บุญและบาปสิ่งใด ๆใจถึงก่อน... พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 28 พฤศจิกายน 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    วันนี้ถือกันว่าเป็นวันปีใหม่, เลยปิดการปิดงาน, ไม่ทำการทำงาน, พากันไปเที่ยว. แท้ที่จริงในเบื้องต้นปิดการปิดงานเพื่อให้คนบำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศลบำเพ็ญคุณงามความดี. เดี๋ยวนี้คนเลยถือว่าเป็นการละเล่น, ปิดการปิดงานแล้วพากันเล่น, แล้วแต่ผู้ใดจะเล่นเที่ยวเล่นการพนันหรือการอะไรต่างๆ, หาแต่ความฉิบหายใส่ตัว. เพราะฉะนั้นบ้านเมืองของเราจึงได้เกิดวุ่นวายเดือดร้อน. แท้ที่จริงเป็นหยุดงานเพื่อให้เข้าหาคุณงามความดี, เข้าไปหาวัดหาวาเพื่อไปบำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศล, ให้ไปรักษาศีล. พักการพักงานเราทำมาทั้งปี. รักษาวันสองวันเพื่อเหตุใด. เรามาวัดเพื่อจะวัดดูว่าการงานเราทำมานี้ตั้งเกือบปี, นานถึงขนาดนี้, ดีก็มีไม่ดีก็มี, เป็นยังไงให้รู้จัก. เราเข้ามาวัดดูสิ่งทั้งหลายทั้งหมด. เราจะเอาอะไรไปด้วย, เอาไปติดตามตัวของเรา. วัดดูซี่.

    นี่เราเกิดมาเราเอาอะไรมาด้วย. นี่เราร่ำรวย, รวยด้วยอะไร. บางคนมั่งมีศรีสุขเป็นคนไม่อดไม่อยาก, เป็นคนไม่ทุกข์ไม่ยาก, เป็นคนสวยคนงาม. บางคนเป็นคนอดคนอยากคนทุกข์คนยากขี้ร้ายขี้เหร่. สังขารร่างกายก็พิกลพิการ. เพราะเหตุใด. คนเราครือกัน, ธาตุทั้งสี่ขันธ์ทั้งห้าอายตนะทั้งหกเท่ากัน, เพราะเหตุใดจึงได้เป็นอย่างนั้น. มาพิจารณาดูซี่พวกเรา.
    นี่หละ, ขาดการกระทำมา. เราไม่ได้สร้างคุณงามความดีมาหลายภพหลายชาติ, จึงได้เกิดเป็นคนทุกข์คนจน. การที่จะบำเพ็ญคุณงามความดีนี้พระพุทธเจ้าท่านก็วางศาสนาไว้, ชี้แจงแสดงไว้, ก็ไม่ใช่อื่นไกล.

    คนเราเกิดมาในโลกนี้เราทั้งหลายก็มีความมุ่งมาดปรารถนาอยู่สามนัย. นัยหนึ่งต้องการวัตถุข้าวของเงินทองมาก ๆ พากันหาอยู่ทุกวันนี้. นัยสองต้องการรูปสวย ๆ งาม ๆ, อายุยืนนาน, ไม่มีโรคไม่มีภัย. นัยสามต้องการมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด. เกิดมาแล้วจึงได้พากันเล่าเรียนศึกษาทั้งในทั้งนอก. แต่หลายคนก็ทำไม่ได้สมความมุ่งมาดปรารถนา.

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ไว้แล้วว่าเพราะเหตุใด.ท่านพิจารณาแล้ว. สัตว์ทั้งหลายไม่สมความมุ่งมาดปรารถนาคือขาดการกระทำและขาดการปฏิบัติ. เพราะฉะนั้นท่านจึงได้วางศาสนานี้ไว้. ศาสนาที่ท่านวางไว้นี้ก็ไม่ได้วางที่อื่น, วางที่ตัวของพวกเรา. ท่านบัญญัติธรรมท่านก็ไม่ได้บัญญัติที่อื่น. ขันธะบัญญัติ, อายตนะบัญญัติ, ธาตุบัญญัติ, อินทริยะบัญญัติ, บุคคลาบัญญัติ. แน่ะ, ท่านบัญญัติศาสนาบัญญัติธรรม, ท่านบัญญัติตรงนี้. ท่านไม่ได้บัญญัติที่อื่น. ขันธะบัญญัติ, บัญญัติเกิดจากขันธ์. บัญญัติรูป, เวทนา, สัญญา, สังขาร, วิญญาณ. นี่อันนี้ที่เราอาศัยอยู่. เราถือว่าเป็นคน. มันก็ธาตุทั้งสี่เท่านั้น. นี่หละขันธ์ทั้งห้า.


