี้ จะมายืนถือไม้ถือ หรือเหล็กคน หรือตีทองให้เข้ากัน ในระหว่างไฟลุกไหม้อยู่ด้านหนึ่งของบ่อ นับว่าเป็นการให้เกียรติอย่างสูง สำหรับตัวแทนของวัดนั้น ๆ ที่จะทำหน้าที่แทนคนในหมู่บ้านของตน

    และขณะนี้วินาทีระทึกใจเริ่มขึ้นแล้ว ในตอนบ่ายราว ๒ โมงครึ่ง มีคนลำเลียงทองแผ่น ทองเปลว ทองจังโก้ ทองสัมฤทธิ์ ต่างขนาดมาใส่ลงในก้นบ่อปูนซีเมนต์ ชุลมุนสับสนวุ่นวายพอควร โดยมีพุทธศาสนิกชนต่างมายืน หรือนั่งล้อมรอบบ่อ เพื่อดูการเททองหล่อพระ
    พระเถระผู้ใหญ่เริ่มพิธีทางศาสนาตามประเพณี และทันใดนั้น ไฟก็ถูกจุดขึ้นที่จุดซึ่งทำเตรียมไว้ เพื่อให้ความร้อนละลายไหม้ทองในบ่อนั้น ผู้แทนของสงฆ์และวัด อันมีพระสงฆ์บ้าง ฆราวาสบ้าง พากันไปยืนเหยียบไม้กระดาน ทำหน้าที่คนทองให้เข้ากันตามธรรมเนียม

    ท่ามกลางไฟร้อนแรง เปลวไฟควันลุกโขมงโชติช่วงจับท้องฟ้า ทองละลายกลายเป็นน้ำในบัดดล หมุนเร็วจี๋ทั่วบ่อ และท่ามกลางสายตาของทุกคน ที่จ้องมองชนิดไม่กระพริบตาคนแล้วคนเล่า ผ่านไปสำหรับตัวแทนของวัด
    จนมาถึงเวร หรือคิวของผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๑ มรรคทายกของวัดเรานั่นแหละ ผู้ใหญ่บ้านยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่แสดงกิริยาอาการสะทกสะท้านใด ๆ หยิบเหล็กแหลมยาว ไม้ถือคนทอง ซึ่งเป็นเครื่องมือในพิธีตอนนี้มาจากโต๊ะตัวหนึ่งข้างบ่อ และก้าวเท้าออกเดินอย่างช้า ๆ ก้าวขึ้นเหยียบบนไม้กระดานแผ่นนั้น ซึ่งปลายของมันยื่นลงไปในบ่อ ที่ขณะนั้นทองนานาชนิดแปรสภาพกลายเป็นวัตถุเหลวร้อน ควันลุกโขมงไปทั่วบริเวณ มันกำลังเดือดปุด ๆ เป็นฟองไอน้ำทั่วบริเวณ

    ทันใดนั้นเอง ตายแล้ว ! ช่วยด้วย ! อุบัติเหตุสยองเกิดขึ้นในวินาทีนั้นเอง ปาฏิหาริย์หรืออะไรก็เหลือเดา ผู้ใหญ่บานเสียหลัก เดินไม่ระวัง เท้าข้างหนึ่งไปสะดุดหัวเสาด้านขวา ซึ่งมีเชือกผูกไม้กระดานเป็นเงื่อนชนิดไม่แน่นหนา ตัวผู้ใหญ่บ้านเซแซ่ด ๆ เอียงกระเท่เร่ไม่เป็นท่า หัวทิ่มคะมำไปข้างหน้า ทันใดนั้นเงื่อนที่ผูก หลุดราวกับปาฏิหาริย์ ไม้กระดานแผ่นนั้นเลยกระดกกลับ ยกปลายด้านในที่อยู่นอกบ่อขึ้นสูงไปบนอากาศ

    ....ร่างของผู้ใหญ่บ้านที่ทรงตัวไว้ไม่อยู่เลยเสียหลัก หัวทิ่มพุ่งลงไปในบ่อทองซึ่งกำลังร้อนจัดเดือดพล่าน ท่ามกลางเสียงหวีดร้องด้วยความหวาดเสียวตกใจสุดขีดของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์

    .....ตูม ! วูบเดียว ร่างของคนบาปผู้ทำลายศาสนาจมดิ่งหายไปในทองเหลวที่ร้อนข้นคลั่กไอขึ้นในบ่อ.. ไม่มี อะไรเหลืออีกต่อไป ทั้งชีวิต วิญญาณ กระดูก เนื้อหนัง เหลือแต่ชื่อของผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น ให้คนกล่าวขวัญถึงกัน ในฐานที่คนทำกรรมชั่วเอาไว้มาก และกรรมนั้นก็ตอบสนองทันตาเห็น มาจนทุกวันนี้ นั่นเอง

    Fwdder.com - ผู้ใหญ่บ้านที่นรกถามหา จากหนังสือ กรรมกำหนด - โพสเมื่อ 2007-11-26 20:31:36

    fwdder.com<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    อนุโมทนาครับ
    ___________________________________
    ทุกสิ่ง ย่อมดับไปเป็นธรรมดา ไม่มีความจีรัง ยั่งยืน
    มีสภาพเป็นทุกข์ และไม่มีตัวตน...................
     

แชร์หน้านี้

Loading...