ผีกระสือ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 5 มีนาคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    ผี-Ghost (ตามวัฒนธรรมความเชื่อของชาวตะวันตก) ผี คือการปรากฏกายของผู้ที่ตายไปแล้วและสามารถบอกเหตุการณ์ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังเป็นนักเต้นรำยามราตรี ผู้พเนจรไปในยามราตรี หรือวิญญาณของผู้ตายซึ่งหลอกหลอนคนเป็น ผีของผู้ตายซึ่งเร่ร่อนไปตลอดคืน แต่พลังจะน้อยลงในตอนกลางวัน

    ลีช (LEACH) กล่าวว่า คำว่า ghost มีที่ใช้อีกคำหนึ่งคือ revenant ผีสามารถปรากฏตัวเป็นรูปแบบต่างๆ หลากหลายมาก เป็นเพศใดก็ได้ อายุเท่าใดก็ได้ และอยู่ได้ในสังคมทุกระดับชั้น ผีไม่จำเป็นต้องเคยเป็นมนุษย์เสมอไปเพราะสัตว์ก็เป็นผีได้ คำว่า revenant หมายถึงวิญญาณที่กลับมาปรากฏร่างให้คนเป็นเห็น วิญญาณนี้มักกลับมาเพื่อจัดการกิจธุระที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ มาเพื่อเตือนเพื่อแจ้งข่าวสาร เพื่อลงโทษหรือประท้วงคนบางคน เพื่อดูแลหรือปกป้องคุ้มครองคนบางคน หรือบอกเรื่องราวที่เขาควรจะบอกก่อนตาย แต่ไม่ทันได้บอก บางครั้งก็เป็นการกลับมาเพื่อแสดงภาพการตายของเขาเอง

    ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องผีของคนทั่วไปก็คือ ไม่มีใครสัมผัสแตะต้องตัวผีได้ ผีมักมีกลิ่นไม่เหมือนใคร ผีไม่อาจข้ามน้ำได้ ผีปรากฏตัวได้เฉพาะตอนกลางคืน ผีทำทุกอย่างเหมือนมนุษย์ ยกเว้นการมีเพศสัมพันธ์ คือ กิน ดื่ม เล่น เข้ามาร่วมในพิธีการทางศาสนา และกิจกรรมอื่นๆ อีกมาก พวกผีจะทำเสียงต่างๆ คือ ร้องครวญคราง ร้องไห้ กรีดร้อง ตะคอก คร่ำครวญ ร้องโหยหวน หอน ร้องตะโกน ถอนหายใจ นอกจากนี้ยังสามารถสาปแช่ง หัวเราะ หอบ ผิวปาก ไอ ชอบทำเสียงเคาะบนกำแพง ปิดประตูหน้าต่างเสียงดัง เล่นดนตรี ฯลฯ

    ส.พลายน้อยอธิบายว่า ตามความเข้าใจของคนไทยทั่วไป ภูติ ผี ปีศาจ ก็คือ วิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว และมาปรากฏกายในรูปร่างต่างๆ หรือแสดงอำนาจให้เกิดเหตุการณ์อะไรต่างๆ ทั้งที่เห็นตัวและไม่เห็นตัว แต่ความจริง ผี ปีศาจ เปรต ยังแยกรายละเอียดออกไปอีกมาก

    ส.พลายน้อย อธิบายถึงผีไว้หลายประเภท คือ ผีกระสือ ผีกระหัง ผีกองกอย ผีกะ ผีกำเนิด ผีโขมด ผีจะกละ ผีชมบ ผีเชื้อ ผีตาแฮก ผีน้ำ ผีนางธรณี ผีปอบ ผีปู่ตาและผีหลักเมือง ผีเป้า ผีพราย ผีโพง ผีฟ้า ผีแถน ผีเรือน ผีอำ

    ในที่นี้ขอยกการอธิบายเรื่องผีกระสือของ ส.พลายน้อย มากล่าวไว้ทั้งหมดเป็นตัวอย่าง เพราะเป็นผีที่รู้จักกันทั่วไป (ส.พลายน้อย 2520 : 421-425)