    ทีนี้อายตนะทั้งหก, ตาหูจมูกลิ้นกายใจ. ที่ท่านบัญญัติธรรม, อาศัยอันนี้. ตาสำหรับดู, หูสำหรับฟัง, จมูกสำหรับดม, ลิ้นสำหรับรส, กายสำหรับสัมผัส, ใจคู่กับอารมณ์. นี่ท่านบัญญัติอย่างนี้. ที่เกิดสำหรับทุกข์สุขทั้งหลายเกิดจากนี้. ธาตุทั้งสี่, ดินน้ำลมไฟ, มาประชุมกันเข้า. ธาตุดินคือผมขนเล็บฟันหนังเนื้อเหล่านี้. กระดูกล่ะ. นี่ตับไตไส้น้อยไส้ใหญ่อาหารเก่าอาหารใหม่. ที่แข้นแข็งในตัวเรานี้เรียกว่าธาตุดิน. ธาตุน้ำก็น้ำดีน้ำเสลด, น้ำเหงื่อน้ำไคล, น้ำมูกน้ำลายเหล่านี้. ที่เหลว ๆ ในตัวเราเรียกว่าธาตุน้ำ. ธาตุลมล่ะ.ลมหายใจเข้า, ลมหายใจออก, ลมพัดขึ้นเบื้องบน, ลมพัดลงเบื้องล่าง, พัดไปตามสรรพางค์ร่างกายของเรา. นี้จัดว่าธาตุลม. ธาตุไฟล่ะ. ที่อบอุ่นร่างกายของเรานี้, หรือเผาอาหารให้ยับย่อย, หรือเผาร่างกายให้ชำรุดทรุดโทรมไป, เรียกว่าธาตุไฟ. นี่หละ.


    เมื่อสี่เหล่านี้มาประชุมเข้าก็เรียกว่าบุคคล, เป็นตัวเป็นตน. เมื่อเป็นตัวเป็นตนนี่ทุกคนมีธาตุทั้งสี่ขันธ์ทั้งห้าอายตนะทั้งหกด้วยกัน, ทำไมจึงไม่ครือกัน.บางคนก็ต่ำ, ดำขาวก็มี. บางคนก็ใหญ่บางคนก็เล็ก. ไม่ครือกัน, ไม่สม่ำเสมอ, เพราะเหตุใด. เพราะเหตุอย่างนี้. คือต่างกันด้วยคุณธรรมคุณสมบัติ. นี่หละเราขาดการกระทำ. ผู้ที่มั่งมีศรีสุขผู้ร่ำผู้รวยสวยงามนั้น, คือผู้ที่เขาได้บริจาคได้สร้างคุณงามความดีไว้, มีทานมีศีลมีภาวนานี้ไว้. คือว่าได้สร้างไว้ได้ทำไว้ได้บริจาคไว้, ได้สร้างสมไปเเล้วตั้งหลายภพหลายชาติมาไม่ใช่แต่ชาตินี้. ที่เรามาในชาตินี้บางคนวัดก็ไม่เข้า, พระจ้าวก็ไม่นบ, วันศีลก็ไม่ละวันพระก็ไม่ถือ. ปิดการงานแล้วก็ไปเที่ยวเล่นสนุกสนาน, ไม่ได้บำเพ็ญคุณงามความดี. ที่เราทั้งหลายมาอย่างนี้เรียกว่ามาบำเพ็ญตน. มาทะนุบำรุงตน. ผลอานิสงส์นี้หละเกิดมาเป็นคนไม่ทุกข์ไม่จน, ติดตนนำตัวไปหลายภพหลายชาติ. นี่หละติดเป็นนิสัยมา. ผลอานิสงส์นี้หละทำให้บุคคลเป็นคนมั่งมีศรีสุข, เป็นคนไม่ทุกข์ไม่จนเพราะเราได้ทำไว้แล้ว. อุปมาเหมือนกะชาวนา.เขาได้ทำนาไว้แล้วเขาก็ไม่อด, อยากได้ข้าวเต็มยุ้งเต็มฉางก็เต็ม. ถ้าเขาไม่ได้ทำนา, อยากได้ข้าวเต็มยุ้งเต็มฉางก็ไม่มี.


    อันนี้ก็เราทั้งหลายเกิดมาอยากร่ำอยากรวย, ของเราไม่ได้ทำไว้. บุพเพกะตะปุณยะตา, บุพเพ กาละ เมื่อก่อน, ปุณยะ ซึ่งบุญกุศล, กะตัง การกระทำ, ซึ่งเขาไม่ได้กระทำไว้, ปณิธิจะ, เราไม่ได้ตั้งตนไว้ชอบประกอบแต่สิ่งที่ดี, มันก็ไม่เป็นมงคลซี่. เขาผู้มีบุพเพกะตะปุณยะตา, ได้กระทำไว้แล้วซึ่งบุญกุศลในกาละหนก่อน. ปณิธิจะ, เขาได้ตั้งต้นไว้ในที่ชอบประกอบแต่สิ่งที่ดีแล้ว, เอตัมมังคะละมุตตะมัง, จึงได้เป็นมงคลอุดม. แน่ะ, พิจารณาดูซี่. นี่นัยหนึ่ง.นัยสองล่ะ. ต้องการรูปสวย ๆ อายุยืนนาน. ใคร ๆก็ต้องการ. ข้อนี้ท่านให้รักษาศีล. รักษายังไงศีลน่ะ. รักษากายของเรา รักษาวาจาของเรา รักษาใจของเราให้เรียบร้อย. เราไม่ทำโทษน้อยใหญ่ทางกายทางวาจาทางใจของเราแล้ว, เกิดมาเราก็เป็นคนเรียบร้อยกายเรียบร้อย, วาจาเรียบร้อย, ไม่เป็นคนพิกลพิการเป็นคนไม่มีโรคมีภัย. แล้วก็เป็นคนสวยคนงาม. พากันให้เข้าใจอย่างนี้ซี่.


    ที่มานี่เราก็พากันมารักษาศีล. ก็รักษาตัวของเรา, ไม่ได้รักษาอื่น. นี่กุศลอันนี้นำผลให้เรามาหลายภพหลายชาติ. ผู้ที่ขี้ร้ายขี้เหร่. ก็เพราะเขาไม่ได้รักษาศีล.จะดูในปัจจุบันนี้ก็ดูนั่น. คนที่มาอยู่ที่วัดนี้มีกี่ร้อยกี่พันหรือกี่คน. แล้วผู้ไปเที่ยวล่ะ, ดูซิ, โอ้โฮ, นับทีซิ. หมื่นหนึ่งน่ะซี่. จะเอาเสี้ยวหนึ่งก็ไม่ได้. คิดดูซี่. นี่ผู้เข้าวัดเข้าวาอย่างนี้นับซิมีกี่คน. ให้พากันพึงรู้พึงเข้าใจ. นัยต่อไปคืออานิสงส์การเกิดมามีสติปัญญา.ใครก็อยากได้, เกิดมามีสติปัญญา. ของเราไม่ได้ภาวนาก็ไม่ได้. ท่านสอนให้ภาวนา, เกิดมาจะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด. ท่านสอนให้ภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆนี้. ให้ระลึกเอาในใจ. พิจารณาเลือกเฟ้นหัวใจของเรา.ใจมันมีมาก. ใจดีใจชั่ว, ใจสุขใจทุกข์. ใจนรกใจเปรตใจสัตว์เดรัจฉานก็มี. ใจใบ้ใจบ้า, ใจเสียจริตก็มี. ใจคนเรามีหลายใจ. ใจเทวบุตรใจเทวธิดา.ใจพระอินทร์ใจพระพรหมก็มี. ใจท้าวพญามหากษัตริย์ก็มี. ใจเศรษฐีคหบดีก็มี. แน่ะ, ใจคนมั่งมีศรีสุข. ใจนายร้อยนายพัน,นายพล, ใจจอมพลก็มี. จะเอาอย่างไรเล่า. เลือกเอาซี่. เอ้า, ต่อนี้ไปเลือกไหมล่ะ. เทศน์หลายก็มากม๊ดวัน.