    ++ ผีกระสือ

    ผีกระสือมีชื่อเรียกกันต่างๆ เช่น ไทยทางภาคพายัพเรียกสั้นๆ ว่า ผีสือ ในหนังสืออภิธานภาษาพื้นเมืองมณฑลปักษ์ใต้ พ.ศ.2475 ว่าผีกระสือคือ ผีกละ ทางภาคอีสานเรียกว่า ผีโพง (ทางภาคพายัพกลับว่า ผีโพง คือผีกระหัง) ผีกระสือนี้เชื่อกันว่าเป็นผู้หญิง และชอบเข้าสิงในกายหญิง ชอบกินของโสโครก ลักษณะเป็นดวงไฟแวมๆ ออกหากินในเวลากลางคืน ตามบ้านนอกมีความเชื่อเรื่องผีกระสือนี้มาก ถ้าเห็นแสงวาบๆ สีเขียวเป็นดวงโต ก็เข้าใจกันว่าเป็นผีกระสือ และว่ามันไปแต่หัวและตับไตไส้พุง เวลาใครคลอดลูกใหม่ๆ มันได้กลิ่นคาวเลือด ก็จะไปกินหญิงที่คลอดลูกนั้น หรือไม่ก็กินเด็กทารกเสีย ด้วยเหตุนี้จึงเกิดมีธรรมเนียมเอาหนามพุทรามาสะตรงใต้ถุนเรือนที่มีร่องถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ เพราะผีกระสือกลัวหนามจะเกี่ยวไส้มัน ตามธรรมเนียมของชาวมลายู เมื่อมีการคลอดบุตรเขาก็เอากิ่งและใบของไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเหมือนลำเจียก เป็นไม้มีหนามมาแขวนไว้ตามที่ต่างๆ ที่มารดาและเด็กทารกอยู่ เขาว่าผีกลัวหนามไม้ชนิดนี้ ไม่กล้ามาทำร้าย ผีมลายูชอบกินเลือด เมื่อรู้ว่ามีการคลอดบุตรก็มักจะมา จึงต้องป้องกันอย่างแข็งแรง มีการเจิมหน้าทารกด้วยคาถาอาคมด้วย (ตามที่ได้อ่านพบในหนังสือประเพณีของชาวมลายูว่าเจิมไม่เหมือนกัน เด็กผู้ชายเจิมเป็นรูปคล้ายสามง่าม เด็กผู้หญิงเจิมเป็นรูปกากบาท)

    ผีกระสือมักจะเป็นยายแก่มากกว่าสาวๆ นอกจากชอบกินของสดของคาวแล้วยังชอบกินอาจม จึงมักเห็นกันตามถานวัด (ส้วม) เมื่อมันกินแล้วก็จะหาที่เช็ดปาก ถ้าเห็นผ้าของใครตากทิ้งไว้ ก็เอาผ้านั้นเช็ดปากเสียเลย เจ้าของผ้าเมื่อเห็นรอยเปื้อนเป็นดวงๆ ก็จะเอาผ้านั้นมาต้มหรือนึ่ง ผีกระสือจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนมาก เมื่อทนไม่ไหวก็ต้องมาขอร้องไม่ให้ต้มผ้านั้นอีกต่อไป นี่ก็เป็นความเชื่อดั้งเดิม ถ้าคิดอย่างคนปัจจุบันก็อาจจะเป็นว่าผ้านั้นตากไว้ค้างคืนอาจจะขึ้นราก็ได้ ใครที่กลัวผีกระสือเอาผ้าเช็ดปากก็น่าจะเก็บผ้าอย่าปล่อยค้างคืนไว้

    ในหนังสือเรื่องประเพณีเนื่องในการเกิดของเสฐียรโกเศศ ได้เขียนเล่าถึงผีกระสือไว้ตอนหนึ่งว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...