    เอ้า, เข้านั่งที่. นั่งสมาธิภาวนา. นั่งให้สบาย. วางท่าวางทางให้สง่าผ่าเผยยิ้มแย้มแจ่มใส. เมื่อวางกายให้สบายแล้วให้ระลึกถึงที่พึ่งของเรา. อะไรเป็นที่พึ่งของเรา. คือพระพุทธเจ้า, พระธรรม, พระสงฆ์นี้เป็นที่พึ่งของเรา. ให้ระลึกพระพุทธเจ้าอยู่ในใจ, พระธรรมอยู่ในใจ, พระอริยสงฆ์สาวกอยู่ในใจ. ให้เชื่อมั่นในใจอย่างนั้นแล้ว, ให้ระลึกค่าบริกรรมภาวนาว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ สามหนแล้วให้รวมเอาพุทโธ พุทโธ คำเดียว. หลับตางับปากเสีย. ระลึกเอาในใจ. ลิ้นก็ไม่กระดุกกระดิก.เราอยากรู้ว่ามันขาดอะไรในตัวของเรา. มันไม่ดีมันดียังไงให้รู้จัก. อยากรู้จักว่ามันดีหรือมันชั่ว, เราจะอยู่ในชั้นภูมิใดในภพอันใด, เราทำอันใดจึงไม่สมความมุ่งมาดปรารถนา เพราะเหตุอันใด, นี่ให้ดู. เราจะรู้ได้ยังไงเล่า. ให้ระลึกพุทโธ พุทโธ ,ความรู้สึกตรงไหนแล้ว, ตั้งสติเพ่งดูที่รู้นั่น. หูก็ไปฟังที่นั่น. ต่างก็ไปเพ่งที่นั่น. อย่าไปดูที่อื่น. ให้รู้ว่าจิตของเรามันเป็นยังไง. มันดีหรือมันชั่ว. มันดีเป็นยังไงให้รู้จัก. มันดีเป็นยังงี้, จิตของเราสงบดี, มีความสุขความสบาย, เย็นอกเย็นใจ, ไม่ทุกข์ไม่ร้อน, ไม่วุ่นไม่วาย. พุทโธใจเบิกบานสบายอกสบายใจ, เบาตนเบาตัว, เบาร่างเบากาย. พุทโธใจเบิกบานเรื่อยไป. ใจเราก็สบาย, ทำอะไรก็สบาย, นอนก็สบายเดินก็สบายยืนก็สบาย. แน่ะ, ดับขันธ์ก็ไปอยู่ในที่สุขที่สบาย. ถ้าใจไม่ดีทุกข์ยากวุ่นวายเดือดร้อนสัตว์ทั้งหลายตกทุกข์ได้ยากทั้งในปัจจุบันและเบื้องหน้า.
    เมื่อใจไม่ดีทำอะไรก็ไม่ดี, การงานก็ไม่ดีสมัครผู้แทนก็ไม่ดี, ค้าขายก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ดีละ. ดูซี่. ครอบครัวก็ไม่ดี, พี่น้องก็ไม่ดี, ชาวบ้านร้านตลาดก็ไม่ดี. ประเทศชาติก็ไม่ดี. จะว่ายังไงเล่า.ต้องการไหมแบบนี้. เมื่อไม่ต้องการแล้วมันเกิดมาจากไหนเล่าแบบนี้. มันเกิดจากใจของเรานี่หละ. พอดับขันธ์แล้วก็ไปเกิดในที่ไม่ดี. ผู้ใดจะเป็นยังไง, ต้องได้เสียเดี๋ยวนี้ต้องรู้เสียเดี๋ยวนี้เห็นเสียเดี๋ยวนี้.ไม่ต้องโกหกใคร. เราพากันต่างคนต่างดูซี่. ติว่าเราไม่ได้อย่างโน้น, ติว่าเราไม่เป็นอย่างนี้, ก็ดูเอาซี่.ให้เห็นจริงแจ้งประจักษ์ลงซี่. ที่เราว่าเป็นกรรมของตน, ดวงไม่ดี. ดวงมันอยู่ไหนไม่ดี. ดวงฟ้าอากาศเรอะ.ดวงดีก็ดูซี่. ดวงดีก็คือเรานั่งจิตเราสงบดี, มีความสุขสบายอกสบายใจ. นี่หละดวงดี. ทำอะไรก็ดี. นี่หละดวงดี. ดวงไม่ดีเป็นยังไง. ใจวุ่นวายเดือดร้อน. ใจไม่ดีนั่นหละดวงไม่ดี. ใจไม่ดีทำอะไรมันก็ไม่ดี, หาอะไรมันก็ไม่ดี. เอาอะไรมันก็ไม่ดี.


    เมื่อเป็นเช่นนี้ก็รืบนึกพุทโธตัดมันเสีย. ท่านจึงว่าตัดกรรมตัดเวร, ล้างบาปล้างกรรมไม่ใช่ตัดด้วยมีดด้วยดาบ, เอาสติของเรา พุทโธ ตัดมัน. ล้างบาปล้างกรรมล้างได้ยังไง. ไม่ใช่ล้างด้วยน้ำด้วยสบู่, อาศัยเรานั่งสมาธิ จิตเราสงบนี้. เมื่อจิตเราไม่เป็นกรรม, กรรมมันจะมาจากไหนเล่า. แน่ะ, คืออธิบายให้ฟังแล้ว. กัมมัสสโกมหิ, กรรมเป็นของ ๆ ตน. กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทาภะวิสสันติ, เราจะทำกรรมอันใดไว้, เป็นบุญหรือเป็นบาป, ดีหรือชั่ว, เราจะรับผลของกรรมสืบไป. ดูซี่, เราจะรับผลของกรรมสืบไป. เราจะรู้จักได้ยังไงกรรมดี. กัลยาณัง คือกรรมดี. รวมมาสั้นๆ แล้วคือใจเราดี, มีความสุขความสบายอกสบายใจ. นี่เรียกว่ากรรมดี, ได้รับผลความดี. ปาปะกัง กรรมชั่ว, ใจไม่ดี, ทุกข์ยากวุ่นวายเดือดร้อน. นี่หละความชั่ว, ไม่ใช่เกิดมาจากฟ้าอากาศต้นไม้ภูเขาเลากา. มันเกิดจากดวงใจเรานี้หละ. เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้วก็รีบดับเสียซี่ .


    เราเข้าวิปัสสนา, เห็นที่เกิดแห่งสังขาร, เห็นที่ดับแห่งสังขาร, เห็นทุกข์เห็นโทษแห่งสังขาร, เห็นภัยในสังขาร, ก็ดับเสียซี่. จะเอาไปทำไมล่ะของไม่ดี. แน่ะ, ให้รู้ให้เห็นซี่. นี่ข้อสำคัญ. นี่หละให้พากันพึงรู้พึงเห็นต่อไป.


    เราทำบุญอย่างนี้เรียกปฏิปติบูชา, บูชาอย่างเลิศอย่างประเสริฐแท้. ทำบุญให้ทานอะไรจะเท่าเรานั่งสมาธิภาวนานี้. เอ้า, เพ่งดูซี่. ดีก็ไม่รู้หรือใจเราเอง.ไม่ดีก็ไม่รู้หรือ. เราอยากดีแล้วใจไม่ดี, จะเอาอะไรมาดีเล่า. เพราะฉะนั้นบุญและบาปสิ่งอันใดใจถึงก่อน. บาลีท่านบอก มโนปุพพังคะมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมะยา, บุญและบาปสิ่งใด ๆใจถึงก่อน, มันสำเร็จกับดวงใจ. อย่าได้ติเรื่อยไปว่าอันนั้นไม่ดีอันนี้ไม่ดี.ให้ดูซี. ชำระเสียเดี๋ยวนี้. ต่อไปเมื่อใจเราดีแล้ว, เราก็ได้รับผลความดีในปัจจุบันและเบื้องหน้า. เมื่อใจเราไม่ดีแล้วเราก็ได้รับผลในปัจจุบันและในเบื้องหน้า. เบื้องหน้าจะเป็นยังไง, เขาว่า. ก็ดูเอาซี่. จะสมัครผู้แทนมันจะได้ไหม, เขาว่า. ก็ดูเอาซี่, ได้หรือไม่ได้. มันจะได้ละใจเราเที่ยงตรง, ใจเยือกใจเย็น. สบายอกสบายใจ. มันจะไม่ได้เป็นยังไง. ใจวุ่นวายเดือดร้อน, มันก็ไม่ได้แล้ว. แบบนี้. ธรรมอันนั้นดูเอา. สันทิฏฐิโก, ผู้ปฏิบัติรู้เองเห็นเอง. จะไม่รู้ยังไงใจของเรา. ได้หรือไม่ได้, ดีหรือไม่ดี, เราจะร่ำรวยหรือไม่รวย, ก็ดูเอาซี่. เราสวยหรือไม่สวยก็ดูเอาซี่. ใจเราดีก็มีความสวยความงาม. ใจไม่ดีก็ขี้ร้ายขี้เหร่. ดูเอาซี่. เอ้า, ต่อนี้ไปต่างคนต่างดูใจของเรา. ไม่นานเท่าไรหรอก สัก๓๐ นาที. ลอง ดูซี่.

    .......................................

    www.dharma-gateway.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...